สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยมุสลิม,วัฒนธรรม,การรักษาพยาบาล,การปรับตัว,ปัตตานี
Author วรรณฤดี ชินช่วยแรง
Title การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิม
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเนเชี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 203 Year 2536
Source ปริญญาสังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข คณะสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

การศึกษาครั้งนี้ถือเป็นกรณีทางวัฒนธรรมศึกษา ที่เกิดขึ้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายของกลุ่มคน ซึ่งแต่ละกลุ่ม มีวัฒนธรรมเฉพาะที่ตอบสนองการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน บางครั้งวัฒนธรรมบางอย่างก็อาจไม่สอดคล้องกัน ดังนั้น เมื่อเป็นความจำเป็น มนุษย์จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับตัวระหว่างวัฒนธรรมได้ ผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมมีการปรับตัวเชิงวัฒนธรรม ทุกด้านอยู่ในระดับปานกลาง มีการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรคดีกว่าด้านอื่นๆ นอกจากนั้น ยังพบว่า ลักษณะทางประชากรรวมทั้งประสบการณ์ความเจ็บป่วยมีผลต่อการปรับตัวในระหว่างการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิม โดยมีปัจจัยที่สามารถพยากรณ์การปรับตัวได้ดีคือ อายุ จำนวนปีที่ศึกษาสายสามัญ สถานภาพสมรส ความสามารถในการใช้ภาษาไทย การพักรักษาในแผนกศัลยกรรมโรคและอาการเจ็บป่วยในครั้งนี้ และจำนวนครั้งที่เคยเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลรอบปีที่ผ่านมา โดยสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมได้ร้อยละ 37.33 โดยผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมที่มีอายุน้อย ผ่านการศึกษาสายสามัญ สถานภาพโสดหรือคู่และสามารถใช้ภาษาไทยได้ดีจะมีแนวโน้มที่จะมีการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมได้ดีกว่ากลุ่มผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมสูงอายุ ไม่ได้ผ่านการศึกษาสายสามัญ มีสถานภาพการหย่าร้างและไม่สามรถใช้ภาษาไทยได้เลย ส่วนปัจจัยทางด้านการศึกษาสายศาสนา จำนวนบุตร อาชีพและภูมิลำเนาในปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ไม่สามรถสรุปความสัมพันธ์ได้ชัดเจนนัก การศึกษาครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าความเชื่อบางประการ ของวัฒนธรรมท้องถิ่น อาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวในระหว่างการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแม้จะมิใช่ข้อกำหนดของศาสนาโดยตรง ดังนั้น การพิจารณาวัฒนธรรมเฉพาะท้องถิ่นร่วมกับวัฒนธรรมอิสลาม จึงอาจมีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบบริการในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยมุสลิมให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้

Focus

ศึกษาการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาลและการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ตลอดจนการศึกษาความสัมพันธ์ อำนาจการพยากรณ์ของลักษณะทางประชากรและประสบการณ์ความเจ็บป่วยที่มีต่อการปรับตัวเชิงวัฒนธรรม

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ไทยมุสลิม

Language and Linguistic Affiliations

ภาษายาวีและภาษาไทย (หน้า133)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ.2541 (ค.ศ.1998)

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

จังหวัดปัตตานีมีไทยมุสลิมอาศัยอยู่ร้อยละ 77.53 (หน้า 66)

Economy

กลุ่มตัวอย่างสตรีไทยมุสลิมนอกจากการเป็นแม่บ้านหรือมิได้ประกอบอาชีพใดแล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่ประกอบอาชีพรับจ้าง ค้าขายและเกษตรกรรม (หน้า 133)

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

มุสลิมเชื่อพระเจ้า ศาสนทูต โลกหน้าและสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นความศรัทธาที่ตรงกันของมุสลิมทั่วโลก ไม่เคารพรูปปั้นต่างๆ และธรรมชาติทั้งมวลไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ หรือภูเขา ในด้านพิธีกรรมที่นอกเหนือจากส่วนที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พิธีแต่งงาน การจัดการกับผู้ป่วยหรือคนตาย จะต้องไม่ขัดกับหลักศาสนา มุสลิมมีความเคร่งครัดในการปฏิบัติตามศาสนาบัญญัติ โดยมี หลักสำคัญ 2 ประการที่มุสลิมยึดถือปฏิบัติ คือ หลักศรัทธา (อัรกานุลอีมาน) และหลักปฏิบัติ (อัรกานุลอิสลาม) การดำเนิน ชีวิตของสังคมมุสลิม เน้นการสำรวมของชายและหญิง ด้วยการควบคุมรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสของตนเอง ไม่ให้เป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ซึ่งกันและกันได้ ส่วนการแต่งกายในวัฒนธรรมอิสลามจะเน้นการปกปิดร่างกาย การแต่งกาย การห้ามอยู่ลำพังกับเพศ ตรงข้ามรวมถึงคำพูดและน้ำเสียงของสตรีมุสลิมถือเป็นการใช้ชีวิตในสังคมอิสลาม และเพื่อปกป้องเกียรติและคุณธรรมของผู้หญิง อิสลามเน้นการรักษาความสะอาดของร่างกายเพราะความสะอาดในศาสนาอิสลามเทียบเท่ากับความบริสุทธิ์ นอก จากนี้ยังคำนึงถึงสุขภาพของมนุษย์โดยตรงไม่ว่าจะเป็นในด้านโภชนาการ การพักผ่อนตลอดจนการรักษาสุขภาพ (หน้า 32-48)

Education and Socialization

การศึกษาในแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้มี 2 ระบบคือ ระบบสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการและระบบที่จัดขึ้นโดยภาคเอกชนซึ่งนอกจากจะสอนวิชาสามัญแล้วยังเน้นหนักในการสอนศาสนาเพิ่มเติมด้วย (หน้า 132) จากกลุ่มตัวอย่างศึกษาสายสามัญส่วนใหญ่จะจบเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (ร้อยละ 65) และถ้าการศึกษาเน้นหนักการสอนศาสนาอิสลาม พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างศึกษาในระดับ 1-4 (ร้อยละ 48.5) นอกจากนั้น เป็นการเรียนเสริมพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ (ร้อยละ 27.3) การเรียนศาสนาอิสลาม ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของบิดามารดาที่จะต้องเลี้ยงดูและจัดการการศึกษาให้แก่บุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา (หน้า 76-77)

Health and Medicine

ปี พ.ศ. 2538 มีสถานีอนามัยทั่วประเทศ 9,010 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 707 แห่งและโรงพยาบาลทั่วไปสังกัดกระทรวงสาธารณะสุข 70 แห่ง (ไม่รวมโรงพยาบาล โรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลค่ายสังกัดกระทรวงกลาโหม โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกต่างๆ) ในปี พ.ศ. 2533 มีผู้ป่วยนอกมาใช้บริการในโรงพยาบาลของรัฐทั้งสิ้น 2,184,561 ครั้ง เฉลี่ย 0.78 ครั้งต่อคนต่อปีซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ (0.82 ครั้งต่อคนต่อปี ) และมีผู้ป่วยในทั้งสิ้น 201,489 คน (หน้า 1-2) ในปี พ.ศ. 2537 จังหวัดปัตตานีมีผู้ตั้งครรภ์ทั้งสิ้น 11,779 ราย แต่ทำคลอดโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพียงร้อยละ 50.85 นอกจากนั้นคือการคลอดกับผดุงครรภ์โบราณ หากพิจารณาถึงวัฒนธรรมในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนออกจากโรงพยาบาล สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาลและการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ซึ่งจะดำเนินไปตลอดระยะเวลาที่ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ละแผนกในโรงพยาบาลจะมีลักษณะการรักษาเฉพาะ แตกต่างกันตามพยาธิสภาพของโรค ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตและวิธีปฏิบัติตนในขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล การที่สถานะสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่บรรลุเป้าหมายของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเพียงพอนั้น สาเหตุมาจากสภาพความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย การขาดแคลนบุคลากรทางด้านสาธารณะสุข การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาสาธารณะสุขยังอยู่ในระดับต่ำ ขาดความเข้าใจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขและประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนอุปสรรคในการสื่อสารรวมทั้งการจัดสรรงบประมาณและกระบวนการงบประมาณไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาสาธารณะสุขในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 11-32,134)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิม กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 69.5 สามารถปรับตัวอยู่ในกลุ่มปานกลาง รองลงมาคือการปรับตัวอยู่ในกลุ่มต่ำ ร้อยละ 19.6 และมีเพียงร้อยละ 19.5 ที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับการยอมรับปฏิบัติการใดๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในเกณฑ์สูง (ร้อยละ 81.3) ในด้านการตรวจวินิจฉัยโรค การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมที่ดีที่สุดคือ ด้านการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการตรวจโดยแพทย์หญิง ส่วนในด้านการซักประวัติมีการปรับตัวอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนประเด็นของการซักประวัติมีการปรับตัวอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีระดับการยอมรับอยู่ในกลุ่มสูง (ร้อยละ 66.5) และมีระดับความรู้สึกอยู่ในกลุ่มปานกลาง (ร้อยละ 68.7) การคลอดโดยมีแพทย์หญิงเป็นผู้ทำให้พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 99.1 และร้อยละ 96.1 ยอมให้แพทย์หญิงมุสลิมและแพทย์หญิงไทยพุทธทำคลอดให้ การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านของการรับเลือดจากคนต่างศาสนา มีการปรับตัวค่อนข้างปานกลางถึงต่ำ โดยร้อยละ 44.3 ยอมรับได้โดยไม่มีข้อแม้และรู้สึกเฉยๆ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ร้อยละ 41.6 ในเรื่องของการผ่าตัดทำหมันมีการปรับตัวได้น้อยที่สุด คือร้อยละ 60.4 ของกลุ่มตัวอย่างยอมรับไม่ได้และไม่สบายใจ ส่วนการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของสตรีมุสลิมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (ร้อยละ 50) การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมที่มีการปรับตัวได้ดีคือการแต่งกายในโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ยอมรับได้กับการแต่งกายตามกฎระเบียบของโรงพยาบาล ส่วนประเด็นที่ผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมมีการยอมรับได้น้อย คือ การทำความสะอาดร่างกาย โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.2 ไม่สามารถทำใจยอมรับได้(หน้า 89-154)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ตาราง -จำนวนผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมในแต่ละแผนกแยกตามรายเดือน(หน้า67) -ขนาดตัวอย่างทั้งหมด แยกตามประเภทของห้องพักที่รักษา(หน้า68) -กลุ่มตัวอย่างจำแนกตามแผนกที่พักรักษา(หน้า74) -กลุ่มตัวอย่างจำแนกตามภูมิลำเนาในปัจจุบัน(หน้า74) -อายุ สถานภาพสมรส จำนวนปีที่ครองสภาพการสมรสและจำนวนบุตรของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า75) -การศึกษาสายสามัญ สายศาสนา ความสามารถในการใช้ภาษาไทยและอาชีพของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า77) -ประเภทของห้องพักโรคหรืออาการเจ็บป่วยและระยะเวลาที่นอนพักรักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้ของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า80) -จำนวนครั้ง จำนวนวันที่เคยพักรักษาและโรงพยาบาลที่เคยพักรักษาในรอบปีที่ผ่านมาของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า81) -ประสบการณ์การพักห้องพิเศษและห้องสามัญของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า83) -ประสบการณ์รวมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรค ในด้านการตรวจปัสสาวะหรืออุจจาระ ตรวจเลือดและตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า84) -ประสบการณ์รวมในด้านการตรวจภายในและตรวจเต้านมของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า86) -ประสบการณ์รวมในด้านการรับประทานยาและการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า87) -ประสบการณ์รวมในด้านการรับเลือด การผ่าตัดและการคลอดที่โรงพยาบาลของกลุ่มตัวอย่าง(หน้า88) -ระดับความรู้สึกและระดับการยอมรับของการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมโดยรวม(90) -ระดับการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิม(หน้า90) -ระดับความรู้สึกและระดับการยอมรับของการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมด้านการตรวจวินิจฉัยโรค(หน้า92) -ระดับการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรค(หน้า92) -ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนการปรับตัวเชิงวัฒนธรรม ในด้านการวินิจฉัยโรค(หน้า93) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรคจำแนกตามรายข้อ(หน้า99) -ระดับความรู้สึกและระดับการยอมรับของการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านการรักษาพยาบาล(หน้า101) -ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนการปรับตัวเชิงวัฒนธรรม ในด้านการรักษาพยาบาล(หน้า101) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิมในด้านการรักษาพยาบาล จำแนกตามรายข้อ(หน้า108) -ระดับความรู้สึกและระดับการยอมรับของการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน(หน้า109) -ระดับการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมในด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน(หน้า110) -ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนการปรับตัวเชิงวัฒนธรรม ในด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน(หน้า110) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วย สตรีไทยมุสลิมในด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน จำแนกตามรายข้อ(หน้า117) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมจำแนกตามลักษณะทางประชากร(หน้า119) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรมจำแนกตามประสบการณ์ความเจ็บป่วยในครั้งนี้(หน้า121) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรม จำแนกตามประสบการณ์ความเจ็บป่วยในรอบปีที่ผ่านมา(หน้า122) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรม จำแนกตามประสบการณ์รวมที่เคยพักห้องพิเศษและห้องสามัญ(หน้า123) -การปรับตัวเชิงวัฒนธรรม จำแนกตามประสบการณ์รวมในด้านการตรวจวินิจฉัยโรค(หน้า124) การปรับตัวเชิงวัฒนธรรม จำแนกตามประสบการณ์รวมในด้านการรักษาพยาบาล(หน้า125) รายละเอียดของตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย(หน้า127) การวิเคราะห์ถดถอยพหุในการพยากรณ์การปรับตัวเชิงวัฒนธรรม(หน้า130) แผนภาพ -กรอบแนวคิด แสดงความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรรวมทั้งประสบการณ์ความเจ็บป่วยกักการปรับตัวเชิงวัฒนธรรมของผู้ป่วยสตรีไทยมุสลิม(หน้า65) - แสดงการพล็อตกราฟฮีสโตแกรม ระหว่างตัวแปรตามกับค่าความคลาดเคลื่อน(Histogram-Standardized Residual)( หน้า182) - ความสัมพันธ์แบบเส้นตรงระหว่างตัวแปรอิสระกับค่าความคลาดเคลื่อน (Normal Probability (p - p) plot)( หน้า183) - การพล็อตกราฟระหว่างตัวแปรตามกับค่าความคลาดเคลื่อน (Standardized Scatter plot)( หน้า184)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG ไทยมุสลิม, วัฒนธรรม, การรักษาพยาบาล, การปรับตัว, ปัตตานี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง