|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,การเปลี่ยนแปลง,เศรษฐกิจ,สังคม,ศาสนา,เชียงราย |
Author |
Peter Kandre |
Title |
Stability and Adaptation in a Socio-Economic-Religious System : the Yao |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Total Pages |
26 |
Year |
2508 |
Source |
นำเสนอในการประชุม |
Abstract |
เอกสารฉบับนี้มีเนื้อหาแสดงถึง ความเป็นมา เอกลักษณ์เฉพาะทางภาษา ความเชื่อ วัฒนธรรม และการปรับตัวทางสังคม ของชาวเผ่าเย้าที่อาศัยอยู่ ณ อ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย |
|
Focus |
ลักษณะทั่วไปทางภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ เอกลักษณ์เฉพาะของชาวเผ่าเย้า ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย (หน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้เขียนศึกษากลุ่มชนที่เรียกว่า "เย้า" เป็นกลุ่มชนที่มักตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเทือกเขา ตั้งแต่เอเชียใต้ (ทางตอนใต้ของจีน) จนมาถึงเอเเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ทางตอนเหนือของไทย เวียตนาม ลาวและพม่า) (หน้า 1) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่มีการกล่าวถึงอย่างชัดเจนว่าภาษาของเย้าเป็นภาษาในตระกูลใด แต่ให้ข้อมูลว่าเป็นภาษาเฉพาะของชาวเผ่าเย้า (หน้า 3) |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ระบุ แต่มีการกล่าวว่างานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนจากยูเนสโก ในปี ค.ศ.1964 (หน้า 2) |
|
History of the Group and Community |
เย้าเป็นชื่อเรียกกลุ่มคนที่ตั้งถิ่นฐานตามเทือกเขาตั้งแต่จังหวัดต่างๆ ทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น กวางตุ้ง กวางสี และยูนนาน เรื่อยลงมาทางตอนเหนือของลาว เวียดนาม ไทยและพม่า และเย้าที่อยู่ที่แม่จันนั้นคาดว่าอพยพยมาจากลาวในช่วงสงครามโลกครั้งที 2 ในปัจจุบันมีเย้าบางส่วนที่อพยพมาจากเชียงตุง พม่า (หน้า 1) |
|
Demography |
ในไทยนั้นมีประชากรเย้าอยู่ราว 10,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ตามชายเขตไทยลาว |
|
Economy |
พืชเงินสดของเย้าคือ การปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายไทย วิธีการปลูกเป็นแบบทำไร่เลื่อนลอย (หน้า 8) |
|
Social Organization |
สมาชิกภายในครอบครัวของเย้ามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสูง แต่ละครอบครัวจะมีเจ้าบ้าน เจ้าบ้านเป็นคนที่มีความสามารถในการดูแลสมาชิก เช่น เมื่อเกิดการทะเลาะ โต้ถียงกัน เจ้าบ้านจะพยายามไกล่เกลี่ย หรือหยุดความขัดแย้งนั้นลง และจะเป็นผู้ถามว่าฝ่ายใดจะย้ายออกจากบ้านไป เย้าเรียกเจ้าบ้านว่า "Peo Tsiu" เมื่อบุตรชายแต่งงานอาจจะย้ายออกไปสร้างครอบครัวใหม่ หรือยังคงอยู่ร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกันตามปกติ เช่น ทำการเกษตร การรับประทาน นอกจากนี้ถึงแม้ว่าบางบ้านจะย้ายออกไปสร้างบ้านเป็นของตนเองแล้ว แต่ยังคงเคารพและนับถือบรรพบุรุษร่วมกัน ผู้ที่จะเป็นเจ้าบ้านได้ จะต้องฉลาดและมีความสามารถ ดังนั้นเจ้าบ้านจึงไม่จำกัดอยู่เฉพาะผู้ชาย ดังที่มีคำกล่าวว่า "ถ้าภรรยามีความฉลาดมากกว่า เธอจะเป็นผู้นำ" บางครอบครัวหากสามีเสียชีวิตและภรรยาเป็นคนที่ฉลาดที่สุด ก็สามารถเป็นผู้นำได้เลย นอกจากระบบเจ้าบ้านแล้ว เย้ายังให้ความสำคัญกับความอาวุโส ผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าจะให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสมากกว่า สมาชิกภายในสังคมเย้าจัดเป็นกลุ่มคนที่รักสันติ โดยพื้นฐานแล้วจะแสดงออกด้วยความสุภาพ เคารพซึ่งกันและกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือทะเลาะเบาะแว้ง (หน้า 8-18) |
|
Political Organization |
"Tao Mien" เป็นชื่อที่เย้าใช้เรียกหัวหน้าหมู่บ้าน ในด้านของอำนาจสิทธิขาดในการปกครองหัวหน้ามีบทบาทน้อยมาก เพราะแต่ละครอบครัวมีเจ้าบ้านปกครองอยู่แล้ว ดังนั้น หัวหน้าจึงมีหน้าที่เกี่ยวกับพิธีกรรมเป็นส่วนมาก เช่น การแต่งงาน การบูชาวิญญาณ หัวหน้าสามารถใช้อำนาจได้เพียงโอกาสเดียว คือ เป็นหัวหน้าป้องกันการรุกรานจากภายนอก ที่ทำการของหัวหน้าหมู่บ้าน เรียกว่า "Lij Njej" (หน้า 10) |
|
Belief System |
เย้าให้ความนับถือในวิญญาณบรรพบุรุษเป็นสำคัญ แต่ละครอบครัวถึงแม้ว่าสมาชิกจะแต่งงานและแยกครอบครัวออกไปแล้ว แต่ยังคงนับถือวิญญาณบรรพบุรุษร่วมกับครอบครัวดั้งเดิม นอกเหนือจากวิญญาณบรรพบุรุษแล้ว เย้ายังให้ความนับถือแก่วิญญาณหลัก (Big Spirits) โดยเชื่อว่าหากทำการบูชาวิญญาณเหล่านี้ด้วยเงินและอาหารในจำนวนที่พอเพียงแล้ว วิญญาณจะคุ้มครอง และช่วยให้เกิดความอุดสมบูรณ์แก่ผลิตผลทางการเกษตร และเกิดความร่ำรวย (หน้า 4-6) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ชาวเผ่าเย้ามีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปจากเดิมบ้างบางส่วน เช่น การปฏิบัติตามกฎหรือข้อปฏิบัติตามท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ สิ่งที่เห็นชัดคือการเลิกปลูกฝิ่นซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามกฎของเผ่าเย้าที่เรียกว่า Lej fing (หน้า 4-5) ทั้งนี้เย้าก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตนไว้อย่างเหนียวแน่น ทั้งภาษา ความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและกฎของกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปนิสัยที่รักสงบ |
|
|