|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อาข่า, ภูมิปัญญาท้องถิ่น, ข้าวพื้นเมือง, กลุ่มชาติพันธุ์ |
Author |
เสถียร ฉันทะ, สุรินทร์ ทองคำ |
Title |
ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ข้าวพื้นเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าในจังหวัดเชียงราย |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
อ่าข่า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
12 |
Year |
2563 |
Source |
วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น). ปีที่ 15 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน) 2563 หน้า 67-78 |
Abstract |
การวิจัยนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ข้าวพื้นเมืองของชาวอาข่าในจังหวัดเชียงราย โดยมีวิธีการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่มกับกลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน และอื่น ๆ จำนวน 70 คน ซึ่งผลการศึกษาพบว่า ชาวอาข่ามีภูมิปัญญาในการจัดการข้าวพื้นเมืองตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การเก็บรักษา การเก็บเกี่ยว เป็นต้น และมีการนำข้าวพื้นเมืองมาใช้ประโยชน์อีกหลายด้าน เช่น ใช้ในการทำขนม ใช้ประกอบพิธีกรรม เป็นต้น และชาวอาข่าในจังหวัดเชียงรายได้อนุรักษ์พันธุ์ข้าวไว้ทั้งหมด 7สายพันธุ์ และยังมีการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวกันภายในชุมชนและนอกชุมชนอีกด้วย (น.67) |
|
Focus |
ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นของข้าวพื้นเมืองของชาวอาข่า ในจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านการจัดการพันธุ์ข้าว การอนุรักษ์พันธุ์ข้าว และการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ |
|
Theoretical Issues |
การวิจัยเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ข้าวพื้นเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าในจังหวัดเชียงรายนั้น จะใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพแบบพรรณนา โดยมีขั้นตอนคือ กำหนดพื้นที่ศึกษาเป็นชุมชน อาข่าจำนวน 2แห่ง มีการกำหนดกลุ่มประชากรที่จะต้องสัมภาษณ์และสังเกตการ จำนวน 70 คน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจะมีหลายวิธี เช่น การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวกับข้าวพื้นเมืองต่าง ๆ เป็นต้น โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือ เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป แบบโครงสร้างคำถามนำ จากนั้นจะมีการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า และนำมาวิเคราะห์เพื่อเขียนรายงานเชิงพรรณนา (น.70-71) |
|
Ethnic Group in the Focus |
อาข่ามีถิ่นอาศัยเดิมอยู่ที่ประเทศจีน อพยพเข้าไทยมาอย่างต่อเนื่องจนในปัจจุบันชาวอาข่ากระจายตัวอยู่ใน 7จังหวัดของประเทศไทย เช่น เชียงราย พะเยา ตาก เป็นต้น และอาข่าในประเทศไทยมีอยู่ทั้งหมด 7กลุ่ม เช่น ลอมี้ อ๊ะจ็อ อู่พี เป็นต้น (น.71) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ชาวอาข่าไม่มีภาษาเขียนแต่มีภาษาพูด ซึ่งภาษาพูดของชาวอาข่านั้นอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษา จีน-ธิเบต |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2561ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 |
|
History of the Group and Community |
เดิมทีชาวอาข่าอาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลยูนาน ประเทศจีน และได้เคลื่อนย้าย เข้าสู่พม่า ลาว และไทยในช่วงประมาณต้นศตวรรษที่ 20โดยปีพ.ศ. 2490 ชาวอาข่าได้เข้าสู่ประเทศไทยทางภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง (น.71) |
|
Demography |
ชุมชนบ้านห้วยขี้เหล็ก หมู่ 9 มีประชากรทั้งหมด 570 คน ส่วนชุมชนบ้านแม่จันใต้ หมู่ 15 มีประชากรทั้งหมด 235คน ชาวอาข่าในประเทศไทยมีอยู่ 7กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ อู่โล้ ลอมี้ อู่เบียะ อ๊ะจ๊อ หน่าคะ อู่พี และอะเค และชาวอาข่ากระจายอยู่ 7 จังหวัดในประเทศไทยแต่จะอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงรายมากที่สุด (น.71) |
|
Economy |
ชุมชนทั้ง 2ชุมชนในจังหวัดเชียงรายที่ผู้วิจัยได้ลงพื้นที่ศึกษานั้น เป็นชุมชนของชาวอาข่าและชาวอาข่ามีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่หลากหลาย ทำให้ระบบการผลิตที่สำคัญของชาวอาข่าคือการปลูกข้าวพื้นเมือง เป็นการปลูกเพื่อบริโภคเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการอนุรักษ์และการนำไปประโยชน์โดยมีการจัดการพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ดังนี้
- การคัดสรรพันธุ์ข้าวพื้นเมือง จะมีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่มีความเหมาะสมและต้องเป็นพันธุ์ที่ดีในการจะนำไปปลูก ลักษณะของพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ดีจะได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งในการคัดเลือกนั้นจะดูที่ลำต้น สีใบ การแตกรวง และอื่น ๆ
- การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พันธุ์ข้าวพื้นเมือง มี 2วิธีคือ วิธีแรก คัดสรรเมล็ดพันธุ์แล้วนำไปบรรจุไว้ในภาชนะที่กันแมลงได้และนำไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง และวิธีที่สองคือ เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้แบบเป็นรวง นำมาผูกเป็นฟ่อนและเก็บไว้ในยุ้งฉางเช่นเดียวกับวิธีแรก เพราะยุ้งฉางเป็นที่ที่ป้องกันพวกหนูหรือแมลงไม่ให้เข้าไปทำลายเมล็ดพันธุ์ข้าวได้
- การปลูกและการดูแลรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง จะมีการเตรียมดินที่เหมาะสมไว้สำหรับการปลูกและจะมีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เชื่อว่าสามารถดูแลพันธุ์ข้าวพื้นเมืองได้ เช่น พิธีเริ่มต้นปลูกข้าว พิธีกำจัดตั๊กแตนศัตรูข้าว เป็นต้น
- การเก็บเกี่ยวข้าว มี 2วิธี คือ วิธีแรกจะใช้แกละเกี่ยวข้าว เกี่ยวแค่เฉพาะรวงข้าวและนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงค่อยนำไปไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีดั้งเดิมและเป็นวิธีที่นิยม ส่วนวิธีที่สองคือ คือการใช้เคียวเกี่ยวข้าว วิธีนี้เป็นการปรับตัวของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่น (น.72-73)
การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองของชาวอาข่าในจังหวัดเชียงรายนั้น ประกอบไปด้วย 3 วิธี ได้แก่
- การปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ในแปลงนาและไร่ ชาวอาข่าจะมีการแบ่งพื้นที่ในนาไร่ออกเป็นสัดส่วน เพื่อปลูกข้าวที่หลากหลาย โดยมีทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า ซึ่งการปลูกข้าวหลายสายพันธุ์นี้ถือเป็นการอนุรักษ์ พันธุ์ข้าวพื้นเมืองอย่างหนึ่งเพื่อให้พันธุ์ข้าวยังคงดำรงอยู่ในชุมชน
- การแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวพื้นเมืองกับเครือญาติ กับเพื่อบ้านทั้งในชุมชนและนอกชุมชน ข้าวมักจะมีการกลายพันธุ์เมื่อปลูกในพื้นที่เดิมเป็นเวลานาน ทำให้ชาวอาข่ามีการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวกันเพื่อเป็นการดำรงให้พันธุ์ข้าวคงอยู่
- การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับระบบนิเวศปลูก แต่ละครัวเรือนจะมีเหตุผลหลายประการในการปลูกข้าวพื้นเมือง ซึ่งการปลูกข้าวจะต้องปลูกให้ตรงกับความต้องการในการใช้ประโยชน์ เช่น ปลูกเพื่อไว้บริโภคเป็นหลัก ปลูกไว้ทำพิธี เป็นต้น ซึ่งการปลูกข้าวตามประโยชน์หรือตามระบบนิเวศนี้ จะทำให้เกิดการอนุรักษ์ข้าวพื้นเมืองเพราะในแต่ละปีจะต้องมีการใช้ประโยชน์จากข้าว (น.73-74)
การใช้ประโยชน์ข้าวพื้นเมืองของชาวอาข่าในจังหวัดเชียงราย มี 7ลักษณะ ดังนี้
- การใช้ประโยชน์เพื่อเป็นอาหาร ชาวอาข่าจะบริโภคข้าวเจ้าเป็นหลัก ข้าวเจ้าในภาษาอาข่า เรียกว่า ฮอแจะ พันธุ์ที่นิยมปลูก เช่น พันธุ์แชล่นะ พันธุ์แชล่ห่อมะ เป็นต้น
- การใช้ประโยชน์เพื่อทำขนม ชาวอาข่ามักจะใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบในการทำขนมเพื่อประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ขนมที่ทำก็เช่น จะแหล่ เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ หรือจุ้ยปุ๊ เป็นขนมที่มีลักษณะคล้ายกับข้าวต้มมัด เป็นต้น
- การใช้ประโยชน์เพื่อประกอบพิธีกรรม อย่างในอดีตชาวอาข่าจะใช้ข้าวในการเสี่ยงทายทำเลที่ตั้งของชุมชน และในพิธีกรรมของชาวอาข่าส่วนใหญ่มักจะใช้ข้าวเหนียวในการประกอบพิธี และข้าวทุกสายพันธุ์สามารถนำมาประกอบพิธีได้ทั้งหมด
- การใช้ประโยชน์เพื่อการแลกเปลี่ยน เช่น การนำข้าวไปแลกเปลี่ยนกับสัตว์อย่างหมูหรือไก่ เป็นต้น
- การใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ คือ หากครัวเรือนใดปลูกข้าวได้ผลผลิตมากเกินกว่าความต้องการ ก็จะมีการนำข้าวออกมาขายให้กับชุมชนอื่น
- การใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ ชาวอาข่ามักเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อการบริโภค และสัตว์เหล่านั้นก็จะต้องกินข้าวเป็นอาหารหลักเช่นกัน จึงทำให้ชาวอาข่านำข้าวพื้นเมืองมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย
- การใช้ประโยชน์ในการทำสุรา การทำสุราของชาวอาข่าจะใช้ประกอบในพิธีกรรม พันธุ์ข้าวที่นิยมนำมาทำ เช่น พันธุ์ข้าวเหนียวขาว เป็นต้น
จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าการบริโภคของชาวอาข่าที่สำคัญและเป็นหลักได้แก่ ข้าว ซึ่งชาวอาข่าก็มีการปลูกข้าวพื้นเมืองไว้บริโภคกันเองภายในครัวเรือนและภายในชุมชน โดยข้าวพื้นเมืองที่พบมี 7 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์แชล่นะ พันธุ์แชล่ยาโอนะ พันธุ์แชล่ซะ พันธุ์แชล่ห่อมะ พันธุ์แชล่ห่อเน้ พันธุ์ลาเบือแชล่ และพันธุ์แชล่เหนียวขาว (น.74-76) |
|
Social Organization |
ชาวอาข่ามักจะมีการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวพื้นเมืองกันภายในเครือญาติและในระหว่างชุมชน เช่น อาจจะนำพันธุ์ข้าวไปแลกกับสัตว์อย่างหมู ไก่ หรือนำไปแลกพันธุ์ข้าวพื้นเมืองอื่น ๆ ที่ตนไม่มี (น.73,75) |
|
Belief System |
ชาวอาข่ามีความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าวมากมาย กล่าวคือ ชาวอาข่ามักจะมีการนับถือผีบรรพบุรุษและให้ความสำคัญและความเคารพต่อข้าวมาก ๆ ส่งผลให้เกิดความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ ตามมา สรุปได้ดังนี้ชาวอาข่าเชื่อว่าในข้าวจะมีผู้ที่ดูแลข้าวคล้ายกับพระแม่โพสพ แต่ของชาวอาข่าจะเรียกว่า อื้อหล่อง หย่าหมี่ เชื่อว่าเป็นลูกของพญานาค จึงทำให้มีการปลูกดอกหงอนไก่ตามมา เนื่องจากดอกหงอนไก่มีลักษณะคล้ายกับหงอนของพญานาค โดยชาวอาข่าเรียกดอกหงอนไก่ว่า ยาจิหน่าแบ อาข่าเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยปกป้องดูแลข้าวและไร่นาของตน นอกจากนี้ชาวอาข่าที่มีการนับถือผีได้ค่อย ๆ เปลี่ยนมานับถือศาสนาแทน คือ ศาสนาคริสต์ ทำให้การปลูกข้าวเหนียวเพื่อประกอบพิธีกรรมเริ่มลดลงเพราะการเปลี่ยนมานับถือศาสนา (น.69)
ชาวอาข่ามีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้าวหลายพิธี เช่น พิธีเก็บเมล็ดพันธุ์สุดท้าย เรียกว่า ชีจีชีเออ พิธีเรียกขวัญข้าวไร่ เรียกว่า ขึมผีล้อเออ พิธีเกี่ยวข้าวครั้งสุดท้าย เรียกว่า บ่องเยวแปยะเออ เป็นต้น และยังมีพิธีกรรมบูชาข้าวต่อผีบรรพบุรุษที่จะใช้ข้าวเหนียวเป็นองค์ประกอบหลัก ทั้งนี้ในอดีตชาวอาข่ายังเคยใช้ข้าวในการเสี่ยงทายทำเลที่ตั้งของชุมชนอีกด้วย (น.72,75) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวอาข่ามีการนับถือผีบรรพบุรุษ และมีพิธีกรรมต่าง ๆ มากมาย ซึ่งพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวอาข่านี้ มักจะมี “ข้าว” เป็นส่วนประกอบสำคัญในพิธี ชาวอาข่าให้ความเคารพต่อข้าว เชื่อว่าข้าวมีผู้ที่ดูแลคุ้มครอง เช่นเดียวกับที่คนไทยเชื่อว่าข้าวมีพระแม่โพสพ ชาวอาข่าจึงมีการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองของตนเองไว้ ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่งของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าก็ว่าได้ |
|
Social Cultural and Identity Change |
ข้าวพื้นเมืองในปัจจุบันเริ่มมีน้อยลง เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการผลิตเพื่อทางการค้ามากขึ้น จึงหันไปปลูกข้าวพันธุ์ที่ส่งเสริมภาครัฐและเป็นที่ต้องการ ทำให้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองเริ่มสูญหายไป ซึ่งพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ปลูกกันนี้ เป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ได้อย่างดี นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทางด้านการนับถือศาสนาก็ยังส่งผลกระทบต่อการทำนาของชาวอาข่า คือ ในอดีตชาวอาข่าจะ นับถือผี จึงต้องมีการปลูกข้าวไว้ใช้ประกอบพิธีกรรมบูชาผีบรรพบุรุษต่าง ๆ แต่เมื่อเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ทำให้ชาวอาข่าเริ่มปลูกข้าวน้อยลง เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงประเพณีหรือพิธีกรรมไปตามศาสนาที่ตัวเองนับถือ (น.69,71) |
|
|