|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทดำ,วรรณกรรมท้องถิ่น,เวียดนาม |
Author |
Phan Đăng Nhật, Nguyễn Ngọc Tuấn |
Title |
Chương Han sử thi Thái |
Document Type |
หนังสือ |
Original Language of Text |
ภาษาเวียดนาม |
Ethnic Identity |
ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดสถาบันชาติพันธุ์วิทยา ฮานอย, ห้องสมุดสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ฮานอย |
Total Pages |
335 |
Year |
2546 |
Source |
สำนักพิมพ์ Khoa hoc xa hoi : Ha Noi |
Abstract |
เอกสารเล่มนี้เป็นการรวมบทวิเคราะห์วรรณกรรมเจืองหานซึ่งปรากฏแพร่หลายในกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม โดยพยายามรวบรวมสำนวนของวรรณกรรมเจืองหานที่ได้รับการบันทึกด้วยอักษรไทโบราณหลายสำนวนมาทำการวิเคราะห์ในเชิงคุณค่าทางวรรณกรรมท้องถิ่น และภาพสะท้อนทางประวัติศาสตร์สังคมของกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ในเวียดนาม นอกจากนี้ยังพยายามที่จะเสนอบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับนักวิชาการชาติอื่น ๆ ที่เคยทำการวิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องนี้ เช่น นักวิชาการจากตะวันตก และ ลาว |
|
Focus |
เสนอและวิเคราะห์มหากาพย์เรื่อง "เจืองหาน" ซึ่งเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นที่สำคัญของกลุ่มคน "ไท" ในเวียดนาม และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
|
Theoretical Issues |
ไม่มีประเด็นทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ เป็นการรวบรวมบทวิเคราะห์วรรณกรรมเจืองหานในแนวคิดต่าง ๆ เช่น แนวประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งกล่าวถึงการเชื่อมโยงที่มาทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" (Thai) และ "ไต" (Tay) ในเวียดนามตั้ง แต่ต้นคริสต์ศตวรรษ (หน้า 32) รวมไปจนถึงการอ้างอิงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นที่ถูกเรียกชื่อว่าเป็น "ศึกเจือง" อันเป็นลักษณะของการลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจจากคนในท้องถิ่นที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 (หน้า 302) แนววิเคราะห์ด้านการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมได้เสนอถึงความสัมพันธ์ของวรรณกรรมเจืองหานและวรรณกรรมท้าวฮุ่งท้าว เจือง ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกันและแพร่หลายในบริเวณภาคเหนือของเวียดนามตลอดจนถึงประเทศลาวและประเทศไทย นอกจาก นั้น ยังแพร่เข้าไปในหมู่ชนขมุอีกด้วย (หน้า 296) และยังมีแนวการวิเคราะห์โดยการแยกแยะโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องย่อย ของ วรรณกรรมเจืองหาน |
|
Ethnic Group in the Focus |
คณะผู้ศึกษาได้เสนอกลุ่มชาติพันธุ์หลักที่เกี่ยวข้องในวรรณกรรมเจืองหาน ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ในเวียดนาม ไทในลาว และไทยในประเทศไทย แต่ได้เน้นความสำคัญของกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ในเวียดนามเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกลุ่มขมุ และ "ไต" ในเวียดนามในฐานะที่ได้รับอิทธิพลทางวรรณกรรมเรื่องนี้ด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่า เนื้อความในวรรณกรรมเจืองหานไม่ได้กล่าวถึงการจำแนกกลุ่มคนไทออกเป็น ไทดำ ไทขาว ตามที่รับรู้กันในช่วงหลัง แต่วรรณกรรมแสดงความเป็นชาติพันธุ์ดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยอาศัยการอ้างอิงบรรพบุรุษที่เป็นผู้นำร่วมกันคือ "เจืองหาน" นอกจากนี้ ยังปรากฏชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่กลุ่ม "ไท" ได้แก่ คนหาต (Hat) คนแมน (Men) คนแกว (Keo) อยู่ด้วย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้ศึกษาไม่ได้กล่าวถึงประเด็นทางภาษาศาสตร์โดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่ได้อธิบายถึงกลุ่มตระกูลภาษาในการศึกษาครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เจืองหานเป็นวรรณกรรมที่แพร่หลายในกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ในเวียดนาม และได้รับการบันทึกเป็นอักษรไทที่ใช้ในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ดังนั้นจึงทำให้เข้าใจได้ว่า ข้อมูลเบื้องต้นของวรรณกรรมเจืองหานที่ผู้ศึกษานำมาวิเคราะห์นี้จัดอยู่ในกลุ่มภาษาตระกูลไท |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ผู้ศึกษาได้อาศัยเอกสารอื่นประกอบการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ในวรรณกรรมเจืองหาน ของกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" ในเวียดนามจากเอกสารท้องถิ่น เช่น ความไทปู้เศิก ความโต้เมือง รวมถึงข้อเสนอทางประวัติศาสตร์จากงานศึกษาเรื่อง "ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ "ไท" " โดย ดั่ง เงียม หว่าน (1977) และเรื่อง "คน "ไท" ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม" ของ เกิ่มจ่อง (1978) เป็นแนวทางสำคัญประกอบกับการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์จากวรรณกรรมเจืองหานเล่มนี้ โดยกล่าวว่า มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่เวียดนามเรียกว่า "ไท" (Thai) และ "ไต" (Tay) อาศัยแถบตอนเหนือของเวียดนามมาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 1 แล้ว หากแต่ในระยะเวลานั้นมีจำนวนไม่มาก จนกระทั่งราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 จึงได้มีการเคลื่อนย้ายของกลุ่ม "ไท" เข้ามายังบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชนที่ใช้ภาษามอญ-ขแมร์มาก่อน ดังปรากฏในคำบอกเล่าที่กล่าวต่อๆ กันมาของกลุ่มคน "ไท" ว่า ในเวลานั้นมี "555 พวกส่า" อยู่มาก่อนแล้ว(หน้า 32) เอกสารต่าง ๆ ได้กล่าวถึงการเคลื่อนย้ายของกลุ่ม "ไท" เข้ามายังเวียดนามว่า เข้ามาทางเมืองลอ ภายใต้การนำของ "ลานเจือง" จากนั้นเคลื่อนไปทางตะวันตกผ่านเมืองลา เมืองควาย ไปยังเมืองแถง หรือเดียนเบียนฟูปัจจุบัน พัฒนาการของชุมชนได้ขยายและเติบโตขึ้นจนคนไทมีคำกล่าวว่า "ดินไทเฮามีสิบหกเจิวแต่หลัง" ซึ่งหมายถึงมีเมืองสำคัญของคน "ไท" ในบริเวณนี้ถึงสิบหกเมือง ซึ่งได้แก่ เมืองลอ เมืองเตี๋ยน เมืองเติ๊ก เมืองสาง เมืองวาด เมืองมวก เมืองลา เมืองหม้วย เมืองแถง เมืองไล เมืองตุง เมืองฮว่าง เมืองเตียง เมืองเชียงแขม เมืองชุบ เมืองมี ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ว่า การเคลื่อนย้ายของคน "ไท" เข้ามายังดินแดนที่มีชนกลุ่มมอญ-ขแมร์ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เกิดการสู้รบระหว่างเผ่า อีกทั้งการขยายตัวของบรรดาเมืองสำคัญต่าง ๆ ของคน "ไท" เองทำให้เกิดการสู้รบกันเองภายในระหว่างกลุ่มคน "ไท" ด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์สงครามเหล่านี้ได้ปรากฏและสะท้อนให้เห็นในเรื่องราวของวรรณกรรมเจืองหาน ทั้งนี้ผู้ศึกษาได้ชี้ให้เห็นถึงความหมายทางสังคมของคำว่า "เจืองหาน" ว่า มิได้หมายถึงเพียงแค่ตัวแทนของวีรบุรุษที่มีอิทธิพลเข้มแข็งที่สุดของเมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพลักษณ์ของผู้นำในระดับต่าง ๆ ของชุมชนที่มีบทบาทในการทำสงครามต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยของการออกเสาะแสวงหาบ้านเมือง จนกระทั่งถึงสมัยของการขยายตัวของบรรดาเมืองใหญ่ |
|
Settlement Pattern |
กลุ่ม "ไท" ที่กล่าวถึงในวรรณกรรมเจืองหานเป็นกลุ่มที่เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามเขตภูเขา ในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนามปัจจุบัน ซึ่งแต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนที่พูดภาษาตระกูลมอญ-ขแมร์มาก่อน จากนั้นกลุ่ม "ไท" ได้ขยายเขตการตั้งถิ่นฐานครอบคลุมตั้งแต่เมืองลอทางฝั่งตะวันออก ไปจนถึงเมืองแถงที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก |
|
Social Organization |
เนื้อหาในวรรณกรรมเจืองหานไม่ได้เน้นที่จะแสดงลักษณะทางชนชั้นสังคมโดยตรง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ปรากฏในวรรณกรรม ได้แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างชนชั้นในสังคมอย่างคร่าว ๆ ว่าประกอบด้วย 2 ชนชั้นหลัก ได้แก่ ชนชั้นผู้ปกครอง และชนชั้นใต้ปกครอง โดยที่ผู้ที่มีฐานะในกลุ่มชนชั้นผู้ปกครองจะมีคำนำหน้าว่า "ต่าว" (Tao) |
|
Political Organization |
วรรณกรรมเจืองหานไม่ได้กล่าวถึงระบบความสัมพันธ์ทางการเมืองของกลุ่มคน "ไท" อย่างละเอียด แต่ก็ได้แสดงให้เห็นภาพของความเคลื่อนไหวของผู้นำที่มีชื่อในวรรณกรรมว่า "เจืองหาน" ว่าเป็นผู้นำที่พยายามรวบรวมหน่วยการปกครองในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบความสัมพันธ์ของชุมชนในระดับที่เรียกว่า "บ้านกับเมือง" โดยที่ในแต่ละเมืองจะประกอบด้วยหมู่บ้านหลายหมู่บ้านรวมกัน และเมืองแต่ละเมืองก็ไม่ได้มีขนาดที่เท่ากัน บางเมืองมีขนาดใหญ่ บางเมืองมีขนาดเล็ก ในระหว่างเมืองต่างๆ ต่างก็มีฐานะเป็นอิสระต่อกันในทางการปกครอง แต่มีความสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติ ไม่มีเมืองใดที่ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางอำนาจเหนือบรรดาเมืองต่างๆ ทั้งหมด แต่เมื่อมาถึงยุคของเจืองหาน ได้มีวีรบุรุษผู้ที่ทำสงครามระหว่างฟ้ากับมนุษย์ และทำสงครามระหว่างเมืองต่าง ๆ เพื่อรวบรวมให้อยู่ภายใต้หน่วยการปกครองเดียวกัน |
|
Belief System |
วรรณกรรมเจืองหานได้สะท้อนความเชื่อเรื่องผีและระบบจักรวาลของคน "ไท" ในเวียดนาม โดยเฉพาะเนื้อหาในส่วนแรกที่กล่าวถึงการสู้รบระหว่างกองทัพของเจืองและกองทัพของกลุ่มผีฟ้า และสถานภาพของเจืองก็คือ ลูกของแถนตนหนึ่ง แต่เป็นตัวแทนของกองทัพมนุษย์ที่อยู่บนพื้นดิน ดังนั้นเนื้อหาจึงแสดงให้เห็นการแบ่งจักรวาลเบื้องต้นในความเชื่อของกลุ่มคน "ไท" ว่า ประกอบด้วยส่วนที่เป็นพื้นโลก ซึ่งเป็นดินแดนของมนุษย์ และส่วนที่อยู่ที่อยู่บนท้องฟ้าเรียกว่า "เมืองฟ้า" ซึ่งเป็นที่อยู่ของแถนจำนวน 11 ตน หลังจากการรบครั้งแรกระหว่างมนุษย์กับเมืองฟ้า เจืองก็ได้เป็นผู้นำในการสร้างสังคมบนโลกมนุษย์ต่อมา |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
ผู้ศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า วรรณกรรมเจืองหานมีความสำคัญในฐานะของวรรณกรรมท้องถิ่นที่มีพัฒนาการมาจากวรรณกรรมบอกเล่า และต่อมาได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร คุณค่าที่สำคัญประการหนึ่งเมือมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์คือ การแสดงถึงการดำรงอยู่ของการใช้อักษรไทชุดหนึ่งในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ในการรวบรวมตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ได้ใช้เอกสารเก่าที่บันทึกด้วยอักษรไทไว้เป็นต้นเค้าในการรวบรวมและวิเคราะห์ รวมทั้งตีพิมพ์ออกมาจากต้นฉบับของ ลอวันเซา (Lo Van Sau) บ้านนาม ตำบลเชียงจุง อำเภอมายเซิน (เมืองม่วก) จังหวัดเซินลา, คำบาว (Cam Bao) เจ้าหน้าที่แผนกวัฒนธรรมภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ลอวันอุย (Lo Van Ui) บ้านเพียงเหงื่อ ตำบลเชียงโสม จังหวัดเซินลา และสำนวนฉบับอื่นๆ ที่ใช้ประกอบซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ห้องวรรณศิลป์ แผนกวัฒนธรรมภาคตะวันตกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงคุณค่าของวรรณกรรมเจืองหาน ที่ถูกนำมาเล่นเป็นบทร้อง หรือที่เรียกว่า "ขับ" ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของการละเล่นพื้นบ้าน ที่มีอยู่ในท้องถิ่นภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้ศึกษาได้พยายามวิเคราะห์ว่า วรรณกรรมเจืองหานสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของบรรดากลุ่มคน "ไท" ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนามในยุคแรกเริ่ม เมื่อคน "ไท" เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่ในบริเวณดังกล่าวและเริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นหน่วยปกครองระดับเมือง สงครามที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมแสดงให้เห็นความเป็นอิสระของเมืองต่างๆ การต่อสู้ในระหว่างกลุ่มคน "ไท" ด้วยกันและการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคน "ไท" กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนในบริเวณนี้ ความพยายามรวบรวมอำนาจการปกครองของบริเวณดังกล่าว เกิดขึ้นโดยผู้นำที่มีชื่อว่า "เจืองหาน" |
|
|