|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เครื่องใช้, เครื่องจักสาน, การปรับเปลี่ยน, วิถีชีวิต, ลาวโซ่ง |
Author |
อดิศร ศรีเสาวนันท์ |
Title |
การเปลี่ยนแปลงในเครื่องใช้ เครื่องจักสานของชาวลาวโซ่ง |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยศิลปากร, ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
26 |
Year |
2553 |
Source |
วารสารหน้าจั่ว: ว่าด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบ และสภาพแวดล้อม ปีที่ 25 (2553) หน้า 75-100 |
Abstract |
ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับงานจักสาน จนมีเครื่องมือที่ใช้เฉพาะในกลุ่ม เช่น กระเหล็บ โฮ่ หรือขมุก ซึ่งแต่เดิมเครื่องจักสานของชาวลาวโซ่งทำจากวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น ทั้งไม้ไผ่และหวายมาผลิตใช้กันเองในครัวเรือน แต่หากต้องการความแข็งแรงทนทานจึงจะใช้ไม้เนื้อแข็งมาเป็นส่วนประกอบหรือทำจากไม้ทั้งชิ้น ซึ่งการใช้งานมีตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน ในครัวเรือน การทำนาไปจนถึงในพิธีกรรมตามวาระต่าง ๆ ต่อมาเมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปข้าวของเครื่องใช้จึงต้องปรับตัวตามไปด้วย ดังเช่น การถูกแทนที่ด้วยวัสดุเครื่องใช้สมัยใหม่ มีการนำเครื่องจักสานมาประยุกต์เพื่อใช้ในงานที่หลากหลาย หรือการนำวัสดุสมัยใหม่มาแทนที่วัสดุจากธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้านคุณค่าของเครื่องใช้ จากแต่เดิมซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งาน กลายมาเป็นเครื่องแสดงออกถึงคุณค่าทางสังคมทั้งภายในและภายนอกกลุ่มชาติพันธุ์ |
|
Focus |
เครื่องจักสานนับเป็นภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวลาวโซ่งที่มีเครื่องมือเครื่องใช้เฉพาะภายในกลุ่มของตน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและการทำนา ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจวิถีชีวิตของชาวลาวโซ่ง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาความสัมพันธ์กับขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำนาข้าว ภูมิปัญญาการใช้ไม้ไผ่และเครื่องจักสาน รวมไปถึงการสร้างและลักษณะเฉพาะของเครื่องใช้ชิ้นสำคัญ จากนั้นจึงสังเกตการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวต่อเครื่องจักสานในด้านต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงด้านบริบทที่แตกต่างกันในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพชรบุรี สุพรรณบุรี กับจังหวัดเซินลาและเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม |
|
Theoretical Issues |
ก่อนจะโยกย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย กลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่งมีถิ่นกำเนิดในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม ดังนั้น การศึกษาเครื่องจักสานจึงควรอ้างอิงจากถิ่นกำเนิด ซึ่งพบว่า กะเหล็บ ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของลาวโซ่งที่พบในประเทศไทยทั้งที่เพชรบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี ต่างรูปทรงสัณฐานเดียวกัน มีการสานโดยใช้ตอกสองประเภทและจัดทำอย่างประณีตไม่มีช่องว่างให้เห็น ส่วนกะเหล็บที่พบในจังหวัดเซินลาและจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม จะมีขนาดย่อมกว่า จักสานโดยใช้ลายแบบเดียวและเกิดช่องว่างให้เห็น ทั้งนี้ ความประณีตของกะเหล็บในประเทศไทยอาจเกิดจาการทำหน้าที่มากกว่าเครื่องใช้ แต่ยังเป็นเครื่องแสดงออกทางสังคมอีกด้วย ส่วนกะเหล็บที่พบในประเทศเวียดนาม อันเป็นพื้นที่ที่ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักและอาศัยอยู่กันมาแต่ดั้งเดิมจึงทำขึ้นเพื่อใช้งานเป็นหลัก |
|
Ethnic Group in the Focus |
ลาวโซ่ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในจังหวัดเซินลาและเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.76) |
|
History of the Group and Community |
กลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น บ้านเกาะแรต อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม บ้านเขาย้อย อำเภอหนองปรง จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี ล้วนมีถิ่นกำเนิดมาจากจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม |
|
Settlement Pattern |
ลาวโซ่งหรือไทดำนิยมตั้งถิ่นฐานบนที่ราบใกล้แหล่งน้ำ เห็นได้จากหมู่บ้านไทยดำในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกลุ่มบ้านเรียงตัวกันเป็นแนวยาวกระจายอยู่ตามเชิงเนินเขา มีเส้นทางเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันระหว่างบ้านแต่ละหลัง แต่ละหมู่บ้านจะมีเส้นทางหลักหนึ่งถึงสองเส้นเชื่อมออกมายังถนนใหญ่ ด้านหน้าของหมู่บ้านจะเป็นที่ราบผืนใหญ่สำหรับทำนาข้าว ที่ราบลุ่มนี้มักจะมีลำน้ำธรรมชาติไหลผ่านขนานไปกับตัวหมู่บ้าน ชาวลาวโซ่งมักนำน้ำมาใช้ในการทำนาและอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ที่นาผืนใหญ่จะถูกแบ่งเป็นแปลงย่อย ๆ ด้วยคันดินที่แน่นหนา มีเครือข่ายของคูน้ำเล็ก ๆ วิ่งเชื่อมโยงทั่วตลอดถึงกัน การเลือกตั้งถิ่นฐานในลักษณะดังกล่าวเกิดจากการหาเลี้ยงชีพโดยการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักสำคัญของชุมชน |
|
Economy |
ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอาชีพหลัก คือ การทำนา โดยจะทำปีละ 1 ครั้ง พันธุ์ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวหนัก โดยเริ่มเพาะต้นกล้าช่วงเดือน 12 และเก็บเกี่ยวช่วงเดือน 3 หลาย ๆ ครัวเรือนจะมาลงแรงร่วมกัน เรียกว่า “เอาแรง” หรือ “ลงแขก” เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจึงเอามาวางกองไว้รอบ ๆ เสา เพื่อให้วัวหรือควายที่ผูกจูงไว้กับเสาตรงกลางเดินวนย่ำข้าวเพื่อแยกเอาข้าวเปลือกออกจากฟางข้าว ก่อนนำไปสีเพื่อแยกเปลือกและตำกับครกกระเดื่องได้เป็นข้าวสาร หลังจากนั้นจึงนำข้าวสารที่มีเปลือกปนอยู่มาฝัดด้วยกระด้งฝัดข้าว หรือ เสิง ในภาษาของคนลาวโซ่ง การฝัดข้าวนี้ ต่อมาได้พัฒนาเป็น เครื่องสีฝัด และขั้นตอนสุดท้ายคือนำข้าวใส่กระบุงเก็บไว้ในยุ้งของแต่ละบ้าน สำหรับช่วงที่เว้นว่างจากการทำนาจึงเป็นช่วงเวลาสำหรับจัดทำข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น โดยผู้หญิงจะเลี้ยงไหม ปั่นด้าย ทอผ้าและตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ส่วนผู้ชายจะทำเครื่องจักสานตามความชำนาญและนำมาแลกเปลี่ยนกันเองภายในชุมชน
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปการทำนาของคนลาวโซ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต เช่น ใช้รถไถแทนวัวควายในการไถนา ลดระยะเวลาในการทำนาโดยการทำนาหว่านแทนนาดำ เริ่มใช้ย่าฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี เพื่อให้ผลผลิตเป็นไปตามที่ตลาดต้องการ การเอาแรงเกี่ยวข้าวกลายเป็นการจ้างแรงงานจำนวนมากทดแทน ทัศนคติของคนลาวโซ่งจากที่ปลูกข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือนกลายเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายและนำเงินไปซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคอีกต่อหนึ่ง ปรากฏการณ์เหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อเครื่องใช้ในการทำนาข้าวโดยตรงและทำให้วิถีชีวิตของคนลาวโซ่งแปรเปลี่ยนไป |
|
Belief System |
เครื่องจักสานไม่เพียงมีความสำคัญในวิถีชีวิตประจำวันของคนลาวโซ่งเท่านั้น แต่ยังฝังอยู่ในความระบบความเชื่อเกี่ยวกับพิธีแต่งงานอีกด้วย เนื่องจาก ผู้ชายชาวโซ่งที่จะมาสู่ขอฝ่ายหญิงจะต้องสานกะเหล็บเพื่อใช้ในงานพิธีสำหรับใส่ขันหมากและไว้ให้ฝ่ายหญิงสะพาย ดังนั้น กะเหล็บจึงมีหน้าที่ทางสังคม ในการแสดงความพร้อมของชายชาวโซ่งที่สามารถสร้างเครื่องใช้เครื่องจักสานได้เองซึ่งเชื่อมโยงไปถึงความสามารถในการดูแลครัวเรือนต่อไปในอนาคต (น.83) |
|
Education and Socialization |
เมื่อระบบการศึกษาทำให้เด็กและเยาวชนลาวโซ่งต้องใช้เวลาอยู่กับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ครั้นโตเป็นหนุ่มสาวก็ต้องเดินทางเข้าไปศึกษาต่อในส่วนกลาง เมื่อจบการศึกษาก็มักจะประกอบอาชีพตามที่เล่าเรียนมา ชีวิตและครอบครัวอยู่ในเมือง จะกลับมาเยี่ยมบ้านในวาระเทศกาลหรืองานประเพณีสำคัญเท่านั้น สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้สังคมลาวโซ่งการขาดคนในวัยเรียนรู้ที่จะสืบทอดทักษะงานฝีมือ ทำให้ทักษะของงานประเภทนี้ขาดช่วงลง (น.87) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
จากความถนัดและความสามารถในการนำไม้มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปหัตกรรมและสถาปัตยกรรมของคนลาวโซ่ง ก่อให้เกิดรูปแบบของเรือนหลังคาทรงกระดองเต่า หรือที่เรียกกันว่า “กวังตุ๊บ” ซึ่งเกิดจากการนำหวายหรือไม้รวกลำเล็ก ๆ มาผูกรวมกันเป็นเกลียวขนาดเท่าแขนผู้ใหญ่เพื่อใช้ดัดโค้งรับน้ำหนักของส่วนหลังคาด้านสกัด ทำให้เกิดเป็นผืนหลังคาโค้งทรงกระดองเต่า นอกจากรูปแบบของหลังคายังมีเครื่องจักสานสำคัญ เช่น กะเหล็บ หรือเหล็บ ลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายโอ่งใช้สำหรับให้ผู้หญิงใส่ของสำคัญส่วนตัว ขมุก ภาชนะไม้ไผ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า นิยมใช้สำหรับเก็บผ้าที่ทอเสร็จแล้ว โฮ่ ภาชนะทรงกระบอกสานด้วยไม้ไผ่ สำหรับใส่เศษผ้า เศษด้ายของผู้หญิง เครื่องจักสานเหล่านี้นอกจากจะนำมาใช้งานแล้ว ยังต้องการความสวยงามและวัสดุที่คงทนอีกด้วย ดังนั้น คนลาวโซ่งจึงนิยมใช้ไม้ไผ่สีสุกซึ่งมีคุณภาพดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ เช่น เก้าอี้สานจากเส้นพลาสติก เป็นต้น |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
คนลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความสามารถในการนำไม้ไผ่มาสร้างเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ได้เกือบทุกชนิด ซึ่งนับเป็นอัตลักษณ์เฉพาะทางชาติพันธุ์ โดยเฉพาะ กะเหล็บ โฮ่ หรือขมุก ที่มีใช้เฉพาะกลุ่มลาวโซ่งเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบเครื่องจักสานในแทบทุกองค์ประกอบของชีวิต ตั้งแต่เครื่องเล่น เครื่องใช้สำหรับหุงข้าว เครื่องจับปลา เครื่องใช้ติดตัว เครื่องใช้ในพิธีกรรม ไปจนถึงสิ่งประดิษฐ์ที่มีขนาดใหญ่เช่น ระหัดวิดน้ำเข้าสู่นา หรือนำมาสร้างประกอบเป็นเรือน นอกจากวัตถุประสงค์ในการใช้สอย ชาวลาวโซ่งยังนำเอาตอกไม้ไผ่มาขัดสานกันเป็นวงเล็ก ๆ แขวนไว้ตามเสาเรือนที่เรียกว่า “เหลว” หรือ “ตะเหลว” ใช้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเรื่องร้ายแรงและสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ (น.82) |
|
Map/Illustration |
- ภาพที่ 1 หมู่บ้านชาวไทดำที่อยู่ร่วมกับนาข้าวในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.80)
- ภาพที่ 2 งานฝีมือจักสานเป็นงานของผู้ชาย ในรูปผู้ชายชาวลาวโซ่ง บ้านเกาะแรต จังหวัดนครปฐม กำลังช่วยกันในพิธีงานศพ (น.80)
- ภาพที่ 3 ตอม่อสะพานที่ทำจากการจักสาน พื้นสะพานก็เป็นไม้ไผ่เช่นกัน จ.เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม (น.82)
- ภาพที่ 4 เหลว หรือ ตะเหลวการสานแบบง่าย ๆ ที่กลายไปเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันสิ่งร้าย จ.เชินลา ประเทศเวียดนาม (น.82)
- ภาพที่ 5 กระเหล็บ บ้านเกาะแรต นครปฐม (น.83)
- ภาพที่ 6 ขมุก บ้านเกาะแรต นครปฐม (น.83)
- ภาพที่ 7 ครกตำข้าวที่พิพิธภัณฑ์บ้านเกาะแรต (น.83)
- ภาพที่ 8 กระบุง ที่จังหวัดเชินลา ประเทศเวียดนาม สานด้วยลายสองทั้งใบเช่นเดียวกัน (น.83)
- ภาพที่ 9 ครกตำข้าวที่พิพิธภัณฑ์บ้านเกาะแรต (น.84)
- ภาพที่ 10 สีข้าวโดยใช้แรงงานคน ภาพวาดจากบ้านหนองจิก จ.เพชรบุรี (น.84)
- ภาพที่ 11 ไหนึ่งวางคู่กับแอบข้าวและกะเหล็บที่ อ.ดอนมะเกลือ จ.สุพรรณบุรี (น.88)
- ภาพที่ 12 ไหนึ่งแบบเดียวกันยังพบเห็นใช้กันทั่วไปเมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.88)
- ภาพที่ 13 เปรียบเทียบตั่งสองตัว ซึ่งโครงเป็นไม้เหมือนกันแต่วัสดุที่อันหนึ่งเป็นไม้ไผ่ (ตัวซ้าย) อีกตัวใช้สานด้วยสายรัด (ตัวขวา) จังหวัดเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.89)
- ภาพที่ 14 การใช้เชือกพลาสติกเสริมส่วนก้นของกระเหล็บเพื่อเพิ่มความทนทาน จังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.89)
- ภาพที่ 15 เครื่องจักสานจากวัสดุธรรมชาติ (บนถังพลาสติก) อยู่ร่วมกันกับเครื่องใช้ที่เกิดขึ้นจากวัสดุแบบใหม่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร (น.90)
- ภาพที่ 16 กระบุงลายตะเหลวที่ใช้สายรัดของพลาสติก แล้วยึดด้วยลวด มีความแข็งแรงมากกว่าวัสดุที่มาจากธรรมชาติ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร (น.90)
- ภาพที่ 17 ห้องครัวสมัยใหม่ในเรือนชาวลาวโซ่ง ในรูปจะเห็นหม้อหุงข้าวและเตาแก๊ส เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.91)
- ภาพที่ 18 ครัวไฟอีกฝั่งหนึ่งที่ยังคงใช้งานอยู่ เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.91)
- ภาพที่ 19 รูปทรงของกระเหล็บที่พบมากในประเทศไทยบ้านเกาะแรต จ.นครปฐม (น.93)
- ภาพที่ 20 ปากด้านบนของกระเหล็บเป็นรูปร่างกลม บ้านเกาะแรต จ.นครปฐม (น.93)
- ภาพที่ 21 เหล็บ หรือกระเหล็บที่พบมากในเวียดนาม เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.93)
- ภาพที่ 22 ด้านนึงของกระเหล็บจะแบนสำหรับสะพายแนบลำตัว เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.93)
- ภาพที่ 23 การสะพายกระเหล็บของชาวลาวโซ่งในประเทศไทย (น.94)
- ภาพที่ 24 การสะพายเหล็บของชาวไทดำในเมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.94) |
|
|