|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไต คนไต ไตโหลง ไตหลวง ไตใหญ่,ลัวะ,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง,ปะโอ,คนบนพื้นที่สูง,คนพื้นที่ราบ,ความสัมพันธ์,แม่ฮ่องสอน |
Author |
Peter Kunstadler |
Title |
Hill and Valley Populations in Northwestern Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า, ปะโอ, ปกาเกอะญอ, ไทใหญ่ ไต คนไต,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
17 |
Year |
2510 |
Source |
Proceeding of the First Symposium of Tribal Research Centre, Chiang Mai,Thailand. p.69-85 |
Abstract |
กลุ่มคนบนพื้นที่สูงและพื้นที่ราบมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งในเรื่องระบบเศรษฐกิจ สังคม และศาสนา มีการรับและแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นจากการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละกลุ่มต่างมีอัตลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง แต่ก็ไม่สามารถแยกพื้นที่ทั้งสองออกจากกันได้ โครงสร้างทางการเมืองการปกครองของรัฐไทย ภายใต้กระบวนการเป็นสมัยใหม่ได้พยายามเข้ามาควบคุมและเปลี่ยนแปลงสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมบนพื้นที่สูงให้กลายเป็นไทยส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มคนทั้งสองพื้นที่รวมถึงเกิดการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่เกิดขึ้น (หน้า 69-85) |
|
Focus |
ความสัมพันธ์ระหว่างประชากรบนพื้นที่สูงและประชากรบนพื้นที่ราบ บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือ อ.แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย (หน้า 69) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ประชากรบนพื้นที่สูงและประชากรบนพื้นที่ราบ บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย (หน้า 69) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ความแตกต่างทางด้านภาษาเห็นได้ชัดและแสดงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ของคนทั้งสองประเภทกล่าวคือ กลุ่มคนบนพื้นที่สูงมีภาษาพูดของตนเองในแต่ละชาติพันธุ์ในขณะที่กลุ่มคนบนพื้นที่ราบ พูดภาษาเหนือ (คำเมือง) และ ภาษาไทย (หน้า 78) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ลัวะอาศัยในพื้นที่บริเวณนี้มาหลายร้อยปี ก่อนที่คนไทยจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่บริเวณนี้ ส่วนกะเหรี่ยงสะกออาศัยอยู่ในบริเวณนี้ประมาณ 4-5 ชั่วอายุคน (100-150 ปีที่ผ่านมา) บรรพบุรุษของพวกเขามาจากทางตะวันตก จากรัฐฉาน ประเทศพม่า (หน้า 69) ปลายศตวรรษที่ 19 ภาคเหนือได้กลายเป็นชายแดนในการแบ่งแยกดินแดนในยุคอาณานิคม พม่าตกอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ และลาวตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส ตั้งแต่ช่วงระยะเวลานี้เป็นต้นมา พื้นที่บริเวณชายแดนมีการเมืองเข้ามา เกี่ยวข้องค่อนข้างสูง พื้นที่สูงกลายเป็นจุดประทะทำสงครามระหว่างประเทศ และกลุ่มคนบนพื้นที่สูงกลายเป็นแรงงานรับจ้าง ในสงคราม หรือควบคุมการขนส่งสินค้า และยังเป็นแรงงานสำคัญในการทำสัมปทานป่าไม้ และได้เปลี่ยนเป็นแรงงานในการ ปลูกพืชเศรษฐกิจในปัจจุบัน (หน้า 71) |
|
Settlement Pattern |
รอบ ๆ หุบเขาบนพื้นที่สูง ในระดับประมาณ 1,500 เมตร เป็นหมู่บ้านของลัวะ,กะเหรี่ยงสะกอ,กะเหรี่ยงโปว์ และไทใหญ่ หมู่บ้านของลัวะส่วนใหญ่จะอยู่บนภูเขา ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของ อ.แม่สะเรียง ทางตอนใต้และทางเหนือมีลัวะไม่ มากนัก หมู่บ้านของกะเหรี่ยงสะกอ พบทั้งในหุบเขาและบนภูเขารอบ ๆ อ. แม่สะเรียง หมู่บ้านของกะเหรี่ยงโปว์ อาศัยอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของ อ.แม่สะเรียง หมู่บ้านของไทใหญ่ พบในบริเวณหุบเขาทางทิศเหนือ บริเวณแม่ลาน้อย ซึ่งใกล้กับชายแดนรัฐฉาน ประเทศพม่า (หน้า 69) |
|
Demography |
จำนวนประชากรส่วนใหญ่ของ อำเภอ แม่สะเรียงอาศัยอยู่บริเวณหุบเขาขุมยวม (หน้า 69) บนพื้นที่สูง หมู่บ้านประกอบด้วย 4-5 ครัวเรือน จนถึง 200 ครัวเรือน (หน้า 71) จำนวนประชากรในแม่สะเรียงเพิ่มขึ้นจากการเกิด 3% ต่อปี นอกจากนี้ ยังเพิ่มขึ้นจากการอพยพ (หน้า 80) |
|
Economy |
กลุ่มคนบนพื้นที่สูง ทำไร่หมุนเวียน ปลูกข้าวเป็นหลักเพื่อใช้ในการบริโภค และมีการปลูกพืชชนิดอื่น ๆ ไว้สำหรับครัวเรือนและขาย กลุ่มคนบนพื้นที่สูงค่อนข้างจน ไม่มีวิทยุ นาฬิกา จักรยาน และเครื่องมือเครื่องใช้ทันสมัย ในอดีตลัวะผลิตเครื่องมือเหล็กใช้เองแต่ภายหลังเมื่อมีตลาดและสินค้าราคาถูกภายในเมืองทำให้ต้องเลิกผลิต ครัวเรือนมีเงินเพียงเล็กน้อย มีบางกลุ่มออกไปทำงานรับจ้างภายนอกจะมีเงินมากกว่า (หน้า 69-70) การค้าระหว่างกลุ่มคนบนพื้นที่สูงและกลุ่มคนบนพื้นที่ราบใน อำเภอแม่สะเรียงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ตลาด สินค้าที่ขายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน เช่น ข้าว เกลือ เมี่ยง ปลาเค็ม เป็นต้น กลุ่มคนบนพื้นที่สูงจะนำสินค้าจากไร่ งานหัตถกรรมในครัวเรือนและของป่านำมาขาย เช่น ข้าว เครื่องเงิน เสื่อ ตะกร้า เขาสัตว์ และของป่าอื่น ๆ การให้สินเชื่อสำหรับในกลุ่มลัวะจะมีการทำสินเชื่อกับกลุ่มพ่อค้าที่ตนสนิท และมีการยืมเงินจากกลุ่มกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงหากไม่สามารถยืมกับคนในหมู่บ้านของตนเองได้ และเมื่อจ่ายคืน อาจจะจ่ายเป็นข้าว หรือเงินและคิดดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อเดือน การจ้างแรงงาน ส่วนใหญ่กลุ่มคนบนที่ราบจะจ้างแรงงานกลุ่มคนบนพื้นที่สูงสำหรับทำงานในไร่ ซึ่งอาจจะจ่ายให้เป็นเงิน หรืออาหาร เสื้อผ้าและที่พักอาศัย ชายทุกคนในหมู่บ้านบนพื้นที่สูงเคยทำงานรับจ้างกับกลุ่มคนบนที่ราบ สำหรับกลุ่มคนหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานส่วนใหญ่จะรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินค่าสินสอดซึ่งมีค่ามากกว่า 1,000 บาท (หน้า 74-76) |
|
Social Organization |
ลัวะเป็นสังคมแบบผัวเดียวเมียเดียว ไม่นิยมการหย่าร้าง เมื่อแต่งงานกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ เช่น ชาวเหนือ ขมุ กะเหรี่ยง จะเข้ามาอยู่อาศัยในหมู่บ้านลัวะและเรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรมของลัวะ กลุ่มคนในหมู่บ้านจะช่วยเหลือกันในการแลกเปลี่ยนแรงงานในการทำไร่ งานขึ้นบ้านใหม่ งานศพ งานสร้างบ้าน ฯลฯ และจะต้อนรับแขกที่มาเยือนเหมือนพี่น้อง กะเหรี่ยง ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับหมู่บ้านลัวะเป็นระยะเวลานานจะมีความสัมพันธ์เหมือนเป็นญาติพี่น้องกัน (หน้า 78-80) |
|
Political Organization |
ปลายศตวรรษที่ 19 หัวหน้าหมู่บ้านจะต้องได้รับการยอมรับจากเจ้าฟ้าในพื้นที่และได้รับให้เป็นผู้นำในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง และจะต้องจ่ายภาษีให้กับเจ้าฟ้า หมู่บ้านของลัวะทางตะวันตกเฉียงใต้ มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดจากการยอมรับของเจ้าฟ้าในการปกครองพื้นที่ และสามารถเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้ที่เข้ามาอยู่ใหม่ได้ ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 สถานการณ์เปลี่ยนไประบบการเมืองการปกครองของกลุ่มบนพื้นที่สูงที่ได้รับการยอมรับจากเจ้าฟ้าถูกแทนที่ด้วยระบบการปกครองของรัฐไทย หมู่บ้านจะได้รับการยอมรับจากอำเภอ และมีอำนาจเฉพาะในท้องถิ่นที่ตนอาศัยอยู่เท่านั้น (หน้า 72-74) |
|
Belief System |
กลุ่มคนบนพื้นที่ราบส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา สำหรับกลุ่มคนบนพื้นที่สูง นับถือผีบรรพบุรุษและอำนาจเหนือธรรมชาติ มีบางกลุ่มนับถือพุทธศาสนาควบคู่กับการนับถือผีมีหิ้งพระและพระพุทธรูปภายในบ้าน โดยเฉพาะการนับถือครูบาซึ่งเป็นพระในพุทธศาสนานิกายล้านนาเป็นที่เคารพนับถือมากในกลุ่มคนบนพื้นที่สูงและกลุ่มคนบนพื้นที่ราบ นอกจากนี้ กลุ่มคนบนพื้นที่สูงบางกลุ่มได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ มีโบสถ์อยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน ลัวะ นับถือผู้นำทางศาสนาแบบดั้งเดิมหากมีบางคนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ยังคงให้การเคารพผู้นำทางศาสนาดั้งเดิมและช่วยเหลือในการเตรียมงานพิธีกรรมแต่ไม่บูชาผี สำหรับในกลุ่มม้ง (เย้า) หากเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จะต้องออกจากหมู่บ้านยกเว้นถ้าเปลี่ยนทั้งหมด (หน้า 76-77) |
|
Education and Socialization |
กระทรวงศึกษาธิการของไทยเริ่มเข้าไปเปิดโรงเรียนบนพื้นที่สูง เป็นโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน (หน้า 74) |
|
Health and Medicine |
โครงการป้องกันโรงมาลาเรียของรัฐบาลไทยไม่ได้ครอบคลุมไปถึงพื้นที่สูง แต่มีการจัดการด้านสาธารณสุขผ่านโครงการของตำรวจตระเวนชายแดนได้สอนการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ยาและรักษาอาการเจ็บป่วย และส่งคนป่วยเข้ามารักษาพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 74) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงมีการแต่งกายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มแต่ก็มีเวลาที่เข้าติดต่อกับกลุ่มคนพื้นที่ราบจะแต่งกายคล้ายกับคนพื้นที่ราบ (หน้า 78) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนบนพื้นที่สูงและ กลุ่มคนบนพื้นที่ราบ ในประวัติศาสตร์ กลุ่มคนบนพื้นที่สูงมีความสัมพันธ์และติดต่อกับกลุ่มคนบนพื้นที่ราบ และเขตแดนไม่ได้แบ่งแยกเด่นชัด ความเป็นชายขอบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในกลุ่มคนบนพื้นที่สูง ไม่ได้เกิดจากกลุ่มคนบนพื้นที่สูงต้องการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนไว้ แต่เกิดจากความรู้สึกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมไทย ทำให้มีบางส่วนที่เป็นปัจจัยทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริตส์ แทนที่นับถือพุทธซึ่งเป็นศาสนาหลักของกลุ่มคนบนพื้นที่ราบ เนื่องจากการรับศาสนาคริสต์เป็นกระบวนการรับความเป็นสมัยใหม่และยังคงรักษาความเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มตนไว้ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนทั้งสองเกิดปัญหาเนื่องจากการเป็นสมัยใหม่ของสังคมเมือง ปัญหาที่พบเช่น การที่รัฐบาลพยายาม นำความเป็นศูนย์กลางจัดการในทุกด้านทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมเข้าควบคุม แต่เนื่องจากกลุ่มคนบนพื้นที่สูงมีระบบเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตนเอง ความแตกต่างทางวัฒนธรรมทำให้เกิดช่องว่างและความไม่เข้าใจต่อกันเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนบนพื้นที่สูงและกลุ่มคนพื้นที่ราบ เนื่องจากกลุ่มคนบนพื้นที่ราบอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐมากกว่า (หน้า 70-71) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเมืองการปกครองของรัฐไทยได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการปกครองพื้นที่สูงเริ่มเมื่อประมาณ 70-80 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยบังคับใช้กฏหมายห้ามไม่ให้ทำไร่หมุนเวียน แม้ว่าจะมีบางกลุ่มยังคงเพิกเฉยและทำไร่หมุนเวียนอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ก็เกิดเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคมแบบดั้งเดิมของกลุ่มบนพื้นที่สูงในหลายพื้นที่ (หน้า 74) การอพยพของกลุ่มลัวะจากภูเขาลงมาอยู่ในหุบเขาและพื้นที่ราบได้เปลี่ยนลัวะให้กลายเป็นไทยทั้งที่บริเวณขุนยวมและลุ่มน้ำแม่ปิง คนรุ่นที่สองและสาม แต่งงานกับชาวเหนือและกลายเป็นชาวเหนือ แต่ก็มีการแต่งงานกับชาวอินเดียและชาวตะวันตก ก็จะกลายเป็นอินเดียและตะวันตก (หน้า 81) |
|
Other Issues |
นิเวศวิทยาและความสัมพันธ์และระหว่างคนบนพื้นที่สูงและคนพื้นที่ราบ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างสองพื้นที่คือระบบนิเวศวิทยา แต่ระบบนิเวศก็ไม่ได้แบ่งแยกทั้งสองพื้นที่ออกจากกัน กลุ่มคนในพื้นที่สูงและพื้นที่ราบยังคงมีการติดต่อระหว่างกัน แลกเปลี่ยนสินค้า และกลุ่มคนที่ราบยังคงต้องพึ่งพาน้ำและป่าไม้จากพื้นที่สูงในการดำรงชีวิต เจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ามาควบคุมทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ในการทำไร่หมุนเวียน แต่อย่างไรก็ตามการทำไร่หมุนเวียนของกลุ่มคนบนพื้นที่สูงไม่ได้ทำลายป่าไม้และไม่ควรที่จะต้องยกเลิกไป ควรมีการพัฒนาและสร้างความหลากหลายทางระบบนิเวศวิทยาระหว่างพื้นที่สูงและพื้นราบให้คงอยู่ (หน้า 82-83) |
|
|