|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),วิถีชีวิต,สังคม,เศรษฐกิจ,ลำพูน |
Author |
จันทบูรณ์ สุทธิ, สุทธิพงษ์ โพธิสว่าง, สมศักดิ์ พัวพันธุ์ |
Title |
การสำรวจภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
31 |
Year |
2522 |
Source |
ศูนย์วิจัยชาวเขาจังหวัดเชียงใหม่ กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย. |
Abstract |
การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยผ่านการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามเกี่ยวกับประชากรและเศรษฐกิจในช่วงเดือน ธันวาคม 2521 - มกราคม 2522 ผลจากการศึกษาพบว่า ภาวะทางสังคม บ้านพระบาทห้วยต้ม แม้ว่าการปกครองจะขึ้นตรงกับทางราชการแต่ก็ยังมีผู้นำชุมชนที่ถือเอาระบบอาวุโสอยู่ด้วย ทั้งนี้ชุมชนกะเหรี่ยงแห่งนี้ถือว่ามีความผูกพันกับศาสนาพุทธ เพราะความศรัทธาในตัวครูบาวงศ์ ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาชุมชนเป็นอย่างมากทั้งในด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ รวมทั้งเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยควบคุมความเป็นระเบียบภายในชุมชนโดยยึดถือหลักของศาสนา และจากการจัดตั้งโรงเรียนของคนในหมู่บ้านและความช่วยเหลือของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ทำให้คนในหมู่บ้านเรียนรู้ภาษาไทยสามารถอ่านออกเขียนได้มากขึ้น ภาวะทางเศรษฐกิจ - การเกษตรถือเป็นอาชีพหลักของกะเหรี่ยง โดยเป็นการทำไร่ข้าวและทำนาดำ แม้ว่ารายได้รวมต่อปีจะได้ไม่มากเท่ากับการรับจ้าง ซึ่งบางคนยึดเอาเป็นอาชีพหลัก หรือบางคนก็รับจ้างเป็นอาชีพเสริม แต่ทั้งนี้เกือบทุกครัวเรือนยังมีการปลูกพืชผักสวนครัวและไม้ผล เพื่อบริโภคในครัวเรือนเป็นสำคัญอีกด้วย จากที่กะเหรี่ยงในบ้านพระบาทห้วยต้มเป็นพวกมังสวิรัติ จึงไม่มีการเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคหรือแม้แต่ไว้ขาย จะมีเพียงเลี้ยงวัว ควายและช้างไว้ใช้งานเท่านั้น ในรอบปี 2521 หน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาได้เข้าไปช่วยการพัฒนาในด้านต่างๆ แก่กะเหรี่ยงทั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มผลผลิต การปลูกพืชบำรุงดิน การปรับปรุงพันธุ์พืช การพัฒนาแหล่งน้ำ การจัดตั้งธนาคารข้าว เป็นต้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมการพัฒนาด้านสังคม ผ่านการพัฒนาด้านการศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพ การสร้างผู้นำชุมชน การจัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้าน ควบคู่กับการพัฒนาด้านอนามัย ซึ่งการพัฒนาทางด้านสังคมและเศรษฐกิจที่ดำเนินการโดยหน่วยนั้น ได้จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังการพัฒนา โดยยึดหลักความต้องการและปัญหาของชุมชนเป็นหลัก |
|
Focus |
ศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ประชากร การใช้ประโยชน์ที่ดินของหมู่บ้านเป้าหมาย รวมทั้งการวิเคราะห์ด้านการใช้แรงงานประชากร และเสนอความเห็นเกี่ยวกับประชากรและการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาวางแผนพัฒนาชุมชน |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ความสามารถในการใช้ภาษาไทย ในด้านการพูดมีจำนวน 889 คน หรือคิดเป็นร้อยละประมาณ 37 สำหรับการอ่านเขียนมีเพียง 175 คนเท่านั้น และการอ่านเขียนภาษาอื่นหรือภาษากะเหรี่ยงมีจำนวน 139 คน หรือร้อยละ 5.71 คิดเปรียบเทียบจากประชากรที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป จำนวน 2433 คน (หน้า 8) |
|
Study Period (Data Collection) |
วันที่14 ธันวาคม พ.ศ. 2521 - วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2522 |
|
History of the Group and Community |
บ้านพระบาทห้วยต้มเริ่มตั้งเป็นชุมชนเมื่อประมาณ 8 ปีมาแล้ว คือ ในปี 2513 มีกะเหรี่ยงประมาณ 6 หลังคาเรือน ซึ่งศรัทธาในพุทธศาสนาและในตัวครูบาวงศ์ (ครูบาชัยวงศาพัฒนา) ซึ่งเป็นพระภิกษุที่จำพรรษา ณ วัดพระบาทห้วยต้ม และได้จาริกไปเผยแพร่ศาสนาตามหมู่บ้านชาวเขา ตั้งแต่ประมาณ ปี 2478 ได้อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่รอบๆ วัดพระบาทห้วยต้ม เพื่อที่จะได้มีโอกาสทำบุญและปฏิบัติตนเป็นพุทธมามกะที่ดี ต่อมาในปี 2514 มีการอพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอีก 50 หลังคาเรือน และในปี 2516 มีการอพยพกลุ่มใหญ่ถึง 300 หลังคาเรือน และหลังจากนั้นได้ทยอยอพยพเข้าในหมู่บ้านจนถึงปัจจุบัน และจากการที่ได้มีการตั้งบ้านเรือนจนเกิดเป็นชุมชนใหญ่ ทางราชการจึงได้ยกฐานะเป็นหมู่บ้านของทางราชการเมื่อปี 2519 โดยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านมังสวิรัติ ในปี 2516 ได้มีการยื่นคำร้องต่อทางราชการ ขอกันพื้นที่ป่าสงวน เพื่อนำมาขจัดเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตร รวม 767 ไร่ (หน้า 2) |
|
Settlement Pattern |
สภาพที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ คนในชุมชนเมื่อ 8 ปีที่แล้วอยู่ในลักษณะชั่วคราว และกึ่งถาวรแต่มีเป็นส่วนน้อย พื้นที่ที่อยู่อาศัยสำหรับปลูกบ้านนั้นแต่ละครัวเรือนจะได้รับส่วนแบ่งพื้นที่ประมาณ 2 งาน และเพื่อให้การตั้งบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวกในการแบ่ง จึงมีการตัดถนนแบ่งพื้นที่เป็นบล็อก ซึ่งอยู่ภายใต้การอำนวยการของครูบาวงศ์ โดยใช้แรงงานชาวเขาภายในหมู่บ้านดำเนินการ (หน้า 11) |
|
Demography |
บ้านพระบาทห้วยต้มประกอบด้วยกะเหรี่ยง 546 ครัวเรือน 665 ครอบครัว แบะมีประชากรรวมทั้งหมด 2,899 คน เป็นชาย 1,457 คน และหญิง 1,442 มีขนาดครัวเรือนเฉลี่ย 5.31 คน และขนาดครัวเรือนเฉลี่ย 4.36 คน (หน้า 3) อัตราการเกิดในปี 2511 ของประชากรทั้งหมด 53 คน และมีการตาย 21 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบลงมาจำนวน 12 คน การวางแผนครอบครัว - ในหมู่บ้านยังไม่มีการรณรงค์อย่างจริงจังในการให้บริการวางแผนครอบครัว เนื่องจาก ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเชื่ออยู่ว่าเป็นการขัดกับหลักของศาสนา วิธีที่ใช้มีทั้งถุงยางอนามัย กินยา ฉีดยา นอกจากนี้ ยังมีชายติดต่อเจ้าหน้าที่อนามัยให้ช่วยทำหมันถาวรด้วย (หน้า 10) |
|
Economy |
อาชีพ - ร้อยละ 73.44 ของกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้มทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก รองลงมาเป็นอาชีพรับจ้าง การประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือน ค้าขาย ธุรกิจส่วนตัว ข้าราชการ ช่างผีมือ มากน้อยตามลำดับ สำหรับอาชีพรองที่ทำกันมากที่สุดได้แก่ อาชีพรับจ้าง ครัวเรือนที่ประกอบอาชีพการเกษตรจะปลูกข้าวไร่ มีพืชสวนครัวปลูกผสม เช่น ทำนาดำ ข้าวโพด ตามพื้นที่รอบ ๆ บริเวณหมู่บ้าน อาชีพประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น การสกัดศิลาแลง ทอผ้า ทำหญ้าคาและตองตึงสำหรับมุงหลังคา อาชีพรับจ้าง เช่น รับจ้างปลูกสวนป่าของทางราชการ ฟันศิลาแลง รับจ้างประจำกับโครงการวิจัยของสถาบันวิจัย อาชีพค้าขาย เช่น การมีร้านค้าขายสินค้า การเป็นคนกลางในการขายสินค้าศิลาแลง และการค้าเร่ซึ่งเป็นการนำสินค้าเช่น พวกฝ้าย เสื้อผ้า อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัวได้แก่ มีช้างรับจ้าง มีรถรับจ้างและหุ้นส่วนเจ้าของโรงเรียน อาชีพช่างฝีมือ เช่น ช่างก่อสร้าง ช่างถ่ายรูป ช่างซ่อมจักรยาน การใช้ประโยชน์ที่ดิน - ใช้ในการเพาะปลูกพืชตามฤดูกาล เป็นจำนวนพื้นที่ 1,298 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์จากทางราชการและส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เขตป่าสงวนฯ นอกจากนี้กรมป่าไม้ได้กันพื้นที่บริเวณข้างหมู่บ้านจำนวน 550 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ปลูกข้าว และปลูกถั่วแดง 300 ไร่ โดยมีโครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือเป็นผู้ดำเนินการในปี 2521 ผลผลิต - ผลผลิตข้าวไร่และข้าวนาดำของชาวเขาฤดูเพาะปลูกปี 2521 ได้ผลผลิตต่ำเนื่องจากการที่ฝนทิ้งช่วงระหว่างการปลูก ผลผลิตเฉลี่ยของข้าวไร่ตั้งแต่ไม่มีผลผลิต - 34.29 ถังต่อไร่ ส่วนนาดำเฉลี่ยไร่ละ 5 ถัง - 33.33 ถัง สัตว์เลี้ยง - ไม่มีการเลี้ยงสัตว์พวกหมู ไก่ ที่บ้านห้วยต้ม เนื่องจากการที่ประชากรเป็นพวกมังสวิรัติ นอกจากจะไม่เลี้ยงเพื่อการบริโภคแล้ว ยังไม่มีการเลี้ยงไว้ขายอีกด้วย เพราะชาวบ้านเชื่อว่าสัตว์เหล่านี้เป็นตัวนำโรคต่างมาสู่คน ดังนั้นสัตว์ที่เลี้ยงไว้ได้แก่ วัว ควาย และช้าง ไม้ผลและพืชผักสวนครัว - ไม้ผลที่ปลูกทั้งหมดอยู่ภายในพื้นที่บ้าน และปลูกกันเกือบทุกครัวเรือน ไม้ผลที่ปลูกมี ขนุน มะพร้าว กล้วย ลำไย มะนาว มะโหน่ง มะเกี๋ยง พืชสวนครัวที่ปลูกไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือนและมีเป็นจำนวนมากโดยมีการเตรียมดินสำหรับการปลูกอย่างถูกวิธี รายได้ - จำแนกตามลักษณะอาชีพ ได้แก่ รายได้จากการเกษตร ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ที่เป็นตัวเงินและผลผลิต ซึ่งมาจากข้าวและอ้อยเป็นหลัก และรายได้นอกการเกษตรที่ได้มาจากอาชีพอื่นๆ การคิดเฉลี่ยรายได้ต่อประชากร 1 คน/ปี 967.82 บาท, รายได้ต่อครอบครัว/ปี 4,219.12 บาท และรายได้ต่อครัวเรือน/ปี 5,138.67 บาท ซึ่งอาชีพที่ก้อให้เกิดรายได้มากที่สุด ได้แก่ อาชีพรับจ้าง รองลงมาได้แก่ การเกษตร และอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่อาชีพข้าราชการสามารถสร้างรายได้น้อยที่สุด ทั้งนี้ระดับของรายได้ที่เป็นเงินสดของครัวเรือนต่อปี มีตั้งแต่ไม่มีรายได้ไปจนถึง 27,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ภาวะหนี้สิน -- ยังอยู่ในรูปแบบทั้งการยืมเงิน ยืมข้าวสาร ข้าวเปลือก และสิ่งของ โดยแหล่งกู้ยืมมีทั้งภายในหมู่บ้านและ หมู่บ้านอื่นเช่น บ้านปวงคำ บ้านผาใต้ บ้านป่าจี้ เป็นต้น ซึ่งการกู้ภายในหมู่บ้านจะขอยืมมาจากญาติพี่น้อง ดังนั้นจึงไม่เสียค่าดอกเบี้ย แต่ในขณะที่กู้ยืมมาจากภายนอกจะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20-25 โดยมีวัตถุประสงค์ในการกู้ยืม ได้แก่ ผ่อนส่งรถยนต์โดยสารประจำทาง ซื้อข้าวมาบริโภค ลงทุนเพื่อค้าขาย รักษาพยาบาล และซื้อของใช้ในครัวเรือน แรงงาน - กะเหรี่ยงทำงานรับจ้างทั้งเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมทั้งชายและหญิงรวม 621 คน ในกลุ่มนี้มีส่วนหนึ่งที่เป็นแรงงานเด็กและชายหญิงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งชายในวัยแรงงานมีจำนวน 498 คน และเป็นหญิง 102 คน วันแรงงานของกลุ่มวัยแรงงานที่ทำงานรับจ้างเป็นอาชีพหลักและรอง โดยกำหนดให้มีวันสำหรับจ้างงานในรอบปีประมาณ 270 วัน ทรัพย์สิน - นอกเหนือจากบ้าน ที่ดิน สัตว์เลี้ยงและเงิน แล้วยังมีวิทยุ จักรยาน เกวียน โรงตีเหล็ก เครื่องหีบอ้อย เครื่องมือตีเหล็ก มอเตอร์ไซด์ รถยนต์โดยสารประจำทาง ธนาคารข้าว - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานข้าวสาร 240 กระสอบ ในปี 2521 เพื่อจัดตั้งธนาคารข้าวที่บริเวณวัดพระบาทห้วยต้ม เพื่อการกู้ยืมข้าว เช่น หากยืมข้าว 10 ถัง ต้องส่งคืน 13 ถัง (หน้า 13-26) |
|
Political Organization |
บ้านพระบาทห้วยต้มอยู่ในการปกครองของทางราชการหมู่ที่ 8 โดยมีผู้ใหญ่บ้าน 1 คน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน ที่ได้รับการเลือกจากชาวบ้าน ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนของทางราชการและชุมชน อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยทั้ง 3 ยังไม่นับว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลพอที่จะเป็นผู้นำที่แท้จริง แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากครูบาวงศ์ก่อน และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชุมชน นอกจากการปกครองตามระบบราชการแล้ว ในทางศาสนา มีการตั้งบุคคลที่สูงอายุเป็นผู้นำกลุ่ม 8 คน ผู้นำกลุ่มทางศาสนาชาวบ้าน เรียกว่า "อาจารย์" ซึ่งมีหน้าที่คล้ายมัคทายก เช่น ดูแลรักษาวัด อบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม เป็นผู้นำในการพัฒนาต่าง ๆ โดยใช้คำสอนทางศาสนาเป็นแนวทางในการกำหนดโดยเฉพาะศีล 5 และกฎหมาย ซึ่งเมื่อพบว่าทำผิดร้ายแรง จะมีผู้ใหญ่บ้านจัดการตามกฎหมาย และไล่ออกจากหมู่บ้านถ้าทำผิดละเมิดข้อห้ามทางศาสนาและกฎของหมู่บ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งอาจารย์เหล่านี้จะดำเนินงานโดยผ่านนโยบายจากครูบาวงศ์อีกที กล่าวได้ว่า บ้านห้วยต้ม การปกครองใช้ทั้งหลักศาสนาและการปกครองควบคู่กันไป ทำหน้าที่ในทั้งด้านการพัฒนาทางอาชีพและด้านสังคมทั่วไป ประกอบด้วยชาวเขาจำนวน 9 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาเป็นเลขานุการคณะกรรมการ (หน้า 2-3) |
|
Belief System |
แม้ว่ากะเหรี่ยงจะนับถือพุทธศาสนาเป็นหลัก แต่ก็นับถือผีควบคู่ไปด้วย โดยในเทศกาลวันสำคัญทางพุทธศาสนาจะหยุดทำงาน และไปทำบุญที่วัด พิธีกรรมดั้งเดิมถูกยกเลิกไปเกือบหมด ที่ยังมีอยู่ก็ประยุกต์ให้เข้ากับศาสนาพุทธ เช่น การทานข้าวใหม่ในเดือน 4 ซึ่งจะนำข้าวเปลือกที่ผลิตได้ไปทานที่วัดตามศรัทธา และข้าวที่นำไปทานที่วัดจะเก็บไว้สำหรับใช้ภายในวัดและช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนข้าวบริโภค แม้ว่าการนับถือศาสนาพุทธอย่างเคร่งครัด ในหมู่บ้านก็ยังมีผู้ประกอบพิธีต่างๆ โดยหมอผี เช่น การรักษาไข้ด้วยน้ำมนต์ ไล่ผีป่าที่สิงสู้คน ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ พิธีสืบชะตา ดูดวงชะตาเมื่อไม่สบาย ผูกข้อมือสู่ขวัญ ผูกข้อมือแก่บ่าวสาว เป็นต้น ค่าบริการแต่ละครั้งตั้งแต่ 3 บาทขึ้นไป และค่าบริการนี้จะเป็นจำนวนเลขคู่ไม่ได้ (หน้า 5) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
บริการด้านอนามัยของทางราชการเข้ามาสู่หมู่บ้านประมาณปี 2515 โดยหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ.ลำปาง (ต่อมาโอนให้ศูนย์ฯ ลำพูน) โดยให้บริการด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีที่อาการรุนแรงจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอลี้ หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัดลำพูน นอกจากนี้ ยังได้รับการบริการจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และสุขภาพของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อป้องกันภาวะทุโภชนาการและภาวะโลหิตจาง รวมทั้งมีโครงการอบรมบุคลากรในหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน บ้านพระบาทห้วยต้มมีบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดเองและสะอาดเพื่อสำหรับการบริโภคจำนวน 360 บ่อ ในระยะแรกบ่อน้ำอยู่ในลักษณะไม่ถาวร ครูบาวงศ์จึงแนะนำให้ใช้ศิลาแลงทำ พร้อมทั้งได้รับการชี้แจงและร่วมทำจากเจ้าหน้าที่อนามัย และยังสร้างส้วมหลุมที่ถูกสุขลักษณะ ภายหลังต่อมาถูกพัฒนาเป็นส้วมซึม นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งสหกรณ์ยาและเวชภัณฑ์ของหมู่บ้านขึ้นเมื่อปี 2520 เพื่อให้ชาวเขามียาและเวชภัณฑ์เพียงพอในการบำบัดรักษา ทั้งนี้เพื่อให้รู้จักประหยัดและเห็นคุณค่าของเวชภัณฑ์ รวมทั้งให้รู้จักการช่วยเหลือตนเองและซึ่งกันและกัน (หน้า 9-10) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
พิธีกรรมดั้งเดิมถูกยกเลิกไปเกือบหมด ที่ยังมีอยู่ก็ประยุกต์ให้เข้ากับศาสนาพุทธ เช่น การทานข้าวใหม่ในเดือน 4 โดยหันไปนับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด (หน้า 5) |
|
|