|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
จีนมุสลิม จีนยูนนาน(จีนฮ่อ),ชุมชน,การอพยพ,ภาคเหนือ,ประเทศไทย |
Author |
Wang Liulan |
Title |
Transnational Migration and Community Formation among Yunnanese Chinese in Northern Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาญี่ปุ่น |
Ethnic Identity |
จีนยูนนาน จีนฮ่อ มุสลิมยูนนาน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดสยามสมาคม |
Total Pages |
50 |
Year |
2547 |
Source |
Journal of Asian and African Studies, No.67, 2004. (p.211-260) |
Abstract |
ชุมชนคนจีนยูนนานที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมีการตั้งถิ่นฐานหลายแห่ง มีความหลากหลายของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนทหารล้วนหรือชุมชนที่ผสมระหว่างทหารกับชาวบ้าน การอพยพเข้ามานั้นเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น สงคราม ปัญหาจากทหารก๊กมินตั๋ง เป็นต้น |
|
Focus |
กระบวนการ สาเหตุและการก่อตั้งชุมชนของจีนยูนนานอพยพในภาคเหนือของไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
จีนยูนนานในภาคเหนือของประเทศไทย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
การสำรวจครั้งที่ 1 ตั้งแต่ปี ค.ศ.1995-1996 รวมระยะเวลา 4 เดือน การสำรวจครั้งที่ 2 ตั้งแต่ปี ค.ศ.1998-2000 รวมระยะเวลา 18 เดือน (หน้า 215) |
|
History of the Group and Community |
ในทางประวัติศาสตร์มีชาวจีนอพยพมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยซึ่งมีเส้นทางเชื่อมต่อกับประเทศจีนได้ การเดินทางมายังประเทศไทยมีทั้งทางบกและทางทะเล สำหรับภาคเหนือของไทยนั้นเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวจีนซึ่งเดินทางมาทางบกจากมณฑลยูนนานเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 212) ชุมชนชาวจีนฮ่อในภาคเหนือของไทยมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของประเทศจีนในช่วง ค.ศ.1912-1949 รวมระยะเวลา 38 ปี ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จะยึดอำนาจได้ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949 ทหารก๊กมินตั๋งส่วนหนึ่งอพยพไปเกาะไต้หวัน แต่อีกส่วนหนึ่งต้องถอยร่นมาอยู่ทางภาคเหนือของไทยโดยค่อยๆ ล่าถอยมาจากเขตพม่า และการถอยร่นมาตั้งชุมชนในไทยเกิดขึ้นสองช่วงคือ ช่วงแรก ในปี ค.ศ.1953 องค์การสหประชาชาติได้แนะนำให้ถอนทหารก๊กมินตั๋งไปอยู่ที่ใต้หวัน แต่ยังคงมีทหารตกค้างที่พม่าประมาณ 6,000 คน และในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งอพยพมาตั้งชุมชนอยู่ที่ภาคเหนือของไทย ช่วงที่สองในปี ค.ศ.1961 องค์การสหประชาชาติสนับสนุนให้ทหารก๊กมินตั๋งย้ายไปที่ไต้หวันอีกครั้ง ครั้งนี้มีทหารอพยพจากพม่าไป 4,200-4,345 คน ที่เหลืออีก 2-3,000 คนอพยพลงมาตั้งชุมชนในไทย (หน้า 220-221) งานวิจัยนี้วิจัยกรณีศึกษาการอพยพของชาวจีนยูนนาน ที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพกองทหารก๊กมินตั๋งจากพม่า คือ กรณีศึกษา คุณจาง คุณเป้า คุณเจียงและคุณหยาง สองกรณีแรกมีสาเหตุที่ทำให้ต้องอพยพจากยูนนานเหมือนกัน คือ ทั้งสองคนแต่งงานกับทหารก๊กมินตั๋งเมื่อเกิดสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น จึงต้องอพยพไปพม่าและหนีมาไทยในภายหลัง (หน้า 229-233, 257) กรณีคุณเจียงเป็นชายหนุ่มชาวบ้านที่อพยพจากยูนนานหลังปี ค.ศ.1949 และระหว่างการอพยพได้เข้าร่วมต่อต้านคอมมิวนิสต์และเข้าเป็นทหารก๊กมินตั๋งในที่สุด (หน้า 233-236, 257) กรณีสุดท้ายคือ คุณหยาง เป็นชาวบ้านที่อพยพจากยูนนานหลังปี ค.ศ. 1949 และต้องอพยพหนีมาไทยจากปัญหาที่เกิดจากทหารก๊กมินตั๋ง (หน้า 236-238, 257) กลุ่มผู้ที่อพยพจากพม่ามีทั้งชาวบ้านและทหาร การอพยพของชาวบ้านนั้นเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 เรื่อยมากระทั่งทศวรรษ 1980 การอพยพในช่วงนี้มีหลายสาเหตุ เช่น คุณหลงและคุณโจวหนีสภาวะสงครามจากพม่า กรณีคุณไช่และคุณหวงซึ่งอพยพไปทางภาคใต้ของไทย หรือออกไปต่างประเทศอีกขั้นหนึ่งเพื่อความสำเร็จทางเศรษฐกิจ หรือกรณีคุณหวาง คุณเหวินและคุณหลี่ ซึ่งเป็นทหารโกกังต่อต้านรัฐบาลพม่า แต่ไม่ใช่ว่าคนโกกังทุกคนที่อพยพมาจะเป็นทหารต่อต้านรัฐบาล เช่นกรณีคุณหลินที่หนีสงครามกลางเมืองระหว่างกองโจรคอมมิวนิสต์กับรัฐบาล รวมถึงประเด็นเรื่องการค้ายาเสพติดด้วย (หน้า 238-252, 257-258) นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ไม่ทราบถึงสาเหตุการอพยพที่ชัดเจน เช่น กรณีคุณจิน คุณหูและคุณเหมา (กรณีที่ 13-15) (หน้า 252-256, 258) จึงอาจสรุปได้ว่าสาเหตุของการอพยพของชาวจีนยูนนานเข้ามาไทย ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องทหารก๊กมินตั๋งเท่านั้น ยังมีสาเหตุทางการเมืองอื่นๆ ทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากสงครามอีกด้วย (หน้า 258) |
|
Settlement Pattern |
ในการสำรวจครั้งที่ 1 พบว่า ชาวจีนอพยพเข้ามายัง 3 จังหวัดภาคเหนือมาก คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่และเชียงราย แต่จังหวัดที่มีแนวโน้มจำนวนชุมชนอพยเพิ่มขึ้นคือ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ส่วนความต่างของขนาดของชุมชนในระดับจังหวัดนั้น พบว่า ขนาดของชุมชนจีนในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่มีขนาดใหญ่กว่าและมีความหนาแน่นมากกว่าชุมชนจีนในแม่ฮ่องสอน (หน้า 217-218) กระบวนการก่อตั้งชุมชนชาวจีนยูนนานแบ่งได้เป็น 4 แบบ คือ 1. ชุมชนร่วมระหว่างทหารกับชาวบ้าน ชุมชนนี้ออกจากพม่ามาในปี ค.ศ.1953 แต่เดิมเป็นชุมชนในยูนนานแต่อพยพหนีสงครามมาเป็นระยะ กระทั่งมาตั้งเป็นชุมชนถาวรในไทย กลุ่มนี้มีประชากร 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายอดีตทหารซึ่งเรียกตัวเองว่า ทหารของประเทศหรือทหารก๊กมินตั๋ง กับกลุ่มชาวบ้านและกลุ่มพ่อค้า กลุ่มชาวบ้านบางส่วนไม่พอใจกลุ่มทหารมากนักจนบางครั้งเรียกทหารกลุ่มนี้ว่าเป็นเพียงกลุ่มกองโจรเท่านั้น รูปแบบความสัมพันธ์ของสองกลุ่มนี้จึงไม่ได้เกี่ยวพันกันในเชิงกลยุทธ์ทางทหาร (หน้า 222 -224, 256) 2. ชุมชนทหารก๊กมินตั๋งที่ตกค้างอยู่ ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อพยพมาระยะที่ 2 หลังปี ค.ศ.1961 ปัจจุบันมีอยู่สองชุมชนหลัก คือ กองพลที่ 5 จังหวัดเชียงราย และกองพลที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ สองชุมชนนี้ยังคงรูปแบบชุมชนแบบทหารอยู่ ประชากรส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารก๊กมินตั๋ง และได้นำอาวุธ เครื่องมือสื่อสารและสัตว์พาหนะมาตั้งอยู่ในประเทศไทยด้วย (หน้า 224-226, 256) 3. ชุมชนที่ถูกบังคับให้อพยพย้ายถิ่นฐาน ชุมชนนี้เป็นอดีตทหารก๊กมินตั๋งซึ่งอพยพมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ในช่วงทศวรรษ 1970 ไทยประสบปัญหากองโจรบริเวณนั้น จึงต้องการให้กองทหารเหล่านี้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่บริเวณชายแดนไทย-ลาวเพื่อปราบปรามกองโจรบริเวณนั้น การอพยพครั้งนี้จึงไม่ใช่การอพยพโดยการตัดสินใจของชุมชนเอง (หน้า 226-227, 256) 4. ชุมชนกองโจรแอบแฝง ในเอกสารนี้ศึกษาเฉพาะชุมชนโกกัง (Kokang) เขตรัฐฉานเท่านั้น เดิมชุมชนนี้เป็นชุมชนของทหารต่อต้านรัฐบาลพม่าที่อพยพเข้ามาในไทยในช่วงหลังทศวรรษ 1970 คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการอพยพของทหารก๊กมินตั๋งเนื่องจากความต่างของระยะเวลาในการอพยพ (หน้า 227-229, 256-257) ลักษณะพิเศษของชุมชนชาวจีนยูนนานในเขตภาคเหนือของไทยนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรก ทหารมีบทบาทในชุมชนทั้งสี่แบบ ไม่พบว่ามีชุมชนชาวจีนยูนนานใดที่ตั้งอยู่โดยไม่มีกลุ่มทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง และประการที่สอง การก่อตั้งชุมชนทั้งหมดอยู่บริเวณเขตพื้นที่ภูเขาทั้งสิ้น (หน้า 257) หากวิเคราะห์กระบวนการอพยพของคนจีนยูนนานในไทย มีรูปแบบการอพยพ 3 รูปแบบหลัก คือ 1. การอพยพแบบไม่มีพื้นที่เป้าหมาย ในช่วงการอพยพที่ 1 2. กลุ่มที่อพยพมาอาศัยร่วมกับชุมชนยูนนานอพยพที่มีอยู่ก่อนแล้ว เช่น กรณีคุณหวางและคุณเหวิน (กรณี 7-8) 3. ชาวยูนนานที่อพยพมาอาศัยร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาในไทยก่อนในระยะแรก ต่อมาจึงอพยพเข้าไปอาศัยในชุมชนจีนยูนนานอีกทีหนึ่ง เช่น กรณีคุณไช่ (กรณี 10) (หน้า 258-259) และชาวจีนยูนนานเหล่านี้เมื่อเข้ามาอาศัยในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอนหรือกรุงเทพฯ มักจะมีลักษณะเฉพาะของความเป็นชุมชนคนยูนนาน มีความรู้สึกร่วมสูงและมักจะก่อตั้งสมาคมยูนนานขึ้น (หน้า 259-260) |
|
Demography |
นายกสมาคมยูนนานจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้ข้อมูลว่า ในเชียงใหม่มีชุมชนคนจีนอยู่ถึง 70 กว่าชุมชน คาดว่ามีจำนวนคนจีนอยู่ถึง 80,000 กว่าคนในเขตภาคเหนือของไทย และมีประมาณ 100,000 คนที่อาศัยในกรุงเทพฯ (หน้า 218) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
คนไทยในประเทศไทยเรียกคนจีนที่อพยพมาจากแต่ละแห่งแตกต่างกัน คือ เรียกคนจีนที่อพยพมาทางทะเลว่า "เจ๊ก" และเรียกคนจีนที่อพยพมาทางบกว่า "จีนฮ่อ หรือ ฮ่อ" (หน้า 213) |
|
Map/Illustration |
แผนที่ 1 แผนที่เขตที่มีความเกี่ยวข้องกับการอพยพของคนจีนยูนนานในงานวิจัย (หน้า214) แผนที่ 2 การกระจายของชุมชนชาวจีนยูนนานจากการสำรวจในปี 1995 (หน้า 215) แผนที่ 3 ขนาดของชุมชนชาวจีนยูนนานจากการสำรวจในปี 1995 (หน้า 216) แผนที่ 4 ข้อมูลยืนยันการกระจายตัวของชุมชนชาวจีนยูนนาน ปี 1995-2000 (หน้า 217) แผนที่ 5 การกระจายชุมชนชาวจีนยูนนาน (ชนชาติจีนฮั่นและชาวมุสลิม) (หน้า 219) แผนที่ 6 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณจาง (กรณี 1) (หน้า 230) แผนที่ 7 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณเป้า (กรณี 2) (หน้า 231) แผนที่ 8 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณเจียง (กรณี 3) (หน้า 235) แผนที่ 9 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหยาง (กรณี 4) (หน้า 236) แผนที่ 10 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณโจว (กรณี 5) (หน้า 239) แผนที่ 11 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหลง (กรณี 6) (หน้า 241) แผนที่ 12 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหวาง (กรณี 7) (หน้า 243) แผนที่ 13 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณเหวิน (กรณี 8) (หน้า 245) แผนที่ 14 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหลี่ (กรณี 9) (หน้า 247) แผนที่ 15 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณแย่ (กรณี 10) (หน้า 248) แผนที่ 16 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหลิน (กรณี 11) (หน้า 249) แผนที่ 17 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณหวง (กรณี 12) (หน้า 251) แผนที่ 18 แผนที่เส้นทางอพยพของคุณจิน (กรณี 13) (หน้า 253) |
|
|