|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,สังคม,เศรษฐกิจ,ประเพณี,ความเป็นอยู่,เชียงราย |
Author |
สุชาติ พูลทวี |
Title |
สภาพทั่วไปด้านเศรษฐกิจและสังคมของชาวไทยภูเขาบ้านดอนเย้า ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
66 |
Year |
2528 |
Source |
สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
ครอบคลุมเนื้อหา สภาพเศรษฐกิจ การเมือง สังคม จารีตประเพณี สุขภาพอนามัยและการศึกษา ตลอดจนปัญหาต่างๆ ของ ชาวบ้านดอนเย้า ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเป็นม้ง ที่ต้องปรับตัวในด้านต่างๆ ทั้งสภาพความเป็น อยู่เนื่องจากต้องทำการเกษตรในพื้นที่ ที่มีความทุรกันดาร การขาดการศึกษา ปัญหาสุขภาพอนามัยและความยากจน |
|
Focus |
ศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม การปกครอง และปัญหาของชาวเขาบ้านดอนเย้า ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย (หน้า1, 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งในหมู่บ้านดอนเย้า ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย (หน้า 3, 4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในหมู่บ้านจะพูดภาษาชาวเขา แต่ไม่ได้ระบุว่าใช้ภาษาใด อย่างไรก็ตามถ้าคุยกับคนต่างหมู่บ้าน จะพูดภาษาเหนือ ไทยภาคกลาง และลื้อ ภาษาเขียนจะเขียนด้วยภาษาม้ง คนที่เขียนได้มีน้อย ส่วนมากจะเป็นวัยผู้ใหญ่ ที่เขียนภาษาม้งได้ และจะเป็น คนสอนภาษาให้คนอื่น (หน้า 4) |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนกันยายน 2528 ถึง เดือน มีนาคม 2529 (หน้า ข, 56,61) |
|
History of the Group and Community |
เดิมทีชาวบ้านเผ่าเย้า อยู่ที่หมู่บ้านหนองเตา ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย บริเวณสันเขาดอยผาหม่น เขตแดนไทยกับประเทศลาว ต่อมา พ.ศ. 2512 ทางการได้ย้ายชาวบ้าน จำนวน 24 ครัวเรือน ประชากรจำนวน 100 คน มาอยู่ที่บ้านดอนเย้า ที่ตั้งในปัจจุบัน เพื่อหนีภัยการต่อสู้กับกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ ปี พ.ศ.2516-2517 ทางการได้ย้ายชาวเขาเผ่าม้ง ที่อยู่ พื้นที่สันเขาดอยผาหม่น บ้านสิพี บ้านห้วยกุก ต.ม่วงยาย และ ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย มาอยู่เพิ่มเติมที่บ้านดอนเย้า เมื่อเหตุการณ์สงบ ผู้นำเย้าได้พาชาวบ้านโยกย้ายกลับหมู่บ้านเดิม ดังนั้น ประชากรในหมู่บ้านที่เหลือส่วนใหญ่จึงเป็นม้ง (หน้า 3, 4, 21) |
|
Settlement Pattern |
ตัวบ้านสร้างครอบกับพื้นดิน ส่วนที่เป็นที่นอนจะสร้างสูงกว่าพื้นดิน วัสดุที่สร้างบ้าน จะใช้วัสดุในท้องถิ่น ฝาบ้านกั้นด้วยไม้ฟาก สำหรับบ้านที่ร่ำรวยจะกั้นด้วยไม้กระดาน หลังคาบ้านมุงด้วยหญ้าคา การใช้สอยภายในบ้าน จะทำเตาไว้กลางบ้าน เหนือเตาจะทำเป็นชั้นเก็บเมล็ดพันธุ์พืช เช่น ข้าวโพด ที่จะนำไปเพาะปลูก ข้างฝาตรงกลาง จะทำเป็นที่บูชาผีบรรพบุรุษหรือผีเรือน เมื่อมีคนมาพักที่บ้าน จะปูเสื่อให้นอนหน้าแท่นบูชาผีเรือน ห้องนอนจะอยู่ระหว่างประตูด้านหน้า และประตูหลังบ้าน การทำห้องนอนจะขึ้นกับขนาดของครอบครัว เช่น ครอบครัวเล็กๆ ห้องนอนจะแยกต่างหาก เช่น ห้องพ่อแม่ ห้องของลูกชาย ห้องของลูกสาว ส่วนครอบครัวใหญ่ ลูกที่แต่งงานแล้วจะกั้นห้องของตนเองเอาไว้อยู่กับครอบครัวต่างหาก นอกบ้านจะทำเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ และตั้งยุ้งเก็บข้าวโพด (หน้า 7, รูปหน้า 8,44) |
|
Demography |
ประชากรในหมู่บ้านมีทั้งหมด 235 คน เป็นม้ง 37 ครัวเรือน จำนวน 223 คน และมีครอบครัวเย้า 1 ครอบครัว จำนวน 12 คน ประชากรในหมู่บ้านเป็นผู้ชาย 116 คน เป็นผู้หญิง 119 คน อยู่ในวัยเด็ก 90 คน วัยทำงาน 134 คน และผู้สูงอายุ 11 คน (หน้า ก, 4,10,12) |
|
Economy |
การผลิต มีรายได้หลักจากการปลูกข้าวโพด และถั่วเหลือง การปลูกพืชอื่นจะเก็บไว้กินในครอบครัว ไม่ขาย เช่น ปลูกข้าวไร่ ผักสวนครัว และเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยง ไก่ เป็ด นกพิราบ เป็นต้น การถือครองที่ดินของชาวบ้าน มีไม่ค่อยมาก ที่ดินทำกินของ 38 ครัวเรือน มี 585 ไร่ เฉลี่ยครัวเรือนละ 15.4 ไร่ เนื่องจากว่าย้ายมาอยู่บริเวณนี้ในภายหลัง ที่ดินส่วนใหญ่จึงเป็นของหมู่บ้านใกล้เคียง พื้นที่เพาะปลูก ปลูกข้าวโพดมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 73.3 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด หรือ 429 ไร่ ได้ผลผลิตจำนวน 143,365 กิโลกรัม เฉลี่ยปลูกได้ครอบครัวละ 3,772 กิโลกรัม จากครอบครัวที่ปลูก 37 ครอบครัว สำรองไว้เพาะพันธุ์ 1,295 กิโลกรัม เก็บไว้กินในครอบครัว 200 กิโลกรัม นำไปขาย 141,870 กิโลกรัม ราคาขายกิโลกรัมละ 1.50-2 บาท ตอนขายจะขายในหมู่บ้านมีพ่อค้ามารับซื้อ และไม่นิยมส่งไปขายที่ตัวอำเภอเชียงของ เพราะต้องเสียค่าขนส่งสินค้า ส่วนถั่วเหลืองปลูก 1 ครอบครัว จำนวน 2 ไร่ ผลผลิตที่ได้ จำนวน 200 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 6.50 บาท สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวไร่ มี 156 ไร่ หรือร้อยละ 26.7 ของพื้นที่ เก็บไว้กินไม่ขาย ผลผลิตข้าวทั้งหมดมีจำนวน 33,845 กิโลกรัม สำรองไว้เพาะพันธุ์ 1,360 กิโลกรัม (หน้า ก, 28-34) รายรับรายจ่าย รายได้เฉลี่ยของชาวบ้านทั้งหมด เฉลี่ยมีรายได้ครัวเรือนละ 9,961 บาทต่อปี นอกจากขายข้าวโพด และถั่วเหลือง ราย ได้ส่วนอื่นจะได้มาจากไปช่วยแรงงานญาติและเพื่อนบ้าน ก็จะได้เงิน หรือข้าวเป็นค่าเหนื่อย สำหรับรายจ่ายประจำปี เฉลี่ย 7,200 บาท ต่อครอบครัว และการลงทุนในการผลิตต้องใช้เงินประมาณ 8,055 บาท ชาวบ้านจึงมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ (หน้า 35-36) หนี้ ในหมู่บ้านมีคนเป็นหนี้ จำนวน 14 ครอบครัว หรือร้อยละ 36.8 และครอบครัวที่ไม่มีหนี้จำนวน 24 ครอบครัว หรือร้อยละ 63.2 สำหรับครอบครัวที่เป็นหนี้สูงสุด เป็นหนี้จำนวน 6,000 บาท มี 1 ครอบครัว และเป็นหนี้ต่ำสุด 360 บาท รวมหนี้ทั้งหมดเป็นเงิน 18,440 บาท เฉลี่ยหนี้เป็นเงิน ครอบครัวละ 485 บาท โดยแยกเป็นคนที่เป็นหนี้ 500-1,000 บาท มี 7 ครอบครัว เป็นหนี้น้อยกว่า 500 บาท 3 ครอบครัว เป็นหนี้ 1,001-2,000 บาท 2 ครอบครัว เป็นหนี้ 2,001-3,000 บาท 1 ครอบครัว และเป็นหนี้มากกว่า 5,001 บาท อีก 1 ครอบครัว สำหรับการกู้ยืมเงินของชาวบ้านเป็นการกู้เงินนอกระบบ มีทั้งเสียดอกเบี้ย และไม่เสียดอกเบี้ย หากยืมกับญาติพี่น้อง จะไม่เสียดอกเบี้ย หรือไม่ต้องมีประกัน แต่ถ้ายืมกับพ่อค้า หรือพ่อบ้านจะต้องเสียดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปและต้องมีคนค้ำประกัน สำหรับการเป็นหนี้กับธนาคารข้าวที่ตั้งอยู่บ้านห้วยแล้ง หมู่บ้านใกล้เคียงนั้น เป็นเพราะข้าวในครอบครัวไม่พอกิน ชาวบ้านจึงไปกู้ข้าวจากธนาคารมากินก่อน สำหรับคนเป็นหนี้สามารถแยกได้ดังนี้ คนที่เป็นหนี้พ่อค้า มี 1 ครอบครัว เป็นหนี้เพื่อนบ้าน 6 ครอบครัว หนี้ธนาคารข้าว 3 ครอบครัว และเป็นหนี้ญาติพี่น้อง อีก 4 ครอบครัว (หน้า 37-43) |
|
Social Organization |
ในหมู่บ้านจะให้ความสำคัญกับคนสูงอายุ หัวหน้าครอบครัวใดที่มีสมาชิกในบ้านมากจะได้รับความเกรงใจจากเพื่อนบ้าน หากมีการเลือกผู้นำมักจะได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำหมู่บ้าน การสืบทอดอำนาจมักจะสืบทอดอำนาจจากพ่อสู่ลูก ในหมู่บ้านผู้ชายจะมีอำนาจมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะไม่มีสิทธิในการออกเสียงหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม เวลาไปฟังหากคนในบ้านไม่ว่างก็เข้าไปฟังการประชุมแทนได้แต่จะไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น (หน้า 22-24) การแต่งงาน คนที่มีนามสกุลเหมือนกัน จะแต่งงานกันไม่ได้ แต่คนที่เป็นญาติกัน ถ้านามสกุลต่างกัน หากชอบพอกันก็แต่งงานกันได้ ในสังคมม้ง ผู้ชายมีเมียหลายคนได้ เพราะถือว่าเมียทุกคนมีความเสมอภาคกัน แต่ในทางกลับกันผู้หญิงต้องมีสามีเพียงคนเดียว เพราะสังคมไม่ยอมรับ ผู้หญิงเมื่อยังโสดสามารถมีเพศสัมพันธ์กับหนุ่มคนไหนก็ได้ ถ้าตั้งครรภ์ หากผู้หญิงบอกกับพ่อ แม่ ว่าท้องกับใครคนนั้นต้องยอมรับแต่งด้วย การตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานสังคมม้งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะฝ่ายชายจะได้คนมาช่วยงานในครอบครัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้หญิงที่ท้องจึงได้รับค่าสินสอดที่แพงกว่าหญิงสาวทั่วไป กรณีผู้ชายรักผู้หญิงเพียงข้างเดียว จะให้พ่อแม่ไปสู่ขอกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง หากพ่อแม่ฝ่ายหญิงตอบตกลงลูกสาวต้องยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นแม้ว่าไม่รัก ก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของพ่อ แม่ สำหรับการหย่า หากแต่งงานกันแล้วภรรยาเกิดนอกใจไปรักชายอื่นหรือไม่ขยันทำงานสามีก็มีสิทธิขอหย่าและเรียกค่าสินสอดคืน แต่ถ้าหย่ากันแล้วผู้หญิงจะไม่มีสิทธิกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่เหมือนก่อนแต่งงาน (หน้า 47,48) |
|
Political Organization |
การปกครองยึดระบบอาวุโส หมู่บ้านจะมีผู้ใหญ่บ้านปกครอง คนที่จะมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ส่วนมากจะมาจากหัวหน้าครอบครัวที่มีสมาชิกมากๆ และเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้าน การสืบต่อตำแหน่ง จะสืบต่อจากพ่อ สู่ลูกขึ้นมารับตำแหน่งแทน ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของลูกบ้าน และพิจารณาคดีความหากมีการกระทำผิดในหมู่บ้าน หรือปรับไหมผู้ที่กระทำผิดผีฟ้า เพราะประเพณีต่างๆ ของม้งผีฟ้าเป็นผู้กำหนด คนที่ทำผิดประเพณีต้องเลี้ยงผี หากไม่เลี้ยงผี ผีฟ้าก็จะลงโทษทำให้ชุมชนอยู่อย่างไม่มีความสุข กรณีเกิดความขัดแย้งในครอบครัว ผู้อาวุโสในครอบครัวจะเป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งนั้น แต่ถ้าเป็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัว ก็จะตั้งคณะกรรมการมาตัดสินข้อพิพาท ฝ่ายละ 3-5 คน คนแพ้จะถูกปรับไหม เงินส่วนนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่ากัน แบ่งให้คนที่ชนะคดีและหัวหน้าหมู่บ้าน (หน้า 22-25) |
|
Belief System |
ตามความเชื่อของม้ง ผีฟ้าเป็นผู้กำหนดจารีตประเพณีของม้ง ดังนั้น หากใครกระทำผิดต่อจารีตประเพณีจะถูกปรับไหม คนที่ทำหน้าที่ดูแลการปรับไหม คือผู้ใหญ่บ้าน คนที่ทำผิดจะต้องเลี้ยงผีฟ้าเพื่อไม่ให้ผีฟ้าโกรธ ผีฟ้าจึงจะไม่ลงโทษ และจะทำให้ชุมชนมีความสงบ แต่ละตระกูลจะมีพิธีกรรมความเชื่อของตนเอง เมื่อคนในตระกูลมาจากที่อื่นก็จะถามว่า บูชาบรรพบุรุษคนใด เพื่อจะได้กำหนดได้ว่าอยู่ตระกูลเดียวกันหรือไม่ ชาวเขามีความเชื่อเรื่องผี ผีจะอยู่ในที่ต่าง ๆ เช่น ตามต้นไม้ ภูเขา เป็นต้น การนับถือผี เช่น ผีเรือน เชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองคนในครอบครัวให้พ้นจากการถูกผีร้ายมารบกวน (หน้า 53) ความเชื่อเรื่องขวัญ แต่ละคนจะมีขวัญ 3 ขวัญ เมื่อเด็กเกิดมาหมอผีจะทำพิธีเรียกขวัญทั้ง 3 ให้เข้าร่างของเด็ก เมื่อเด็กมีขวัญแล้ว จึงจะได้รับการตั้งชื่อ คนจะมีขวัญในร่างอย่างน้อย 1 ขวัญ เวลาหลับขวัญจะออกจากร่าง 2 ขวัญ แต่ถ้าขวัญออกจากร่างทั้ง 3 ขวัญ คนก็จะตาย (หน้า 54) งานศพ หากมีคนตายญาติจะจัดงานศพให้ จะแต่งกายให้ผู้ตายอย่างสวยงาม เพื่อให้ได้รับการต้อนรับจากโลกใหม่ที่จะไป การจัดงานจะจัดหลายวันเพื่อรอญาติที่อยู่ไกลบ้านให้มาร่วมงานศพให้ทัน คนที่มาช่วยงานจะช่วยทำกับข้าว ต่อโลง เป่าแคน และตีกลอง สำหรับแคนและกลองตีในงานศพ จะนำไปตีงานอื่นไม่ได้ เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล ในงานศพของผู้สูงอายุที่มีลูกมาก ลูกจะล้มวัวเพื่อทำอาหารในงาน เนื่องจากต้องการให้เป็นเกียรติแก่ผู้ตาย ถ้าฆ่าวัวก่อนนำศพไปฝังจะเคลื่อนศพไปยังบริเวณไม้ที่ทำเป็นรูปไม้กางเขน 2 เสา เพื่อทำพิธีให้ผู้ตายมารับวัว จากนั้นก็จะฆ่าวัวแบ่งเนื้อไปทำอาหาร แล้วก็จะนำศพผู้ตายไปฝังตามประเพณี การฝังมักจะฝังในตอนเย็นเพราะเชื่อว่าผู้ตายจะได้ไม่มารังควาญ แต่ถ้าฝังตอนเช้าผู้ตายจะเดินทางมาหา ในวันฝังจะไม่ให้ฝังศพตรงกับวันที่ฝังพ่อกับแม่ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ไม่เป็นศิริมงคล ชีวิตจะไม่รุ่งเรือง หลังจากฝังศพจะไว้ทุกข์ 13 วัน ในระหว่างนี้จะไม่ให้เย็บผ้า เพราะเชื่อว่า เข็มจะทิ่มผู้ตาย ไม่ให้พันด้าย เพราะด้ายจะพันขาผู้ตาย และไม่ให้ซักผ้ากับหวีผม เพราะคราบสกปรกจะเข้าไปในอาหารของผู้ตาย ในช่วงไว้ทุกข์ไม่ให้คู่ครองของผู้ตายแต่งงานใหม่ เพราะจะทำให้ผู้ตายเป็นห่วง ต้องเลยช่วงไว้ทุกข์ 13 วันไปแล้ว จึงจะแต่งงานใหม่ได้ (หน้า 49-50) |
|
Education and Socialization |
ส่วนมากอ่านและเขียนหนังสือไม่ออก สำหรับคนไม่รู้หนังสือมี 134 คน หรือร้อยละ 57.02 ของประชากรของหมู่บ้าน และคนที่อยู่ในวัยเรียน และยังไม่เข้าโรงเรียน 84 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 35.75 คนที่อ่านเขียนได้ มี 9 คน หรือร้อยละ 3.83 คนที่อ่านได้อย่างเดียวแต่เขียนหนังสือไม่เป็น มี 8 คน คิดเป็นร้อยละ 3.40 ในหมู่บ้านมีโรงเรียนของตำรวจตระเวณชายแดน 1 แห่ง ชื่อโรงเรียนชนัตต์ปิยะอุย ตำรวจตระเวณชายแดนที่ 99 สอน ป.1 ถึง ป.4 นักเรียนแต่ละชั้นมีจำนวนดังนี้ ป.1 มี 21 คน ชาย 10 คน หญิง 11 คน, ป.2 มีนักเรียน 10 คน ชาย 8 คน หญิง 2 คน , ป.3 มี 12 คน ชาย 7 คน หญิง 5 คน ป.4 มีนักเรียน 6 คน ชาย 5 คน หญิง 1 คน เด็กส่วนมากไม่มีโอกาสเรียนต่อ เพราะต้องออกมาช่วยงานบ้านก่อนจะเรียนจบ สำหรับการศึกษาผู้ใหญ่ ยังขาดครูมาสอนในหมู่บ้าน (หน้า 18-21,56,59,63) |
|
Health and Medicine |
ในหมู่บ้านไม่มีสถานีอนามัยถ้าจะรักษาจะไปที่บ้านปอกลาง ที่ไกลจากบ้านดอนเย้า 3 กิโลเมตร สำหรับการรักษาเวลาเจ็บป่วยเวลาส่วนใหญ่จะให้หมอผีรักษา และซื้อยามากินเอง การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันจะมาขอยาที่โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนในหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ ตชด.ก็ช่วยเหลือชาวบ้านด้านการดูแลสุขภาพ เช่น แนะนำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แนะนำให้ใช้ส้วม ชาวบ้านเจ็บป่วยบ่อย ความเป็นอยู่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในหมู่บ้านมีส้วมเพียงหลังเดียว ส่วนมากถ้าจะถ่ายจะไปถ่ายตามป่า และชาวบ้านมักจะดื่มน้ำที่ตักมาจากห้วย โรคที่พบในหมู่บ้าน ได้แก่ การปวดเมื่อย ไข้หวัด ปวดหัว ท้องร่วง และติดฝิ่น สำหรับคนติดฝิ่นมี 13 คน โดยมากจะเป็นคนวัยกลางคน และคนชรา เป็นชาย 10 คน หญิง 3 คน ส่วนการทำคลอดจะคลอดเองที่บ้าน โดยสามีจะคอยดูแลการทำคลอด (หน้า 25-27,37,48,55,57,59) การป้องกันโรคระบาด ถ้าตรงกับช่วงที่ในหมู่บ้านไก่เคยเป็นโรคระบาด ชาวบ้านจะนำไก่ไปขังกรงไม้ไผ่ที่ผูกไว้บนยอดไม้ ที่สูงจากดินราว 5-6 เมตร กรงๆ หนึ่งจะขัง 10-20 ตัว ชาวบ้านจะนำอาหาร กับน้ำ มาให้ไก่กิน การดูแลไก่จะเลี้ยงในกรงไปเรื่อยๆ กระทั่งแน่ใจว่าไม่มีโรคระบาดแล้วก็จะนำไก่กลับไปเลี้ยงที่บ้านเหมือนเดิม (รูปหน้า 52-53) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง ปริมาณน้ำฝน และอุณหภูมิ อ.เชียงของ จ.เชียงราย (หน้า 6) จำนวนประชากรบ้านดอนเย้า,แบ่งตามเพศและอายุ (หน้า 10,11) ลักษณะครัวเรือน ,ขนาดครัวเรือน (หน้า 12,13) ระดับอายุแยกตามเพศของหัวหน้าครัวเรือน (หน้า 14) การสมรสของหัวหน้าครัวเรือน,ประชากรในหมู่บ้านแยกตามเพศ (หน้า 15,16) จำแนกตระกูลและเพศ (หน้า 17) การอ่านเขียนภาษาไทย (หน้า 18) ประชากรที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แยกตามอายุ (หน้า 19) จำนวนเด็กนักเรียนและเด็กนักเรียนที่เป็นเด็กในหมู่บ้าน โรงเรียนชนัตต์ปิยะอุย (หน้า 20 ,21) ความคิดเห็นของหัวหน้าครัวเรือนเรื่องการย้ายถิ่น (หน้า22) จำนวนคนติดฝิ่น (หน้า 26) การรักษาเมื่อเจ็บป่วย (หน้า 27) พื้นที่เพาะปลูก (หน้า 29) การถือครองที่ดิน (หน้า 30) จำนวนผลผลิตการเกษตร,ข้าวโพด,ข้าวไร่ (หน้า 31,32,33) รายได้รวมกลุ่มครัวเรือน (หน้า 35) ลักษณะภาวะ,จำนวนหนี้สินของหัวหน้าครัวเรือน (หน้า 37,38) แหล่งเงินกู้,การเสียดอกเบี้ย ลักษณะการกู้ยืม ของชาวบ้าน,หัวหน้าครัวเรือน (หน้า 39,40,41) หลักประกันการกู้ยืมของหัวหน้าครัวเรือน,ระยะเวลาการกู้ยืม (หน้า 42) แผนที่ บ้านดอนเย้า (หน้า ง) ถนนที่ติดต่อกับบ้านดอนเย้า (หน้า จ) ตำบลปอ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (หน้า ฉ) อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (หน้า ช ) ภาพ ชาวเขาบ้านดอนเย้า,ลักษณะบ้าน (หน้า 8) สาวชาวบ้าน(หน้า 9) รำวงและการรับรองแขกในวันปีใหม่ (หน้า 45) เล้าไก่ (หน้า 52) ธนาคารข้าว (หน้า 64) นักเรียนกินข้าวกลางวัน (หน้า 64) |
|
|