สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไร่หมุนเวียน, ผู้หญิง, ความหลากหลายทางพันธุ์พืช, ระบบนิเวศ, วิถีชีวิตรอบปี, วัฒนธรรมและภูมิปัญญา, ชาวกะเหรี่ยง
Author ประเสริฐ ตระการศุภกร
Title ความหลากหลายพันธุ์พืช ไร่หมุนเวียนและผู้หญิง ความเป็นหนึ่งที่สืบทอดความคงอยู่ของความหลากหลายพันธุ์พืช ภายใต้โครงการจัดการสิ่งแวดล้อมและไร่หมุนเวียน
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text -
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 17 Year 2557
Source ประเสริฐ ตระการศุภกร. (2557). ความหลากหลายพันธุ์พืช ไร่หมุนเวียนและผู้หญิง ความเป็นหนึ่งที่สืบทอดความคงอยู่ของความหลากหลายพันธุ์พืช ภายใต้โครงการจัดการสิ่งแวดล้อมและไร่หมุนเวียน.
Focus

เป็นความสัมพันธ์ระหว่างการทำไร่หมุนเวียนและผู้หญิงกะเหรี่ยง โดยถ่ายทอดให้เห็นถึงความสำคัญของผู้หญิงที่มีต่อการทำไร่หมุนเวียน ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงระบบการทำไร่หมุนเวียนที่เป็นตัวช่วยรักษาสมดุลธรรมชาติรวมถึงความหลากหลายทางพันธุ์พืชให้คงอยู่ ปฏิบัติการผ่านวิถีชีวิตของการทำไร่และการแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชระหว่างหมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงวิถีทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในการดำรงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงได้เป็นอย่างดี 

Theoretical Issues

การอธิบายถึงระบบนิเวศวัฒนธรรมและอาหาร ในส่วนของไร่หมุนเวียนคือ ความคงอยู่ของความหลากหลายทางพันธุ์พืช อ้าง อานันท์และคณะ (2546) กล่าวว่าไร่หมุนเวียนนั้นพันธุกรรมพืชมากถึง 207 ชนิด เป็นแหล่งกักเก็บตลอดจนรักษาความสมบูรณ์ผ่านกระบวนการทำไร่หมุนเวียนและยังคงเป็นแหล่งอาหารให้ชาวกะเหรี่ยงตลอดทั้งปี

Settlement Pattern

ห้องครัวใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บพันธุ์พืช เนื่องจากใช้ไออุ่นและควันไฟเพื่อป้องกันแมลง โดยห้องครัวนั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะต่อการเก็บรักษาพันธุ์พืช เหนือเตาไฟถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นที่ผึ่งของเมล็ดพันธุ์

Economy

ในการจัดการกระบวนการปลูกพืชในไร่หมุนเวียนนั้นผู้หญิงกะเหรี่ยงเป็นผู้ที่ดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงเก็บเกี่ยว การเชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ทำให้รู้ว่า พืชแบบนี้ควรปลูกดินแบบไหนจึงจะเหมาะสม เช่น หัวมันต่างๆ ควรปลูกในดินที่จอมปลวกจึงจะเหมาะสมและเติบโตได้ดีที่สุด เป็นต้น ระบบของไร่หมุนเวียนและองค์ความรู้ของผู้หญิงทำให้ก่อเกิดเป็นแหล่งผลิตความหลากหลายของพันธุ์พืชนานาชนิด เป็นแหล่งรักษาพันธุ์พืชผ่านกระบวนการปลูกอย่างต่อเนื่อง หรือ ธนาคารพันธุ์พืช (Seed bank) นอกจากนี้ยังมีกระบวนการแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชระหว่างหมู่บ้าน แลกเปลี่ยนวิธีการปลูก การดูแลรักษา ปัญหาในการปลูก รวมถึงวิธีป้องกันต่างๆ ซึ่งทำให้กระบวนการคงอยู่ของความหลากหลายพันธุ์พืชยังคงดำเนินต่อไป

Social Organization

ผู้หญิงมีหน้าที่และมีความเชี่ยวชาญในการดูแลจัดการไร่เป็นอย่างดี ตั้งแต่การถอนหญ้าเพื่อกำจัดวัชพืช คัดเลือกพันธุ์พืช เก็บรักษาพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ไปจนถึงการปลูก และเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งนอกเหนือจากในหมู่บ้านตนเองแล้วยังมีการพบปะกับผู้หญิงในหมู่บ้านอื่น ในงานมหกรรมพันธุ์พืชสำหรับการพูดคุยและแลกเปลี่ยน ซึ่งผู้หญิงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลจัดการระบบไร่หมุนเวียนนั้น ก็จะพูดคุยและแลกเปลี่ยนวิธีการเก็บและดูแลรักษาพันธุ์พืชที่หายากให้กับคนอื่นอีกด้วย

Belief System

ในช่วงการปฏิบัติวิถีรอบปี ในบางเดือนจะมีการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ เช่น พิธีเลี้ยงเทพข้าว เลี้ยงเทพไฟจัดในช่วงกลางปี เพื่อขอขมาที่ใช้ไฟเผาไร่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศจึงจัดพิธีขึ้นเพื่อขอความร่มเย็นกลับมา และเดือนแห่งการเก็บเกี่ยวจะมี พิธีเลี้ยงส่งนกขวัญข้าวขึ้นฟ้า กระทำเพื่อบอกว่าการทำไร่หมุนเวียนในปีนั้นจบลงแล้ว

Education and Socialization

การส่งต่อและสืบทอดเจตนารมณ์ผ่านคำสอนบทลำนำใจความว่า “ชีวิตจะอดอยากยากแค้นแค่ไหน จะสามารถอยู่รอดได้หากรักษาความหลากหลายทางพันธุ์พืชเข้าไว้ กล่าวคือ ความอยู่รอดของพันธุ์พืชย่อมนำไปสู่ความอยู่รอดของผู้คน” โดยการส่งต่อและสืบทอดความรู้ยังกระทำผ่านวิถีรอบปีในการทำไร่หมุนเวียน เสมือนเป็นวิถีปฏิบัติของการทำไร่หมุนเวียนไปพร้อมๆ กับการสืบทอดความรู้และเจตนารมณ์ของการดูแลรักษาไร่และพันธุ์พืชให้คงอยู่ได้ผ่านปฏิบัติการ โดยเริ่มจากเดือน “เตอะเล” อยู่ในช่วงมกราคมคาดเกี่ยวกับเดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้ผู้ชายจะใช้ช่วงเวลาเหล่านี้สร้างบ้าน หรือซ่อมแซมบ้านใหม่ ผู้หญิงจะปั่นฝ้าย ย้อมผ้า ไว้สำหรับใช้ตลอดปี 
 
- เดือน “ทีคุ” เป็นเดือนที่ดอกทีคุบาน กล่าวถึงสัญญาณของการเริ่มต้นการผลิตใหม่ของรอบปีที่กำลังจะมาถึง  
- เดือน “ทีแพะ” อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์คาดเกี่ยวกับมีนาคม ในเดือนนี้ผู้คนจะเริ่มลงมือถางไร่เพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูต่อไป
- เดือน “ลาเซอ หรือ ลาเซอ เซอเหม่เซอผ่า” อยู่ในช่วงมีนาคมคาดเกี่ยวเมษายน ในเดือนนี้จะมีการเผาไร่ และพบเจอ เห็ดไฟ ซึ่งมีรสชาติหวานและนิยมนำมาต้มกิน เป็นที่รู้กันว่าผู้คนเริ่มหาอาหารจากไร่ได้แล้ว
- เดือน “เดะญา หรือ เดะญาพอพะ” อยู่ในช่วงเดือนเมษายนคาดเกี่ยวกับพฤษภาคม เป็นช่วงเข้าฤดูฝน มักจะพบ เบาะหว่าเด หรือหน่อไม้ที่แตกจากกิ่งหลังจากการเผา นิยมนำไปทำ ต่าพอเพาะ หรือ แกงข้าวเบอะ 
- เดือน “ลานุย หรือ ลานุยเบาะชุย” อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมคาดเกี่ยวกับมิถุนายน เป็นช่วงที่ฤดูฝนเริ่มต้น พืชพันธุ์เริ่มงอกงาม พืชบางชนิดเริ่มเก็บกินได้ เช่นยอดฟักทอง ผักกาดอ่อน และหน่อไม้
- เดือน “ลาเคาะ หรือ ลาเคาะเบาะเพลาะ” อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนคาดเกี่ยวกับกรกฎาคม เป็นช่วงที่พืชผักในไร่เริ่มเบ่งบานและเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น อาทิเช่น ผักกาดชนิดต่างๆ ข้าวโพดข้าวเหนียว และยอดฟักทอง โดยในเดือนนี้ชาวไร่หมุนเวียนสามารถเลือกเก็บอาหารตามที่ตนเองชอบเพราะมีหลากหลายให้เลือกพอสมควร
- เดือน “ลาคุ” ถือเป็นเดือนกลางปีการผลิตของไร่หมุนเวียน ซึ่งเดือนนี้ถือเป็นเดือนแห่งพิธีกรรมมีทั้ง พิธีกรรมเลี้ยงไร่ พิธีเลี้ยงเทพข้าว พิธีเลี้ยงเทพไฟ  ทั้งยังมีการมัดมือเรียกขวัญของชุมชนทั้งชุมชนอีกด้วย
- เดือน “ชิหมื่อ หรือ ชิหมื่อดีถ่อบละถ่อหงื่อ” อยู่ในช่วงเดือนกันยายนคาดเกี่ยวกับตุลาคม เดือนนี้แตงไร่เริ่มเป็นสีเขียวคล้ายการซ่อนตัวของงูเขียว สะท้อนความหลากหลายของผลผลิตที่เป็นผลเริ่มออกมาเต็มไร่แต่ยังแฝงตัวโดยใช้ธรรมชาติบดบังเอาไว้อยู่ พืชผักประเภทที่กินใบและยอดเริ่มลดลงแต่ในขณะเดียวกัน พืชประเภทผลก็เริ่มออกผลให้เก็บเกี่ยวได้แล้ว
- เดือน “ชิฉ่า หรือ ชิฉ่าดีส่าลูส่าหล่า” เดือนนี้ผลผลิตต่างๆ เริ่มแก่และเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขณะที่ข้าวในไร่ก็ออกรวงเหลืองอร่ามไปทั่วไร่เช่นกัน รวมทั้งมีการกินข้าวเม่าและเล่านิทานให้ลูกหลานฟังอีกด้วย
- เดือน “ลานอ หรือ ลานอนอโก่ปิโก่บอ” ถือเป็นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ข้าวจนถึงผลผลิตอื่นๆ ที่สุกงอม เป็นฤดูของการลงแขกแลกเปลี่ยนแรงงานกัน โดยในเดือนนี้ถือเป็นเดือนสุดท้ายที่ผู้คนจะทำงานในไร่
- เดือน “ลาปลือ” หรือเดือนคนตาย อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนคาดเกี่ยวกับธันวาคม เป็นเดือนพักผ่อนของชาวไร่หมุนเวียน และเป็นเดือนที่ทำพิธีให้คนตายที่ตายไปในช่วงฤดูทำงาน เนื่องจากไม่มีเวลาทำพิธีส่งศพตามประเพณีเต็มกระบวน จะแค่ทำพิธีสั้นๆ ไปก่อนแล้วจึงกลับมาทำพิธีให้ในเดือนนี้

Folklore

ตำนานพีบียอ (ยายผู้เฒ่าผู้วิเศษ) หรือ โถ่บีข่า (นกขวัญข้าว) เป็นตำนานที่มาจากแนวตามปรัชญาของไร่หมุนเวียน โดยมีใจความว่า เทพนกขวัญข้าวแปลงตัวเป็นยายที่ยากลำบาก นำเอาพันธุ์ข้าววิเศษมาให้หนุ่มกำพร้าใจดีคนหนึ่ง โดยที่หนุ่มกำพร้าคนนี้ถูกสังคมผลักให้กลายเป็นคนชายขอบไม่มีที่ทำไร่ และข้าววิเศษที่เทพให้นั้นได้ฟื้นคืนชีพให้กับหนุ่มกำพร้า โดยตำนานเรื่องนี้ได้แฝงข้อคิดและปรัชญาของไร่หมุนเวียนว่า หนุ่มกำพร้านั้นสะท้อนถึงการไม่มีที่ยืนในสังคม เป็นสัญลักษณ์ของผู้คนที่ไร้อำนาจ ไร่หมุนเวียนจึงเป็นพื้นที่ของการสร้างโอกาสในสังคม

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

อัตลักษณ์และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและระบบการพึ่งพาตนเองด้านอาหารอย่างมั่นคง ยังคงแสดงถึงความผูกพันและบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงที่มีต่อระบบการทำไร่หมุนเวียน ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์พืชไปจนถึงกระบวนเก็บเกี่ยวผลผลิตล้วนเป็นบทบาทของผู้หญิงทั้งสิ้น อาจกล่าวได้ว่า "ไร่หมุนเวียนเป็นมารดาแห่งพันธุ์พืช ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นมารดาของไร่หมุนเวียน" สะท้อนถึงความสำคัญของผู้หญิงที่มีมากในระบบของการทำไร่หมุนเวียน ว่าเป็นผู้ที่มีภูมิรู้และเชี่ยวชาญในการจัดการระบบ ถูกยกย่องให้เป็นผู้ที่ช่วยดูแลปกป้องเมล็ดพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไปได้ แนวคิดและปรัชญาของการทำไร่หมุนเวียนนั้นสืบทอดผ่านความเชื่อของหลักคำสอนว่า “ชีวิตจะอดอยากยากแค้นแค่ไหน จะสามารถอยู่รอดได้หากรักษาความหลากหลายทางพันธุ์พืชเข้าไว้ กล่าวคือ ความอยู่รอดของพันธุ์พืชย่อมนำไปสู่ความอยู่รอดของผู้คน” สะท้อนถึงไร่หมุนเวียนคือวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่สืบทอดผ่านปฏิบัติการทางวัฒนธรรม การให้ความหมายว่าพันธุ์พืชทุกชนิดนั้นมีจิตวิญญาณ การสร้างพื้นที่ความเชื่อต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมที่ปฏิบัติระหว่างการทำไร่ ล้วนสะท้อนถึงความผูกพันระหว่างคนกับไร่อย่างแท้จริง

Text Analyst ภัทรวดี อบอาย Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG ไร่หมุนเวียน, ผู้หญิง, ความหลากหลายทางพันธุ์พืช, ระบบนิเวศ, วิถีชีวิตรอบปี, วัฒนธรรมและภูมิปัญญา, ชาวกะเหรี่ยง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง