สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มุสลิม,องค์กรในประเทศไทย,ความสัมพันธ์ต่างประเทศ,ประเทศไทย
Author จรัญ มะลูลีม, กิติมา อมรทัต, พรพิมล ตรีโชติ
Title ไทยกับโลกมุสลิม : ศึกษาเฉพาะกรณีชาวไทยมุสลิม
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 271 Year 2538
Source สถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

งานชิ้นนี้ศึกษาความสัมพันธ์ของมุสลิมในประเทศไทยกับประเทศมุสลิมต่าง ๆ ในโลก ว่ามีประเทศใดและมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใดบ้าง (หน้า บทคัดย่อ) และเสนอว่าองค์กรมุสลิมในประเทศไทยเกือบทุกองค์กรล้วนมีจุดมุ่งหมายไปในทางเดียวกัน คือ การยกระดับความเป็นอยู่ของมุสลิมในประเทศด้วยการให้การศึกษา อบรม และต่อสู้เพื่อสิทธิอันถูกต้องชอบธรรมที่มุสลิมควรจะได้รับ ในเวลาเดียวกันก็คำนึงถึงความเดือดร้อนของมุสลิมในต่างประเทศด้วย เพราะมุสลิมมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในคำสอนของศาสนาอิสลามที่ว่ามุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน แต่ทั้งนี้ศาสนาอิสลามก็สอนเช่นเดียวกันว่าให้อยู่กับศาสนาอื่นอย่างปรองดองกันตราบใดที่ไม่มีการทำลายหรือรุกรานทางศาสนา

Focus

ศึกษาที่มาของมุสลิมในประเทศไทย ตลอดจนชีวิต ความเป็นอยู่ของมุสลิมเหล่านี้ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม ศาสนา การปกครองและการรวมตัวของพวกเขา ทั้งยังศึกษาความสัมพันธ์ของมุสลิมในประเทศไทย กับประเทศมุสลิมต่าง ๆ ในโลกว่ามีประเทศใดและมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใดบ้าง (หน้า บทคัดย่อ)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

มุสลิมในประเทศไทย

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดย้อนหลังจากปัจจุบันไปไม่เกิน 20 ปี และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติในปัจจุบัน (หน้า 3)

History of the Group and Community

การเผยแพร่ศาสนาอิสลามในประเทศไทยเริ่มต้นมาจากพ่อค้ามุสลิมได้มาตั้งรกรากในเมืองท่าของประเทศไทยเพื่อการพาณิชย์ ต่อมาพ่อค้าเหล่านี้ได้แต่งงานกับหญิงพื้นเมือง คนรุ่นที่สองที่สามก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนมุสลิมไป การเปลี่ยนแปลงศาสนาจึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง ต่อมากลายเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ ศาสนาอิสลามได้ถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนตะวันออกกลาง และแพร่หลายขยายเข้าสู่ประเทศในเขตทวีปเอเชียในปลาย คริสตศตวรรษที่ 7 และเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ปกครองในคริสตศตวรรษที่ 16 การเผยแพร่อิสลามในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มุสลิมเดินทางเข้ามาทำการค้าจึงเกิดการติดต่อระหว่างคนต่อคน และเกิดการแต่งงานขึ้น ศาสนาอิสลามจึงเผยแพร่ผ่านทุกกลุ่มในประเทศไทย กลุ่มคนเหล่านั้นซึ่งมาตั้งรกรากหลักแหล่งในเมืองไทยก็เผยแพร่ด้วยวิธีการคล้ายคลึงกัน โดย ในประเทศไทยนั้นผู้เผยแพร่ศาสนาในประเทศไทยจะมาจากมาเลย์ อาหรับ-เปอร์เซีย และอินเดีย (หน้า 3-13)

Settlement Pattern

มุสลิมที่อยู่ภาคกลางของประเทศไทยมีสามกลุ่ม กลุ่มแรกอยู่ในเมืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและธนบุรี รองลงมาได้แก่มุสลิมมลายูที่อพยพมาจากหัวเมืองประเทศราชทางภาคใต้ ซึ่งมาอาศัยอยู่ตามบริเวณชานเมืองกรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลทางการเมือง และกลุ่มสุดท้ายเป็นมุสลิมในบังคับต่างชาติ เช่น อังกฤษ ฮอลันดา ฝรั่งเศส เป็นต้น มุสลิมทั้งสามกลุ่มดังกล่าวได้ตั้งถิ่นฐานโดยทั่วไปในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม ซึ่งอยู่ในเขตภาคกลางของประเทศไทย มีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ชนมุสลิมในถิ่นนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม การตั้งถิ่นฐานในอดีตค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะเช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ คือ มีมัสยิดเป็นศูนย์กลางและสร้างบ้านเรือนอยู่ใกล้ชิดกัน (หน้า 32-36)

Demography

มุสลิมในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน (หน้า 2)

Economy

ไทยมุสลิมในภาคต่าง ๆ มีอาชีพเช่นเดียวกับประชาชนพลเมืองที่นับถือศาสนาอื่นในภาคนั้น ๆ เพราะเป็นกลุ่มชนส่วนน้อยจึงไม่มีเอกลักษณ์อันใดของตนเองนอกจากบางอย่างที่ต้องดำเนินไปตามหลักศาสนาอิสลาม อาชีพส่วนใหญ่ของไทยมุสลิมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ค้าปศุสัตว์และขายเนื้อ ชายอาหารทำการค้าเบ็ดเตล็ด ช่างฝีมือและรับราชการ ในเชิงเศรษฐกิจไม่ใคร่มีการรวมตัวกันในระหว่างมุสลิมด้วยกันที่จะประกอบธุรกิจ บางครั้งถึงกับมีการแข่งขันกันซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งบาดหมางกันก็มี นอกจากนั้นยังไม่มีการประกอบธุรกิจต่อเนื่อง ส่วนมุสลิมส่วนใหญ่ในภาคเหนือเป็นชาวปาทาน ส่วนน้อยเป็นจีนฮ่อและชาวเบงกอล ฐานะทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีฐานะปานกลาง คนร่ำรวยในฐานะเศรษฐีมีน้อย เพราะมุสลิมมิได้คุมเศรษฐกิจ ไม่มีอิทธิพลในด้านธุรกิจ ชาวปาทานส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเจ้าของเขียงเนื้อและขายเนื้อ จีนฮ่อทำการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือทำงานตามบริษัท มุสลิมในภาคกลางก็ประกอบอาชีพรับราชการ ค้าขาย ทำอุตสาหกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ และเกษตรกรรม ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและเมืองปริมณฑล ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจหลายอย่าง สำหรับสภาพเศรษฐกิจของไทยมุสลิมในจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะสี่จังหวัดภาคใต้มีมุสลิมอยู่มากเป็นพิเศษนั้นขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยเขตสี่จังหวัดมีอากาศร้อน มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี ประชากรส่วนใหญ่จึงมีอาชีพทางเกษตรกรรม คือทำสวนยางพาราเป็นหลัก รองลงไปก็คือ ทำนา ทำสวนผลไม้ และสวนมะพร้าว นอกจากนี้ยังทำเหมืองแร่ และการประมง มีความแตกต่างกันในการถือครองที่ดินในภาคใต้นี้ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม ไทยมุสลิมเป็นเจ้าของที่ดินแปลงเล็ก ๆ เท่านั้น การถือครองที่ดินขนาดเล็ก ๆ เช่นนี้ทำให้ไทยมุสลิมมีรายได้พอใช้ไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น จึงไม่สามารถออมทรัพย์นำไปลงทุนใหญ่ ๆ ได้ เมื่อเทียบกับคนไทยพุทธที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันฐานะของคนไทยมุสลิมจะยากจนกว่า และส่งผลต่อไปถึงความเป็นอยู่ด้านอื่นด้วย (หน้า 89-90)

Social Organization

องค์กรมุสลิมในประเทศไทยส่วนใหญ่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเงื่อนไขความจำเป็นที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของมุสลิมในประเทศไทยให้มีความทัดเทียมกับชุมชนอื่น ๆ ตามคำสอนที่ว่ามุสลิมทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน แต่ทั้งนี้ย่อมทำงานร่วมกับสังคมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มุสลิมได้ด้วย องค์กรมุสลิมในประเทศไทยมีระดับการทำงานของตนเองแตกต่างกันไป เช่น สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมจะทำงานในระดับนักศึกษา ได้แก่ ช่วยเหลือนักศึกษามุสลิมในด้านการให้ข่าวสารทางการศึกษา ประสานงานกับนักศึกษาด้วยกันในการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือมุสลิมที่ประสบปัญหา ติดต่อกับองค์กรนักศึกษามุสลิมต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร จัดประชุมร่วมกันโดยมีองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศเป็นผู้สนับสนุน ส่วนองค์กรอื่น ๆ ในทางศาสนา เช่น ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทยก็ดำเนินการเพื่อเผยแพร่ศาสนา และให้โอกาสองค์กรมุสลิมอื่น ๆ ได้มาจัดทำกิจกรรมของตนในศูนย์กลางแห่งนี้ จัดงานและเทศกาลที่สำคัญ ๆ ทางศาสนา ฯลฯ (หน้า 116)

Political Organization

ไทยมุสลิมในสี่จังหวัดภาคใต้มีความรู้สึกชาตินิยมสูง ถือว่าตนเองมีเชื้อชาติมลายู มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกับคนไทยกลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ความเชื่อ ภาษาและมีแนวทางการปกครองเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นการที่ไทยเข้ามาจัดระเบียบการปกครอง ทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองในภาคใต้มากพอสมควร ซึ่งมุสลิมไม่พอใจในกฎข้อบังคับต่าง ๆ และการถูกปกครองโดยรัฐ ความไม่พอใจฟักตัวขึ้นมาจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมจนถึงขั้นรุนแรง สาเหตุความไม่พอใจและขัดแย้งดังกล่าวได้ก่อตัวขึ้นทีละน้อย และได้ระเบิดออกมาเป็นความไม่สงบ ความรุนแรงและการก่อการร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ได้มีการเรียกร้องปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นต่อสู้ สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระ การเรียกค่าไถ่ ค่าคุ้มครอง การลักลอบจุดไฟในสถานที่ราชการ การกล่าวอ้างหลักศาสนาและประวัติศาสตร์มาเป็นเงื่อนไขทั้งในรูปขบวนการที่ต่อสู้ในเมืองอย่างเปิดเผย การต่อสู้ในชนบทของมิจฉาชีพทั่วไปที่สวมรอยแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ เกิดเป็นปัญหาด้านการปกครองและความมั่นคงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 43-54) หลักการปกครอง คือ สามารถสนองความเป็นปึกแผ่น และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทยทั้งชาติ และสนองความประสงค์ของประชาชนในภาคใต้ด้วย ดังนั้น รูปแบบการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการมาตามลำดับ ศอ.บต. มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ก่อให้เกิดสันติสุขและความสมานฉันท์ (หน้า 79)

Belief System

ศาสนาอิสลามนอกจากสอนให้ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ยังมีคำสอนทั้งในระดับหลักการทั่วไป และในระดับการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน มีคำสอนเกี่ยวกับด้านวัตถุและด้านจิตใจ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีพฤติกรรมหรือแนวความคิดใดของมนุษย์จะพ้นจากข่ายของศาสนาอิสลามไปได้ การเข้าใจในศาสนาอิสลามมี 3 ข้อ คือ 1. อิสลามในฐานะที่เป็นศาสนา 2. อิสลามในฐานะที่เป็นระบอบการปกครอง 3. อิสลามในฐานะที่เป็นวัฒนธรรม ส่วนโครงสร้างของศาสนาอิสลาม มี 3 ประการ 1. หลักศรัทธา 6 ประการ 1.1 ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า 1.2 ศรัทธาในบรรดามลาอิกะฮ์ 1.3 ศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ 1.4 ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต 1.5 ศรัทธาในวันพิพากษา 1.6 ศรัทธาในกฎกำหนดสภาวการณ์ 2. หลักปฏิบัติ 5 ประการ 2.1 การปฏิญาณตน มีข้อความอยู่ 2 ประโยค คือ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และศาสดามุฮัมมัด คือ ศาสนทูตของพระองค์ 2.2 การทำนมัสการต่อพระผู้เป็นเจ้า (นมาซ) 2.3 การบริจาคทาน (ซะกาต) 2.4 การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอม 2.5 การประกอบพิธีหัจญ์ 3. หลักคุณธรรม 3.1 หน้าที่ต่อพระผู้เป็นเจ้า 3.2 หน้าที่ของผู้รู้หรือครู 3.3 หน้าที่ของผู้เรียน 3.4 หน้าที่ของลูกต่อพ่อแม่ 3.5 หน้าที่ต่อเพื่อนในสังคม (หน้า 21-25)

Education and Socialization

การเรียนศาสนาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อไทยมุสลิม หลักการอิสลามต้องการให้มุสลิมทุกคนรู้หลักการเบื้องต้นหรือที่มาของศาสนาอิสลาม ฉะนั้น ในขณะที่ยังเด็ก มุสลิมต้องเรียนตามหลักสูตรภาคบังคับถึงชั้นประถมที่ 4 แล้ว ยังเรียนศาสนาอิสลาม และการอ่านคัมภีร์กุรอ่านควบคู่ไปด้วย ปอเนาะหรือโรงเรียนสอนศาสนาเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุดสถาบันหนึ่งของสังคมมุสลิม ปอเนาะเป็นสถานที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาศาสนาเป็นหลัก ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนและแสวงหาความรู้ความสามารถของมุสลิมทั่วไป ในปอเนาะไม่มีหลักสูตร ไม่มีตารางเรียนและกำหนดเวลาสอนที่แน่นอน ไม่มีการวัดผลการศึกษา ไม่มีชั้นเรียน เนื้อหาที่สอนก็เป็นวิชาทางศาสนาอย่างเดียว อุปกรณ์การสอนมีเพียงหนังสือเรียนซึ่งเป็นภาษาอาหรับ หรือยาวี การถ่ายทอดความรู้ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของ โต๊ะครูเพียงคนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มุสลิมในชุมชนท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นสังคมที่มีเอกลักษณ์ของตนเองอย่างเด่นชัด (หน้า 95-100)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ดินแดนสี่จังหวัดภาคใต้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับชีวิตมุสลิมในเมืองไทยมากกว่าแถบอื่น ๆ สิ่งที่นับเป็นเหตุการณ์สำคัญและเด่นชัดมาก คือ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมุสลิมที่นั่นกับชาวพุทธและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งสืบเนื่องมาตั้งแต่อดีต และนับวันจะทวีความรุนแรงสลับซับซ้อนมากขึ้นทุกที เป็นเรื่องที่มีสาเหตุมากมาย เช่น ปัญหาความแตกต่างในเรื่องศาสนาและวัฒนธรรม ปัญหาทัศนคติ ปัญหาภาษา ปัญหาการเมือง และการปกครอง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการศึกษา ปัญหาความสำนึกทางประวัติศาสตร์ ปัญหาโจรผู้ร้าย ฯลฯ ยิ่งมาตรการปราบปรามของฝ่ายรัฐรุนแรงขึ้นเพียงใด ความขัดแย้งระหว่างชนสองฝ่ายก็ยิ่งเห็นชัดขึ้น เพราะมาตรการการปราบปรามผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้คิดแบ่งแยกดินแดนนั้นเป็นที่พอใจของไทยพุทธ ในขณะเดียวกันก็สร้างความไม่พอใจให้แก่มุสลิม ดั้งนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายจึงแทบจะขาดจากกันอยู่แล้วหากไม่มีพระมหากษัตริย์เชื่อมความสัมพันธ์ของประชาชนไว้ (หน้า 71-76)

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

องค์กรมุสลิมในประเทศไทยที่มีบทบาทในฐานะเป็นองค์กรนำ และรับใช้สังคมมุสลิมมีอยู่ 14 องค์กร ได้แก่ 1.สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย 2.มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย 3.สมาคมแพทย์มุสลิม 4.มูลนิธิช่วยเหลือเด็กกำพร้าของสตรีไทยมุสลิมแห่งประเทศไทย 5.สมาคมกอรีแห่งประเทศไทย 6.สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม 7.คณะกรรมการประสานองค์การมุสลิม 8.มูลนิธิสันติชน 9.สถาบันส่งเสริมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม 10.ชมรมมุสลิมสยาม 11.สมาคมสื่อสารมุสลิมแห่งประเทศไทย 12.สถาบัน ดาร อหลิลบัยต 13.ชมรมนักศึกษามุสลิม มหาวิทยาลัยรามคำแหง 14.สำนักพิมพ์ทางนำ

Text Analyst วศิน เชี่ยวจินดากานต์ Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG มุสลิม, องค์กรในประเทศไทย, ความสัมพันธ์ต่างประเทศ, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง