|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไต,ไท,ประวัติศาสตร์,วัฒนธรรม,รัฐฉาน |
Author |
ปราณี ศิริธร |
Title |
สารัตถคดี เหนือแคว้นแดนสยาม |
Document Type |
หนังสือ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทใหญ่ ไต คนไต,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
538 |
Year |
2528 |
Source |
เหนือแคว้นแดนสยาม, ลานนาสาร,โรงพิมพ์ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ |
Abstract |
เนื้อหาของงานเขียนเล่มนี้เป็นการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ และความเป็นมาของคนไตยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และกล่าวถึงชนชาติ หรือกลุ่มชนที่มีความเกี่ยวข้องกับคนไตยที่ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะพม่าชนชาติที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของคนไตยมากที่สุด |
|
Focus |
ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงของชนชาติไตยหรือไทที่อาศัยอยู่เหนือดินแดนประเทศไทยขึ้นไป |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้เขียนกล่าวถึงชนชาติที่ศึกษาว่า "เชื้อชาติไตย" ซึ่งมีคำตามหลังขึ้นอยู่กับบริเวณที่อาศัยอยู่ เช่น ไทยลาว คือ ชนชาติไทยที่อาศัยอยู่ในลาว ไทยใหญ่คือ ชนชาติไทยในรัฐฉาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังกล่าวถึงชนชาติอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับชนชาติไทย ได้แก่ มอญ พม่า (มะรันม่า :หน้า 3-6) และชนเผ่าอื่นๆ (หน้า :3-67) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ชนชาติไตย มีภาษาเขียนแตกต่างกันตามกลุ่มย่อยดังนี้
1.) ชนชาติไทยใหญ่ (ไตยสยาม) ใช้อักษรไทยเหนือในราชสำนักน่านเจ้าเรียกว่า "ลีกถั่วงอก" ซึ่งมีรูปร่างคล้ายถั่วงอก ในปัจจุบันได้พัฒนาไปเป็นตัวกลม
2.) ชนชาติไตยลื้อ ไตยเขิน ไตยลาวไตยโยนก มีตัวอักษรลักษณะกลมหางยาวคล้ายตัวเขมร
3.)ไตยหลำ ไตยดำมีตัวอักษรค่อนข้างเหลี่ยม หรือบ้างคล้ายของไตยเหนือและสมัยน่านเจ้า
สำหรับภาษาพูดนั้นทุกเผ่ามีสำเนียงและความหมายคล้ายคลึงและใกล้เคียงกันมาก จะต่างกันเฉพาะการเขียนเท่านั้น
(หน้า :422) |
|
Study Period (Data Collection) |
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490-ราว พ.ศ. 2528 โดยผู้เขียนได้รวบรวมจากบันทึกของบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์การกู้ชาติของไทยใหญ่ มอญ กะเหรี่ยง ละว้า (คำนำของ ผู้เขียน) |
|
History of the Group and Community |
ชนชาติไตยมีกระจัดกระจายอยู่ในหลายประเทศ สำหรับในแถบรัฐฉานหรือชาน มีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม และกลุ่มที่สองคือ กลุ่มที่อพยพมาจากจีน ไตยที่อยู่มาดั้งเดิมเป็นกลุ่มคนที่พวกบามาหรือพม่าเชื่อว่าอพยพมาจากธิเบต และเรียกว่า "สยาม" หรือ "ชาน" ในภาษาพม่า มอญ เรียกว่า "เสียมโนก" แต่กะเหรี่ยง เรียกว่า "โยนก" คะฉิ่น เรียกว่า "เสม" (หน้า: 49-53)
ชนชาติไตยเหล่านี้ดั้งเดิมปกครองตนเองและแบ่งเป็นอาณาจักรซึ่งในภาษาไตยเรียกว่า "ฮายหอ" มีทั้งหมด 9 อาณาจักร ซึ่งปัจจุบันอยู่ในบริเวณประเทศพม่า และเรียกชื่อชนเผ่าตามถิ่นฐาน เช่น ไตลื้อ โยนก ไตยเขิน เป็นต้น ถิ่นที่อยู่อาศัยจะเป็นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำระหว่างหุบเขา เช่น ลุ่มน้ำอิระวดี (ที่ราบสูงสยามตะวันออก) ลุ่มแม่น้ำสะโตง ขึ้นไปถึงเมืองอัสสัม แคว้นอาหม ประเทศอินเดีย ลุ่มแม่น้ำชีนตะวิน หรือที่ราบลุ่มเกาะปากแม่น้ำอิระวดี บ้างปรากฏที่ทางใต้ของแคว้นมอญ เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มชาวไทยมีดินแดน และการติดต่อกันดังนี้
- ไตยเขิน อยู่ที่แคว้นเชียงตุง ลุ่ม แม่น้ำเขิน มีความใกล้ชิดกับไทยลื้อในเรื่องของภาษาและการนับถือ เชื่อว่าไทยเขินอพยพมาจากทางใต้ (จ.นครศรีธรรมราช) ถึงแม้ว่าภาษาไทยเขินทางเหนือกับทางใต้จะไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่แสดงความเกี่ยวข้องกันคือ งานหัตถกรรมเครื่องเขินนั่นเอง
- ไตยลื้อ อยู่ที่แถบสิบสองพันนา รัฐฉาน น่าจะอพยพมาจากแถบลุ่มแม่น้ำลื้อแคว้นล้านนาในประเทศไทย
- ไตยลาว ส่วนใหญ่อยู่ในอาณาจักรลาวที่มีสิบสองพันนา สิบสองจุไท และยูนนาน เชื่อว่าอพยพมาจากการรุกรานของจีนจากยูนนาน
- ไตยหลำ อยู่แถบลุ่มน้ำดำและแดง ปากอ่าวตังเกี๋ย (ทางตอนบนของเวียตนามเหนือ) ไตยหลำที่อพยพเข้ามาในไทยเรียกว่า ภูไทย อาศัยอยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของภูไท คือ คำสอน เช่น อย่าลักหมกจกห่อ (ห้ามลักขโมย)
- ไตยใหญ่ (สยามไทย) อยู่แถบอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.119 หลังจากที่หลบหนีจากการรุกรานของชนชาติจีนมายังตังเกี๋ย ลาว อินโดจีน ชะเลียง จนมาถึงสุวรรณภูมิ ในอดีตจัดเป็นอาณาจักรที่มีอาณาเขตกว้างขวางมาก จนต้องหนีการรุกรานของราชวงศ์หงวนในปี พ.ศ. 1797 ปัจจุบันยังมีไตยใหญ่ในน่านเจ้าอยู่บ้างในแถบลุ่มน้ำสาละวิน คุนหมิง และนครเชียงตุง |
|
Settlement Pattern |
สภาพบ้านของไตยใหญ่เรียกว่า ทรงไทย มีความคล้ายคลึงกันในทุกๆ แหล่ง กล่าวคือตัวบ้านจะรักษาความอบอุ่น เพราะอยู่บริเวณหุบเขา ผังบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคามุงจาก ฝาผนังเป็นไม้ไผ่สาน ใต้ถุนสูง รั้วไม่ไผ่โปร่ง(หน้า:392) |
|
Demography |
จากการสำรวจประชากรสยามในแคว้นต่างๆ ในปี ค.ศ. 1931 มีดังนี้ 1.) แถบไทย 12 ล้านคน 2.) แถบโยธยา 13 ล้านคน 3.) แถบอินโด-จีน 18 ล้านคน 4.) แถบจีน 19 ล้านคน (หน้า 53) |
|
Economy |
อาชีพของคนไทยหรือไตยนั้น เป็นไปในทางการเกษตรกรรม ได้แก่ ทำนาข้าว ทำไร่พืชพันธัญญาหาร ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์บ้าง ไตย นิยมที่จะมีตลาดประจำหมู่บ้านหรือชุมชนของตน นอกจากนี้ ยังมีตลาดนัดทุกเจ็ดวัน การค้าขายหรือแลกปลี่ยนสินค้ากับต่างถิ่นนิยมใช้เกวียนเป็นยานพาหนะ |
|
Political Organization |
ไตยมีการปกครองเป็นอาณาจักร (ฮายหอ) โดยมีผู้ปกครองเป็นราชวงศ์ (กษัตริย์) แต่ละอาณาจักรจะมีบริวารตัวอย่างเช่นอาณาจักรน่านเจ้า อาณาจักรที่มีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดของไตย เมื่อสมัยที่รุ่งเรืองสุดขีดมีระบบการปกครองดังนี้
ลำดับที่ 1 กษัตริย์
ลำดับที่ 2 มหาอำมาตย์ เสนาบดี
ลำดับที่ 3 คณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
ลำดับที่ 4 หัวหน้าฝ่ายปกครอง หัวหน้าฝ่ายบริหาร
ลำดับที่ 5 ฝ่ายทหาร ฝ่ายบัญชีพลเรือน ฝ่ายราชประเพณี ฝ่ายตัดสินคดี ฝ่ายปกครอง
ลำดับที่ 6 ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายการคลัง ฝ่ายติดต่อต่างประเทศ ฝ่ายพาณิชย์
ลำดับที่ 7 ขุนเวียง
ลำดับที่ 8 เจ้าฟ้าราชวงศ์ เจ้าฟ้านักปราชญ์ราชบัณฑิต
ลำดับที่ 9 กำนันราชวงศ์ กำนันนักปราชญ์
ลำดับที่ 10 เฒ่าเมือง
ลำดับที่ 11 พ่อเมือง
ลำดับที่ 12 ผู้ใหญ่บ้าน (หน้า :78)
ในปัจจุบันถึงแม่จะไม่มีระบบกษัตริย์ชัดเจนในกลุ่มชนชาติไตย แต่ในสังคมชองไตยยังมีสถานะเจ้า หรือราชวงศ์อยู่ |
|
Belief System |
ศาสนา :ไตยนับถือศาสนาพุทธ 3 นิกาย ได้แก่ นิกายหินยาน นิกายมหายาน นิการวชิรญาณ (หน้า:394) นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่นับถือ ผี กันอยู่บ้าง เช่น ผีน้ำ ที่มีการตั้งหอผีใกล้กับลำธาร เชื่อกันว่าจะปกปักษ์ไม่ให้แหล่งน้ำแห้งเหือดไป
พิธีกรรม : วันครูหมอไตย ; บุคคลใดก็ตามที่มีความรู้ ความชำนาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง จนสามารถสอนให้แก่ผู้อื่นได้จะเรียกว่าครูหมอ เพื่อเป็นการรักษาและเผยแพร่ความรู้ จึงจัดให้มีวันสำคัญเรียกว่า วันครูหมอไตย เพื่อยกย่องผู้ชำนาญการนั้นๆ สำหรับครูคนใดที่ล่วงลับไปแล้วก็จะมีการทำบุญอุทิศกุศลให้ในวันนั้น ส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่จะมาในงานเพื่อประกาศให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกัน
โหราศาสตร์ ; ฮุลาไตย (ฮุลาคือโหรา) เป็นศาสตร์ที่คู่กับไตยมาช้านาน ฮุลาไตยที่โดดเด่นและมีมาถึงทุกวันนี้คือ ข้องสามตา ไตยทุกคนถือฤกษ์ยามตามเวลาที่ดอกไม้ออกผลเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ฮุลาไตยอีกอย่างของคนไตย คือ ยามแปดตา เป็นการทำนายโดยใช้ตารางเวลา สามารถบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดตามวันและเวลาทีปรากฏในตาราง
วัฒนธรรมการตั้งชื่อ การตั้งชื่อของไตยนั้นโดยมากจะให้พระที่วัดเป็นผู้ตั้งให้ตามประเภทของทานที่ถวาย เช่น สร้างพระถวาย จะได้ชื่อ เงินชื่น เงินใส เงินเฮือง สร้างจีวรถวายสงฆ์ จะได้ชื่อ ไหมชื่อ ไหมใส สร้างพระคัมภีร์ถวาย จะได้ชื่อ ลายชื่น ลายใส ลายเฮือง เป็นต้น |
|
Education and Socialization |
นอกจากศึกษาความรู้จากครูหมอไตยแล้ว ไตยในปัจจุบันได้มีระบบการศึกษาสากล เช่น ที่บ้านใหม่ หมอกจ๋าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาธิคุณจัดสร้างโรงเรียนพ่อหลวงอุปถัมภ์เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาให้แก่ไตย |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกาย ไตยนิยมใช้ผ้าด้ายดิบสีหม่น สีดำย้อมคราม โดยการแต่งกายจะแบ่งเป็นหญิงชาย ดังนี้
ชาย นิยมกางเกงโห่งโป่ง เป้ายาน สวมเสื้อแขนกว้างยาว โพกศีรษะด้วยผ้ายาวประมาณ 5-7 ศอก เมื่อมีงานปอยหลวงจะเปลี่ยนมาใช้กางเกงแพร เสื้อจุ่ง เสื้อแพร โพกศีรษะด้วยผ้าไหม พกมีดสั้นด้ามเงิน สะพายดาบด้ามเงิน ใส่หมวกทอลั่น ใส่รองเท้าหนังไตหนอง ผู้ชายไตยนิยมไว้ผมยาว คนหนุ่มจะใส่ตุ้มหูทองคำข้างหูซ้าย
หญิง นุ่งซิ่นดำ ถ้าร่วมงานปอย นุ่งซิ่นเจ๋นหรือซิ่นแพรตีนซิ่น เย็บต่อตีนด้วยผ้าไหมกว้าง 3 นิ้วเย็บต่อกัน 2 ชั้น โพกหัวผ้าสีขาว หญิงชราโพกสีดำ ชายผ้าทอลายเป็นปล้อง สีเหลือง เขียว ขาวใส่เสื้อไม่แหวกอก กลัดกระดุมเงิน กระดุมทอง ใส่กำไลเงิน กำไลทอง ก่อนแต่งตัวร่วมงานจะอาบน้ำสระผมที่ลำธารน้ำไหล (หน้า :48,435)
นอกจากการแต่งกายแล้วสิ่งที่แสดงถึงศิลปหัตถกรรมได้ดีที่สุดของไตย คือ พิพิธภัณฑ์ ที่เก็บรักษาสมบัติของไตย จัดตั้งโดยกระทรวงวัฒนธรรมไตย ตั้งอยู่ที่เมืองต่องกี่ สิ่งที่เก็บรักษาที่นี่มีอยู่ด้วยกันสามหมวด ดังนี้ หมวดเชื้อชาติ เช่น เสื้อผ้า เครื่องอิสริยยศ หมวดวรรณกรรม และหมวดศาสนา เช่น พระพุทธรูป ที่พิพิธภัณฑ์นี้ได้จัดให้มีการส่งเสริมงานฝีมือที่แสดงถึงวัฒนธรรมของไตย เช่น งานแกะสลัก งานปั้น งานจักสาน เป็นต้น |
|
Folklore |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่มีการกล่าวถึงการแสดงนาฏกรรมเป็นประเพณี เช่น ฟ้อนกลองไตย ฟ้อนกลองยาว ฟ้อนดาบลายเซิ้ง |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไตยมีดังนี้ 1.) ภาษาพูด 2.) ภาษาเขียน 3.) วันครูหมอไต 4.) งานบวชปอย (บวชลูกแก้ว) 5.) การแต่งกาย 6.) โหราศาสตร์และการทำนาย 7.) วัฒนธรรมการตั้งชื่อ 8.) วรรณกรรม
ความสัมพันธ์กับชนชาติอื่น :
- ชาวจีน ไตยเคยอาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นของชนชาติจีน แม้ในปัจจุบันก็ยังคงมีไตยบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในจีน
- พม่า จากอดีตจนถึงปัจจุบันนอกจากไตยได้อาศัยอยู่ในดินแดนของพม่าแล้ว ชายไตยยังได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวพม่า
อีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างไตยกับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ เช่น กะเหรี่ยง คะฉิ่น จัดเป็นผู้ร่วมชะตากรรม กล่าวคือ ทั้งชายไตยและชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ต่างก็ถูกปกครองโดยอังกฤษ เช่น เดียวกับพม่าในช่วงการล่าอาณานิคม และภายหลังพม่าเป็นอิสระภาพ
จากอังกฤษแล้ว พม่าก็ได้รุกรานไตย และชนกลุ่มน้อยเพื่อแย่งดินแดนที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นั่น
เอง |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในปัจจุบันไตยมีวิธีการปกครองที่แตกต่างไปจากเดิม กล่าวคือจากที่เคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ เมื่อหมดความเข้มแข็งลงจึงตกอยู่ใต้การปกครองของแคว้นที่เข้มแข็งกว่า เช่น ในสิบสองปันนาที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีน ในประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลไทย เป็นต้น ในหมู่ชายไตยสถานภาพความเป็นเจ้ายังคงมีอยู่แต่แทบจะไม่มีความสำคัญดังเช่นอดีต ส่วนทางด้านประเพณี วัฒนธรรมดั้งเดิม ยังคงมีอยู่ เช่น ประเพณีปอยส่างลอง วันครูหมอไตย ภาษาพูด ภาษาเขียน การแต่งกาย การถือฤกษ์ยาม |
|
Map/Illustration |
แผนที่
อาณาจักรไทยสมัยพระเจ้าขุนรามคำแหง พ.ศ. 1821-1860(หน้า:105)
แผนที่รัฐที่มีไทยใหญ่หนาแน่น(หน้า:106)
แผนที่แสดงเส้นทางการอพยพยของต้นตระกูลไทย(หน้า:196)
ขบวนการกู้ชาติไทยใหญ่(หน้า:316)
แผนภูมิสหรัฐไทยใหญ่(หน้า:323)
บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ(หน้า:381)
HTEE HSET MET YWA-LAND OF KAREN FOREFATHERS(หน้า:495)
The(3)Routes of the Karens in Migrating Southwards(หน้า:496) Present Union of Burma(หน้า:498)
Present Karen Revolutionary Areas inEast Kawthoolei(หน้า:499)
พม่า(หน้า:500) BURMA(หน้า:517)
รูปภาพ
ชนเผ่าต่างๆ (หน้า:5-67) หมู่บ้านและที่อยู่อาศัยของไตย(หน้า:6,55,63)
พญาเศวตกุญชรของกษัตริย์พม่า(หน้า:113) อานันทเจดีย์(หน้า:114) พิพพันยูเจดีย์(หน้า:116) อังกฤษยกพลขึ้นบก?(หน้า:118) พระเจ้ามันดุง(หน้า:122) พระนางอเลนันดอ(หน้า:124) พระนางศุภยาลัต(หน้า:128) เตงคาหวุ่นคยี?(หน้า:129) หอหลวงของเจ้าฟ้าพรหมลือ เจ้าหญิงทิพวรรณ(หน้า:139)
หอคอยพระนางศุภยาลัต(หน้า:142) จ่อโฟและขุนนุ(หน้า:147) ขุนหม่องและขุนหม่ง(หน้า:148) ขุนทีและขุนส่วยจี่(หน้า:149) เจ้าหม่องและขุนแสง(หน้า:150) เจดีย์ทองที่หงสาวดี(หน้า:162) พ่อครู ด็อกเตอร์มาร์คส์(หน้า:163) อนุสาวรีย์เตือนจิต?(หน้า:165) เจดีย์ทองชะเวดากอง(หน้า:166) กษัตริย์มินดง?(หน้า:174)
ราชบรรลังก์ของเจ้าฟ้าแสนหวี(หน้า:175)บัลลังก์ของกษัตริย์พม่า(หน้า:180) จอมมหาเหี้ยมของพม่า(หน้า:186) กำแพงวังมัณฑะเลอันเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล(หน้า:187) นางสนองพระโอษฐ์?(หน้า:191) เครื่องใช้บางส่วนของกษัตริย์พม่า(หน้า:192) พม่าเปลี่ยนสัญลักษณ์จากนกยูง มาเป็นสิงห์(หน้า:202) ระฆังใบใหญ่?(หน้า:203) เจ้าฟ้าจ่ามทูน?(หน้า:211) อ่องซาน?(หน้า:212) หอคำที่ประทับเจ้าฟ้าเชียงตุง(หน้า:213) อูอ่องซานกล่าวคำโฆษณา(หน้า:215) โบสถ์ฝรั่งเมืองต่องกี(หน้า:219) อูอ่องซาน(หน้า:220) ฝูงชนกระหายเอกราช(หน้า:221) อูอ่องซาน(หน้า:222) อูอ่องซานตรวจการณ์รักษาความสงบ(หน้า:223) อูอ่องซานและมารดา(หน้า:225) อนุสาวรีย์ อ่องซานเมืองต่องกี(หน้า:226) ตะขิ่น อูนุ อดีตนายกรัฐมนตรี?(หน้า:228) เจ้าฟ้าส่วยไต้(หน้า:229) เจ้าฟ้าส่วยไต้ ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง?(หน้า:230) เจ้าห่มฟ้า?(หน้า:232)นายตำรวจพม่า?(หน้า:234) เนวินนำอูนุ?(หน้า:236) ชุมนุมเรียกร้องเอกราช(หน้า:238) เมื่อได้เอกราช?(หน้า:244) เซอร์ เรยินัลด์ คอร์มันสมิท(หน้า:248) พลเอกเนวิน?(หน้า:250)นายพลเนวินและมาดาม?(หน้า:253) พลเอกซานยุ ผู้บัญชาการทหารบก(หน้า:255) พลเอกติ่นอู ผู้บัญชาการกองพลภาคใต้พม่า(หน้า:257) ที่ฝังศพเจ้าฟ้า?(หน้า:261) อนุสาวรีย์บ่อโจ่?(หน้า:263) พ.ศ. 2510โมเฮง?(หน้า:264) หอเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง(หน้า:267) พวกชาวบ้านไทยใหญ่ที่มาสมัครเข้าเป็น "หนุ่มศึกหาญ"และสรุปบรรยายก่อนออกรบ (หน้า:268) บาดเจ็บจากการสู้รบ(หน้า:269) การฝึกทหาร?(หน้า:270) เจ้าน้อยหยั่นต๊ะ?(หน้า:271) ชาติใคร?(หน้า:272) กำลังทหารของกองทัพ S.S.A.ฝึกอบรมวิชาการทหารอยู่(หน้า:273) เมืองล่าเสี้ยว สถานที่ตั้งคณะกู้ชาติไตยเป็นครั้งแรก(หน้า:274) เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสู้สึก และกองมูขุนหอคำไตย(หน้า:276) หลักเขตไทยกับพม่าที่เมืองหาง(หน้า:277) สรุปบรรยายก่อนรบ(หน้า:278) ก่าก่วยแย?(หน้า:279) ฉลองครบรอบ 7 ปี กองทัพกู้ชาติไตยที่เปียงหลวง(หน้า:280) ค.ศ. 1998 ปืนไต กำลังอบรมทหารภาคใต้สาละวิน(หน้า:281) วิทยุรับส่งแบบเคาะสัญญาณ(หน้า:282) พันตรีเสือเยน?(หน้า:283)นายทหารของS.S.A.ทำความเคารพ?(หน้า:284) ทหารของS.S.A.มุงดูรูปภาพ?(หน้า:285) พันเอกอูบัณฑิตเครือเสือ?(หน้า:286) พ.ท.แยจ่อตู่?(หน้า287) สิงห์ร้ายอดีตนักศึกษา?(หน้า:288) วันที่ 7 ธันวาคม 1949?(หน้า:290) กำลังบางส่วนของกองทัพ?(หน้า:291) เจ้าแม่มหาเทวีเฮือนคำ?(หน้า:293) เสือเลนและภรรยา(หน้า:294) ซอหยั่นต๊ะ(หน้า:296) เจ้าเฒ่า ปืนไต?(หน้า:301) พ.ศ.2507 ขึ้น 4 ค่ำ?(หน้า:303) แถวหน้ายืนจากซ้ายไปขวา1.พันเอกแสนหลวง(หัวหน้ามูเซอ)?(หน้า:304) ลุงกอนเจิง(หน้า:306) ด้านหน้าของวังเจ้าฟ้าแสนหวี(หน้า:307) โบ่เต๋หวิ่น(หน้า:308) เจ้างาคำ(หน้า:309) เจ้าฟ้าชายหลวง?(หน้า:310) ชายทุนเอ?(หน้า:311) โบ่โมเฮง(หน้า:312) เสือเลน(หน้า:318) เจ้าหน่อเมียะ?(หน้า:320) จ่อจิ่ง?(หน้า:321) 1กันเจ๊ด 4 ปืนไต?(หน้า:322) จายอ่อง มหาซาง?(หน้า:324) เจ้ายี่ เลขาธิการพรรคS.S.P.P?(หน้า:325) ร้อยเอกแสงหาญ?และลุงพ่อเมืองญาณะ?(หน้า:326) เจ้ากองไต ลูกเจ้าฟ้าก้อนแก้วและเจ้าขุนเปี้ย เมืองนาย(หน้า:327) ค.ศ.1959ชายทูนเอ?(หน้า:329)พันเอกจ่อทูน?และร้อยเอกหญี่ หญี่?(หน้า:330)จิมมี่แหลด(หน้า:332) กลุ่มอาสาสมัครโกก้าง?(หน้า:333) ไร่ฝิ่นนับพันไร่บนดอยหม่อ(หน้า:335) โลชิงฮันและดอกฝิ่นกำลังสุก(หน้า:336) กรีดดอกฝิ่นยามเช้า(หน้า:337)การกรีดดอกฝิ่นด้วยมีดขอบางคมและยางฝิ่นที่ไหลออกเกาะข้างดอกฝิ่น?(หน้า:338) นายพลเล่าต่วน(หน้า:339) ซ้ายมือโลชิงฮัน(หน้า:342) ฤดูการเก็บฝิ่น(หน้า:343) ที่ไนหๆก็เรียนรู้ได้ ส่วนหนึ่งของชีวิต?ไตย(หน้า:344) ยามคอยแจ้งเหตุทหารกู้ชาติ(หน้า:345) เตรียมวัสดุตั้งค่ายทหารกู้ชาติ(หน้า:346) นายทัพใหญ่ของกองทัพอาณาจักรไตย?และพ.อ.จ่ามไทยกำลังตรวจพลที่บ้านนางิ้ว เมืองสีป้อ(หน้า:347) เจ้าฟ้าโกก้าง (จิมมี่ ยัง)(หน้า:348) ขุนส่าพร้อมกำลังส่วนหนึ่ง(หน้า:350) เมืองต่องกี่(หน้า:352) ขุนส่าพร้อมทหารคู่ใจ(หน้า:353) ขุนส่าหรือจางซีฟู หรือจันทร์ จางตระกูล(หน้า:354) มร.เบลิส?(หน้า:355) ขุนส่าสมัยถูกพม่าจับกุมตัวที่เมืองตองกี่(หน้า:357) ดร.เพียร์ นิทสกี้?(หน้า:358) บ้านพักขุนส่า ที่บ้านหินแตก(หน้า:360) โบ่เตหวิ่น(หน้า:361) เสือข่าน(หน้า:362) บ้านหินแตก ถิ่นพำนักกองกำลังขุนส่า(หน้า:363) ขุนมหาต้างยาน?(หน้า:364) นายพลพญาจะอ๋อ?(หน้า:366) ทหารหญิงกู้ชาติไตย(หน้า:367) ทหารพม่าเอารถชนกำแพงวัดเครือไตยพัง ที่เมืองล่าเสี้ยว(หน้า:377) การกรีดฝิ่นให้ยาว ฝิ่นไหลออกตามรอยกรีด(หน้า:380) พ.ท.ชาติชาย ชุณหวัน?(หน้า:387) นายเรือง นิมมานเหมินท์?(หน้า:388) อักษรไทยใหญ่ในอาณาจักรหนองแส(หน้า:389)อักษรภษาาพยู(หน้า:391) สภาพบ้านของไทยใหญ่?(หน้า:392) ฟ้อนรำดาบ(หน้า:393) บรรพชาหมู่ ของชาวไทยใหญ่ที่วัดเครือไตย เมืองล่าเสี้ยว(หน้า:394) วัดมังคลาหม่วยต่อ?(หน้า:395)พระมหามัยมนุ?(หน้า:396) พระเจดีย์เก่าแก่อายุเกือบพันปีที่พุกาม(หน้า:397) อ่านหนังสือ?(หน้า:398) เคารพนับถือจริงๆ?(หน้า:399) พิธีบรรพชา เด็กกำพร้าที่เชียงตุง ค.ศ.1958(หน้า:400) เรือกาละเวกผ่องต่ออู่?(หน้า:401) วัดผ่องต่ออู่ เมืองยองห้วย รัฐชาน(หน้า:402) อักษรไต(ไทยใหญ่)?(หน้า:403-410) พระภิกษุไทยใหญ่กำลังวางศิลาฤกษ์?(หน้า:411) นักศึกษาและอาจารย์ใหญ่?(หน้า:412) อุปสมบทที่สีมากลางน้ำของชาวไทยใหญ่(หน้า:413) พระพุทธรูปผ่องต่ออู(หน้า:414) ค.ศ. 1951 วัดเครือไตย?(หน้า:415)เจ้าฟ้าส่วยใต้คำศึก?(หน้า:417) พิธีแห่ลูกแก้วในไทยใหญ่(หน้า:418) พระภิกษุสามเณรไทยใหญ่แห่งสำนักป๋างโหลง(หน้า:419) พระเจดีย์ผ่องต่ออู ?(หน้า:420) เจ้าเมียะจี่ เจ้าแว่น...(หน้า:421)ยามแปดตาและสีซอ(หน้า:422-423) พระเจดีย์โกมุท?และอนุสาวรีย์อิสระภาพที่เมืองล่าเสี้ยว(หน้า:427) การแจวเรือด้วยเท้า(หน้า:428) พระพุทธรูปทรงเครื่องที่อังกฤษยึดไปจากพม่า(หน้า:429) พระพุทธรูปพระเจ้าทิพย์?(หน้า:430) กำลังนำลูกแก้ว ของเจ้าแม่นางเฮือนคำเข้าวิหารเพื่อบรรพชา(หน้า:432) ล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จเปิดโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ฯ(หน้า:434) การแต่งกายชาวไตในทะเลสาปอินเล(หน้า:435)หนองน้อย?(หน้า:436) ชาวกะฉิ่นเผ่าอะสิ ในเขตสะดง(หน้า:443) ชาวกะฉิ่นเผ่ามะรุ ในเขตกะฉิ่น ภาคเหนือสุด(หน้า:444) มีทหารร่วมขบวนคือทหารหญิงเมียวเติง(หน้า:446) ชาวกะฉิ่นเผ่าอะสิ ในเขตสะดง(หน้า:447) ชนชาติกะเหรี่ยง?(หน้า:449) เมื่อกะเหรี่ยงกอทูเลกับไทยใหญ่รักกัน(หน้า:451) รบเพื่อชาติกะเหรี่ยงกอทูเล(หน้า:453) สงวนไว้ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์(หน้า:456) รอคอยตลบหลัง(หน้า:457) วันชาติกะเหรี่ยงกอทูเล(หน้า:458) ไม่ก้มหัวให้พม่ามาแต่ต้น(หน้า:459) ระบำกระทบไม้ของชาวกอทูเล(หน้า:460) เตรียมกำลังรบ(หน้า:461)กองทัพเยาวชนกู้ชาติ(หน้า:462) กอทู(อุ่งเผ่)(หน้า:463) พลเอกจ่อเมียะต่าน?(หน้า:465) ซอฮันเตอร์?(หน้า:466) สกอ,เลอ-ทอ?(หน้า:467) ซอบ๊ะอูยี(หน้า:468) มาห์น บ๊ะซาน(หน้า:469) นอร์หลุยซ่า บินสิ่น(หน้า:472) ทำพิธีถวายเครื่องสักการะในสถานที่เพาะปลูกพืช(หน้า:473) แต่งกายตามประเพณี ชาวกะเหรี่ยง กอทูเล(หน้า:474) ซอร์ บาร์ติ่น(หน้า:475) ชายหนุ่มโสดชาวกะเหรี่ยง(หน้า:476) ดร.ยอด ตาวา?(หน้า:477) หนุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยง(หน้า:478) ซอร์แทมลาโบว(หน้า:479) พลตรีซอ ทัมลาบอ(หน้า:480) พลตรีซอเต็ง(หน้า:481) ซอเมี๊ยะ หม่วง(หน้า:482) พรรคกอบกู้ชาติอาระกัน?(หน้า:484) ซอตานอ่วง(หน้า:485) ดร.เอช.เอ็ม.ซิงห์?.(หน้า:486) เด็กชายชาวกะเหรี่ยงคล้องคอด้วยฟันปลาและตะกร้าของชาวกะเหรี่ยงที่ทาด้วยแลกเกอร์ผสมน้ำผึ้ง(หน้า:488) ตะกร้าบรรจุเสื้อผ้า?และตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่?(หน้า:489) เด็กชายกะเหรี่ยงเฝ้าเครื่องสักการะพระแม่ธรณีในไร่และชาวกะเหรี่ยงใช้ครกตำข้าวด้วยมือ(หน้า:490) ถุงย่ามของชาวกะเหรี่ยงที่ทออย่างสวยงามและการแต่งทรงผมตามจารีตประเพณี(หน้า:491) นายพลโบเมียะ(หน้า:494) นายพลติ่นอู ผุ้บัญชาการกองพลภาคใต้(หน้า:501) นายพลเนวิน ประธานาธิบดีสหภาพพม่า?(หน้า:502) ทหารของโหม่อง?(หน้า:504) กองทัพละว้า?(หน้า:505) กำลังละว้า การฝึกซ้อม(หน้า:506) กำลังละว้าฝึกการเข้าโจมตี(หน้า:507) หน่วยละว้า กำลังออกรบพม่า(หน้า:511) สุภาพบุรุษชาวพม่า?(หน้า:513) วัดในเมืองพุกาม(หน้า:514) เจดียืที่พุกาม(หน้า:516) วัดอีกแห่งในเมืองพุกาม(หน้า:519) พระพุทธรูปมอญยุคทวารวดี อานันทเจดีย์ที่พุกาม(หน้า:525) เนินเขาฝั่งเมาะลำเลิง?(หน้า:526) เจดีย์ชเวดากอง(หน้า:527) พระเจดีย์องค์หนึ่งที่เมืองมิงกุน(หน้า:528) วัดมอญที่ซีเรียม (เดิงเชียง)ร่างกุ้ง(หน้า:529) เลดี้หม่องยี?(หน้า:534) พลเอกจ่อเมียะ?(หน้า:536) พระพุทธรูปที่อยู่ในเจดีย์(หน้า:537) |
|
|