สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,การแต่งงาน,ครัวเรือน,ภาคเหนือ
Author Gary Yia Lee
Title Household and Marriage in a Thai Highland Society
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 9 Year 2531
Source www.atrax.net.au/userdir/weulee/index.htm (พิมพ์ครั้งในแรกใน The Journal of the Siam Society ,1988 No.76,pp. 162-173
Abstract

บทความนี้กล่าวถึงสภาพทั่วไปของการตั้งถิ่นฐานของม้งว่า ปลูกบ้านตามบริเวณเชิงเขาหรือไหล่เขา โดยหันหน้าบ้านออกไปทางไหล่เขา ในบ้านมีแต่ของใช้ที่จำเป็น การปลูกบ้านของม้งได้รับอิทธิพลจากลักษณะภูมิประเทศและข้อกำหนดทางวัฒนธรรมและศาสนา ม้งมีการแต่งงานแบบออกนอกตระกูลและ การแต่งงานจะเกิดขึ้นหลังจากการเกี้ยวพาราสีระยะหนึ่ง การแต่งงานโดยการจับคู่ยังคงมีอยู่ แต่ปัจจุบันพ่อแม่จะคำนึงถึงความรู้สึกของบุตรมากขึ้น หนุ่มม้งยังไม่สามารถจ่ายเงินค่าสินสอดและค่าใช้จ่ายในการแต่งงานได้ แม้แต่คนที่แต่งงานแล้วหลายปีก็ยังไม่อาจจัดพิธีแต่งงานที่เป็นทางการได้ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีเงิน การแต่งงานครั้งแรกส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างอายุ 16-18 ปี โดยทั่วไปสามีอายุมากกว่าภรรยา ลักษณะครัวเรือนของม้งแบบครอบครัวเดี่ยวมีมากกว่าแบบอื่น แม้ว่าจะมีครอบครัวขยายปรากฏอยู่มากก็ตาม จำนวนสมาชิกต่อครัวเรือนโดยเฉลี่ย 8.4 คน จำนวนสมาชิกต่อครอบครัวโดยเฉลี่ย 6 คน แม้ว่าจะมีภรรยาหลายคน แต่ขนาดครอบครัวและครัวเรือนม้งก็ไม่ได้ต่างจากสังคมอื่นมาก (จากสรุป น. 9)

Focus

การแต่งงานของม้ง

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ม้งในประเทศไทย ผู้เขียนไม่ได้ระบุกลุ่มชาติพันธุ์ย่อยของม้ง แต่รายละเอียดในบทความส่วนใหญ่เกี่ยวกับม้งขาว (White Hmong) (น.2,6,8)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

แบบแผนการตั้งถิ่นฐาน โดยทั่วไป หมู่บ้านม้งจะมีตระกูลใหญ่หนึ่งตระกูลที่มีสมาชิกมากที่สุด จะไม่มีหมู่บ้านใดมีสมาชิกเป็นคนในตระกูลเดียวกันทั้งหมด แม้ว่าตามกฎการตั้งถิ่นแบบปิตุภูมิ (patrilocal residence) หมู่บ้านม้งควรจะมีแต่คนในตระกูลเดียวกันอาศัยอยู่ แต่เนื่องจากกฎนี้ไม่ได้บังคับใช้อย่างเข้มงวด มีการตั้งถิ่นฐานแบบสองฝ่ายหรือแยกเรือนใหม่ (bilocal or neolocal residence) จึงทำให้พบสมาชิกของตระกูล 2-3 ตระกูลอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ในบางกรณีการตั้งบ้านเรือนก็มาจากพันธะทางสังคมที่มีกับสมาชิกในตระกูลฝ่ายภรรยา นอกจากนั้นการปฏิบัติทางศาสนา ความขัดแย้งส่วนตัวกับคนในตระกูลของตน หรือพันธะทางธุรกิจก็ทำให้ม้งบางคนต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลอื่น แบบแผนการตั้งถิ่นฐานของม้งจึงมิได้ถูกกำหนดจากแหล่งเพาะปลูกเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดโดยปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย (น.1) ลักษณะบ้านเรือน ม้งจะอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 5-20 ครัวเรือน ไม่มีการจัดผังหมู่บ้านให้เป็นระเบียบ ไม่มีจตุรัสกลางบ้าน(village square) ไม่มีถนนสายหลักของหมู่บ้าน อาจจะมีรั้วรอบหมู่บ้านบ้างแต่ก็สำหรับป้องกันสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้ามาทำลายสวนหรือพืชที่ปลูก ไม่ใช่สำหรับป้องกันศัตรู (น.1) ม้งปลูกบ้านตามความเชื่อเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งหรือฮวงจุ้ย (geomancy) ไม่ปลูกบ้านในแนวเดียวกันหรือขนานกันกับบ้านหลังอื่น บ้านทุกหลังหันหน้าลงไหล่เขา บ้านของม้งขาว (White Hmong) จะต่างจากบ้านของม้งเขียว (Green Hmong) ที่มีประตูเพียงบานเดียว ส่วนม้งขาวมีประตู 2 บาน และบางครั้งก็อาจจะมี 3 บาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้าน บ้านของม้งจะสร้างติดพื้นดิน ไม่ยกพื้นสูง หลังคาเป็นไม้แผ่นเล็ก ๆ หรือหญ้า แต่ถ้าบ้านใดมีฐานะดีก็มุงหลังคาสังกะสีหรือกระเบื้อง รูปทรงของบ้านโดยทั่วไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บางหลังก็เกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส มีระเบียงตามความยาวของบ้านสำหรับใช้เก็บฟืน ประตูบ้านที่อยู่ด้านหน้าของตัวบ้านเป็นประตูสำหรับประกอบพิธีกรรมเรียกว่า "qhov rooj tag"(khor daung ta) ส่วนประตูที่อยู่ด้านซ้ายของตัวบ้านเรียกว่า "qhov rooj txuas"(khor daung txua) แม้ว่าจะมีประตูสำหรับพิธีกรรม แต่ก็ไม่มีกฎข้อห้ามในการใช้ประตูเข้า-ออกบ้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวก ภายในตัวบ้านจะกั้นห้องตามความยาวของบ้านสำหรับใช้นอน เป็นห้องที่ไม่มีบานประตู ภายในห้องทำเตียงยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 0.5 เมตร ห้องใหญ่สำหรับพ่อแม่และลูกๆที่ยังไม่โต ส่วนลูกที่เป็นวัยรุ่นและลูกสาวนอนอีกห้องหนึ่ง ลูกชายที่โตแล้วหรือสมาชิกที่ยังไม่แต่งงานจะนอนในห้องที่สาม ขณะที่พื้นที่ส่วนที่ทำเป็นไม้ยกพื้นสูงจะสำรองไว้สำหรับแขก (น.2)

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

การแต่งงาน แบบแผนการแต่งงานของม้งเป็นการแต่งงานออกกับคนนอกตระกูล (clan exogamy) ห้ามแต่งงานคนในตระกูลเดียวกัน แต่ผู้เขียนก็ได้กล่าวถึงการแต่งงานที่ไม่เป็นไปตามกฎนี้ด้วย โดยยกกรณีการศึกษาในที่อื่น ๆ เช่น de Beauclair(1970: 133) ที่พบว่ามีการยกเว้นในกรณีที่ "คู่แต่งงานไม่ได้สืบสายตระกูลมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน" ตัวอย่างเช่น ตระกูล Yang ในประเทศลาว และตระกูล Yang ในแถบไกวโจวตะวันตกและตอนกลางของจีน (in West and Central Kweichow, China) แต่การละเมิดกฎนี้ก็ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะไม่มีการกล่าวถึงในงานของ Binney(1968) Geddes(1976) หรือ Cooper(1976) และ Mickey(1947: 50) ก็กล่าวถึง Cowrie Shell Mioa ในประเทศจีนว่า ห้ามการแต่งงานระหว่างคน "นามสกุลเดียวกัน" ขณะที่ Graham (1937:27) ก็กล่าวถึง the Chuan Mioa ว่ามอง "การแต่งงานของคนตระกูลเดียวกันเป็นอาชญากรรม" เนื่องจากกฎการแต่งงานกับคนนอกตระกูล จึงเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบของหนุ่มม้งที่จะเกี้ยวพาราสีหญิงสาวต่างตระกูล ม้งบางกลุ่มในประเทศจีน "การแต่งงานกับญาติลูกพี่ลูกน้องข้างบิดาถือเป็นหน้าที่ ( "patrilinial cross-cousin marriage is said to be obligatory") และในกลุ่ม Magpie Hmong ที่เสฉวนใต้ ก็นิยมการแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้อง แต่ก็ "ไม่ถือเป็น หน้าที่" เมื่อก่อนการแต่งงานของหนุ่มม้งกับหลานสาวของพ่อ (his father's sister's daughter) เป็นเรื่องปกติ และถ้าไม่ ปฏิบัติตามสิทธินี้ พ่อของผู้หญิงก็จะต้องจ่ายเงินแก่พ่อแม่ของผู้ชายเพื่อสิทธิในการแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ซึ่งปรากฏใน Chuan Miao แต่การปฏิบัติดังกล่าวนี้ไม่มีในหมู่ม้งในประเทศไทยและลาว (น.2-3) ช่วงอายุในการแต่งงาน ม้งขาวที่บ้านขุนวัง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่แต่งงานระหว่างอายุ 15-21 ปี และผู้หญิงมักจะแต่งงาน เร็วกว่าผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานมีอายุน้อยกว่าสามีของตน ปกติสามีที่แต่งงานมีภรรยามากกว่า หนึ่งคนหรือภรรยาเสียชีวิตหรือหย่าร้างกันจะมีอายุมากกว่าภรรยา มีคู่สมรสเพียง 2-3 คู่เท่านั้นที่ภรรยาอายุมากกว่าสามี และปัจจัยของกรณีเช่นนี้ก็มิได้มาจากแบบแผนการมีภรรยาหลายคนดังเช่นกรณีม้งเขียวที่ Geddes ศึกษา (1976:80-81) ขณะที่ Chindarsi(1976:71) ซึ่งศึกษาม้งขาวในประเทศไทยกล่าวว่า ความต้องการแรงงานในไร่นาและในบ้านเป็นปัจจัยประการหนึ่ง ที่ทำให้ม้งแต่งงานอายุน้อย พ่อของฝ่ายหญิงมองว่า ช่วงอายุที่กันห่างระหว่างบุตรสาวของตนกับบุตรเขยไม่มากเกินไป ถ้าผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชาย ผู้ชายอาจจะแต่งงานอีก ดังนั้นผู้หญิงจึงหลีกเลี่ยงการแต่งงานแบบนี้ อย่างไรก็ดี ความแตกต่างทางอายุแบบนี้หายากขึ้น เพราะการแต่งงานปัจจุบันเกิดจากการเกี้ยวพาแบบโรแมนติกมากกว่าพ่อแม่จัดการให้ (น.6) การมีภรรยาหลายคน(polygyny) ม้งแสดงถึงความกำกวมเกี่ยวกับการมีภรรยาหลายคน ผู้ชายม้งบางคนยอมรับว่าถ้าสามีมีฐานะร่ำรวยและภรรยาทั้งหลายนั้นสามารถเข้ากันได้เหมือนเป็นพี่น้องกัน ความขัดแย้งระหว่างภรรยาก็จะไม่ค่อยเกิด แต่ในกรณีคนยากจน การมีภรรยาหลายคนไม่ค่อยปฏิบัติกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงและแม่ของเธอไม่นิยมปฏิบัติ โดยทั่วไปแล้ว ถ้าพี่ชายเสียชีวิตโดยทิ้งภรรยาม่ายและบุตรที่ยังเล็กไว้ ถือเป็นหน้าที่ของน้องชายที่จะแต่งงานกับภรรยาม่ายของพี่ชายเพื่อรักษาเด็ก ๆ ไว้ในครอบครัว และการมีภรรยาหลายคนก็อาจจะเกิดในกรณีที่ภรรยาคนแรกไม่สามารถมีบุตรได้ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (น.6) การเกี้ยวพาราสี ขั้นตอนการแต่งงานจะเริ่มด้วยฝ่ายชายแสดงการเกี้ยวพาราสีให้ญาติฝ่ายหญิงเห็นอย่างชัดเจน หนุ่มสาวม้งมีอิสระที่จะพบปะกันในตอนค่ำหลังจากงานประจำวัน ในอดีตหมู่บ้านจะอยู่ห่างไกลกัน หนุ่มม้งจะต้องใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมงไปหมู่บ้านที่ผู้หญิงอยู่ โดยอาจจะไปตามลำพังหรือเป็นกลุ่ม และอาจจะนำอาหารติดตัวไปด้วยเพื่อค้างคืน 2-3 คืนที่บ้านญาติในหมู่บ้านที่ผู้หญิงอยู่ และการเกี้ยวพาราสีก็ยังมีในช่วงที่หญิงชายทำงานในนาที่ห่างไกลบ้าน คนหนุ่มสาวยุคปัจจุบันก็ยังคงธรรมเนียมการเกี้ยวพาราสีอยู่ แต่ไม่ต้องเดินทางไกล ๆ ในตอนเย็นแล้วกลับบ้านตอนเช้าเพื่อทำงานอีกต่อไป ขณะที่บางคนก็อาจจะเกี้ยวพาหญิงสาวในหมู่บ้านของตนเอง เมื่อการเกี้ยวพาราสีดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง ฝ่ายหญิงอาจจะตกลงแต่งงานกับชายหนุ่ม จากนั้นชายหนุ่มจะไปขออนุญาตพ่อแม่ของตน ซึ่งจำเป็นเพราะพ่อแม่ต้องช่วยจ่ายค่าสินสอดเจ้าสาวและเงินค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน ถ้าผู้หญิงตกลงแต่งงานแล้ว ก็ไม่ต้องขออนุญาตจากพ่อแม่ฝ่ายหญิงล่วงหน้า พ่อสื่อจะเจรจากับพ่อแม่ฝ่ายหญิงในกรณีที่ผู้หญิงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานหรือผู้หญิงผู้ชายไม่รู้จักกันดีพอ (น.3-4) การลักพา (abduction) เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแต่งงาน มีทั้งลักพาจริงและแกล้งลักพาซึ่งใกล้เคียงกับการหนีตาม (elopement) เนื่องจากผู้หญิงจะรู้ตัวและเต็มใจไปกับผู้ชาย ชายหนุ่มและญาติของเขาจะลักพาหญิงสาวไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ ขณะถูกลักพาผู้หญิงจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แล้วแม่ของเธอก็จะมาช่วย ถ้าเธอแสดงว่าไม่เต็มใจ แม่ของเธอก็จะร้องไห้อ้อนวอนขอให้ปล่อยลูกสาว แต่ถ้าผู้หญิงแสดงความเต็มใจไปกับผู้ชาย แม่ของเธอก็จะขอให้แต่งงานกัน ข้อน่าสังเกตในการลักพานี้ ญาติผู้ชายของฝ่ายหญิงจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องช่วยเหลือผู้หญิงจากการลักพา พวกเขาจะไม่มีบทบาทใด ๆ จนกระทั่งถึงพิธีแต่งงาน ซึ่งหลังจากการลักพาแล้ว พ่อแม่ชายจะส่งข่าวไปยังญาติฝ่ายหญิงเพื่อขอกำหนดการจัดพิธีแต่งงาน (น.4) ผู้เขียนกล่าวว่า การลักพายังเป็นการรักษาหน้าของผู้หญิงและครอบครัว ในกรณีที่คาดว่าการแต่งงานล้มเหลว ครอบครัวของผู้หญิงไม่ต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวนั้น (น.4) พิธีแต่งงาน วันแต่งงานมี1 - 2 วัน เป็นวันสู่ขอและวันกินเลี้ยงฉลอง เริ่มที่บ้านเจ้าบ่าวก่อน แล้วมาที่บ้านเจ้าสาว แล้วก็กลับไปอยู่ที่บ้านเจ้าบ่าว ที่บ้านเจ้าบ่าวจะใช้หมู 1 ตัว ไก่ 4 ตัวสำหรับประกอบพิธีกรรมและกินเลี้ยง ที่บ้านเจ้าสาวใช้หมู 2 ตัว ไก่ 2 ตัว ขณะเดียวกันพ่อแม่เจ้าสาวต้องฆ่าหมูตัวใหญ่อีกหนึ่งตัวสำหรับเลี้ยงคนที่มาช่วยงานแต่ง และคนที่มาช่วยงานทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะได้รับเหรียญเงินตอบแทนด้วย (น.4-5) ค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน ค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน (nqi poj niam) ประกอบด้วยค่าสินสอดหรือค่าตัวเจ้าสาว (nqi mis nqi hno) ค่าปรับไหม (fine)ในกรณีลักพา เงินค่าหมู อาหารและเหล้า รวมกันทั้งหมดแล้วไม่ต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ และบางรายอาจสูงถึง 1,500 เหรียญสหรัฐ มีหนุ่มม้งจำนวนน้อยที่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ ถ้าเจ้าบ่าวและญาติของเขาไม่สามารถหาเงินมาจัดงานได้ตามวันที่พ่อแม่เจ้าสาวกำหนด ก็ต้องเลื่อนกำหนดวันแต่งงานใหม่ (น.4) ถ้าชายหนุ่มหญิงสาวจะอยู่กินเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้จัดงานแต่งงาน และฝ่ายชายยากจนไม่สามารถหาเงินเป็นค่าสินสอดและจัดงานแต่งงาน ฝ่ายชายจะไม่มีสิทธิในตัวบุตรเมื่อมีการหย่าร้างกับภรรยา และในกรณีที่พ่อแม่ฝ่ายชายไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน เจ้าบ่าวก็อาจจะต้องทำงานที่บ้านฝ่ายหญิงแทนจนกระทั่งสามารถจ่ายเงินค่าแต่งงานได้ (น.5) ปัจจุบันพ่อแม่จะไม่เรียกค่าตัวเจ้าสาวหรือสินสอด เพราะไม่อยากถูกมองว่าขายลูกสาว สินสอดเป็นเงินที่เจ้าบ่าวจ่ายให้แก่พ่อแม่เจ้าสาวเพื่อแสดงถึงการตระหนักในความรักและการเอาใจใส่เลี้ยงดูของพ่อแม่เจ้าสาว (น.7) การตั้งครอบครัวหลังการแต่งงาน เมื่อพ่อแม่จ่ายค่าสินสอดแก่เจ้าสาวแล้ว คู่แต่งงานจะอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ฝ่ายชายเพื่อว่าในกรณีที่มีปัญหาจะได้ปรึกษารับคำแนะนำจากพ่อฝ่ายชาย และเพื่อแสดงความขอบคุณโดยการอาศัยอยู่ด้วยและช่วยเหลืองานในครัวเรือน คู่แต่งงานจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่จนกระทั่งสามารถแยกออกมาสร้างบ้านของตนเองได้ ซึ่งพวกเขาก็มักจะมีบุตร 2-3 คนแล้ว หรือฝ่ายชายอายุได้ 30 ปี แต่อย่างไรก็ดี การแยกครัวเรือนอาจจะเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในครัวเรือนพ่อแม่ว่ามีความหนาแน่นเพียงใด (น.5) การแยกครัวเรือนไม่ได้มีสาเหตุมาจากความคิดเรื่องการอยู่ตามลำพัง (neolocal residence) แต่มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งภายในครัวเรือนขนาดใหญ่ เช่น ความขัดแย้งของภรรยาหรือการไม่เห็นด้วยกับการร่วมแรงงานกัน (น.7) ครอบครัว ผู้เขียนเห็นว่าลักษณะครอบครัวของม้งมี 2 แบบ คือ ครอบครัวเดี่ยว(nuclear family) และเป็นครอบครัวขยาย(extended family) ถ้าพิจารณาตามมาตรฐานตะวันตกแล้ว ครัวเรือนของม้งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยมีจำนวนสมาชิก 6-11 คน เช่น ม้งที่จังหวัดตากมีสมาชิกในครัวเรือนโดยเฉลี่ย 14 คน (Keen,1978:210) ที่ขุนวังมี 4 - 6 ครัวเรือนที่มีขนาดใหญ่มากคือมีสมาชิก 16-23 คน (Lee,1981:56) (น.8) และม้งที่แม่วัก (Mae Wak) อาจจะมีจำนวนสมาชิกมากที่สุด คือ มีสมาชิก 45 คนในหนึ่งครัวเรือนและ 5 ครอบครัว อย่างไรก็ตาม โดยหลักประชากรครอบครัว จำนวนสมาชิกโดยเฉลี่ยประมาณ 4.1 ถึง 8 คน ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า ครอบครัวม้งไม่ได้แตกต่างประชากรกลุ่มอื่น ๆ และครัวเรือนม้งมีแนวโน้มที่จะขยายใหญ่เนื่องจากระบบครอบครัวแบบขยาย (น.8)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ไม่มีข้อมูล

Education and Socialization

ไม่ระบุชัดเจน

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ในอดีต พ่อแม่เป็นผู้จัดการจับคู่การแต่งงานให้กับบุตร ซึ่งพ่อแม่ที่เป็นเพื่อนหรือญาติกันหมั้นไว้ตั้งแต่บุตรยังเป็นเด็ก การแต่งงานแบบนี้กำลังจะยกเลิกไปเนื่องจากพ่อแม่เริ่มคิดถึงความต้องการของลูกมากกว่าของตนเอง ปัจจุบัน พ่อแม่ปล่อยให้ลูกชายลูกสาวเลือกคู่แต่งงานเอง พ่อแม่จะเข้ามาแทรกแซงการเลือกคู่ในกรณีที่คนที่เลือกเป็นคนไม่ดี เช่น ติดยา เป็นคนขี้เกียจ เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เป็นหญิงม่ายหรือหย่าร้าง เป็นสาวแก่หรือผู้ชายที่มีญาติชื่อเสียงไม่ดีใช้ความรุนแรงกับภรรยา (น.3) ปัจจุบันพ่อแม่ไม่เต็มใจใช้อำนาจบังคับลูกสาวให้แต่งงาน แต่จะพยายามชักจูงลูกสาวให้ตกลงใจ เพราะว่าพ่อแม่อยากหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิในกรณีที่การแต่งงานไม่ประสบความสำเร็จ (น.4)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ไม่มี

Text Analyst อธิตา สุนทโรทก Date of Report 25 ก.ย. 2567
TAG ม้ง, การแต่งงาน, ครัวเรือน, ภาคเหนือ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง