ชุมชนชาวไตหย่าในบ้านน้ำบ่อขาวก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมหลายอย่าง ก่อนหน้านั้นชุมชนชาวไตหย่ามีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ใช้ชีวิตปลูกพืช ปลูกต้นกก เลี้ยงสัตว์ ทำไร่ ทำนา โดยพี่งพาอาศัยทรัพยากรธรรมชาติ ผืนที่ดินในตอนแรกของชาวไตหย่า ก็เริ่มต้นจากการบุกเบิกที่ดินกันเอง มากน้อยตามความขยัน เพราะช่วงเวลาในอดีตมีที่ว่างเปล่าอยู่มาก โฉนดยืนยันไม่มี การจับจอง ปักหลักเขตกันตามสะดวก ไม่มีการทะเลาะแย่งที่กัน
ชุมชนชาวไตหย่าในบ้านน้ำบ่อขาวมีวิถีชีวิตอาศัยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พื้นที่สูง(ดอย) มีอีกหลายที่ ปัจจุบันเรียกรวมว่า ดอยตุง การตัดไม้มาใช้ หรือการเผาถ่าน หาบลงมาข้างล่างเพื่อขาย กับชุมชนต่างๆ ในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง อย่างชาติพันธ์ุอื่นๆ เป็นความสัมพันธ์ในการค้าขาย แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสังคมกัน เพราะต่างคนต่างอยู่ ปัจจุบันนั้นการขึ้นไปอาศัยพื้นที่ธรรมชาติในการปลูกพืช ทำไร่ ในดอยตุงนั้น ไม่สามารถขึ้นไปทำไร่หมุนเวียนได้อีกต่อไปแล้วเพราะเป็นเขตป่าพื้นที่สูง(ดอยตุง) ถูกอนุรักษ์ (น.34-น.35 ) ในแต่เดิมไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น มาตรฐานการของครองชีพที่ขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจ ก็เริ่มมีการแต่งงานข้ามชาติพันธ์ุมากขึ้น โดยเฉพาะกับชาติพันธ์ุจีนฮ่อ ที่มีสถานะทางเศรษฐกิจสูงกว่า ผสมกลมกลืนกับกลุ่มอื่นต่อไป
ช่วงของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เห็นได้ชัดเจน ในช่วง พ.ศ.2535 เป็นต้นมา วิถีชีวิตของชุมชนแต่เดิมคือเป็นวิถีชีวิตเป็นการเกษตร เปลี่ยนมาเป็นการรับจ้างเพิ่มเติม ผู้คนเริ่มขายที่ดินเพราะช่วงนั้น นายทุนให้ราคาที่ดินสูง จนเกิดการละทิ้งการเกษตร เริ่มไม่นิยมปลูกข้าว ทำนา ทำสวน มีการส่งลูกหลานเข้าไปเรียนหนังสือในระบบ จบมาก็ไม่สานต่อการเกษตรแบบเดิม เข้าสู่ยุควิกฤตฟองสบู่แตกที่เศรษฐกิจส่งผลกระทบมาถึงชุมชนโดยตรง รวมไปถึงมีโรคระบาด ทำให้คนในชุมชนเสียชีวิต โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัวที่เป็นกำลังหลัก เกิดปัญหาการว่างงาน การขาดรายได้ เกิดการกู้หนี้ยืมสิน ส่งผลทำให้สถาบันครอบครัวอ่อนแอ ลามมาถึงชุมชนอ่อนแอไปด้วย ช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้เอง ที่ทำให้คนในชุมชนหันมารวมกลุ่มกันมากขึ้น โดยมีแนวความคิดแรกจาก ศิษยาภาพิบาลของคริสตจักร ให้ชุมชนเริ่มรู้จักการออมเงิน การทำออมทรัพย์ จนเกิดกลุ่มออมทรัพย์คริสตจักรทีธรรม ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาให้ชุมชน ส่งผลให้เกิดกลุ่มต่างๆต่อมา (น.38)
การเปลี่ยนแปลงจากรวมกลุ่ม ชาวไตหย่าแต่เดิมแล้วจะไม่แสดงวัฒนธรรม อัตลักษณ์ของตัวเองออกมาให้คนภายนอกเห็นกันได้ง่ายๆ นอกจากจะมีผู้สนใจศึกษาเข้ามาคลุกคลีจริงๆ (น.52)
มีการรวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ชุมชนได้เริ่มนำวัฒนธรรมของตัวเองออกมาผ่านการนำเสนอชุมชนของตัวเองให้ผู้คนภายนอกได้เห็น เช่น การปลูกต้นกกที่ดั้งเดิมปกติแล้วจะทอไว้ซื้อขายกันตามตลาด จุนเจือครอบครัวเป็นรายได้รายวัน (น.33)
ในยุคหลังๆที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้มีความรู้ ด้านการทอเสื่อน้อยลงขึ้นทุกวันแล้ว การรวมกลุ่มเพื่ออนุรักษ์เสื่อกกจึงเกิดขึ้นมาแก้ไขในส่วนนี้ อย่างน้อยเพื่อเกิดเป็นรายได้แก่ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกลุ่ม (น.47)
วิกฤติการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงชุมชน ทำให้ชาวไตหย่าได้รวมกลุ่มกัน ส่งผลทำให้ชุมชนค่อยๆเข้มแข็งขึ้น การรวมกลุ่มช่วยเยียวยาจิตใจ คลายความเครียด รวมทั้งสร้างความสามัคคี กลับมาศรัทธาต่อศาสนา ปัญหาต่างๆก็ค่อยๆมีการแก้ไข ใครมีหนี้สินก็มารวมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อกู้เงินไปหมุนเวียนได้ และสามารถจัดสรรเงินให้เป็นระบบมากขึ้น ไว้ใช้ในส่วนอื่นๆ แก้ปัญหาชุมชนตามลำดับ บรรลุเป้าหมาย ร่วมกัน รักษาความมั่นคงทางการจัดการเงิน (น.60) มีปัญหาว่างงาน ก็ให้มารวมกลุ่มทำเสื่อกก หรือ ทำตุ๊กตาเพื่อหารายได้เสริมระหว่างขาดรายได้ไปก่อน ทั้งหมดนี้จึงเปลี่ยนชุมชนให้แสดงอัตลักษณ์ออกมาสู่พื้นที่ทางสังคม สู่สายตาคนภายนอกมากขึ้น จนได้รับความสนใจจาก หน่วยงานรัฐและเอกชน กลุ่มนักท่องเที่ยว ผู้ที่สนใจศึกษาวัฒนธรรม การปฏิสัมพันธ์เครือข่ายกับภายนอกชุมชน ช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้ชุมชน จนกลายเป็นชุมชนที่เป็นความภูมิใจของเทศบาลตำบลห้วยไคร้ (น.52)