สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม,นโยบายรัฐ,การศึกษา,ปอเนาะ,สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้
Author อรรณพ เนียมคง
Title นโยบายการศึกษาของรัฐบาลต่อชาวไทยเชื้อสายมลายูในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเนเชี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 93 Year 2538
Source หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract

ปอเนาะถือเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ ของคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา การเมือง การปกครอง กฎหมาย คุณค่าทางสังคม ประเพณี และภาษา ปอเนาะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งของมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการพยายามกลมกลืนวัฒนธรรมของรัฐ รัฐมีนโยบายให้มีการศึกษาภาคบังคับให้แก่เด็กไทยเชื้อสาย มลายูอย่างทั่วถึงพร้อมเพื่อพยายามยกเลิกปอเนาะไปด้วยการเปลี่ยนปอเนาะให้เป็นโรงเรียนราษฎร์ที่เน้นการสอนศาสนาอิสลามก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นในหมู่สังคมคนไทยเชื้อสายมลายู ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับรัฐ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และฝ่ายที่เป็นกลางไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายไหน ในที่สุดฝ่ายเห็นด้วยกับรัฐและฝ่ายที่ไม่แสดงท่าทีได้ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาต่อต้านอย่างรุนแรงในรูปการเข้าร่วมกับขบวนการต่อต้าน โดยอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงปอเนาะเป็นการทำลายวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสาย มลายู การก่อการรุนแรงเพื่อต่อสู้กับอำนาจรัฐและการปราบปรามเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2510 เป็นต้นมา การใช้ความรุนแรงเข้าไปยุติปัญหาของมุสลิมในสี่จังหวัดภาคใต้ ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิต เกิดความหวาดระแวง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับคนไทยเชื้อสายมลายู รวมทั้งคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธด้วย สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบไปถึงสภาพเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง โดยส่วนรวมในสี่จังหวัดภาคใต้ และภาพพจน์ของประเทศไทยด้วย (หน้า บทคัดย่อ)

Focus

ศึกษานโยบายของรัฐบาลในการจัดการศึกษาสำหรับคนไทยเชื้อสายมลายูในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัจจัยหรือเงื่อนไขที่นำไปสู่การกำหนดนโยบายดังกล่าว (หน้า 2)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

คนไทยเชื้อสายมลายูในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 3)

Language and Linguistic Affiliations

ภาษาที่ใช้กันในหมู่คนไทยเชื้อสายมลายูถูกเรียกกันหลากหลาย เช่น ภาษามลายูท้องถิ่น ภาษามลายู ภาษายาวี มีส่วนน้อยที่พูดภาษาไทยได้ (หน้า 6)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

สภาพอากาศของสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแบบเขตอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกชุก อาชีพส่วนใหญ่ของคนในแถบนี้จึงเป็นการทำสวน ทำนา และการประมงชายฝั่ง แต่การทำนาจะไม่ค่อย ได้ผลนักเพราะสภาพดินไม่เหมาะสมกับการทำนามากนัก ส่วนสภาพภูมิประเทศจะเป็นที่ราบสูงลาดจะทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปทางทิศตะวันออก และไม่มีที่ราบกว้างพอเหมาะต่อการทำนา นอกจากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปัตตานีในจังหวัดปัตตานี ที่ราบลุ่มแม่น้ำบางแห่งเป็นดินพรุ ซึ่งมีมากในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชชนิดต่าง ๆ แต่พื้นที่ในบริเวณนี้ แต่เหมาะแก่การประกอบอาชีพการทำสวนยางพารา สวนผลไม้ สวนมะพร้าว และจะนำผลิตผลที่ได้ ไปนำมาแลกเป็นสิ่งของเพื่อการอุปโภคและบริโภค โดยยางพาราถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนอกจากนั้นยังมีการปลูกทุเรียน มังคุด เงาะ มะพร้าว และมีการทำนาเกลือ (หน้า 7-8)

Social Organization

สภาพสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสภาพค่อนข้างทุรกันดาร การจัดตั้งปอเนาะเป็นการกระจายชุมชนออกไปตามพื้นที่ ต่าง ๆ รอบ ๆ ปอเนาะก็จะมีการตั้งบ้านเรือนและชุมชน ซึ่งมีลักษณะการประกอบอาชีพทำสวน ทำนา ทำไร่ ปอเนาะนอก จากจะถือว่าเป็นที่ให้การศึกษาแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางของชุมชนและหมู่บ้าน "โต๊ะครู" ผู้จัดตั้งปอเนาะจึงถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญและบทบาทต่อบุคคลชั้นนำในสังคมไทยเชื้อสายมลายู และยังเป็นบุคคลชั้นนำในหมู่บ้าน ตำบลอีกด้วย เป็นผู้รู้ทางศาสนา เป็นผู้เสียสละและเป็นผู้อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษาของพระเจ้า โต๊ะครูจึงย่อมเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อสังคมของคนไทยเชื้อสายมลายู (หน้า 13-14)

Political Organization

ภายหลังนโยบายการศึกษาของรัฐในเขตสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้คนมาเลย์มุสลิมที่ไม่พอใจรวมกลุ่มกันตั้งตัวเป็นผู้ก่อการร้าย มีความมุ่งหมายทำลายความเสียหายแก่บรรดาคนไทยนับถือศาสนาพุทธ เพราะคนไทยนับถือศาสนาพุทธและคนจีน ค้าขายในตลาดต่าง ๆ เป็นกลุ่มคนที่อพยพเข้ามาทำกินในภายหลังตามนโยบายของรัฐ ซึ่งคนไทยเชื้อสายมลายู่ย่อมสำนึกอยู่เสมอว่า คนไทยพุทธเหล่านี้คือ กลุ่มคนที่มาแย่งที่ทำกินของเขา เขาจึงต่อต้านและคัดค้านมาตลอด ในขณะที่ข้าราชการครู คือ สัญลักษณ์เป็นตัวแทนของอำนาจรัฐที่เข้ามากลมกลืนและทำลายล้างวัฒนธรรมของชาวมลายู เอาวัฒนธรรมพุทธเข้าแทน ที่โดยมาในรูปของการศึกษา ทำให้รูปแบบเอกลักษณ์ทางประเพณีของสังคมต้องสูญเสีย จึงทำให้ในช่วง พ.ศ.2510-2517 พื้นที่สี่จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่อันตราย การปราบปรามรุนแรงมากเท่าใด การต่อต้านก็โต้ตอบมากเท่านั้น ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในพื้นที่สี่จังหวัดภาคใต้ หลัง พ.ศ.2516 นโยบายเกี่ยวกับสี่จังหวัดภาคใต้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง รัฐบาลเริ่มมองเห็นนโยบายการเข้าไปเปลี่ยนแปลงและผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างความสำนึกในความเป็นไทย ตามที่ต้องการโดยเข้าไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงสถาบันการศึกษาและศาสนาซึ่งเป็นสถาบันสำคัญของสังคมมุสลิมโดยตรงนั้น ที่ไม่อาจประสบผลสำเร็จได้เพราะได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง ดังนั้น รัฐบาลจึงได้เล็งเห็นรูปแบบใหม่เป็นกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยสอดแทรกนโยบายประสมประสานเข้าไป คือ รัฐต้องพยายามทุกวิธีการที่จะแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องสังคม วัฒนธรรม การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคมและการป้องกันประเทศ ในคราวเดียวพร้อม ๆ กัน (หน้า 88-89)

Belief System

คนไทยเชื้อสายมลายูนับถือศาสนาอิสลามมีความเชื่อมั่นต่อพระเจ้า คือ องค์พระอัลเลาะห์ การปฏิบัติในชีวิตประจำวันก็ดำเนินตามหลักศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา จึงได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลามทั้งสิ้นโดยเฉพาะการศึกษา ซึ่งสามารถถ่ายทอดและรักษาเอกลักษณ์ของประเพณี ขนบธรรมเนียมจารีตวัฒนธรรมให้กับสังคมได้อย่างมั่นคงถาวร ดังนั้น ภาษาจึงเป็นวัฒนธรรมที่เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมอิสลาม จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง (หน้า 5)

Education and Socialization

ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ของประเทศไทยอยู่บนพื้นฐานแนวคิดของศาสนาอิสลามเป็นหลัก ตลอดจนการปฏิบัติในพิธีต่าง ๆ ในศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามนอกจากจะเป็นแหล่งของความเชื่อทางศาสนาแล้ว ยังมีส่วนในด้านต่าง ๆ ในชีวติประจำวันของคนในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการครองเรือน การศึกษา ปรัชญา และอื่น ๆ อีกมากมายด้วย ดังนั้น การได้ศึกษาใน "ปอเนาะ" จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของชาวมลายูผู้นับถือศาสนาอิสลาม ความรู้ในปอเนาะที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามจะสอนด้วยภาษาอาหรับและมลายู โดยทั้งทางด้านความศรัทธา การปฏิบัติ ด้านจริยธรรม เกี่ยวกับประวัติ ภาคครอบครัวมรดก และมีการสอนเนื้อหาในพระคัมภีร์อัลกุระอานด้วย โดยจะสอนทั้งการเขียน การแต่ง และการแปล ให้ครบตามรูปแบบการสอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถและความรอบรู้ของโต๊ะครูเป็นสำคัญ เพราะหลักสูตรในปอเนาะแต่ละที่ไม่เหมือนกัน โดยจะขึ้นอยู่กับความรู้ดั้งเดิมของโต๊ะครูเป็นสำคัญ ต่อมารัฐบาลได้มีนโยบายการศึกษาในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐได้ดำเนินการให้การศึกษาแก่คนไทยเชื้อสายมลายูอย่างเป็นระบบ โดยในปี พ.ศ.2504 ได้เริ่มนำปอเนาะมาจดทะเบียน และปอเนาะที่จดทะเบียนแล้ว สามารถปรับปรุงเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามในปี พ.ศ.2514 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดของการศึกษาปอเนาะแบบดั้งเดิม ประชาชนในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีคนไทยเชื้อสายมลายูอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาแบบใหม่ ถึงแม้ว่าปอเนาะจะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและระบบการเรียนการสอนแล้วก็ตาม (หน้า 10-11, 69-75)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Text Analyst วศิน เชี่ยวจินดากานต์ Date of Report 30 มิ.ย 2560
TAG ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู, มุสลิม, นโยบายรัฐ, การศึกษา, ปอเนาะ, สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง