|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม นักเรียนชั้นประถมปีที่ 7 การศึกษาต่อ องค์ประกอบ ยะลา |
Author |
พล แสงสว่าง |
Title |
การศึกษาองค์ประกอบในการศึกษาต่อและไม่ศึกษาต่อของนักเรียนไทยมุสลิมชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ในจังหวัดยะลา |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
หอสมุดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา |
Total Pages |
58 |
Year |
2521 |
Source |
หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ |
Abstract |
วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาองค์ประกอบในการศึกษาต่อและไม่ศึกษาต่อของนักเรียนไทยมุสลิมชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ในจังหวัดยะลา การวิจัยปรากฎผลดังนี้ องค์ประกอบที่มีผลให้นักเรียนชั้นประถมปีที่ 7 ศึกษาต่อจัดตามอันดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย คือ ด้านส่วนตัว ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านครอบครัว และด้านศาสนา และประเพณี องค์ประกอบที่มีผลต่อการที่นักเรียนไม่ศึกษาต่อจัดตามลำดับความสำคัญมีดังนี้คือ ด้านศาสนาและประเพณี ด้านครอบครัว ด้านส่วนตัว และด้านสิ่งแวดล้อม |
|
Focus |
เพื่อศึกษาองค์ประกอบในการศึกษาต่อและไม่ศึกษาต่อของนักเรียนไทยมุสลิมชั้นประถมปีที่ 7 ในจังหวัดยะลา โดยเปรียบเทียบความแตกต่างในองค์ประกอบของการศึกษาต่อและการไม่ศึกษาต่อของนักเรียนในเรื่องเพศ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภูมิลำเนาของนักเรียนและอาชีพและการศึกษาของผู้ปกครอง |
|
Ethnic Group in the Focus |
เป็นนักเรียนมุสลิมที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ในโรงเรียนขององค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดยะลาในภาคปลายปีการศึกษา 2520 |
|
Language and Linguistic Affiliations |
พูดภาษามลายูในชีวิตประจำวัน |
|
Study Period (Data Collection) |
ปีการศึกษา 2520 (หน้า 48) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
จากงานวิจัยที่ได้รวบรวมแบบสอบถามได้ มีจำนวนทั้งหมด 279 คน แบ่งเป็นนักเรียนชาย 162 คน และนักเรียนหญิง 117 คน (หน้า 24) |
|
Economy |
นักเรียนที่มีผู้ปกครองประกอบอาชีพกสิกรรมมี 211 คน ค้าขาย 40 คน รับจ้าง 15 คน รับราชการ 13 คน (หน้า 26) |
|
Education and Socialization |
ไทยมุสลิมมีการศึกษาเฉพาะทางศาสนาสืบเนื่องมาแต่โบราณในรูปของปอเนาะ (Pondok) หมายถึง สถานที่สอนศาสนาอิสลามที่จัดตั้งขึ้นโดยโต๊ะครูและต่อมาได้แปรสภาพมาเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2514 (หน้า 2) งานวิจัยได้สรุปผลการวิเคราะห์เพื่อจัดอันดับองค์ประกอบของการศึกษาต่อและไม่ศึกษาต่อ ปรากฎผลคือ 1. นักเรียนที่ศึกษาต่อมีองค์ประกอบด้านส่วนตัวเป็นอันดับ 1 ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับ 2 ด้านครอบครัวเป็นอันดับ 3 และด้านศาสนาประเพณีเป็นอันดับสุดท้าย 2. นักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อมีองค์ประกอบด้านศาสนาและประเพณีเป็นอันดับ 1 ด้านครอบครัวเป็นอันดับ 2 ด้านส่วนตัวเป็นอันดับ 3 ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับสุดท้าย - องค์ประกอบด้านส่วนตัว กลุ่มนักเรียนที่ศึกษาต่อให้ความสำคัญต่อปัญหาส่วนตัวเป็นอันดับแรก งานวิจัยระบุว่า แม้นักเรียนกลุ่มนี้จะเรียนต่อแล้วก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นปัญหาและควรได้รับการแก้ไขคือ ปัญหาส่วนตัว เช่น เรื่องสุขภาพอนามัย การพูดและอ่านภาษาไทยไม่ถูกต้อง การสอบแข่งขันและความเข้าใจต่อบทเรียน เป็นต้น - องค์ประกอบด้านครอบครัว กลุ่มนักเรียนที่ศึกษาต่อให้ความสำคัญต่อองค์ประกอบนี้เป็นอันดับ 3 คือเห็นว่าไม่เป็นปัญหาต่อการศึกษามากนัก งานวิจัยระบุว่าอาจจะเป็นเพราะครอบครัวสนับสนุนนักเรียนให้มีโอกาสศึกษาต่อ แต่กลุ่มที่ไม่ศึกษาต่อให้ความสำคัญกับองค์ประกอบนี้เป็นอันดับ 2 หมายความว่าปัจจัยทางด้านครอบครัวมีอิทธิพลที่ทำให้นักเรียนไม่เรียนต่อค่อนข้างมาก ได้แก่ ครอบครัวมีบุตรมากเกินไป ความยากจน เป็นต้น - องค์ประกอบด้านศาสนาและประเพณี งานวิจัยระบุว่ากลุ่มที่ไม่ศึกษาต่อให้ความสำคัญต่อองค์ประกอบนี้เป็นอันดับ 1 แสดงให้เห็นว่าศาสนาและประเพณีเป็นสาเหตุทำให้นักเรียนกลุ่มนี้ไม่ศึกษาต่อ ขณะที่นักเรียนที่ศึกษาต่อองค์ประกอบด้านนี้ไม่เป็นอุปสรรคมากนัก - องค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้ง 2 กลุ่มให้ความสำคัญกับองค์ประกอบนี้ใกล้เคียงกัน กลุ่มที่ไม่ศึกษาต่อเน้นถึงความไม่สะดวกทางด้านคมนาคม ไม่มีที่อยู่อาศัยเมื่อจะไปเรียนต่อ การเรียนต่อในโรงเรียนทำไห้ไม่สบายใจ เพราะปรับตัวเข้ากับกลุ่มนักเรียนไทยพุทธได้ยาก และนักเรียนรุ่นก่อนที่จบไปแล้วไม่ได้ทำงานอะไรจึงทำให้ไม่อยากเรียนต่อ - เพศ นักเรียนที่ศึกษาต่อเป็นนักเรียนชายมากกว่านักเรียนหญิง - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนที่ศึกษาต่อเป็นนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อ - ภูมิลำเนาของนักเรียน นักเรียนที่ศึกษาต่อเป็นนักเรียนที่อยู่ในเขตสุขาภิบาลมากกว่านักเรียนที่อยู่นอกเขตสุขาภิบาล - อาชีพของผู้ปกครอง นักเรียนที่ศึกษาต่อเป็นนักเรียนที่มีผู้ปกครองประกอบอาชีพรับจ้างมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ส่วนกลุ่มที่ไม่ศึกษาต่อเป็นนักเรียนที่มีผู้ปกครองประกอบอาชีพกสิกรรม - การศึกษาของผู้ปกครอง นักเรียนที่ศึกษาต่อมีผู้ปกครองที่มีการศึกษาในระดับประถมศึกษามากกว่าระดับอื่นๆ งานวิจัยระบุว่า ผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่มนี้เริ่มเข้าใจและเห็นคุณค่าของการศึกษา จึงอยากส่งเสริมบุตรหลานตนเองให้ได้เรียนสูงขึ้นไปกว่าตน ส่วนนักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อมีผู้ปกครองอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ งานวิจัยระบุว่า เมื่อผู้ปกครองไม่เข้าใจระบบการศึกษา คุณค่าของการศึกษา จึงไม่สนับสนุนบุตรหลานของตนให้ได้ศึกษาต่อ นอกจากนี้ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า องค์ประกอบในการศึกษาต่อและไม่ศึกษาต่อของนักเรียนมีความแตกต่างกันตามเอกสารอ้างอิงที่ผู้วิจัยได้ศึกษาและตั้งสมมุติฐานไว้ ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ข้อความรายข้อและพบค่าความสำคัญรายข้อและนำมาอภิปราย ดังนี้ คือ 1. กลุ่มนักเรียนที่ผู้วิจัยทำการศึกษา โดยรวมคิดว่าตนเองเป็นคนเชื้อชาติมลายูมากที่สุด ใช้ภาษามลายูในชีวิตประจำวัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอย่างเดียวกับประชาชนในประเทศมาเลเซีย 2. นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในชนบทที่ห่างไกลจากโรงเรียน ทำให้การคมนาคมเป็นไปด้วยความลำบาก โดยเฉพาะในฤดูฝน ทำให้นักเรียนหันมาสนใจปอเนาะในตำบลหรือหมู่บ้านใกล้เคียงแทน เพราะปอเนาะเป็นโรงเรียนปะจำและมีหอพักกินอยู่หลับนอนได้ด้วย 3. การเรียนทางศาสนาเป็นที่ยอมรับของมุลิมมากกว่าการเรียนทางสายสามัญ เพราะศาสนามีบทบัญญัติที่ครอบคลุมถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้นักเรียนเห็นว่าการเรียนทางศาสนาก้าวหน้ากว่าการเรียนด้านอื่น (หน้า 50 - 57) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
งานวิจัยระบุว่านักเรียนไทยมุสลิมชั้นประถมปีที่ 7 ในโรงเรียนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา มีความคิดว่าตนเองเป็นคนเชื้อชาติมลายูมากกว่าที่จะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไทย นักเรียนกลุ่มนี้ใช้ภาษามลายูเป็นพื้นในชีวิตประจำวัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมตลอดจนนับถือศาสนาอย่างเดียวกับประชาชนในประเทศมาเลเซีย (หน้า 56) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ผู้วิจัยได้มีการนำเสนอข้อมูลด้วยการใช้ตาราง , แผนภูมิ , รูปภาพ และตัวโน้ตเพลงที่ประกอบการเล่นทะแยมอญ ซึ่งจะระบุรายละเอียดดังนี้ ตาราง : ตารางที่ 1 แสดงการอพยพของชาวมอญเข้าสู่ประเทศไทย หน้า 12 ตารางที่ 2 แสดงสถิติจำนวนประชากรแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร หน้า 40 ตารางที่ 3 แสดงการเปรียบเทียบวงโกรจยามของมอญกับวงเครื่องสายไทย หน้า 230 แผนภูมิ : แผนภูมิที่ 1 แสดงลักษณะการสืบทอดนักร้องทะแยมอญ หน้า 157 แผนภูมิที่ 2 แสดงแนวทางแห่งการสืบทอดทางดนตรี หน้า 158 แผนภูมิที่ 3 แสดงรูปแบบการแสดงแบบโบราณ หน้า 167 แผนภูมิที่ 4 แสดงรูปแบบการแสดงแบบใหม่ หน้า 168 แผนภูมิที่ 5 แสดงรูปแบบการจัดวงโกรจยาม หน้า 192 แผนภูมิที่ 6 แสดงรูปแบบการบรรเลงและขับร้องเจิกมัว หน้า 197 แผนภูมิที่ 7 แสดงรูปแบบการบรรเลงและขับร้องโปดเซ หน้า 200 แผนภูมิที่ 8 แสดงความสัมพันธ์ของทะแยมอญต่อสังคม หน้า 227 รูปภาพ : ภาพที่ 1 ภาพแผนที่แสดงอาณาเขตพื้นที่เขตบางขุนเทียน และบริเวณชุมชนบางกระดี่ หน้า 35 ภาพที่ 2 ภาพแผนที่แสดงชุมชนมอญวัดบางกระดี่ หน้า 38 ภาพที่ 3 ภาพทางเข้าวัดบางกระดี่ หน้า 39 ภาพที่ 4 ภาพใบลานจารึกอักษรมอญที่วัดบางกระดี่ หน้า 44 ภาพที่ 5 ภาพหนังสือแบบเรียนภาษามอญ หน้า 45 ภาพที่ 6 ภาพอาคารสมาคมไทยรามัญ หน้า 47 ภาพที่ 7 ภาพแสดงตำแหน่งเสาเรือนบ้านมอญบางกระดี่ หน้า 49 ภาพที่ 8 ภาพการไว้ผมจุก และผมเปียของเด็กๆ บางกระดี่ หน้า 52 ภาพที่ 9 ภาพงานคอนเสิร์ตลอยชาย หน้า 61 ภาพที่ 10 ภาพการแสดงรำมอญหน้าพระ ศพพลโทหม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร หน้า 63 ภาพที่ 11 ภาพการเล่นสะบ้าของหนุ่มสาวชาวบางกระดี่ หน้า 66 ภาพที่ 12 ภาพพิธีโกนจุก หรือตัดจุก หน้า 74 ภาพที่ 13 ภาพอุปกรณ์ที่ใช้ตัดจุก และผมจุกที่ตัดแล้ว หน้า 75 ภาพที่ 14 ภาพการแต่งกายของนาคมอญและเพื่อนนาคที่ถือพานดอกไม้และหะเดาะลาย หน้า 77 ภาพที่ 15 ภาพร่างทรงตะละทาน (พระภูมิเจ้าที่) มอบผ้าไตรให้นาค หน้า 78 ภาพที่ 16 ภาพนาครับผ้าไตรจากมารดาก่อนเข้าไปประกอบพิธีกรรมในโบสถ์ หน้า 79 ภาพที่ 17 ภาพพิธีท๊อบตัว (หลั่งน้ำทาบมือ) หน้า 82 ภาพที่ 18 ภาพจ่องแหนะห์ (แคร่ไม้ไผ่ที่สำหรับวางศพ) หน้า 85 ภาพที่ 19 ภาพขบวนแห่ศพของชาวมอญบางกระดี่ หน้า 86 ภาพที่ 20 ภาพอะลาบ๊อก (โลงศพมอญ) ของศพผู้สูงอายุที่เป็นฆราวาส หน้า 87 ภาพที่ 21 ภาพอะลาบ๊อก และเมรุเผาศพสำหรับพระสงฆ์ หน้า 88 ภาพที่ 22 ภาพธรรมเนียมการนำท่อนฟืนไปเผาศพผู้ที่อายุน้อยกว่าผู้ไปเผา หน้า 89 ภาพที่ 23 ภาพร้านมา (เชิงตะกอน) ที่ใช้เผาศพคนมอญในสมัยก่อน หน้า 90 ภาพที่ 24 ภาพประเพณีการนำข้าวแช่ไปทำบุญที่วัดในวันสงกรานต์ หน้า 95 ภาพที่ 25 ภาพลูกหลานชาวบางกระดี่นำสำรับข้าวแช่ไปส่งผู้ใหญ่ หน้า 96 ภาพที่ 26 ภาพประเพณีการสรงน้ำพระของชาวมอญบางกระดี่ หน้า 99 ภาพที่ 27 ภาพหนุ่มสาวเล่นสงกรานต์หลังจากเสร็จสิ้นการสรงน้ำพระ หน้า 100 ภาพที่ 28 ภาพประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง หน้า 101 ภาพที่ 29 ภาพประเพณีตักบาตรดอกไม้ หน้า 102 ภาพที่ 30 ภาพเสาปาโหนก (เสาผีบรรพบุรุษ) ประจำตระกูล หน้า 107 ภาพที่ 31 ภาพสิ่งของเครื่องใช้ของปาโหนก หน้า 108 ภาพที่ 32 ภาพเครื่องเซ่นปาโหนก หน้า 109 ภาพที่ 33 ภาพพิธีรำผี หน้า 111 ภาพที่ 34 ภาพตะละทาน (พระภูมิเจ้าที่) วัดบางกระดี่ หน้า 112 ภาพที่ 35 ภาพศาลเจ้าพ่อบางกระดี่ หน้า 114 ภาพที่ 36 ภาพศาลเจ้าแม่หัวละหาน หน้า 115 ภาพที่ 37 ภาพพิธีทรงเจ้าพ่อบางกระดี่ หน้า 116 ภาพที่ 38 ภาพพิธีทรงเจ้าแม่หัวละหาน หน้า 116 ภาพที่ 39 ภาพการละเล่นทะแยมอญถวายเจ้าแม่หัวละหาน หน้า 117 ภาพที่ 40 ภาพพิธีช้อนขวัญงานบะห์คะมะอะโป (โกนจุก) หน้า 120 ภาพที่ 41 ภาพพิธีช้อนขวัญงานบะห์คะมะอะยัง (บวชนาค) หน้า 120 ภาพที่ 42 ภาพการรักษาโรคงูสวัดแบบพื้นบ้านของนายเปลี่ยน หน้า 122 ภาพที่ 43 ภาพนายม้วน ศักดิ์บริบูรณ์ หน้า 136 ภาพที่ 44 ภาพนายชัน สอนดำแดง หน้า 138 ภาพที่ 45 ภาพนายลึก รอดสาลี หน้า 139 ภาพที่ 46 ภาพนายจำนงค์ เขยะตา หน้า 140 ภาพที่ 47 ภาพนายสะอาด แจ้งสว่าง หน้า 141 ภาพที่ 48 ภาพนายสมเกียรติ มะคนมอญ หน้า 142 ภาพที่ 49 ภาพนางสาวทองคำ สอนสำแดง หน้า 143 ภาพที่ 50 ภาพนางทองตรา พุกรัดกรุด หน้า 144 ภาพที่ 51 ภาพนางสาวกนกวรรณ อุ่มยืนยง หน้า 146 ภาพที่ 52 ภาพนายจำเรียน แจ้งสว่าง หน้า 147 ภาพที่ 53 ภาพนายประดิษฐ์ เขาแก่ง หน้า 149 ภาพที่ 54 ภาพนางกัลยา ปุงบางกระดี่ หน้า 150 ภาพที่ 55 ภาพนายนะยัน สมบุญ หน้า 152 ภาพที่ 56 ภาพนางสุวิมล สาแหรกทอง หน้า 153 ภาพที่ 57 ภาพผู้ชมกำลังเฝ้ารอชมการเล่นทะแยมอญ หน้า 160 ภาพที่ 58 ภาพการบูชาครูก่อนการเล่นทะแยมอญ หน้า 160 ภาพที่ 59 ภาพการแต่งกายของผู้เล่นทะแยมอญฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง หน้า 164 ภาพที่ 60 ภาพการเล่นทะแยมอญหน้าศพบนศาลา หน้า 165 ภาพที่ 61 ภาพการเล่นทะแยมอญบนเวที หน้า 166 ภาพที่ 62 ภาพการบรรเลงก่อนการเล่นทะแยมอญ หน้า 170 ภาพที่ 63 ภาพการร้องโต้ตอบกันในการเล่นทะแยมอญ หน้า 171 ภาพที่ 64 ภาพการเล่นทะแยมอญที่แต่งกายตามเนื้อเรื่อง หน้า 171 ภาพที่ 65 ภาพจยามที่พัฒนาตามแบบจะเข้ไทย หน้า 175 ภาพที่ 66 ภาพแสดงชื่อเรียกส่วนประกอบของจยาม หน้า 176 ภาพที่ 67 ภาพแสดงตำแหน่งเสียงของจยาม หน้า 177 ภาพที่ 68 ภาพโกร (ซอมอญ) หน้า 180 ภาพที่ 69 ภาพแสดงชื่อเรียกส่วนประกอบของโกร หน้า 181 ภาพที่ 70 ภาพแสดงระบบเสียงและความถี่ของเสียงโกร หน้า 183 ภาพที่ 71 ภาพแสดงตำแหน่งเสียงของโกร หน้า 183 ภาพที่ 72 ภาพอะโลด (ขลุ่ยมอญ) หน้า 184 ภาพที่ 73 ภาพแสดงชื่อเรียกส่วนประกอบของอะโลด หน้า 186 ภาพที่ 74 ภาพแสดงความถี่ของระดับเสียงอะโลด หน้า 187 ภาพที่ 75 ภาพแสดงช่วงเสียงของอะโลด หน้า 187 ภาพที่ 76 ภาพปุงตัง (เปิงมาง) หน้า 188 ภาพที่ 77 ภาพแสดงชื่อเรียกส่วนประกอบของปุงตัง หน้า 189 ภาพที่ 78 ภาพหะเด (ฉิ่ง) หน้า 191 ภาพที่ 79 ภาพวงโกรจยาม หน้า 192 ภาพที่ 80 ภาพวงโกรจยามผสมผสานเครื่องดนตรีไทย หน้า 193 ภาพที่ 81 ภาพแสดงช่วงเสียงของจยาม โกร และอะโลด หน้า 194 ภาพที่ 82 ภาพการบันทึกบทร้องทะแยมอญของชาวบ้าน หน้า 205 ภาพที่ 83 ภาพแสดงเครื่องดนตรีในวงโกรจยามของมอญ หน้า 231 ภาพที่ 84 ภาพแสดงเครื่องดนตรีในวงเครื่องสายของไทย หน้า 231 ภาพที่ 85 ภาพแสดงการเปรียบเทียบระดับเสียง โกร กับซอด้วง และซออู้ หน้า 234 ภาพที่ 86 ภาพแสดงการเปรียบเทียบระบบการตั้งเสียงของโกร กับซอด้วยและซออู้ หน้า 235 ภาพที่ 87 ภาพแสดงการเปรียบเทียบระดับเสียงของจยามกับจะเข้ หน้า 236 ภาพที่ 88 ภาพแสดงความแตกต่างของระดับเสียงอะโลดกับขลุ่ยเพียงออ หน้า 237 ตัวโน้ต : ภาพประกอบตัวโน้ตเพลงต่างๆ หน้า 254 |
|
|