การส่งต่อและสืบทอดเจตนารมณ์ผ่านคำสอนบทลำนำใจความว่า “ชีวิตจะอดอยากยากแค้นแค่ไหน จะสามารถอยู่รอดได้หากรักษาความหลากหลายทางพันธุ์พืชเข้าไว้ กล่าวคือ ความอยู่รอดของพันธุ์พืชย่อมนำไปสู่ความอยู่รอดของผู้คน” โดยการส่งต่อและสืบทอดความรู้ยังกระทำผ่านวิถีรอบปีในการทำไร่หมุนเวียน เสมือนเป็นวิถีปฏิบัติของการทำไร่หมุนเวียนไปพร้อมๆ กับการสืบทอดความรู้และเจตนารมณ์ของการดูแลรักษาไร่และพันธุ์พืชให้คงอยู่ได้ผ่านปฏิบัติการ โดยเริ่มจากเดือน “เตอะเล” อยู่ในช่วงมกราคมคาดเกี่ยวกับเดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้ผู้ชายจะใช้ช่วงเวลาเหล่านี้สร้างบ้าน หรือซ่อมแซมบ้านใหม่ ผู้หญิงจะปั่นฝ้าย ย้อมผ้า ไว้สำหรับใช้ตลอดปี
- เดือน “ทีคุ” เป็นเดือนที่ดอกทีคุบาน กล่าวถึงสัญญาณของการเริ่มต้นการผลิตใหม่ของรอบปีที่กำลังจะมาถึง
- เดือน “ทีแพะ” อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์คาดเกี่ยวกับมีนาคม ในเดือนนี้ผู้คนจะเริ่มลงมือถางไร่เพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูต่อไป
- เดือน “ลาเซอ หรือ ลาเซอ เซอเหม่เซอผ่า” อยู่ในช่วงมีนาคมคาดเกี่ยวเมษายน ในเดือนนี้จะมีการเผาไร่ และพบเจอ เห็ดไฟ ซึ่งมีรสชาติหวานและนิยมนำมาต้มกิน เป็นที่รู้กันว่าผู้คนเริ่มหาอาหารจากไร่ได้แล้ว
- เดือน “เดะญา หรือ เดะญาพอพะ” อยู่ในช่วงเดือนเมษายนคาดเกี่ยวกับพฤษภาคม เป็นช่วงเข้าฤดูฝน มักจะพบ เบาะหว่าเด หรือหน่อไม้ที่แตกจากกิ่งหลังจากการเผา นิยมนำไปทำ ต่าพอเพาะ หรือ แกงข้าวเบอะ
- เดือน “ลานุย หรือ ลานุยเบาะชุย” อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมคาดเกี่ยวกับมิถุนายน เป็นช่วงที่ฤดูฝนเริ่มต้น พืชพันธุ์เริ่มงอกงาม พืชบางชนิดเริ่มเก็บกินได้ เช่นยอดฟักทอง ผักกาดอ่อน และหน่อไม้
- เดือน “ลาเคาะ หรือ ลาเคาะเบาะเพลาะ” อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนคาดเกี่ยวกับกรกฎาคม เป็นช่วงที่พืชผักในไร่เริ่มเบ่งบานและเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น อาทิเช่น ผักกาดชนิดต่างๆ ข้าวโพดข้าวเหนียว และยอดฟักทอง โดยในเดือนนี้ชาวไร่หมุนเวียนสามารถเลือกเก็บอาหารตามที่ตนเองชอบเพราะมีหลากหลายให้เลือกพอสมควร
- เดือน “ลาคุ” ถือเป็นเดือนกลางปีการผลิตของไร่หมุนเวียน ซึ่งเดือนนี้ถือเป็นเดือนแห่งพิธีกรรมมีทั้ง พิธีกรรมเลี้ยงไร่ พิธีเลี้ยงเทพข้าว พิธีเลี้ยงเทพไฟ ทั้งยังมีการมัดมือเรียกขวัญของชุมชนทั้งชุมชนอีกด้วย
- เดือน “ชิหมื่อ หรือ ชิหมื่อดีถ่อบละถ่อหงื่อ” อยู่ในช่วงเดือนกันยายนคาดเกี่ยวกับตุลาคม เดือนนี้แตงไร่เริ่มเป็นสีเขียวคล้ายการซ่อนตัวของงูเขียว สะท้อนความหลากหลายของผลผลิตที่เป็นผลเริ่มออกมาเต็มไร่แต่ยังแฝงตัวโดยใช้ธรรมชาติบดบังเอาไว้อยู่ พืชผักประเภทที่กินใบและยอดเริ่มลดลงแต่ในขณะเดียวกัน พืชประเภทผลก็เริ่มออกผลให้เก็บเกี่ยวได้แล้ว
- เดือน “ชิฉ่า หรือ ชิฉ่าดีส่าลูส่าหล่า” เดือนนี้ผลผลิตต่างๆ เริ่มแก่และเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขณะที่ข้าวในไร่ก็ออกรวงเหลืองอร่ามไปทั่วไร่เช่นกัน รวมทั้งมีการกินข้าวเม่าและเล่านิทานให้ลูกหลานฟังอีกด้วย
- เดือน “ลานอ หรือ ลานอนอโก่ปิโก่บอ” ถือเป็นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ข้าวจนถึงผลผลิตอื่นๆ ที่สุกงอม เป็นฤดูของการลงแขกแลกเปลี่ยนแรงงานกัน โดยในเดือนนี้ถือเป็นเดือนสุดท้ายที่ผู้คนจะทำงานในไร่
- เดือน “ลาปลือ” หรือเดือนคนตาย อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนคาดเกี่ยวกับธันวาคม เป็นเดือนพักผ่อนของชาวไร่หมุนเวียน และเป็นเดือนที่ทำพิธีให้คนตายที่ตายไปในช่วงฤดูทำงาน เนื่องจากไม่มีเวลาทำพิธีส่งศพตามประเพณีเต็มกระบวน จะแค่ทำพิธีสั้นๆ ไปก่อนแล้วจึงกลับมาทำพิธีให้ในเดือนนี้ |