สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ, ความเป็นอยู่ประเพณี, กลุ่มชาติพันธุ์, ความเป็นอยู่และประเพณี, พิธีทางศาสนาและพิธีกรรม, นักมานุษยวิทยาเดินดิน
Author ปราชญ์กฤษฎ์โมกข์ คีรีกิจไพศาล, อัศวิน พิเชฐกุลสัมพันธ์, ประสงค์ สกลคีรี, ธงชัย พิเชฐกุลสัมพันธ์, ชัยรัตน์ อัศวพนาสัณฑ์, ศุภชัย เจริญวิวัฒน์กุล, พรชัย โปโชโร, วิเชียร คีรีภูวดล
Title โครงการศึกษาวิจัยพิธีกรรมปวาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) ในรอบปีกระบวนการผลิตพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แปะตอนบน
Document Type อื่นๆ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
- ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
- ฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.: [เอกสารฉบับเต็ม]
 
Total Pages 149 Year 2557
Source ปราชญ์กฤษฎ์โมกข์ คีรีกิจไพศาล และคณะ. (2557). โครงการศึกษาวิจัยพิธีกรรมปวาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) ในรอบปีกระบวนการผลิตพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แปะตอนบน. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.
Abstract

สังคมปัจจุบันของชาติพันธุ์ปวาเก่อญอมีวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมาก ส่วนใหญ่ผู้คนในชุมชนมีความเร่งรีบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันที่มีการแข่งขันกันอย่างรอบด้าน ต่างจากอดีตที่ชาติพันธุ์ปวาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) เป็นชาติพันธุ์ที่มีความเรียบง่ายผูกพันกับธรรมชาติ ความเชื่อ ความศรัทธาที่ละเอียดอ่อนแสดงออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมต่าง ๆ ทุกขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีพเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่แฝงคำสอนเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ปฏิบัติสืบทอดกันมากลายเป็นกฎเกณฑ์สำคัญในการดำรงชีวิตของคนปวาเก่อญอ ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาส่งผลกระทบกลายเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายและประโยชน์ที่ได้เข้ามามีบทบาทรวมกลุ่มเพื่อหาแนวทางในการศึกษาวิจัยพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แปะตอนบน ที่เป็นกลไกเล็ก ๆ ในการช่วยอนุรักษ์ หวงแหนทรัพยากรทางวัฒนธรรม

Focus

ศึกษาพิธีกรรมปวาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) โดยการเก็บข้อมูลทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติรวมทั้งภาพและเสียง จากผู้รู้ ชาวบ้าน ปราชญ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แปะตอนบน เพื่อให้ได้ข้อมูลในเชิงลึกทั้งคุณค่า ความหมาย ความสำคัญ และความแตกต่างของแต่ละพิธีกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อให้เกิดความหวงแหน อนุรักษ์ องค์ความรู้ภูมิปัญญา ที่เป็นอัตลักษณ์ของชนเผ่าในพิธีกรรมของปวาเก่อญอ

Theoretical Issues

การศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากผู้รู้ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งทีมวิจัยได้ถือโอกาสเข้าร่วมในพิธีกรรมที่ชาวบ้านได้ประกอบพิธีขึ้น เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งภาพและเสียง จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ กรณีในบางพิธีผู้ให้ข้อมูลจะมีข้อมูลที่แตกต่างกัน ทีมวิจัยจึงใช้วิธีตรวจทานอีกรอบโดยการลงพื้นที่สำรวจซ้ำหรืออาจเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามพิธีของพิธีกรรมนั้น ๆ 

Ethnic Group in the Focus

ในรายงานฉบับนี้ใช้คำเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ “ปวาเก่อญอ” (สกอร์)

Study Period (Data Collection)

ประมาณปี พ.ศ.2556-2557

History of the Group and Community

รายงานการศึกษาได้กล่าวถึงกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโดยภาพรวมไว้เพียงเบื้องต้น โดยกล่าวถึงการตั้งถิ่นฐานบริเวณชายแดนไทย-พม่า ส่วนใหญ่ตั้งชุมชนบนพื้นที่สูงตั้งแต่เทือกเขาถนนธงชัยเรื่อยไปถึงเทือกเขาตะนาวศรี แบ่งกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงได้ 4 กลุ่ม 1) ปวาเก่อญอ (สกอร์) 2)โปว์ (โผล่ง) 3) คะยา (บะเว) 4) ตองซู (พะโอ) (น.1)

Belief System

ระบบความเชื่อและพิธีกรรมถูกเรียงร้อยด้วยกันผ่านบทสวดในท่วงทำนองภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ พิธีกรรมแต่ละอย่างต่างมีความหมายสำคัญซ่อนเร้นแฝงด้วยปริศนา ซึ่งพิธีกรรมปวาเก่อญอสามารถแบ่งได้ 5 ประเภท คือ พิธีกรรมในรอบชีวิต พิธีกรรมเครือญาติ พิธีกรรมชุมชน พิธีกรรมเพื่อการรักษา พิธีกรรมในกระบวนการผลิต
 
ตัวอย่าง พิธีกรรมและขั้นตอนในการผลิตข้าวในรูปแบบนาขั้นบันได
1.บือแชะคลี (เพาะเมล็ดพันธุ์) เป็นการบอกกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลความอุดมสมบูรณ์ มักทำช่วงต้นฤดูฝน (ปลายเมษายน-พฤษภาคม) เชื่อกันว่าถ้าได้ทำแล้วผลผลิตเกษตรจะดี เมล็ดข้าวที่หว่านจะงอกงาม ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลปกป้องเมล็ดข้าว บอกกล่าวให้โถ่บีข่า (นกขวัญข้าว) ลงมาดูแลรักษาข้าว (น.5)
 
2.แถ่ลอต่า หรือ มาลอชิ (แรกเริ่มไถนา) เป็นการเตรียมพื้นที่ เตรียมแปลงในนาข้าว ในอดีตคนปวาเก่อญอใช้ควายทำนา ฉะนั้นก่อนจะทำนาต้องเตรียมความพร้อมทั้งคนและควาย รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาใช้ ก่อนเริ่มไถนาต้องมีการผูกข้อมือบายศรีสู่ขวัญเพื่อให้แหว่โข่ (เจ้าภาพ) มีสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัย ปราศจากอันตรายทั้งปวง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองตลอดฤดูกาลเพาะปลูก (น.12)
 
3.พิธีบือสู่ลอ (การเริ่มปลูกข้าว) บริเวณพื้นที่ที่มีการเตรียมไว้ ต้องมีการทำเครื่องหมายไว้เพื่อให้รับรู้ว่า พื้นที่นี้เป็นบริเวณของการเริ่มแรกการปลูกข้าว ที่แหว่โข่เป็นผู้ปลูก เป็นการปลูกเพื่อเอาฤกษ์ยามที่ดี สิ่งที่ต้องเตรียมประกอบด้วย กล้าข้าว ตาแหล่ว ต่าก๊ะกร๊อ (น.16)
 
4.พิธีหลือแฝ่ (เลี้ยงผีฝาย) เป็นพิธีกรรมที่ต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติ หากทำผิดขั้นตอนต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ การหุงข้าวหมักเหล้าใหม่ จะต้องนัดวันและเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ แล้วทำตามลำดับขั้นตอน รวมไปถึงการสร้างศาลเจ้า ส่วนใหญ่พิธีนี้จะทำร่วมกันหลายครอบครัว เพื่อบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้รับรู้และเป็นการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องของชาวปวาเก่อญอ (น.21) 
 
5.พิธีบวอชิ ประกอบด้วย 4 พิธีย่อย คือ 1) ต่าแซะ เป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดีที่จะมาทำลายต้นข้าวให้หายไป 2) ต่าเต่อเม๊าะ เป็นการเอาสิ่งดี ๆ เข้ามาในนาข้าว ให้ได้ผลิตผลิตมาก ปลอดโรคศัตรูพืช 3) ต่าหลื่อ บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ทิศและฟ้าดินให้ดูแลรักษาข้าวให้เจริญเติบโตด้วยดีตลอดจนถึงการเก็บเกี่ยว 4) ต่าคะแก๊ะ เป็นพิธีป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายทำลายข้าว หลังจากที่ทำพิธีต่าง ๆ ไปแล้ว มีการสร้างอาวุธจำลองเปรียบเสมือนทหารเฝ้าทางเข้านาข้าว (น.39)
 
6.พิธีต่าเป๊อจ่อ เป็นพิธีกรรมที่ทำหลังจากพิธีบวอชิเสร็จ ไปจนถึงก่อนการเก็บเกี่ยวข้าวเป็นพิธีกรรมที่เคร่งครัด  เป็นการขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แรงกว่าพิธีอื่น ๆ ต้องเตรียมทั้งของเซ่นไหว้ พื้นที่ทำพิธีกรรม นำของเซ่นมาไหว้บนศาล โดยมีผู้อาวุโสนำสวด (น.69)
 
7.พิธีกินข้าวใหม่, อ๊อะบือโข่ (เอะตี่บือโข่) เป็นการบอกกล่าวให้เจ้าแห่งข้าวรับรู้ การเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ ก่อนเก็บเกี่ยวขอให้ข้าวเพียงพอกับการบริโภคในครอบครัว (น.78)
 
8.กุลอบือ (เริ่มแรกการเกี่ยวข้าว) เมื่อข้าวออกรวงพร้อมเก็บเกี่ยว แหว่โข่และสมาชิกในครอบครัวจะนัดหมายวันเวลาที่จะเกี่ยวข้าวและเตรียมหาอาหารเลี้ยงแขกที่จะมาช่วยเกี่ยวข้าวด้วย (น.85)
 
9.พิธีแซะลอบือส่า เป็นการเรียกขวัญข้าว ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลข้าวขวัญข้าวให้กลับมา (ขวัญเอยขวัญมา) เป็นการบ่งบอกให้เจ้าที่รับรู้ เป็นการเรียกขวัญข้าว (น.88)
 
10.พิธีแซะพอ การขอเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับทำพันธุ์ในปีหน้า ให้หมดช้า-เม็ดข้าวเต็ม (ตามความเชื่อเป็นการส่งนกขวัญข้าวกลับสู่สรวงสวรรค์ให้พักผ่อน) (น.94)
 
11.พิธีพอคีด๊ะ-เพาะคีด๊ะ พอคีด๊ะ คือข้าวเก่าในยุ้งที่เหลือ, เพาะคีด๊ะ คือข้าวใหม่ส่วนสุดท้ายในลานนวดข้าว เป็นการบอกกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ว่าการเก็บเกี่ยวข้าวได้เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ข้าวเก่ากับข้าวใหม่ทันกัน (รอยต่อของข้าวเก่าข้าวใหม่ได้เชื่อมต่อกัน) (น.114)
 
12.พิธีแซะชูลอบือโข่ เป็นพิธีเซ่นไหว้เพื่อให้ข้าวใหม่ในยุ้งเพียงพอกับการบริโภคในปีนั้น ๆ ให้ข้าวหมดอย่างช้า ๆ อย่าหมดเร็วทำให้ต้องลำบากในการหาข้าวเปลือกมาบริโภคในครอบครัว (น.122)
 
13.พิธีบายศรีสู่ขวัญควาย (กี่ปึ๊หน่าจึ๊) เป็นการขอขมาควายที่ได้ใช้งานหนักในระหว่างฤดูไถนาและขอให้ควายไม่เป็นโรคหรือเจ็บป่วย ให้มีสุขภาพแข็งแรง (น.126)

Folklore

บทสวดในพิธีกรรมเกี่ยวพันกับการเกษตรปรากฏในทุกพิธีกรรมที่ได้กล่าวไปแล้วในหัวข้อระบบความเชื่อ
ตัวอย่างบทคำสวดและความหมายในพิธีการเริ่มปลูกข้าว
บทคําสวด พะเถ่อเมโข่ (มือสุ่ลอ) 
ซะจ่าพะเดาะเก้อจ่า พะเด๊าะโกล๊เก่อจ่า บ๋ะแปะคีเก้อจ่า บ๋ะแปะโกล๊ะเก้อจ่า เลซูคีเก้อจ่า เลซูโกล๊ะเก้อจ่า ยี่โชกอเก้อจ่า หมื่อชานียาอีเจ่อโพเจ่อลี พะถ่อเมโข่ทีโข่เล้อสู่ลอบือสู่ลออือ ลออ่อเกเมโข่ทีโข่ ลอกว่าบือหมื่อลอก ว่าบือพอ ลอกว่าเกบือลอกว่าเกอือ กว่าอะเก่อลอซีกว่าอะเก่อลอบอ กว่าเดอซีโจ่กว่าเดอโก๊ะ กวอ แฮเลอะต่าเกแฮ เลอะต่ากวา กว่าเก่อกรีแฮเลอะบือเกแฮเลอะบือกวา กว่าเดอชิโข่กว่าเคอนาปูกว่าเดอต่าพิกว่าเดอต่ามา กว่า เคออะกู๊อะข่าก๊ออ่อแลกว่าเลอะเกเน๊ะ แลมาเซเกแลอ่อเซเก หมื่อชานียาอีปาสี่ยาเน่อมีเล้อเปร่วบ่าเต่อกาบ่าคีกา 
 
คําแปล 
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าแห่งขุนเขา เจ้าแห่งลําห้วยน้ำต้นผึ้ง ลําห้วยขุนแปะ ลําห้วยขยัน เจ้าแห่งดิน วันนี้ ลูกหลาน (แหว่โข่) ได้นําเครื่องเซ่นไหว้ บือสู่ลอ มาไหว้ขอให้ท่านลงมากินเครื่องเซ่นไหว้และขอให้ท่านดูแลปกปักรักษาข้าว ให้เจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ ไม่มีโรคแมลงไม่เหี่ยวแห้งเฉาตาย ให้ดินและน้ำอุดมสมบูรณ์ด้วยเถิด (น.19)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ด้วยการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง การดำรงชีพจึงปรับตัวสอดคล้องกับบริบทของภูมิประเทศ การทำการเกษตรจึงต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ทำให้มีการสั่งสมองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และประเพณีวัฒนธรรมที่อิงกับธรรมชาติผ่านรูปแบบความเชื่อ การประกอบอาชีพต่าง ๆ ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลายาวนาน หลอมรวมกลายเป็นวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุลและยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน (น.1) เช่น ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แปะตอนบนใช้วิธีการผลิตข้าวแบบนาขั้นบันไดหลัก แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตจากเดิมที่เป็นไร่หมุนเวียน แต่พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องยังคงรูปแบบเดิมไว้ ซึ่งมีส่วนรายละเอียดต่างไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย 

Social Cultural and Identity Change

ในบริบทของการดำรงชีพการทำการเกษตร จำต้องถูกเปลี่ยนผ่านจากไร่หมุนเวียนสู่รูปแบบนาขั้นบันได เพราะการทำการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนนั้น ในมุมมองราชการมองว่าเป็นการตัดไม้ทำลายป่า หากปล่อยให้มีการทำไร่หมุนเวียนเรื่อยๆ ป่าก็จะหมดในที่สุด ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตข้าวแบบนาขั้นบันไดมากขึ้น (น.2)

Map/Illustration

- ภาพขั้นตอนการเตรียมแปลงเพาะกล้า ในพิธีบือแชะคลี  (น.5)
- ภาพขั้นตอนการหว่านเมล็ดข้าวในแปลง ในพิธีบือแชะคลี  (น.6)
- ภาพเมล็ดข้าวส่วนที่เหลือนำมาผสมกับข้าวเปลือกจากยุ้งมาตำให้ได้ข้าวสารแล้วนำมาหุงเพื่อต้มเหล้า (น.6)
- ภาพการทำพิธีแควะซิ การรินเหล้า สวดขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (น.6)
- ภาพผู้อาวุโสทำพิธีรินเหล้า ร่วมกับญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านเรือนเคียงมาร่วมดื่มเหล้า (น.7)
- ภาพเจ้าภาพรินเหล้าให้ผู้อาวุโส (น.7)
- ภาพแหว่โข่รินเหล้าให้กับสมาชิกในครอบครัว (น.9)
- ภาพแหว่โข่รินเหล้าแก้วสุดท้ายยื่นให้ผู้อาวุโสเพื่อทำการแควะซิคี (น.10)
- ภาพการทำนาในปัจจุบันใช้รถไถเดินตามแทน (น.13)
- ภาพไขน้ำเข้านา หมักดิน ให้เปื่อย (น.14)
- ภาพไถพรวนดินในนาเพื่อให้ดินนุ่ม (น.14)
- ภาพเตรียมต้นกล้าข้าวเป็นมัด (น.16)
- ภาพต่าแหล่ว (น.17)
- ภาพต่าก๊ะกร๊อ (น.17)
- ภาพปักเสาต่าแหล่ว (น.17)
- ภาพแหว่โข่ปลูกข้าวภายในต่าแหล่วที่ปักทำเครื่องหมายบ่งบอกขอบเขต (น.18)
- ภาพเครื่องเซ่นไหว้ เช่น เนื้อหมู (น.18)
- ภาพผู้อาวุโสสวดไหว้ขอพรเทพเจ้าแห่งข้าว (น.19)
- ภาพสิ่งที่ต้องเตรียมในพิธีหลื่อแฝ่ เลี้ยงผีฝาย (น.21-23)
- ภาพขั้นตอนการสร้างศาลเจ้า (น.24-25)
- ภาพขั้นตอนการทำพิธีหลังสร้างศาลเจ้าเสร็จแล้ว (น.27-36)
- ภาพขั้นตอนการทำต่าแซะ พิธีบวอชิ (น.40-41)
- ภาพขั้นตอนพิธีบวอชิ (น.42-45)
- ภาพขั้นตอนการทำต่าเต่อเม๊าะ (น.47-52)
- ภาพขั้นตอนการทำต่าหลื่อ (น.54-63)
- ภาพขั้นตอนการทำต่าคะแก๊ะ (น.64-68)
- พิธีต่าเป๊ะอะจ่อ (น.70-76)
- ภาพพิธีกินข้าวใหม่,อ๊อบือโข่ (น.78-83)
- ภาพขั้นตอนกุลอบือ (เริ่มแรกการเกี่ยวข้าว) (น.85-87)
- ภาพขั้นตอนพิธีแซะลอบือส่า (น.88-91)
- ภาพขั้นตอนพิธีแซะพอ (น.95-113)
- ภาพขั้นตอนพิธีพอคีด๊ะ-เพาะคีต๊ะ (น.114-121)
- ภาพขั้นตอนพิธีแซะชูลอบือโข่ (น.122-125)
- ภาพขั้นตอนพิธีผูกข้อมือควาย (บายศรีสู่ขวัญควาย) (น.126-136)

Text Analyst สุธาสินี บุญเกิด Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ, ความเป็นอยู่ประเพณี, กลุ่มชาติพันธุ์, ความเป็นอยู่และประเพณี, พิธีทางศาสนาและพิธีกรรม, นักมานุษยวิทยาเดินดิน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง