สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มอญ,รำมอญ,เกาะเกร็ด,นนทบุรี
Author บุญศิริ นิยมทัศน์
Title รำมอญเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 238 Year 2543
Source ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏยศิลป์ไทย ภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

รำมอญ 12 เพลง ตำบลเกาะเกร็ด เป็นการรำของชนเชื้อสายมอญซึ่งอพยพมาจากมอญในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นิยมรำในพิธีกรรม ประเพณีเพื่อบูชาบรรพบุรุษ ในการรำไม่จำกัดอายุและจำนวนของผู้รำ โครงสร้างท่ารำมีการใช้ศีรษะ ลำตัว มือและแขน การใช้เท้าและการใช้ศีรษะ 3 แบบคือเอียงขวา เอียงซ้ายและหน้าตรง การใช้ลำตัวมี 2 แบบคือลำตัวตรง ลำตัวโน้มเอียงข้างเดียว การใช้มือมี 4 แบบคือ มือแบ มือจีบแบบไทย มือตั้งวงแบบโดยใช้นิ้ว การตั้งวงมี 5 แบบคือ วงกลาง วงหน้า วงล่าง วงพิเศษและวงบัวบาน การใช้เท้ามี 6 แบบคือ ก้าวเท้า กระทุ้งเท้า ตบเท้า แตะเท้า ย่ำเท้าและเขยิบเท้า รูปแบบของการรำจะรำท่าเดียวประจำ แต่ละเพลงมีชื่อท่ารำประจำเพลงโดยไม่มีการขับร้อง ใช้วงปี่พาทย์มอญบรรเลงทั้ง 12 เพลง ก่อนเริ่มและเมื่อรำจบเพลงจะต้องนั่งกราบ เพื่อเป็นการคาราวะ การเคลื่อนที่ของท่ารำมอญอยู่ในท่า 50-75 เซนติเมตร การแต่งกายจะใช้ชุดประจำชาติมอญ ใช้สไบตามโอกาสของงาน ใช้ผู้แสดง 4-12 คนขึ้นไป จัดแสดงในตอนบ่ายหรือตอนค่ำใช้เวลารำไม่เกิน 1 ชั่วโมง สถานที่สำหรับรำเป็นลานกว้างหน้าบริเวณที่จัดงาน

Focus

ความสำคัญและหลักการรำมอญ ตำบลเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

มอญ

Language and Linguistic Affiliations

ภาษามอญ

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2543

History of the Group and Community

ไทยเรียกมอญว่า "รามัญ" เป็นชื่อของชนชาติที่อาศัยอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ ชาวยุโรปและอาหรับเรียกชนชาติมอญ ว่า "ตะเลง"(TALAINS) เพี้ยนมาจากคำว่า "ตะเลงคอนา" เป็นชื่อรัฐหนึ่งในประเทศอินเดียที่ชนชาติมอญอาศัยอยู่และได้ อพยพมาดินแดนทิเบต ชนชาติมอญตั้งอาณาจักรครั้งแรกที่เมืองสะเทิมและชนชาติมอญอีกกลุ่มสถาปนาที่เมืองหงสาวดี รวมทั้งแถบภาคกลางของประเทศไทยเรียกว่า อาณาจักรทวารวดี ส่วนภาคเหนือได้แก่เมืองหริภุญชัย ต่อมาชนชาติมอญถูกพม่ารุกรานสูญเสียเมืองหงสาวดีเมื่อ พ.ศ. 2300 จนในที่สุด มอญจึงกลายเป็นชนชาติที่ไม่มีประเทศ บางส่วนไม่ต้องการอยู่ภายใต้อำนาจของพม่า จึงพากันอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นต้นมา ตั้งบ้านเรือนที่สามโคก จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรีและพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มอญที่อพยพมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เรียกว่า "มอญเก่า" ในสมัยพระเจ้าตากสิน พ.ศ. 2317 พระยาแจ่ง เจ้าเมืองเมาะลำเลิง อดีตเจ้าเมืองเชียงแสน ได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งถิ่นฐานแขวงเมือง นนท์ เรียกว่า "มอญใหม่" สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พ.ศ. 2358 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มอญอพยพตั้งภูมิลำเนาอยู่ในแขวงเมืองปทุมธานี นนทบุรี นครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง) สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2367 พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มอญตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นอกกำแพงพระนครหน้าวัดชนะสงคราม ชุมชนมอญบนเกาะเกร็ดเคลื่อนย้ายมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี โดยการนำของพระยาแจ่ง แม่ทัพมอญ พาครอบครัวมอญกวานอาหม่านกับครอบครัวนักดนตรีและมอญรำมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ (หน้า 5 - 8)

Settlement Pattern

การตั้งบ้านเรือนนิยมอยู่หนาแน่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดรอบเกาะและกระจายลึกเข้าไปในสวน นิยมสร้างบ้านเรือนอยู่ชิดติดกันและสร้างเป็นแนวขนานกัน (หน้า 18) การปลูกเรือนหันไปทางทิศเหนือ สาเหตุเพื่อเป็นการระลึกถึงถิ่นฐานเดิมของมอญ แต่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลในแนวเหนือใต้ ฉะนั้นบ้านมอญหันหน้าทางทิศเหนือไปทางแม่น้ำจึงขวางทางกับบ้านไทยจึงมักถูกล้อเลียนว่า "มอญขวาง" ปัจจุบันเรือนของลักษณะแบบเรือนไทยในชุมชนมอญที่เกาะเกร็ด มีทั้งบ้านที่สร้างด้วยไม้และบ้านที่ก่ออิฐฉาบปูน ลักษณะบ้าน 2 ชั้นและชั้นเดียวใต้ถุนสูงโดยมากมุงด้วยกระเบื้อง (หน้า 17-18)

Demography

การอพยพของมอญเข้ามาในประเทศไทยนับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้มีประชากรเชื้อสายมอญ คำนวณได้ประมาณ 100,000 คน (หน้า 8) พ.ศ. 2542 - 2543 จำนวนประชากรในเกาะเกร็ดมีทั้งหมด 5,776 คน จำแนกตามหมู่บ้านดังนี้ (หน้า 17) หมู่ที่ 1 จำนวน 1,041 คน ชาย 516 คน หญิง 525 คน หมู่ที่ 2 จำนวน 1,125 คน ชาย 538 คน หญิง 587 คน หมู่ที่ 3 จำนวน 905 คน ชาย 435 คน หญิง 470 คน หมู่ที่ 4 จำนวน 506 คน ชาย 254 คน หญิง 252 คน หมู่ที่ 5 จำนวน 1,009 คน ชาย 500 คน หญิง 509 คน หมู่ที่ 6 จำนวน 814 คน ชาย 399 คน หญิง 415 คน หมู่ที่ 7 จำนวน 376 คน ชาย 191 คน หญิง 185 คน

Economy

อาชีพของชุมชนเกาะเกร็ดใน 7 หมู่บ้าน มีอาชีพอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา อาชีพทำการเกษตรปลูกผลไม้ยืนต้น สวนผักและการทำนา (หน้า 19)

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ชุมชนมอญเกาะเกร็ดมีการนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่กับการถือผีบรรพบุรุษ ผีบ้าน ผีเรือนและอื่นๆ มอญมีความเชื่อเรื่องตุ๊กตา ห้ามนำตุ๊กตาเข้าบ้านเพราะเชื่อว่ามีผีสิงอยู่ในตุ๊กตา มีพิธีรำเข้าทรงเจ้าพ่อ ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 6 คนมอญมีประเพณี วัฒนธรรมที่มากมายเริ่มตั้งแต่ ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ประเพณีการโกนผมไฟ ประเพณีการโกนจุก ประเพณีการบวช ประเพณีการทำศพ ประเพณีในวันศาสนาสำคัญ เช่น ประเพณีเข้าพรรษา ประเพณีออกพรรษา ประเพณีเนื่องในเทศกาล คือประเพณีสงกรานต์ มีกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ได้แก่ แห่ข้าวแช่ แห่น้ำหวาน จัดพิธีสรงน้ำพระ แห่หางหงส์ แห่นก แห่ปลาเพื่อนำไปปล่อย จัดพิธีทำบุญกลางบ้าน การเล่นสะบ้าและการตักบาตรน้ำผึ้ง การปฏิบัติหลายประการของมอญมีความเชื่อและนับถือว่า สามารถป้องกันความอัปมงคลที่จะเกิดกับครอบครัว ประเพณี 12 เดือนของชนเชื้อสายมอญมีลักษณะคล้ายกับประเพณีไทยเพราะมีรากฐานเดียวกันทางด้านพระพุทธศาสนา ดังนี้ - เดือนมกราคม ทำบุญด้วยกาลทาน 5 ประการ - เดือนกุมภาพันธ์ ทำบุญด้วยฟืนเพื่อพระภิกษุผิงไฟและถวายผ้าห่มกันหนาว ถวายข้าวยาคู - เดือนมีนาคม จัดพิธีสักการะและสมโภชพระเจดีย์เลียะเกิงที่เมืองย่างกุ้ง - เดือนเมษายน มีการทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา สรงน้ำพระ คาราวะผู้ใหญ่และแห่นางสงกรานต์และแห่ข้าวแช่ - เดือนพฤษภาคม ทำบุญและรดน้ำต้นโพธิ์รวมถึงปลูกต้นโพธิ์ตามวัดเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน - เดือนมิถุนายน นิยมบวชลูกหลาน - เดือนกรกฎาคม จัดพิธีหล่อและแห่เทียนพรรษาและถวายผ้าอาบน้ำฝน - เดือนสิงหาคม นิยมทำบุญแก่มูลนิธิ เพื่อเก็บดอกผลบำรุงพระศาสนา - เดือนกันยายน ทำบุญตักบาตรน้ำผึ้ง - เดือนตุลาคม ทำบุญออกพรรษา ตักบาตรเทโวและตักบาตรดอกไม้ และมีการแข่งเรือและรำมอญ - เดือนพฤศจิกายน ทำบุญทอดกฐินและทอดผ้าป่า - เดือนธันวาคม มอญนิยมทำบุญด้วยผลผลิตของเกษตรกรรมใหม่ เช่น ข้าวใหม่ (ตำข้าวเม่า) และนำผลไม้ต่างๆ ซึ่งออกผลใหม่ถวายพระ การปลูกเรือน จะต้องดูลักษณะสัณฐานดินที่เหมาะ เช่น ที่ดินสัณฐานสี่เหลี่ยม ที่ดินหน้ากว้างเล็ก (สั้น) ด้านยาวยาวมาก ส่วนลักษณะที่ดินที่ราบเรียบ เชื่อว่าทำให้มียศหรือบันดาศักดิ์สูง ถ้าปลูกบ้านบนที่ดินและปลูกเรือนเดือนยี่ เดือน 4,6,9 และเดือน 12 วันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดี เชื่อว่าจะมีลาภและมีความเจริญรุ่งเรือง ปราศจากโรคภัยสูง ถ้าปลูกเรือนเดือนอ้ายถึงเดือน 3 ให้หันหน้าทางทิศตะวันตก (หน้า 23 - 26 )

Education and Socialization

รำมอญเกาะเกร็ดเป็นการรำของกลุ่มชนมอญกันเอง โดยอาศัยการฝึกหัดถ่ายทอดในระบบเครือญาติ (หน้า 155)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกายของมอญในปัจจุบัน ผู้ชาย สวมเสื้อกุยเฮงแขนยาวหรือสวมเสื้อคอกลมแขนสั้นระดับข้อศอก ผ่าหน้าติดกระดุม นุ่งผ้าสีพื้นเรียบหรือลายตาเล็กๆ ความยาวครึ่งน่อง นุ่งพับทบจับจีบด้านหน้าเหน็บพันเป็นปมไว้ที่เอว ปล่อยชายผ้าด้านบนทิ้งลง ผู้หญิง สวมเสื้อคอกลมผ่าอก แขนยาวหรือแขนสามส่วน คล้องสไบหรือพลาดไหล่ ปล่อยชายสไบด้านหน้าทั้งสองข้าง นุ่งผ้าซิ่นเป็นลายสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือลายเป็นแถวยาว นุ่งผ้าซิ่น ป้ายทบด้วยด้านหน้ามัดเหน็บเอวยาวกรอมเท้า ทรงผมเกล้ามวยต่ำ ประดับด้วยปิ่นเงินหรือเครื่องประดับรอบผมมวย เรียกว่า "กะหล่ำ" (หน้า 20 - 21) การรำมอญ คือการรำประกอบวงดนตรีปี่พาทย์มอญ จำแนกตามโอกาสและสถานที่ที่แตกต่างกัน 2 ลักษณะ ได้แก่ รำประกอบพิธีกรรม เรียกว่า "รำผี" ซึ่งไม่มีการประกอบพิธีในเกาะเกร็ด เป็นการรำบรวงสรวงภูตผี เทวดา ให้อำนวยพรเพื่อสิริมงคลและดลบันดาลให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ บรวงสรวงเป็นภาษามอญเรียกว่า "เล่ะกะนา" ส่วนรำประกอบพิธีการต่างๆ รำทั้งหมด 12 เพลงเรียกว่า "รำมอญ 12 เพลง" หรือ "รำมอญเกาะเกร็ด" คือ การรำแสดงคาราวะต่อบรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญูและรำในประเพณีต่างๆ ของมอญ ทั้งงานมงคลและงานอวมงคล รำทั้งหมด 12 เพลง จำนวน 12 ท่า อัตราจังหวะของเพลงมีอัตราจังหวะ 2 ชั้นและ 1 ชั้น ใช้เครื่องดนตรีวงปี่พาทย์มอญประกอบการรำ การเลือกขนาดของวงปี่พาทย์ที่ใช้แสดงขึ้นอยู่กับงบประมาณของงานนั้น ๆ (หน้า 44-48,197) การแต่งกายสำหรับรำมอญมี 2 ลักษณะ ในงานมงคลสามารถใช้เสื้อผ้าสีสดสะดุดตาและห่มสไบสีตัดกันได้ สวมเสื้อคอกลมผ่าอก แขนยาวหรือแขนสามส่วน เนื้อผ้าเป็นผ้าลูกไม้หรือผ้าเรียบไม่จำกัดสี นุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้ามีเชิงเป็นลวดลายหรือไม่มีลวดลาย สีให้สัมพันธ์กับเสื้อที่สวม ส่วนมากนิยมสีแดง ห่มสไบพาดไหล่ซ้าย ทิ้งชายสไบด้านหน้าและด้านหลัง โดยมากเป็นสีเหลือง ทรงผมเกล้ามวยต่ำ เครื่องประดับรอบมวยด้วยกระหล่ำหรือร้อยดอกไม้พันรอบมวย ส่วนรำมอญในงานอวมงคลใช้เสื้อผ้าสีดำห่มสไบสีเหลือง สีไพรหรือสีขาว การรำทุกครั้งจะไม่สวมรองเท้า สวมเสื้อผ่าอกคอกลม แขนยาวหรือแขนสามส่วน เนื้อผ้าเป็นผ้าลูกไม้หรือผ้าเรียบสีดำ นุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้ามีเชิงสีดำ ห่มสไบพาดไหล่ซ้าย ทิ้งชายสไบด้านหน้าและด้านหลัง สไบสีเหลือง สีไพรหรือสีขาว ทรงผมเกล้ามวยต่ำ เครื่องประดับรวบผมด้วยกระหล่ำ นำเครื่องประดับผมที่เรียกว่ากะหล่ำพันรอบผมเกล้า (หน้า 194 - 196)

Folklore

วรรณกรรมมอญแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทฉันทะลังกา เป็นหนังสือร้อยกรอง มีลักษณะคล้ายกลอยร่ายของไทย ประเภทเพลง คล้ายโคลงสามของไทย มอญแต่งขึ้นเพื่อการเล่นทะแยมอญเพื่ออ่านทั่วไป เนื้อหาเป็นเรื่องธรรมะ สุภาษิต คติสอนใจ ประเภทร้อยแก้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา สำหรับพระสงฆ์ใช้เทศน์เรื่องพงศาวดาร นิทาน คติธรรม เป็นต้น (หน้า 22)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบันดินที่เป็นวัตถุดิบในการทำเครื่องปั้นดินเผามีน้อยลง ต้องซื้อจากจังหวัดปทุมธานี ทำให้เครื่องปั้นดินเผามีราคาสูงและจำหน่ายได้ยาก จึงทำให้ลูกหลานเชื้อสายมอญหันไปประกอบอาชีพอื่น (หน้า 19) มอญรำในอดีตไม่มีการคัดเลือกรูปร่างหน้าตาและอายุแต่คัดเลือกจากฝีมือการรำและรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน แต่ปัจจุบันมีการคัดเลือกขนาดรูปร่างและอายุ มอญรำบางกลุ่มมิได้คำนึงถึงฝีมือการรำและรูปร่างหน้าตาเพียงแต่คำนึง ถึงจำนวนมอญรำเท่านั้น (หน้า 196)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

รำมอญเกาะเกร็ดแบบดั้งเดิม มีในกลุ่มชนมอญตั้งแต่สมัยอยุธยา รำมอญเกาะเกร็ดมีทั้งหมด 12 ท่า ได้รับการสืบทอดมาจากมอญดั้งเดิมในพม่า เพลงที่ใช้ประกอบมีทั้งสิ้น 12 เพลง เป็นเพลงมอญ 10 เพลงและเพลงไทย 2 เพลง ต่อมาครูปริกซึ่งเป็นครูสอนรำมอญได้ประยุกต์ท่ารำเพิ่มอีก 6 ท่าแต่ไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน การรำมอญเกาะเกร็ดแบบดั้งเดิม มีดังนี้ - เริ่มต้นด้วย มอญรำเดินออกมาทางซ้ายของเวที ยืนเป็นแถวหน้ากระดาน 4-12 คน โดยไม่จำกัดจำนวน ตามความเหมาะสมของสถานที่ - ขั้นที่ 2 ปี่พาทย์ทำเพลงรัวมอญในเพลงซอป๊าด มอญรำทุกคนนั่งกราบ - ขั้นที่ 3 มอญรำคู่ที่ 1 ออกมารำตั้งแต่เพลงที่ 1 จนจบเพลงที่ 12 แล้วนั่งลงก้มกราบกลับไปนั่งที่เดิม - ขั้นที่ 4 มอญรำคู่ที่ 2 ออกมานั่งกราบและรำปฏิบัติเหมือนมอญรำคู่ที่ 1 - ขั้นที่ 5 มอญรำคู่ที่ 3 ออกมานั่งกราบและรำปฏิบัติเหมือนมอญรำคู่ที่ 1 - ขั้นที่ 6 มอญรำทั้ง 6 คน ออกมานั่งกราบและรำพร้อมกันตั้งแต่เพลงที่ 1 จนจบเพลงที่ 12 แล้วกราบและเดินกลับ ถ้ามีมอญรำหลายคู่ปฏิบัติโดยรำครั้งละ 2 คู่เหมือนขั้นที่ 3 จนครบจำนวนมอญรำแล้วจึงรำพร้อมกันเหมือนขั้นที่ 6 ส่วนรำมอญเกาะเกร็ดแบบปัจจุบัน มีลูกศิษย์รุ่นแรกของครูปริก เป็นผู้ทำการสอน การตั้งชื่อท่ารำ มี 2 ประเภทคือ ตั้งชื่อเลียนเสียงเครื่องดนตรีและตั้งชื่อตามลักษณะท่ารำโดยมีความหมายเกี่ยวกับวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของมอญ จุดเด่นของท่ารำมอญคือ การใช้ศีรษะ การใช้ลำตัว การใช้มือและแขน การใช้เท้า ส่วนลักษณะท่ารำที่มีลักษณะเด่นได้แก่ ท่าเปริง เปริง ในเพลงที่ 1 เพลงยากจ่างหะเปิ้น ท่าอะเรียงเติงในเพลงที่ 10 เมี่ยงปล้ายหะเลี่ย ท่าอะชิตอยลุบดับ เป็นท่าย่อย ในเพลงที่ 2 เพลงถะบ๊ะซาน ท่าอะชิฮะโมฮ๊อด ในเพลงที่ 4 ขะวัวตัวและท่าทะตอยฮะหยักจ้างซึ่งเป็นท่าที่ใช้ในทุกเพลง ธรรมเนียมของการรำมอญต้องกราบทุกครั้งก่อนรำและหลังรำ ถ้าเป็นงานศพพระ กราบศพพระก่อนเพื่อเป็นการคาราวะครั้งสุดท้าย แล้วกราบนักดนตรีปี่พาทย์ เมื่อรำครบ 12 เพลง กราบศพและกราบนักดนตรีปี่พาทย์อีกครั้งหนึ่ง ถ้าเป็นงานมงคลให้กราบนักดนตรีปี่พาทย์ก่อนรำและหลังรำทุกครั้ง (หน้า 59-160)

Map/Illustration

ตาราง - เปรียบเทียบการรำมอญในงานเทศกาลสงกรานต์และงานศพพระ(หน้า 43) - โครงสร้างของเพลง ความหมาย ชื่อท่ารำและความหมายของชื่อท่ารำมอญเกาะเกร็ด(หน้า 65) - เปรียบเทียบวิธีการถ่ายทอดการฝึกหัด การฝึกซ้อม การแสดง การแต่งกายโอกาสต่างๆ (หน้า 125) - แสดงปริมาณโครงสร้างลักษณะท่ารำมอญเกาะเกร็ดของครูสุนทรี ลำไยทอง(หน้า 127) - แสดงปริมาณโครงสร้างลักษณะท่ารำมอญเกาะเกร็ดของครูปรุง วงศ์จำนงค์(หน้า 139) - ตารางเปรียบเทียบเพลงมอญรำทั้ง 3 ท้องที่ (หน้า 182) แผนที่แสดงตำบลต่างๆในอำเภอปากเกร็ด (หน้า 9) แผนที่เกาะเกร็ด(หน้า 11) รูปภาพ เจดีย์ทรงรามัญ(หน้า 12) วัดปรมัยยิกาวาส(หน้า 13) วัดไผ่ล้อม(หน้า 14) วัดเสาธงทอง(หน้า 15) วัดฉิมพลี(หน้า 16) การตั้งบ้านเรือน(หน้า 18) การทำเครื่องปั้นดินเผา(หน้า 19) การประกอบอาชีพ(หน้า 20) การแต่งกายมอญ(หน้า 21) ภาพงานบวช(หน้า 26) ปราสาท 9 ยอด(หน้า 29) เทศกาลออกพรรษา ตักบาตรทางน้ำและร้องเพลงเจ้าขาว(หน้า 31) แห่น้ำหวาน(หน้า 34) แห่หางหงส์(หน้า 36) แห่ข้าวแช่(หน้า 37) รำมอญเกาะเกร็ด(หน้า 39) การละเล่นสะบ้า(หน้า 40) การเล่นทะแยมอญ(หน้า 41) พิธีรำผี(หน้า 46) ศาลเจ้าพ่อเกษแก้ว(หน้า 47) ครูสุนทรี ลำไยทอง(หน้า 53) ครูปรุง วงศ์จำนงค์(หน้า 55) รำมอญถวายรัชกาลที่ 8และรัชกาลที่9 องค์ปัจจุบัน(หน้า 60) ภาพถ่ายคุณครูปริก ชาวตะเคียน(หน้า 61) ท่าทะตอยย่อจังบอง(หน้า 68) ท่าเปริง เปริง(หน้า 69) ท่าปาดตอย(หน้า 70) ท่าอะชิตอย(หน้า 71) ท่าอะกลมตอย(หน้า 72) ท่าทะตอยฮะหยักจ้าง(หน้า 74) ท่าตังตาลและอะแบตอย(หน้า 75) ท่าอะชิตอยลุบดับแก้มจ้าง(หน้า 76) ท่าอะชิตอยแก้มจ้าง(หน้า 78) ท่าอะเงียตอยหรือเจิ้งป้าน(หน้า 79) ท่าชิตอย(หน้า 80) ท่าอะชิอะโมฮ๊อด(หน้า 82) ท่าอะวอยตอยหมึก(หน้า 85) ท่าทะตอยแก้มจ้าง(หน้า 87) ท่าอะวอยตอยแก้มจ้างเปิง(หน้า 88) ท่าอะวอยตอยแก้มจ้างปาย(หน้า 89) ท่าจิบตอย(หน้า 91) ท่าฮะเกล็ดฮะเกล้า(หน้า 92) ท่าจิบตอย แลกกะราวอะวอยตอยหมึก(หน้า 95) ท่าปุ้มเประฮะเริน ฮะหยดจ้าง(96) ท่าซาวฮะนอม(98) ท่าอะเก็ดตอยปละตอย(99) กวายตอย(101) ท่าบาฮะปรกตอยเปิง(102) ท่าบะฮะปรกตอยปาย(103) ท่าปาวบาฮะปรกตอย(104) ท่าทะตอยยะจ้าง(107) ท่าอะชิตอยป๊อยและตอน(108) ท่าปุ้มเประฮะเระหรือท่าปะลุ่มปุ้มเปะ(109) ท่าทะตอยยาดจ้าง(111) ท่าปุ้มเประฮะเริน(113) ท่าทะตอย ฮะหยักจ้าง(115) ท่าอะชิตอยคว่ำ(119) ท่าอะชิตอยหรือเจิ้งป้าน(117) ท่าชิตอย(118) ท่าอะชิตอยคว่ำ(119) ท่าอะชิตอยป๊อยและตอน(121) ท่าปุ้มเประฮะเระหรือท่าปะลุ่มปุ้มเปะ(122) ท่าปุ้มเประฮะเริน(124) สถานที่รำในงานประเพณีสงกรานต์(162) สถานที่รำในงานศพพระอาจารย์หนู(163) บานหน้าต่างโบสถ์วัดปรมัยยิกาวาส(164) รำมอญเกาะเกร็ดถวายทอดพระเนตร(165) รำมอญเกาะเกร็ดงานสงกรานต์(166) รำมอญเกาะเกร็ดงานศพพระอาจารย์หนู(167) ป้าดโมน(ฆ้องวงใหญ่)(168) ป้าดโต๊ด(ฆ้องวงเล็ก)(169) เปโมน(ปี่มอญ)(170) ป้าดมัว(ระนาดเอก)(171) ป้าดบา(ระนาดทุ้ม)(172) เปิงมาง(เปิงมางคอก)(173) ฮะเปินโมน(ตะโพนมอญ)(174) โหม่ง(ฆ้องราว)(175) คะเด(ฉิ่ง)(176) ซานโนด(177) ซานโด(ฉาบเล็ก)(178) กระบอกไม้ไผ่กำกับจังหวะในการรำมอญเกาะเกร็ด(179) การแต่งกายรำมอญในงานมงคล(194) การแต่งกายรำมอญในงานอวมงคล(195) แผนที่มอญในอดีต ก่อน พ.ศ.2300(214) แผนที่แสดงรัฐของมอญ(215)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 25 เม.ย 2548
TAG มอญ, รำมอญ, เกาะเกร็ด, นนทบุรี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง