สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,การเมือง,การปกครอง,น่าน
Author โชคชัย สินศุภรัตน์
Title วัฒนธรรมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Total Pages 86 Year 2543
Source หลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

ชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ จังหวัดน่าน มีวัฒนธรรมการเมืองแบบผสมระหว่างแบบคับแคบและแบบไพร่ฟ้า อีกทั้งยึดมั่นกับรูปแบบการปกครองและขนบประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีการยอมรับอำนาจรัฐ มีทัศนคติไปในทางที่ดีต่อการเมืองการปกครองไทย แต่มีความเข้าใจทางการเมืองและพฤติกรรมที่มีส่วนร่วมทางการเมืองต่ำ

Focus

ศึกษาวัฒนธรรมทางการเมือง ความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติเกี่ยวกับระบอบการเมือง การปกครองไทยในปัจจุบัน และการมีส่วนร่วมของม้งในหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน (วัตถุประสงค์ในการศึกษา หน้า 4)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ผู้วิจัยเรียกชาติพันธุ์ที่ศึกษาว่า ชาวเขาเผ่าม้ง เป็นชนเผ่ากลุ่มเดียวกับเมี้ยวในประเทศจีน สันนิษฐานว่าเข้ามาสู่ประเทศไทยประมาณ 100 ปี โดยอยู่ในบริเวณที่ราบเชิงเขาในเขตจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร โดยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง ม้งได้มีส่วนในการต่อสู้ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทยกับรัฐบาลไทย รัฐบาลจึงมีนโยบายรวมกลุ่มชาวเขาให้อยู่เป็นหมู่บ้านมีหลักแหล่งแน่นอน สนับสนุนด้าน อาชีพและสร้างความสัมพันธ์ให้ชาวเขารู้สึกเป็นคนไทยเพื่อการพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ม้งหมู่บ้านมณีพฤกษ์จัดเป็นกลุ่มม้งดำ ม้งน้ำเงิน หรือม้งจั๊วะ มีภาษาพูดและการแต่งกายแตกต่างกับม้งขาว หรือม้งเดอว (หน้า 1-3,37)

Language and Linguistic Affiliations

ชาวบ้านในชุมชนพูดภาษาม้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่มีภาษาเขียนเป็นของตนเอง (หน้า36,ตารางที่10 หน้า 47)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ชาวบ้านในชุมชนเคยเป็นผู้ที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้เข้ามอบตัวต่อทางราชการเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามคำสั่งที่ 66/2523 ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยระยะแรกอยู่บริเวณบ้านกอก ตำบลพระธาตุ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ทางราชการได้ย้ายให้มาอยู่ในบริเวณบ้านฉงไผ่ โดยตั้งเป็นหมู่บ้านที่มีการปกครองอย่างเป็นทางการ ให้ชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านมณีพฤกษ์" (หน้า 3)

Settlement Pattern

ลักษณะบ้านไม้เป็นบ้านชั้นเดียวปลูกติดกับพื้นดิน มีครัวอยู่ในบ้าน มีประตูเพียงประตูเดียวไม่มีหน้าต่าง ที่นอนภายในจะยกพื้นขึ้น แต่ในปัจจุบัน บ้านที่มีฐานะดีจะแยกครัวและห้องน้ำต่อเติมนอกบ้าน และปลูกเป็นบ้าน 2 ชั้น มีหน้าต่างประตู เนื่องจากพื้นที่อยู่อาศัยมีอย่างจำกัดจึงมีความหนาแน่นของบ้านในชุมชนมากขึ้น (หน้า 36,60)

Demography

ประชากรในหมู่บ้านในเดือนเมษายน - พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2541 นับเฉพาะผู้อายุ 18 ปีขึ้นไปและได้รับสัญชาติไทย มีจำนวน 954 คน เพศชาย 502 คน เพศหญิง 452 คน จำนวน 102 หลังคาเรือน 170 ครอบครัว (หน้า39) มีประชากรที่ถือแซ่เดียวกันจำนวนมากจัดเป็น 3 แซ่คือ แซ่ท้าว แซ่ม้า และแซ่ย่าง มีผู้นำประจำแซ่ (หน้า40)

Economy

ทางการจำกัดที่ทำกินครอบครัวละ 10-15 ไร่ เนื่องจากภูมิอากาศเย็นจึงปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวไร่ ข้าวโพดไม่ได้ผลนัก รายได้ทั้งหมดจึงมาจากการปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาว เช่น ลูกท้อ ลูกไหน โดยเฉพาะกะหล่ำปลี ซึ่งปลูกกันมากแต่มีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำไม่คุ้มทุน (หน้า 62)

Social Organization

สถาบันครอบครัวเป็นระบบครอบครัวใหญ่ จะให้ความสำคัญกับเพศชายซึ่งเป็นผู้นำครอบครัว จะสามารถมีภรรยาได้หลายคนหากเลี้ยงดูผู้หญิงได้ โดยสิทธิสตรีมีน้อยกว่าผู้ชายมาก มีประชากรที่ถือแซ่เดียวกันจำนวนมากจัดเป็น 3 แซ่คือ แซ่ท้าว แซ่ม้า และแซ่ย่าง มีผู้นำประจำแซ่ และมีการเคารพผู้อาวุโสเห็นได้จากประเพณีการไกล่เกลี่ยเป็นลำดับขั้นจากผู้เฒ่าประจำแซ่ กรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน โดยใช้หลักจารีตประเพณี เว้นแต่บุคลนั้นทำผิดหลายครั้งไม่หลาบจำก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (หน้า 36,40,60)

Political Organization

หมู่บ้านมณีพฤกษ์ จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ.2526 มีการปกครองอย่างเป็นทางการประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปปกครองแบบเดียวกับการปกครองแบบท้องถิ่นอื่นๆ และมีการปกครองตัวเองโดยขนบธรรมเนียม ประเพณี และระบบอาวุโส โดยจะปลูกฝังให้เชื่อฟังผู้นำครอบครัว คือสามี และมีผู้นำในแต่ละแซ่ และกรรมการหมู่บ้านซึ่งประกอบด้วยคนจากหลายแซ่ร่วมกันตัดสินความและไกล่เกลี่ยภายในหมู่บ้าน ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยในหมู่บ้านมีแซ่ใหญ่ 3 แซ่คือ แซ่ท้าว แซ่ม้า และแซ่ย่าง มีแซ่เล็กๆ อีก 2 แซ่คือ แซ่โซ้ง 2 ครอบครัว และแซ่ลี 3 ครอบครัว ในการปกครองระดับท้องถิ่น ผู้วิจัยพบว่าในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลในที่ประชุมหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำหมู่บ้านจะปรึกษาหารือในที่ประชุมเพื่อเสนอผู้ที่จะลงสมัคร เมื่อตกลงกันแล้ว ชาวบ้านจะลงเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอ โดยไม่มีผู้สมัครเข้าแข่งขันหรือหาเสียงเพิ่มเติม (หน้า 3,60,75)

Belief System

ศาสนา - ส่วนมากคนในชุมชนจะนับถือผี โดยในหมู่บ้านไม่มีวัด โบสถ์คริสต์ หรือสุเหร่า แต่มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านนับถือศาสนาคริสต์ (หน้า37) ประเพณี - ประเพณีการเลี้ยงผี - นับถือผีบรรพบุรุษและผีป่า โดยการถ่ายทอดจากสถาบันครอบครัว - ประเพณีการผิดผี - เช่น การห้ามปลูกบ้านบังกัน ห้ามให้ศพคนตายผ่านบ้าน ปัจจุบันผ่อนคลายลงอย่างมากเนื่องจากพื้นที่อยู่อาศัยจำกัดต้องอยู่กันแบบหนาแน่น - ประเพณีการไกล่เกลี่ยในชุมชน - มีการไกล่เกลี่ยเป็นลำดับขั้นจากผู้เฒ่าประจำแซ่,กรรมการหมู่บ้าน,ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน โดยใช้หลักจารีตประเพณี เว้นแต่บุคลนั้นทำผิดหลายครั้งไม่หลาบจำก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ประเพณีงานศพ งานแต่งงาน และวันปีใหม่ - ยังถือปฎิบัติอย่างเคร่งครัด (หน้า 59-60)

Education and Socialization

มีโรงเรียน 1 แห่งในหมู่บ้านสอนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-6 หากจะศึกษาต่อระดับมัธยมต้องลงมาเรียนในโรงเรียนพื้นราบที่ห่างจากหมู่บ้าน 15 กิโลเมตรซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการศึกษาต่อของประชาชน โดยประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปซึ่งเติบโตมาในช่วงที่มีการสู้รบกับทางราชการจะไม่มีการศึกษา จากการวิจัยพบว่าประชากรในกลุ่มตัวอย่างไม่ได้รับการศึกษามากที่สุด รองลงมาคือการศึกษาระดับประถมศึกษา, มัธยมศึกษาและปริญญาตรี ตามลำดับ และพบว่าเพศชายจะมีการศึกษาดีกว่าเพศหญิง ที่ส่วนมากเมื่อไม่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก็จะแต่งงาน (หน้า 35,45)

Health and Medicine

ในหมู่บ้านมีสถานีอนามัย 1 แห่งซึ่งมีแต่เจ้าหน้าที่อนามัย ถ้าชาวบ้านเจ็บป่วยมากต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลทุ่งช้าง โดยส่วนมากชาวบ้านจะรักษาร่วมกันทั้งทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อแบบดั้งเดิมคือ รับประทานยาแผนปัจจุบันร่วมกับการให้หมอผีประจำหมู่บ้านรักษา และมีการเลี้ยงผีเมื่อหายเจ็บป่วย โดยมีหมอผีในหมู่บ้าน 5 คน (หน้า 36, 62-63)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

วัฒนธรรมการแต่งกายเดิมชายจะใส่กางเกง และหญิงใส่กระโปรงสีดำมีปกคอหลังขนาดใหญ่และมีลายปักดอกจากด้านขวาโค้งไปที่หน้าอกซ้าย ในชุมชนการแต่งกายยังมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองแม้จะเริ่มผ่อนคลายไปบ้างในปัจจุบันเพราะได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างๆ และการติดต่อกับคนพื้นราบ วัยรุ่นแต่งกายแบบทันสมัยมากขึ้น หรือใส่ปนกัน โดยแต่ละคนจะมีชุดม้ง 1 ชุดไว้ใส่ ในงานปีใหม่หรืองานแต่งงานเท่านั้น ชาวบ้านให้เหตุผลว่าชุดประจำเผ่าซักล้างยาก ในปัจจุบันการตัดเย็บจากทำในครัวเรือนจะเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือนเพื่อการจำหน่ายเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 59-60, 75)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ม้งต้องการบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อจะได้มีสิทธิเท่าเทียมคนไทยและเพื่อความสะดวกสบาย เช่นการรักษาพยาบาล การเดินทางไปในที่ต่างๆ (หน้า75)

Social Cultural and Identity Change

ชาวบ้านยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีและการประกอบพีธีกรรมต่างๆ อย่างเคร่งครัดโดยการหล่อหลอมจากครอบครัว เช่น การนับถือผู้นำครอบครัวเพศชาย การไกล่เกลี่ยในหมู่บ้านด้วยระบบอาวุโส การแต่งงาน งานศพ และวันขึ้นปีใหม่แต่พบว่ามีการผ่อนคลายในหลายเรื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่นการปลูกบ้านบังกัน การเคลื่อนย้ายศพผ่านบ้าน เนื่องจากความจำกัดของพื้นที่อยู่อาศัยทำให้มีความหนาแน่นของบ้านเรือนมากขึ้น และการแต่งกาย เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสื่อ การติดต่อกับคนภายนอกมากขึ้น และการได้รับการศึกษามากขึ้นของคนรุ่นใหม่ (หน้า 59, 75)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ตาราง - ข้อมูลพื้นฐาน (หน้า 43-46) วัฒนธรรมทางการเมือง (หน้า 11,14,25,47,49,51,53-55,57-58,) ตารางสรุปผลสถิติ (หน้า66-67)

Text Analyst ปิยวรรณ สามเพชรเจริญ Date of Report 01 ส.ค. 2548
TAG ม้ง, การเมือง, การปกครอง, น่าน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง