|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),วิถีการผลิต,ความสัมพันธ์ทางสังคม,กาญจนบุรี |
Author |
วัลย์ลิกา สรรเสริญชูโชติ |
Title |
ศึกษาการเปลี่ยนแปลงในวิถีการผลิตและระบบความสัมพันธ์ทางสังคมในมิติหญิงชายของชุมชนกะเหรี่ยง : ศึกษาเฉพาะกรณีบ้านทิพุเย หมู่ที่ 3 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
116 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญาพัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
วิถีการผลิตดั้งเดิมของสังคมกะเหรี่ยงที่วางอยู่บนพื้นฐานของการผลิตเพื่อยังชีพ ภายใต้วิธีคิดแบบองค์รวมที่นำมโนทัศน์ที่มีต่อธรรมชาติ ความเชื่อเรื่องผีและจริยธรรมแบบพุทธมาผสมผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแบบแผนในการดำเนินชีวิต และระบบความสัมพันธ์ทางสังคมโดยมิได้แยกจากกัน มีความสอดคล้องและเอื้อให้เกิดความยั่งยืนของสังคมมนุษย์และธรรมชาติ ซึ่งอยู่ร่วม ในระบบนิเวศเดียวกันภายใต้บริบทของความสัมพันธ์เชิงอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง บนพื้นฐานของความพอเพียง แบ่งปันไม่ละโมบ ไม่สะสม ย่อมเอื้อให้เกิดความเกื้อกูล เสมอภาคและเท่าเทียมกันทั้งในแง่ชนชั้นทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ความเปลี่ยนแปลงของชุมชนกะเหรี่ยงเกิดจากปัจจัยหลักจากภายนอก 2 ประการได้แก่ 1. กลไกการพัฒนาของรัฐ การใช้กฎหมายในการควบคุมและจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจของชุมชน ด้วยนโยบายการพัฒนาชาวเขาแบบกลืนกลาย และดึงให้ชุมชนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมโยอาศัยเครื่องมือในการพัฒนาต่างๆ 2. การเชื่อมต่อของชุมชนกะเหรี่ยงกับเมืองและระบบกลไกตลาดทุนนิยม โดยผ่านถนนและสื่อต่าง ๆ การแต่งงานกับคนนอกพื้นที่ การเข้ามาซื้อที่ดินในชุมชนของนายทุน การอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานของคนภายนอกชุมชนและแรงงานต่างด้าว เป็นต้น |
|
Focus |
ศึกษาผลกระทบของการพัฒนาของรัฐและระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มีต่อวิถีการผลิตและโครงสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมของชุมชนกะเหรี่ยงในมิติชายหญิง |
|
Theoretical Issues |
การขยายตัวของทุนนิยมเข้าสู่ชุมชนกะเหรี่ยง ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบการใช้ที่ดินที่เคยเป็นแบบไร่หมุนเวียน ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์หญิง-ชายในการผลิตในครัวเรือนใน 2 ทิศทางด้วยกัน คือ สำหรับครอบครัวที่ปรับตัวได้ดี สามีและ ภรรยาสามารถรักษาความสัมพันธ์ในลักษณะเดิมได้ ผู้หญิงมีความสำคัญในครัวเรือน แต่ครอบครัวที่ปรับตัวไม่ได้มีความยากจน ไม่มีที่ดิน ผู้หญิงจะสำคัญน้อยลง (หน้า 79 - 80) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กะเหรี่ยงบ้านทิพุเยใช้ภาษากระเหรี่ยงและภาษากลาง ภาษาเขียนเดิมใช้อักษรมอญอ่านเป็นภาษากะเหรี่ยง (หน้า 52) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
"ทิพุเย" เป็นภาษากะเหรี่ยงหมายถึง ลำห้วยเล็กที่มีต้นเยขึ้นอยู่ ตั้งรกรากถาวรประมาณ 54 ปีมาแล้ว มัคนายกของชุมชนเล่า ว่าบรรพบุรุษของตนตั้งรกรากอยู่ในป่าตำบลชะแล และป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในปัจจุบันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว "หลวงปู่" บิดาของมัคนายกซึ่งมรณภาพแล้วเคยเล่าว่า เคยได้เลี้ยงดูช้างเผือกเชือกที่นำไปถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จประพาสไทรโยค (ขณะนั้นหลวงปู่อายุ 7 ขวบ) พระองค์ได้ตอบแทนชาวบ้านโดยยกเว้นการเกณฑ์ทหารสำหรับชายกะเหรี่ยงในตำบลชะแล หลักฐานอีกประการหนึ่ง คือ งานพระราชนิพนธ์ในคราวเสด็จพระราชดำเนินไทรโยคเป็นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2420 เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าชุมชนกะเหรี่ยงมีถิ่นฐานอยู่แถบตะวันตกของประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 100 ปี (หน้า 45) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งบ้านเรือนจะอยู่เป็นกลุ่มเครือญาติเล็กๆ ประมาณ 4 - 5 ครอบครัว (หน้า 46) กะเหรี่ยงจะปลูกเรือนจากวัสดุธรรมชาติ ใช้ไม้ไผ่ทำโครงพื้นและตัวบ้าน ใช้ตอกผูก หลังคาใช้ใบไม้ ใบหวายหรือหญ้าคาความเป็นอยู่เรียบง่าย ลักษณะบ้านไม่มั่นคงแข็งแรงเพราะจะไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานาน จะโยกย้ายเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ดีหรือมีโรคระบาดเกิดขึ้น (หน้า 46) |
|
Demography |
บ้านทิพุเย มีจำนวน 61 หลังคาเรือน 67 ครอบครัว 335 คน เป็นชาย 178 คน หญิง 157 คน (หน้า 45) ปี พ.ศ. 2541 บ้านพิทุเย มีเด็กที่จบชั้นประถมศึกษาจำนวน 12 คน ได้รับการศึกษาต่อในระดับมัธยม 11 คน (หน้า 50) |
|
Economy |
เดิมชาวบ้านพิทุเยทั้งหมดยังชีพด้วยการทำไร่ข้าวแบบไร่หมุนเวียนและปลูกพืชอาหารต่างๆ เช่น พริก ฟักทอง เผือก มัน รวมอยู่ในไร่ข้าวด้วย ยังคงลักษณะเศรษฐกิจเพื่อการยังชีพและพึ่งตนเอง เงินมีความจำเป็นน้อยมากในการดำรงชีพ ปัจจุบันโดยมากยังคงประกอบอาชีพทำไร่ โดยปลูกพืชหลัก 3 ชนิดได้แก่ ข้าวไร่ พริกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บางครอบครัวทำสวนผลไม้ ปลูกผักสวนครัว ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและขุดบ่อเลี้ยงปลา โดยทั่วไป รายได้เสริมของชาวบ้านคืออาชีพรับจ้างและการหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง หน่อไม้ เห็ดต่าง ๆ เป็นต้น (หน้า 52 - 3) |
|
Social Organization |
ความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นกลุ่มเครือญาติ เกือบทั้งหมดเป็นเครือญาติเดียวกัน การดำเนินชีวิตเรียบง่าย รักสงบ รักอิสระ สันโดษ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ความเป็นอยู่จะผูกพันกับไร่ข้าวและป่าตั้งแต่เกิดจนตาย (หน้า 49) จากสังคมที่ยึดกฎเกณฑ์ของผีและความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ เป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันในสังคมสู่ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่อิงอยู่กับอำนาจและกลไกของรัฐและอำนาจทางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางของอำนาจอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่ากติการ่วมของสังคมภายในชุมชน ดังนั้นกลไกแบบเดิมจึงไม่สามารถควบคุมความประพฤติของคนให้อยู่ในกรอบของประเพณีดั้งเดิมก่อให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอำนาจแบบใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดช่องว่างทางชนชั้นและความสัมพันธ์ในแนวดิ่งมากขึ้น รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพศซึ่งผู้หญิงมีโอกาสที่จะเสียเปรียบมากขึ้น ผู้หญิงที่พึ่งพาฐานะทางเศรษฐกิจจากฝ่ายชาย โดยเฉพาะผู้หญิงในครอบครัวยากจน มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น เนื่องจากความเครียดจากปัญหาทางเศรษฐกิจเกิดความวิตกกังวลทางด้านเศรษฐกิจโดยที่กลไกทางสังคมแบบเดิมไม่สามารถปกป้องคุ้มครองผู้หญิงได้มากนัก สังคมกะเหรี่ยงดั้งเดิมเป็นกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกในครัวเรือนถ้าครอบครัวใดประสบปัญหาเนื่องจากสมาชิกในครอบครัวเจ็บป่วยจะมีการลงแขกช่วยเหลือแต่ปัจจุบันโครงสร้างของครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยว จำนวนสมาชิกในครอบครัวลดลง เด็กที่เป็นแรงงานเสริมในครัวเรือนต้องเข้าสู่ระบบโรงเรียนตามกลไกของรัฐ หากสามีหรือภรรยาซึ่งเป็นแรงงานหลักของครอบครัวคนใดคนหนึ่งล้มป่วยลง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องทำงานตามลำพังย่อมประสบความเดือดร้อน ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจ สังคม ค่านิยมและความเชื่อที่เปลี่ยนไป ทำให้กลไกควบคุมความประพฤติของสมาชิกแบบเดิมใช้ไม่ได้กับทุกคนและทุกเรื่อง แต่รากฐานทางความคิดและวัฒนธรรมยังคงอยู่ในวิถีของชุมชน บทบาทด้านส่วนรวมและการพัฒนาชุมชน ในกลุ่มของผู้หญิงจะได้รับความร่วมมือสูง เป็นผลให้โครงสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ฝ่ายหญิงจะมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่าง ๆ ในครอบครัวสูงขึ้น เนื่องจากคุณลักษณะความเป็นผู้นำทำให้ได้รับการยอมรับจากกลุ่มสมาชิก ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางเครือญาติที่แน่นแฟ้นขึ้นอันเป็นปัจจัยสนันสนุนไปสู่การร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัว สำหรับครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน เป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการพัฒนาค่อนข้างน้อย การมีส่วนร่วมมักจะเป็นการเข้าร่วมหรือการให้ความร่วมมือในลักษณะการช่วยเหลือแรงงานหรือร่วมรับผลประโยชน์เป็นหลัก (หน้า 79 -90) |
|
Political Organization |
บ้านทิพุเย หมู่ที่ 3 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ภายใต้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลชะแล มีที่ทำการตั้งอยู่ในหมู่บ้านพิทุเย แบ่งเขตการปกครองเป็น 7 หมู่บ้าน (หน้า 47) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงดั้งเดิมจะยึดมั่นในพุทธศาสนาควบคู่กับการนับถือผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติและวิถีชีวิต (หน้า 46) คติความเชื่อของกะเหรี่ยงโปในเขตพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรีและสุพรรณบุรี เป็นการผสมผสานกันระหว่างพุทธศาสนานิกายเถรวาทตามแบบฉบับที่ได้รับจากมอญ ควบคู่กับการถือผีตามคติความเชื่อเดิมของบรรพบุรุษ กะเหรี่ยงโปภาคตะวันตก มีความต่างกับกะเหรี่ยงสะกอในภาคเหนือ เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคเพราะถือว่าเป็นบาป เหล้าเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมกะเหรี่ยงโปภาคตะวันตก เป็นต้น (หน้า 50) |
|
Education and Socialization |
เดิมชาวบ้านมิได้เรียนภาษาไทยหน่วยงานแรกที่เข้ามาในชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2521 คือศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาและสร้างโรงเรียนชั่วคราวขึ้นในชุมชน ต่อมาได้ยุบตัวลงเนื่องจากเด็กไปเรียนที่โรงเรียนบ้านเกริงกระเวีย ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร มีศูนย์เด็กเล็ก 1 แห่ง มีโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ฯ จำนวน 3 โรงเรียนทำการสอนในระดับมัธยมศึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ปัจจุบันมีครู กศน.ประจำในหมู่บ้าน 1 คน เด็กและเยาวชนในหมู่บ้านโดยมากจะได้รับการศึกษาอย่างน้อยในระดับประถมศึกษา (หน้า 49 - 50) |
|
Health and Medicine |
มีสถานีอนามัยเกริงกระเวียอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร การรักษาของชาวบ้านมีทั้งใช้ยาสมุนไพรและใช้การรักษาทางไสยศาสตร์แบบพื้นบ้าน แต่โดยมากจะใช้บริการที่สถานีอนามัยและโรงพยาบาลทองผาภูมิ (หน้า 50) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ปัจจุบันการแต่งกายของชาวบ้านจะเหมือนกับคนพื้นที่ราบทั่วไป ชายนิยมใส่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว ผู้สูงอายุชายนิยม นุ่งโสร่ง หญิงสูงอายุและหญิงที่มีครอบครัวแล้วนิยมใส่เสื้อกับผ้าถุง เด็กวัยรุ่นแต่งกายตามสมัยนิยม เวลามีงานบุญหรืองานประเพณีผู้หญิงจะนิยมแต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยง ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะใส่เสื้อกะเหรี่ยงทอลายแดงกับผ้าถุงทอลายสีพื้นเป็น สีแดง ส่วนหญิงที่ยังไม่แต่งงานจะแต่งชุดกะเหรี่ยงยาวกรอมเท้าทรงกระสอบสีขาว ผู้ชายนุ่งโสร่งหรือแต่งกายตามสมัยนิยม (หน้า 52) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีตประชากรเดิมเป็นคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงโปทั้งหมด ปัจจุบันมีคนต่างวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนเพิ่มมากขึ้น โดยการซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรและการแต่งงานกับคนในชุมชนแล้วย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชน (หน้า 49) ในอดีตสังคมยึดกฎเกณฑ์ของผีเป็นกติกาของการอยู่ร่วมกันในสังคม ปัจจุบันสังคมเริ่มเปลี่ยนมาสู่การยึดถือกฎหมายและบรรทัดฐานทางสังคมสมัยใหม่ที่วางอยู่บนหลักประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจจากการผลิตเพื่อยังชีพการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนผลผลิตที่จำกัดภายในชุมชนและสังคมกะเหรี่ยงเป็นหลัก เปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่มีความสัมพันธ์กับระบบเศรษฐกิจภายนอกชุมชนและเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมมากขึ้น (หน้า 95,97) |
|
Map/Illustration |
- ตารางข้อมูล จปฐ.3 ปี พ.ศ.2544 บ้านทิพุเย แสดงอัตราส่วนประชาชนมีการประกอบ อาชีพและมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ(72) - แผนที่บ้านทิพุเย หมู่ที่ 3 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี(102) |
|
|