|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,สถาปัตยกรรม,การอนุรักษ์,พระประแดง,สมุทรปราการ |
Author |
สรัญญา ชูชาติไทย |
Title |
แนวทางการอนุรักษ์หมู่บ้านมอญพระประแดง: กรณีศึกษาหมู่บ้านทรงคนอง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
178 |
Year |
2543 |
Source |
วิทยานิพนธ์สาขาวิชาสถาปัตยกรรม ภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
แนวทางที่เหมาะสมในการอนุรักษ์หมู่บ้านทรงคนองที่เหมาะสม คือ การอนุรักษ์ให้เป็นที่อยู่อาศัยของคนมอญต่อไป โดยการเสนอแนวทางการอนุรักษ์ด้วยการส่งเสริมด้านคุณค่าและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน รวมถึงการเชื่อมโยงหมู่บ้านกับสถานที่สำคัญในอำเภอ พร้อมทั้งปรับปรุงทางกายภาพของชุมชน การควบคุมการก่อสร้างอาคาร การปรับเปลี่ยนรูปแบบทางสถาปัตยกรรมและการพัฒนาด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างเหมาะสม |
|
Focus |
นำเสนอแนวทางการอนุรักษ์หมู่บ้านมอญพระประแดง กรณีศึกษาหมู่บ้านทรงคนอง |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
สมัยก่อนพื้นที่ทั้งหมดตั้งแต่อ่าวไทยไปจนถึงตอนใต้ของกรุงศรีอยุธยาเป็นทะเลทั้งหมดต่อมาเกิดการทับถมของตะกอนจนกลายเป็นแผ่นดิน จึงมีผู้คนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากขึ้นตามลำดับ โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า เมืองพระประแดงเป็นเมืองที่ขอมสร้างขึ้นเพื่อเป็นเมืองหน้าด่าน เดิมชื่อว่าเมืองบาแดง ตั้งอยู่ที่ตำบลราชบูรณะ (บริเวณคลองเตย เขตพระโขนง) ไม่ใช่ปากลัดในปัจจุบัน เมืองพระประแดงได้เป็นเมืองปากน้ำของขอมจนขอมเสื่อมอำนาจจึงขึ้นอยู่กับเมืองสุโขทัยและต่อมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองสมุทรปราการและเมืองพระประแดงมีบทบาทสำคัญ เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลที่สำคัญมาทุกยุคทุกสมัย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตำแหน่งที่ตั้งของเมืองหน้าด่านได้ย้ายที่ตั้งตามความเหมาะสม เนื่องจากเกิดแผ่นดินงอกใหม่ จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้พระราชทานนามว่า "นครเขื่อนขันธ์" และให้ย้ายครอบครัวมอญจากเมืองปทุมธานีมีพวกพระยาแจ่ง มีชายฉกรรจ์ 300 คน ลงไปอยู่ที่เมือง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 พ.ศ.2458 เปลี่ยนนามนครเขื่อนขันธ์เป็น จังหวัดพระประแดงและยกเมืองสมุทรปราการขึ้นเป็นจังหวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2474 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจึงได้ยุบจังหวัดพระประแดงเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ (หน้า 24 - 30) มอญพระประแดง เป็นมอญที่อพยพเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 2 ประกอบด้วยมอญ 2 พวก คือ มอญที่อพยพมาจากเมืองปทุมธานีพร้อมกับการสร้างนครเขื่อนขันธ์ และมอญที่อพยพเข้ามาจากด่านเจดีย์สามองค์และทางเมืองตาก โดยมีสมิงสอดเบาเป็นหัวหน้า กลุ่มนี้เรียกว่า "มอญใหม่" โดยมากจะเป็นพวกนายทหาร การอพยพย่อยยังมีเพิ่มเติมอีกในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะอังกฤษทำศึกกับพม่า มอญในกรุงเทพฯ ได้เรียนท่านเสนาบดีให้กราบบังคมทูลขอยกกองทัพไปรับครอบครัว ญาติพี่น้องที่อยู่ในเมืองมอญเข้ามาไว้ในพระนคร พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ) เป็นผู้คุมทัพ และให้ไปตั้งบ้านเรือนที่นครเขื่อนขันธ์เพราะใกล้กับพระนคร และเป็นบริเวณที่มีมอญอยู่มาก และพระราชทานให้อยู่ที่สำโรง บางนา บางพลี มีนบุรี และลาดกระบังเนื่องจากเมืองนครเขื่อนขันธ์มีแต่ป้อม 9 ป้อม ไม่มีที่นา (หน้า 30 -31 ) |
|
Settlement Pattern |
กลุ่มหมู่บ้านทรงคนอง มีลักษณะการตั้งบ้านเรือนหนาแน่น เห็นลักษณะทางกายภาพของชุมชนโบราณอย่างชัดเจน ส่วนกลุ่มหมู่บ้านโรงเรือนการตั้งถิ่นฐานจะเป็นกลุ่มที่เล็กกว่าและลักษณะทางกายภาพทรุดโทรมกว่าหมู่บ้านทรงคนอง (หน้า 79) ลักษณะการจัดพื้นที่ในหมู่บ้านทรงคะนองจะสัมพันธ์กับกิจกรรมต่างๆ คือ ใต้ถุนบ้านเป็นสถานที่รวมกิจกรรม ประเพณีต่างๆ และการละเล่นสะบ้า ที่ว่างสาธารณะมีเพียงทางเดินและถนนคอนกรีตจะเกิดกิจกรรมตามแนวยาว เช่น ตักบาตร พบปะพูดคุย เป็นที่เล่นของเด็กๆ โดยเฉพาะกิจกรรมจะเกิดขึ้นบริเวณทางแยกสู่บ้านแต่ละหลัง อาคารในหมู่บ้านมีความหนาแน่นสูง ไม่สามารถขยายทางสัญจรเพื่อนำรถเข้าได้ ชาวบ้านจึงฝากจอดรถตามสถานที่ต่างๆ เช่น พื้นที่ของบ้านบางหลัง ลานวัดคันลัด เป็นต้น ทางแยกเข้าสู่หมู่บ้านมีรูปแบบของถนนในเมืองเก่าที่พัฒนามาจากทางเท้าทำให้คับแคบ และขยายตัวลำบาก หมู่บ้านทรงคะนองมีขอบเขตที่ชัดเจน โดยมีคลองถนนและที่ว่างรอบหมู่บ้านเป็นตัวแบ่ง แต่ในด้านทิศเหนือของหมู่ 7 และ 8 มีขอบเขตไม่ชัดเจนเนื่องจากมีการใช้ที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยต่อเนื่องกันไป การใช้ที่ดินของหมู่บ้านมีลักษณะอิ่มตัว การขยายตัวของที่พักอาศัยรูปแบบใหม่จึงอยู่รอบนอกของหมู่บ้าน (หน้า 53-60) หมู่บ้านทรงคะนองเป็นพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจึงมีปัญหาน้ำท่วมในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคมของทุกปีและระดับน้ำที่ท่วมเข้ามาในหมู่บ้านจะสูงขึ้นทุกปี (หน้า 85) |
|
Demography |
มอญที่อพยพเข้ามาจากด่านเจดีย์สามองค์และทางเมืองตาก โดยมีสมิงสอดเบาเป็นหัวหน้า เมื่อ พ.ศ. 2358 มีมอญมาถึง 40,000 คนเศษ โดยมากเป็นพวกนายทหาร สมัยเริ่มสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในอำเภอพระประแดงมีมอญอพยพมาทั้ง 2 ครั้ง 1,470 คน รวมกับครอบครัวที่ติดตามมาจำนวน 3,000 คนเศษ (หน้า 30) จำนวนประชากรของตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง เมื่อ ปี พ.ศ. 2534 มีจำนวนประชากร 8,341 คนเดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 มีประชากรเพิ่มเป็น 9,256 คน คิดเป็นอัตราการเพิ่ม ร้อยละ 0.2 ต่อปี (หน้า 48) |
|
Economy |
ในอดีตมอญในหมู่บ้านมีที่นาและทำนาเป็นหลัก ยามว่างจะทำงานจักสานและเลี้ยงสัตว์ ต่อมาน้ำเสียทำให้นาไม่ได้ผลกอปรกับที่ดินมีราคาสูงขึ้นในช่วง พ.ศ. 2535 - 2538 มอญจึงขายที่เพื่อนำเงินฝากธนาคารและนิยมให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดี และเปลี่ยนเป็นอาชีพรับราชการและเอกชนเป็นส่วนมากแต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงมีที่นาหรือสวนที่สำโรงแต่นิยมให้เช่าที่ทำนา มิได้ประกอบเป็นอาชีพหลักอย่างอดีต (หน้า 33) |
|
Social Organization |
กลุ่มทางสังคมในระดับหมู่บ้านมีความเชื่อมโยงกันด้วยความเป็นชนกลุ่มน้อย (Ethnic) เป็นหลัก ความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้านทรงคนองและหมู่บ้านโรงเรือมีความสัมพันธ์กันหลายลักษณะไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ความสัมพันธ์ในฐานะกลุ่มเพื่อนบ้านและความสัมพันธ์ด้วยการจัดงานพิธีกรรม กิจกรรมและประเพณีต่างๆ เนื่องจากความรู้สึกผูกพันกับพื้นที่และความเกี่ยวดองทางเครือญาติ ทำให้ชุมชนเกาะกลุ่มกันได้อย่างเหนียวแน่น และส่วนมากเป็นคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน มีการรวมตัวกันประกอบกิจกรรมต่างๆ ตลอดปี อันนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีทำให้พื้นที่มีชีวิตชีวาและมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตและอนุรักษ์พื้นที่ ตลอดจนประเพณีให้คงอยู่ต่อไป (หน้า 79 - 80) |
|
Political Organization |
ปัจจุบันหมู่บ้านทรงคะนองอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอำเภอพระประแดงแบ่งการปกครองออกเป็น 14 ตำบล 177 หมู่บ้าน (หน้า46) |
|
Belief System |
มอญในหมู่บ้านทรงคนองโดยทั่วไปนับถือพุทธศาสนาโดยมีวัดประจำหมู่บ้านเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ ควบคู่ไปกับการผีเรือนประจำสายตระกูล เรือนบางหลังที่เคร่งครัดจะไม่มีพระพุทธรูปตั้งในบ้าน เพราะเชื่อว่าเมื่อเดินไปมาในบ้านจะเป็นการรบกวนพระพุทธรูป แต่บางครอบครัวที่สมรสกับคนชาติอื่นจะมีพระพุทธรูปในบ้านโดยตั้งพระพุทธรูปหันไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออก บางบ้านที่ไม่มีหิ้งอัฐิจะตั้งพระไว้ที่เสาผีก็มี ส่วนความเชื่อเรื่องทิศ จะหันหัวนอนทางทิศใต้หรือทิศตะวันออก (หน้า 33) - การบวชนาค จะมีความแตกต่างกับนาคไทยคือนาคจะไม่โกนผม และการแห่นาคจะนั่งแคร่ไม่ขี่คอแบบไทย (การแต่งกายการบวชนาคจะแต่งตัวด้วยผ้ายก ห่มสไบ คล้องพวงมาลัยและทัดดอกไม้ - หน้า 34) - พิธีกรรมเกี่ยวกับการตาย จะใช้โลงมอญ (ฮลาบ๊อก) ถ้าเป็นพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จะมีการตกแต่งเมรุ ยกยอดปราสาท 3 ชั้น 5 ชั้น และ 7ชั้น ตามความสำคัญของพระ - ประเพณีทางศาสนาที่สำคัญของมอญพระประแดงคือ เทศกาลงานสงกรานต์พระประแดง (ปากลัด) ประเพณีในพิธีสงกรานต์ได้แก่ การกวนกาละแม ประเพณีส่งข้าวสงกรานต์ ประเพณีแห่หงส์ธงตะขาบ ประชาชนในหมู่บ้านจะช่วยกันทำและนำมาเจิมหลังจากพิธีทำบุญกลางบ้านเสร็จสิ้น ตอนบ่ายจะแห่ไปที่วัดประจำหมู่บ้านมีแตรวง กลองยาวและฟ้อนรำนำขบวน เมื่อถึงวัด พระสงฆ์จะเอาธงตะขาบผูกเชือกขึ้นยอดเสาพอประมาณก่อนเมื่อกล่าวคำบูชาธงตะขาบเสร็จ จึงเริ่มชักธงสู่ยอดเสาหงส์ พระสงฆ์จะสวดชัยมงคลคาถาจนเสร็จพิธี แตรวงบรรเลงเพลงและมีการปล่อยนกปล่อยปลา การเล่นสะบ้า ในอดีตจะเล่นบริเวณใต้ถุนบ้าน โดยทุบดินให้แน่น ปัจจุบันเล่นตามลานโล่งและที่ว่างหรือใต้ถุนซีเมนต์ ส่วนประเพณีแข่งเรือ จะจัดขึ้นทุกปีในวันแรม 1-6 ค่ำเดือน 11 คือเดือนตุลาคม ลักษณะกิจกรรมการจัดงานเทศกาลสามารถแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการจัดงานเพื่อสืบทอดและอนุรักษ์ประเพณีโดยคนในพื้นที่ กิจกรรมที่จัดขึ้นจึงมีลักษณะเฉพาะและประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ เช่น การเล่นสะบ้า ดังนั้น กิจกรรมจึงกระจายอยู่ในแต่ละหมู่บ้าน ส่วนที่ 2 คือ การจัดงานเทศกาลเพื่อการท่องเที่ยวและการประชาสัมพันธ์ มีการจัดงานประเพณีเพิ่มจากประเพณีเดิมเพื่อเพิ่มความดึงดูดของนักท่องเที่ยว (หน้า 34 -36 ) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ลักษณะของเรือนไทยมอญในอำเภอพระประแดง เรือนรุ่นแรกจะเป็นเรือนเครื่องผูกแบบไทย ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนให้มีความคงทนถาวรขึ้น สามารถจำแนกเรือนที่มีลักษณะคล้ายกันได้ 6 กลุ่ม คือ - เรือนเดี่ยว มีชาน ไม่ต่อเติม (นอกจากต่อหลังคาคลุมชาน) - เรือนเดี่ยวมีชานมีหลังคาคลุมส่วนต่อเติมด้านยาวของตัวเรือน (พบมากที่สุด) - เรือน 2 หลังมีชานกลางต่อหลังคาคลุมเนื้อที่ใหม่ด้านหลัง - เรือน 2 หลังแฝดมีหลังคาคลุมชานกลางและมีหลังคาคลุมพื้นที่ต่อเติมด้านหลัง - เรือน 2 หลังมีชาน วางเหลื่อมหันหน้าตามกันต่อหลังคาคลุมพื้นที่ต่อเติมด้านหลัง - เรือนหมู่มากกว่า 2 เรือนขึ้นไป แต่ในหมู่บ้านทรงคะนองพบเพียง 4 แบบได้แก่ เรือนเดี่ยวไม่มีชาน ต่อเติมด้านหลัง, เรือนเดี่ยว มีชานหรือไม่มีชาน มีหลังคาคลุม ต่อเติมใหม่ด้านยาวหรือด้านสกัด, เรือน 2 หลังวางตั้งฉากกันต่อเติมหลังคาคลุมด้านหลัง และเรือน 2 แฝดไม่มีหรือมีหลังคาคลุมชานกลาง ต่อหลังคาคลุมเนื้อที่ใหม่ด้านหลัง ความแตกต่างของเรือนไทยมอญกับเรือนไทยคือ เรือนไทย จะมีเรือนพ่อแม่เป็นเรือนกลาง เรือนขยายจะขยายออกสองข้างของเรือนพ่อแม่ มีห้องมิดชิดพร้อมชานหลังขยายออกไปในระบบเดียวกัน แต่เรือนไทยมอญจะมีการขยายตัวไม่เป็นระบบเดียวกันกับเรือนเดิม การวางเรือนนอน ประตูและบันไดทางขึ้น ร้อยละ 72.6 ยังมีความเชื่อในเรื่องทิศมงคลคือหันหัวนอนทางทิศใต้ จึงวางเรือนขนานกับแม่น้ำเพื่อให้สอดคล้องกับการหันหัวนอน บางหลังวางตามที่ดินที่จำกัด บันไดทางขึ้นนิยมหันทางทิศตะวันออกและเลี่ยงการหันไปทางทิศตะวันตกเพราะเชื่อว่าเป็นทิศแห่งความตาย (หน้า 37 - 39) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
- ปัจจุบันการใช้โลงมอญในพิธีศพยังคงปรากฏในปัจจุบันแต่น้อยลงกว่าอดีตเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการทำสูง (หน้า34) - ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงและต่อเติมอาคารทำให้ตำแหน่งบันไดวางตามความเหมาะสมแต่ไม่เน้นความเชื่อเรื่องทิศมงคลอย่างอดีต(หน้า 39) - ในอดีตชาวบ้านใช้น้ำอุปโภคบริโภคจากท่าเรือประจำหมู่บ้านเป็นหลัก ต่อมาราว 30 ปีจึงเริ่มมีระบบบาดาล แต่ปัจจุบันใช้น้ำประปาจากการประปานครหลวง(หน้า 76) |
|
Other Issues |
แนวทางการอนุรักษ์หมู่บ้านมอญ การปรับปรุงในลักษณะทางกายภาพได้แก่ การควบคุมกิจกรรมและการก่อสร้างอาคาร คือ การควบคุมการก่อสร้างที่ไม่สอดคล้องกับการส่งเสริมคุณค่าของหมู่บ้าน ตลอดจนการจัดกิจกรรมบางประเภทที่ไม่เหมาะสมกับการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค เช่น โครงการจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วม เป็นต้น การปรับปรุงระบบสัญจรและการเข้าถึงเช่น การเชื่อมโยงหมู่บ้านกับสถานที่สำคัญในบริเวณใกล้เคียง ควรมีการเชื่อมต่อทางเดินให้เป็นระบบและมีการจัดทิศทางการเดินรถ เป็นต้น การปรับปรุงพื้นที่โล่งในหมู่บ้านทรงคนอง เพื่ออนุรักษ์พื้นที่สีเขียวรวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการควบคุมและพัฒนาพื้นที่ การปรับปรุงสถาปัตยกรรมและการจัดทำโครงการอนุรักษ์และปรับปรุงด้านกายภาพหมู่บ้านทรงคนอง คุณค่าอันมีเอกลักษณ์ของหมู่บ้านซึ่งแสดงถึงลักษณะการตั้งถิ่นฐานควรมีการรักษาเพื่อส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์และชุมชน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างที่ว่างและอาคาร ลักษณะของแปลงที่ดินและการวางอาคารในหมู่บ้าน ลักษณะทางกายภาพและสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยมอญ ตลอดจนวิถีชีวิตและประเพณีสืบทอดต่อเนื่องที่มีความสัมพันธ์กับการใช้ตัวเรือน เป็นต้น ส่วนการจัดทำโครงการอนุรักษ์และปรับปรุงด้านกายภาพ เช่น ควรมีการเน้นทางเข้าหลักสู่หมู่บ้านให้จดจำได้ง่ายขึ้นและควรปรับปรุง ฟื้นฟูเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างวัดและหมู่บ้านให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ควรมีการพัฒนาพื้นที่เปิดโล่งที่มีอยู่เดิม รวมทั้งพื้นที่ใช้งานเพื่อให้ชาวบ้านได้มีการทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นโดยไม่รบกวนเส้นทางเดินรถและใช้ที่ว่างที่มีให้เป็นประโยชน์ เป็นต้น (หน้า 113-154) |
|
Map/Illustration |
สารบัญตาราง - ตารางแสดงวิธีการดำเนินการวิจัย (หน้า23) - ตารางแสดงประชากรชาวไทยเชื้อสายมอญ(หน้า48) - ตารางแสดงจำนวนประชากรของตำบลทรงคนอง(หน้า48) - ตารางสรุป เปรียบเทียบลักษณะทั่วไปของภูมิทัศน์ในหมู่บ้าน(หน้า75) - ตารางสรุปเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพจากปัญหาน้ำท่วม(หน้า85) - ตารางเปรียบเทียบการจัดกิจกรรมและปัญหาที่เกิดขึ้น(หน้า102) สารบัญภาพ - แผนที่ลำดับการย้ายเมืองพระประแดงและเมืองสมุทรปราการ(หน้า27) - แผนที่ตั้งหมู่บ้านมอญและวัดประจำหมู่บ้าน(หน้า32) - ภาพงานบวชของมอญ(หน้า34) - ภาพงานศพของพระครูสมุทรวราภรณ์(หน้า34) - งานแห่หงส์ธงตะขาบ(หน้า36) - ภาพเรือนไทยรูปแบบต่างๆ (หน้า37) - ผังของเรือนไทยมอญประเภทต่างๆ ในหมู่บ้านทรงคนอง(หน้า38) - ลักษณะความแตกต่างของเรือนไทยมอญเปรียบเทียบกับเรือนไทย(หน้า39) - ภาพแสดงวิวัฒนาการการตั้งถิ่นฐานของหมู่บ้านทรงคนอง(หน้า45) - ภาพที่ตั้งตำบลทรงคนอง(หน้า47) - อาณาเขตตำบลทรงคนอง(หน้า47) - ของเขตการศึกษา(หน้า47) - แผนที่แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน พ.ศ. 2446(หน้า50) - แผนที่แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน พ.ศ.2534(หน้า50) - แผนที่การสัญจรและการเข้าถึง(หน้า52) - แผนที่การวิเคราะห์การใช้พื้นที่เปิดโล่ง(หน้า55) - ภาพพื้นที่เปิดโล่งที่แท้จริงในหมู่บ้าน(หน้า56) - ภาพพื้นที่เปิดโล่งที่สามารถใช้งานได้สาธารณะ(หน้า56) - แผนที่แสดงตำแหน่งที่จอดรถรวมของหมู่บ้าน(หน้า57) - ภาพเส้นทาง(หน้า58) - ภาพแสดงขอบเขตของหมู่บ้านทรงคะนองและโรงเรือ(หน้า59) - กลุ่มเรือนไทยมอญแสดงความเป็นย่านที่พักอาศัย(หน้า60) - ศูนย์ชุมชน(หน้า60) - ที่หมายตาของหมู่บ้าน(หน้า62) - แผนที่ที่หมายตาและองค์ประกอบทางกายภาพที่พึงประสงค์(หน้า63) - บ้านไม้(หน้า66) - บ้านคอนกรีต(หน้า66) - แฟลตให้เช่า หมู่ 9 (หน้า66) - บ้านเช่าหมู่ 7(หน้า66) - บ้านพักกึ่งค้าขาย(หน้า67) - เพิงค้าขาย(หน้า67) - วักคันลัด(หน้า67) - วัดทรงธรรม(หน้า67) - ความขัดแย้งของขนาดโรงงานกับขนาดหมู่บ้าน(หน้า68) - แผนที่แสดงการใช้อาคาร(หน้า69) - แผนที่แสดงชนิดประเภทอาคารแบ่งตามโครงสร้างอาคาร(หน้า70) - แผนที่แสดงสภาพอาคาร(หน้า71) - พืชพันธุ์ในพื้นที่(หน้า75) - น้ำท่วมขังบริเวณปากซอยทรงคนอง 2 ซึ่งเป็นทางเข้าสู่หมู่บ้าน(หน้า86) - ทางเดินที่ยกสูงเพื่อให้พ้นระดับน้ำท่วมทำให้ใต้ถุนเรือนใช้การไม่ได้(หน้า86) - สภาพตลิ่งที่ถูกกัดเซาะ ไปจนเกือบหมดโดยมีถนนเป็นตัวซึ่งทำหน้าที่เป็นเขื่อนในตัว(หน้า87) - ท่าเรือขนทรายซึ่งทำให้เกิดฝุ่นละอองและแรงสั่นสะเทือนจากรถบรรทุก(หน้า87) - แผนที่แสดงจุดที่มีปัญหาขยะตกค้างในบริเวณหมู่บ้านทรงคะนองและโรงเรือ(หน้า89) - ทางเดินที่มีการเทคอนกรีตทับทำให้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาน้ำลงช้า(หน้า89) - จุดที่มีปัญหาขยะตกค้างเนื่องจากน้ำท่วมและการขาดการดูแล(หน้า89) - การติดตั้งถังดับเพลิงที่ได้รับแจกจาก อ.บ.ต.ไว้ภายในบริเวณหมู่บ้าน(หน้า90) - การจราจรในหมู่บ้านไม่มีการจัดระบบสามารถวิ่งสวนทางได้(หน้า91) - ลานจอดรถของหมู่ 7 ใช้เป็นลานสะบ้าในช่วงสงกรานต์(หน้า91) - การวางสิ่งของยึดครองพื้นที่ทางเดินปลายตัน(หน้า93) - การสร้างเพิงรุกล้ำทางเดินของบ้านเช่าหมู่ 7(หน้า93) - การใช้กันสาดรุกล้ำของบ้านเช่าหมู่ 8 (หน้า93) - การตากผ้าโดยรุกล้ำพื้นที่ริมลำกระโดงหมู่ที่ 9(หน้า93) - ทางเดินยกระดับและรั้วกั้นใต้ถุนออกจากกัน ทำลายความต่อเนื่องของการใช้พื้นที่(หน้า95) - ทางเดินกว้าง 0.50 เมตร หากมีการสร้างรั้วเพิ่มจะทำให้เกิดซอกระหว่างรั้วได้(หน้า95) - การจัดงานปีใหม่ที่ต้องรุกล้ำพื้นที่ถนน(หน้า95) - ที่ว่างรกร้างรอบนอกหมู่บ้านไม่มีการปรับพื้นที่จึงใช้งานไม่ได้(หน้า95) - สภาพเรือนไทยมอญที่ทรุดโทรม(หน้า96) - ภาพเรือนไทยมอญที่มีการเปลี่ยนแปลงจนสภาพเรือนเปลี่ยนไป(หน้า96) - การต่อเติมที่บดบังเรือนเดิม โดยใช้วัสดุและรูปแบบที่ไม่เหมาะสม(หน้า97) - การต่อเติมเรือนที่บดบังเรือนเดิม(หน้า97) - ที่พักอาศัยให้เช่าซึ่งมีขนาดและรูปแบบขัดแย้งกับกลุ่มเรือนในหมู่บ้าน(หน้า98) - บ้านที่มีสีและรูปแบบหลังคาขัดแย้งกับกลุ่มเรือนไทยมอญ(หน้า98) - แผนที่ตำแหน่งที่มีปัญหาทางสถาปัตยกรรม(หน้า99) - สภาพกลุ่มบ้านเช่าหมู่ 8 (หน้า100) - สภาพชุมชนบ้านเช่าในบริเวณต่อเนื่องกับหมู่ 7(หน้า100) - แผนที่พื้นที่อนุรักษ์ควบคุมกิจกรรมและการก่อสร้าง(หน้า114) - แผนที่แสดงการเชื่อมโยงหมู่บ้านทรงคนองกับสถานที่ท่องเที่ยว(หน้า119) - แผนที่สถานที่และเส้นทางเกี่ยวกับประเพณี(หน้า120) - แผนที่เส้นทางเดินรถและการปรับปรุงทางเดิน(หน้า121) - แนวทางการปรับปรุงเรือนไทยมอญ(หน้า128) - แนวทางการต่อเติมเรือนไทยมอญแบบต่างๆ (หน้า129) - แนวทางการต่อเติมส่วนหน้าและส่วนหลังอาคาร(หน้า130) - ข้อเสนอแนะแผนผังโครงการอนุรักษ์และปรับปรุงด้านกายภาพหมู่บ้านทรงคนอง(หน้า133) - ผังโครงการฟื้นฟูการเชื่อมโยงหมู่บ้านทรงคะนองและวัดคันลัด(หน้า134) - ผังโครงการที่ 3 - 7(หน้า135) - โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เส้นทางหลักภายในหมู่บ้าน(หน้า137) - โครงการปรับปรุงพื้นที่จอดรถบริเวณหมู่ 8 และหมู่ 9 (หน้า138) -ผังโครงการปรับปรุงท่าเรือเดิม(หน้า139) - ผังโครงการปรับปรุงพื้นที่โล่งหมู่บ้านทรงคนอง(หน้า141) - ผังโครงการปรับปรุงพื้นที่โล่งหมู่บ้านโรงเรือ(หน้า141) - โครงการปรับปรุงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำ(หน้า143) - ผังโครงการที่ 8 - 10 (หน้า144) - โครงการเชื่อมโยงหมู่บ้านหมู่บ้านทรงคะนองและโรงเรือ(หน้า145) - โครงการปรับปรุงพื้นที่โล่งของหมู่บ้านโรงเรือ(หน้า146) - ผังแม่บทโครงการสวนกลางมหานคร(หน้า162) - แผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ 37 (พ.ศ. 2535)( หน้า164) - ผังแสดงข้อกำหนดการใช้ที่ดินบริเวณอำเภอพระประแดง(หน้า165) - แผนที่ท้ายพระราชฎีกากำหนดที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน พ.ศ. 2541(หน้า 168) |
|
|