|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ความเป็นอยู่,ประเพณี,ประเทศไทย |
Author |
กลุ่มเครือข่ายสิ่งแวดล้อม |
Title |
องค์ความรู้ชนเผ่าม้ง : การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลาย |
Document Type |
เอกสารวิชาการ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
51 |
Year |
2545 |
Source |
กลุ่มเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้งและสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย กองทุนเพื่อสังคม, 2545 |
Abstract |
ศึกษาประวัติความเป็นมาของชนชาติม้งรวมถึงความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ |
|
Focus |
ศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีและความเป็นอยู่ของชนเผ่าม้ง |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชนเผ่าม้งในประเทศไทยมี 3 กลุ่มโดยอาศัยจากการดูลักษณะของเครื่องแต่งกายและภาษาพูด คือ
1. ม้งจั้ว แปลตามศัพท์ก็คือม้งเขียวหรือม้งน้ำเงิน เพราะเครื่องแต่งกายของผู้หญิงจะออกเป็นสีน้ำเงินเขียวลักษณะเด่นของการแต่งกายก็คือ ผู้ชายนุ่งกางเกงสีดำมีลายปักที่ปลายขา กางเกงมีผ้าคาดเอวสีครามส่วนผู้หญิงจะนุ่งกระโปรงปักด้วยมือและเขียนด้วยขี้ผึ้งสีน้ำเงินภาษาบางคำจะแตกต่างจากม้งขาว (หน้า 2)
2. ม้งเด๊อะ แปลว่า ม้งขาวเพราะผู้หญิงใส่กระโปรงสีขาวล้วน ผู้ชายนุ่งกางเกงที่มีขนาดเป้าสั้นขาทรงกระบอก ส่วนผู้หญิงใส่กระโปรงสีขาวล้วนหรือนุ่งกางเกงเหมือนผู้ชายภาษาที่พูดบางคำแตกต่างไปจากม้งเขียว (หน้า 3)
3. ม้งกั่วป่า แปลว่า ม้งแขนเสื้อปล้องหรือแขนลายผู้ชายแต่งชุดเหมือนกับผู้ชายม้งเด๊อะแต่ผู้หญิงจะมีผ้าเย็บเป็นลายปล้องตั้งแต่บ่าลงไปถึงข้อมือทั้งสองข้างแต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายไปมากจึงไม่รู้ว่าคนไหนคือม้งกั่วป่าคนไหนคือม้งขาวหรือม้งเขียวใช้ภาษาพูดเหมือนกับภาษาม้งเขียว (หน้า 3) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ได้จัดประเภทภาษาม้งว่า เป็นภาษาในตระกูลมอญ-เขมร (ออสโตรเอเชียติค) บ้างก็จัดว่าเป็นไท บ้างว่าอยู่ในตระกูลจีนซีนนีติค (Sinitic) บางท่านก็ถือว่าเป็นภาษาม้ง-เมี่ยน เป็นสาขาหนึ่งของภาษาตระกูลจีน-ธิเบต
ภาษาม้งเป็นภาษาที่มีสียงก้องและเป็นคำโดด ๆ ต่างกับภาษาจีนทั้งคำและการออกเสียงมีคำศัพท์จำนวนมากยืมมาจาก จีน ไทย ลาว และชาติอื่น ๆ ที่ม้งมีความสัมพันธ์ด้วย ในประเทศไทย ม้งพูดภาษาที่มีความคล้ายคลึงกับภาษาที่ใช้อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ภาษาพูดของม้งกลุ่มย่อยต่าง ๆ ในประเทศไทยสามารถจะใช้ติดต่อกันได้ (หน้า 9) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ม้งเป็นคำที่เรียกตนเองมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในทางมานุษยวิทยาถือว่าม้งมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับจีน จึงจัดอยู่ในตระกูลจีน- ธิเบต ผู้เฒ่าม้งเล่าว่าม้งอพยพมาอยู่ในประเทศจีนที่มณฑลฮูนานบริเวณลุ่มน้ำฮวงโหและแยงซี หลังจากนั้นชาวฮั่นก็เข้ามารุกรานทางตอนเหนือทำให้เกิดสงครามขึ้น ตอนแรกม้งเป็นฝ่ายชนะ เพราะมีอาวุธดีกว่าแต่ในที่สุดก็ต้องแพ้เพราะม้งบางคนทรยศโดยการไปสอนวิทยายุทธและขายอาวุธให้ศัตรู จากนั้นม้งจึงแตกกระจัดกระจายไปหลบอยู่ตามป่าตามเขาและอพยพสู่เวียดนาม ลาว และไทยในที่สุด
หลังจากที่ม้งบางกลุ่มได้อพยพลงทางใต้ของจีนแล้วได้แยกเป็นสามกลุ่มคือ กลุ่มแรกเข้าสู่เมืองหนองเฮต (nong het) ประเทศเวียดนาม กลุ่มที่สองเข้าสู่เมืองซำเหนือประเทศลาว กลุ่มที่สามเข้าสู่ลาวพม่าและทางตอนเหนือของไทยในที่สุด (หน้า 1) |
|
Settlement Pattern |
บ้านเรือนม้งเป็นบ้านชั้นเดียวติดพื้นดิน ฝาบ้านทำด้วยแผ่นไม้ผ่า หลังคามุงด้วยไม้ผ่าหรือหญ้าคา แต่ปัจจุบันไม้ผ่าหาค่อนข้างยาก จึงใช้วัสดุที่หาซื้อได้หรือหาได้ในท้องถิ่น เช่น บล๊อคซีเมนต์ กระเบื้อง สังกะสี เป็นต้น ภายในบ้าน ตรงกลางจะมีเตาไฟเล็กสำหรับผิงไฟและหุงต้ม มีครกกระเดื่องอยู่ติดฝาบ้านด้านในสุด ฝาที่อยู่ตรงข้ามกับประตูมีหิ้งบูชาผีเน้งและซือก๊ะ นอกจากนี้ บ้านม้งจะมีเตาไฟใหญ่ใช้ต้มอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ และบางบ้านจะมีแคร่ยกพื้นใช้รับแขกหรือนั่งเล่น (หน้า 7) |
|
Demography |
ปัจจุบันชุมชนม้งในประเทศไทย มีประมาณ 264 หมู่บ้าน จำนวนประมาณ 15,000 หลังคาเรือน และมีประชากรประมาณ 150,000 คน กระจายอยู่ใน 14 จังหวัด จังหวัดที่มีม้งอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด คือ จังหวัดตาก แพร่ ลำปาง เลย สุโขทัย และสระบุรี (หน้า 4) |
|
Economy |
สมัยก่อนม้งทำการเกษตรเพื่อบริโภคเท่านั้นไม่ได้ผลิตเพื่อการค้า เนื่องจากการสื่อสารและคมนาคมไม่สะดวก แต่ปัจจุบันการคมนาคมสะดวกขึ้น และได้รับความช่วยเหลือและส่งเสริมด้านการเกษตร การศึกษา การสาธารณสุข จากรัฐบาลและเอกชน ทำให้ม้งเปลี่ยนวิถีชีวิตไป จากการทำการเกษตรเพื่อยังชีพก็เปลี่ยนไปเป็นการผลิตเพื่อขายมากขึ้น (หน้า 7) |
|
Social Organization |
วงศ์ตระกูล ม้งมีการจัดระบบโครงสร้างทางสังคมที่เข้มแข็งภายในกลุ่มเครือญาติที่นับถือบรรพบุรุษเดียวกัน กลุ่มตระกูลเดียวกันและในชุมชนเดียวกัน ระบบวงศ์ตระกูลของม้งมีอิทธิพลครอบคลุมการจัดการระเบียบกลุ่มสังคม และทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมม้ง โดยเป็นตัวเชื่อมโยงพฤติกรรมต่าง ๆ ของสังคม การเมือง เศรษฐกิจและศาสนาเข้าด้วยกัน โครงสร้างวงศ์ตระกูลของม้งจะสืบวงศ์ตระกูลโดยทางฝ่ายชาย กล่าวคือลูกชายจะเป็นสมาชิกของตระกูล (แซ่) ของบิดา ลูกสาวจะเป็นสมาชิกของตระกูลพ่อจนถึงเวลาแต่งงาน จึงกลายเป็นสมาชิกของตระกูลสามี ม้งจะมีการแต่งงานได้เฉพาะต่างตระกูลเท่านั้น (แต่งงานกับแซ่เดียวกันไม่ได้) (หน้า 4-5) ในประเทศไทยม้งมี 15 ตระกูล |
|
Political Organization |
เนื่องจากม้งมีระบบ แซ่ตระกูล การปกครองในอดีตของชุมชนม้งจะมีแกนนำของแต่ละตระกูล เป็นผู้นำในการปกครอง ขณะเดียวกันจะมีผู้อาวุโสของชุมชนเป็นที่ปรึกษา
ในปัจจุบันหลังจากทางราชการได้กระจายระบบการปกครองอย่างเป็นทางการเข้าไปในชุมชนม้ง ทำให้ชุมชนม้งมีการเลือกตั้งและมีการแต่งตั้งคณะกรรรมการหมู่บ้าน เพื่อรับผิดชอบงานด้านต่าง ๆ ของหมู่บ้าน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแกนนำของแต่ละแซ่ตระกูลอยู่ (หน้า 4) |
|
Belief System |
ปัจจุบัน ม้งในประเทศไทยมีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ แต่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาแบบดั้งเดิม คือการนับถือผี ซึ่งประกอบด้วยผีประเภทต่าง ๆ ดังนี้
1. ผีบรรพบุรุษ (Puj yawm txwv koob)
2. ผีบ้านผีเรือน (Dab khua hauv vaj tse) ซึ่งก็จะมีผีตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านด้วย เช่น ผีเสาเอก (Ncej dab) ผีเตาไฟใหญ่ (Dab qhov txog) ผีเตาไฟเล็ก (Dab qhov cub) ผีประตู (Dab qhov rooj) เป็นต้น
3. ผีเน้ง (Txiv neeb) และผีทั่ว ๆ ไป
4. เทพผู้มีอำนาจในการทำลาย (Yawm txwg nyoog)
5. เทพผู้มีอำนาจในการให้กำเนิดหรือสร้าง (Yawm saub)
ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผีและเทพเจ้าของม้งมีมากมายหลายอย่าง ซึ่งอาจแบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้ คือ
ก. ความเชื่อที่อยู่ในบ้าน เช่น
1) ซือก๊ะ (Xwm kab) เทพที่บนเพื่อให้ปกป้องคุ้มครองคนในบ้านให้มีความสุข
2) ด๊าโตรง เทพที่ช่วยปกป้องคุ้มครองคนในบ้านให้มีความสุข
3) เซี่ยแม้ง เทพที่เฝ้าประตู ปกป้องไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาในบ้าน
4) โฮ้ว ลู้ แปง เทพที่ดูแลเรื่องการทำอาหารการกิน
5) จ่อ จือ ญ่า ยา เทพที่ดูแลเรื่องการทำมาหากิน
6) เทพยู่ว่า หรือ ผีหิ้งหมอเน้ง หรือผีหมอทรง
7) หิ้งผียาสมุนไพร เป็นเทพที่หมอยาจะบนเพื่อให้ยาสามารถรักษาคนให้ดีขึ้น
ข. ความเชื่อสิ่งเหนือธรรมชาติในป่า
1) "เจ้าที่" เป็นเทพที่คอยดูแลแผ่นดินและผืนป่า
2) โฮเต้า คือเทพที่คอยปกป้องจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย โดยบนไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองหมู่บ้านไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้าบ้าน
3) เซ่ ท่า ตัวะว่า คือเทพเจ้าแห่งน้ำ คอยดูแลน้ำ
4) โม่งแซ่ง เป็นเทพเจ้าที่ชั่วร้าย จะใช้บนในกรณีที่เกิดคดีลักทรัพย์ เทพโม่งแซ่งจะดลบันดาลใจให้คู่กรณีหรือคนร้าย ยอมทำตามที่เราต้องการ
5) เทพเจ้าเยาะแซ่งและเทพเจ้าแหล่แซ่ง เป็นเทพเจ้าที่ใช้บนเพื่อให้คนหรือสัตว์ที่หาย ให้หาง่ายขึ้น
6) เม่งเต้า เป็นเทพเจ้าที่ดูแลใต้ดินซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องฮวงจุ้ย
ค. ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าสูงสุด
1) ม้งเชื่อว่ามีดินแดนที่เงียบสงบและหนาวเย็น เป็นดินแดนที่เคยอาศัยอยู่มาก่อน และเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณบรรพชน
2) เทพเจ้าเย่อโซ้ะ เป็นเทพเจ้าผู้ก่อกำเนิดและสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเทพที่มีอำนาจใหญ่ที่สุดของบรรดาเทพทั้งหลาย
3) เทพยู้วะตัวะเต่งและยมบาล เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและความชั่ว ม้งเชื่อว่าเมื่อทุกคนตายไปแล้ว จะได้รับการตัดสินความจากสองท่านนี้
4) เทพซียี เป็นเทพที่ดูแลเรื่องการเจ็บป่วยหรือดูแลหมอผี หมอยาสมุนไพร เทพซียีเป็นเทพที่ติดต่อระหว่างมนุษย์กับยู้วะตั่วเต่งและยมบาล เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์
(หน้า 7, 34) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การรักษาของม้งส่วนใหญ่จะใช้ยาสมุนไพร เช่น ยอดหรือเปลือกต้นฝรั่งใช้รักษาโรคท้องร่วง, จัว หา ญง ใช้รักษากระดูกหักและเอ็นขาด, จี กัว ย่า เต๊ รักษาโรคนิ่ว, เจา เก ใช้รักษาฝี หนอง, ป้า โว่ ใช้รักษาอาการปวดฟัน เป็นต้น (หน้า 17) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของผู้หญิง
- ม้งลาย เสื้อสีดำแขนยาวปักลายไว้ที่แขน สาบเสื้อและปกเสื้อ ส่วนกระโปรงนั้นเป็นผ้าใยกัญชาทอแล้วเขียนลาย ย้อมด้วย สีคราม ชายกระโปรงจะปักลายแล้วนำมาต่อกับผ้าที่เขียนลายแล้ว ตัวกระโปรงใช้ผ้ายาวประมาณ 7 เมตร จะทำจีบเล็กๆ มีความละเอียดมาก กระโปรงจะนุ่งโดยการพันแล้วมัด นอกจากนี้ จะมีผ้ามัดเอวโดยใช้ผ้าประมาณ 1 ฟุต
วิธีการแต่งตัว สวมเสื้อก่อนแล้วสวมกระโปรงทับ ก่อนที่จะพับด้วยผ้าพันเอวก็จะใช้ผ้าดำพันรอบหนึ่งก่อน แล้วจึงพันด้วยผ้ามัดเอว โดยให้ผ้าที่มีลายปีกนั้นอยู่ด้านหน้า ใช้สายพันรอบเอวแล้วผูกให้พู่ห้อยอยู่ข้างหลัง
- ม้งขาว เสื้อสีดำแขนยาว มีลวดลายที่ปลายแขน สาบเสื้อและปกเสื้อ ม้งขาวจะไม่นุ่งกระโปรง แจะนุ่งกางเกงสะดอของคนเมืองเหนือหรือกางเกงแบบคนจีน ในช่วงเทศกาลหญิงม้งจะนุ่งกระโปรงที่ทำจากใยกัญชาสีขาวล้วน ม้งขาวจะมีผ้ามัดเอว 2 ชิ้น คือ ชิ้นหน้าและชิ้นหลัง ชิ้นหลังนั้นจะไม่ปักลวดลายแต่ชิ้นหน้าจะปักลวดลายอย่างสวยงาม
วิธีการแต่งตัว สวมเสื้อก่อนแล้วสวมกางเกงทับ จากนั้นจะพันเอวด้วยผ้าพันเอวชิ้นหลัง แล้วพันด้วยชิ้นหน้าโดยปล่อยให้พู่ห้อยอยู่ข้างหลัง
การแต่งกายของผู้ชาย
- ม้งลาย เสื้อสีดำแขนยาว ตัวสั้น ปักลายที่ปลายแขน สาบเสื้อและชายเสื้อ กางเกงสีดำเป้ายาวเกือบถึงปลายขากางเกง ปลายขากางเกงปักด้วยลาย ผ้ามัดเอวจะเป็นสีคราม มีความยาวประมาณ 3 เมตร ปลายผ้า 2 ข้าง ปักด้วยลวดลายที่สวยงาม
- ม้งขาว เสื้อสีดำ/น้ำเงิน ปลายแขนและสาบเสื้อปักด้วยลวดลายที่สวยงาม กางเกงสะดอสีดำหรือน้ำเงิน ผ้ามัดเอวสีแดงหรือส้ม ปักด้วยลวดลายที่ปลายทั้งสองข้าง
( หน้า 8-9 ) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ม้งเป็นชนชาติที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับชนชาติจีนหรือจัดอยู่ในสายตระกูลจีน-ธิเบต ซึ่งมีชนชาติเย้าหรือเมี่ยนร่วมด้วย คนแก่ม้งเล่าว่า ชนชาติม้งอพยพมาอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยได้มาอยู่ที่มณฑลฮูนานบริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโหและแยงซี |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|