สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject เครื่องใช้, เครื่องจักสาน, การปรับเปลี่ยน, วิถีชีวิต, ลาวโซ่ง
Author อดิศร ศรีเสาวนันท์
Title การเปลี่ยนแปลงในเครื่องใช้ เครื่องจักสานของชาวลาวโซ่ง
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
มหาวิทยาลัยศิลปากร, ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม]
Total Pages 26 Year 2553
Source วารสารหน้าจั่ว: ว่าด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบ และสภาพแวดล้อม ปีที่ 25 (2553) หน้า 75-100
Abstract

ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับงานจักสาน จนมีเครื่องมือที่ใช้เฉพาะในกลุ่ม เช่น กระเหล็บ โฮ่ หรือขมุก ซึ่งแต่เดิมเครื่องจักสานของชาวลาวโซ่งทำจากวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น ทั้งไม้ไผ่และหวายมาผลิตใช้กันเองในครัวเรือน แต่หากต้องการความแข็งแรงทนทานจึงจะใช้ไม้เนื้อแข็งมาเป็นส่วนประกอบหรือทำจากไม้ทั้งชิ้น ซึ่งการใช้งานมีตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน ในครัวเรือน การทำนาไปจนถึงในพิธีกรรมตามวาระต่าง ๆ ต่อมาเมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปข้าวของเครื่องใช้จึงต้องปรับตัวตามไปด้วย ดังเช่น การถูกแทนที่ด้วยวัสดุเครื่องใช้สมัยใหม่ มีการนำเครื่องจักสานมาประยุกต์เพื่อใช้ในงานที่หลากหลาย หรือการนำวัสดุสมัยใหม่มาแทนที่วัสดุจากธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้านคุณค่าของเครื่องใช้ จากแต่เดิมซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งาน กลายมาเป็นเครื่องแสดงออกถึงคุณค่าทางสังคมทั้งภายในและภายนอกกลุ่มชาติพันธุ์ 

Focus

เครื่องจักสานนับเป็นภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวลาวโซ่งที่มีเครื่องมือเครื่องใช้เฉพาะภายในกลุ่มของตน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและการทำนา ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจวิถีชีวิตของชาวลาวโซ่ง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาความสัมพันธ์กับขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำนาข้าว ภูมิปัญญาการใช้ไม้ไผ่และเครื่องจักสาน รวมไปถึงการสร้างและลักษณะเฉพาะของเครื่องใช้ชิ้นสำคัญ จากนั้นจึงสังเกตการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวต่อเครื่องจักสานในด้านต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงด้านบริบทที่แตกต่างกันในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพชรบุรี สุพรรณบุรี กับจังหวัดเซินลาและเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม

Theoretical Issues

ก่อนจะโยกย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย กลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่งมีถิ่นกำเนิดในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม ดังนั้น การศึกษาเครื่องจักสานจึงควรอ้างอิงจากถิ่นกำเนิด ซึ่งพบว่า กะเหล็บ ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของลาวโซ่งที่พบในประเทศไทยทั้งที่เพชรบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี ต่างรูปทรงสัณฐานเดียวกัน มีการสานโดยใช้ตอกสองประเภทและจัดทำอย่างประณีตไม่มีช่องว่างให้เห็น ส่วนกะเหล็บที่พบในจังหวัดเซินลาและจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม จะมีขนาดย่อมกว่า จักสานโดยใช้ลายแบบเดียวและเกิดช่องว่างให้เห็น ทั้งนี้ ความประณีตของกะเหล็บในประเทศไทยอาจเกิดจาการทำหน้าที่มากกว่าเครื่องใช้ แต่ยังเป็นเครื่องแสดงออกทางสังคมอีกด้วย ส่วนกะเหล็บที่พบในประเทศเวียดนาม อันเป็นพื้นที่ที่ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักและอาศัยอยู่กันมาแต่ดั้งเดิมจึงทำขึ้นเพื่อใช้งานเป็นหลัก  

Ethnic Group in the Focus

ลาวโซ่ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในจังหวัดเซินลาและเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.76) 

History of the Group and Community

กลุ่มชาติพันธุ์ลาวโซ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น บ้านเกาะแรต อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม บ้านเขาย้อย อำเภอหนองปรง จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี ล้วนมีถิ่นกำเนิดมาจากจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม  

Settlement Pattern

ลาวโซ่งหรือไทดำนิยมตั้งถิ่นฐานบนที่ราบใกล้แหล่งน้ำ เห็นได้จากหมู่บ้านไทยดำในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกลุ่มบ้านเรียงตัวกันเป็นแนวยาวกระจายอยู่ตามเชิงเนินเขา มีเส้นทางเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันระหว่างบ้านแต่ละหลัง แต่ละหมู่บ้านจะมีเส้นทางหลักหนึ่งถึงสองเส้นเชื่อมออกมายังถนนใหญ่ ด้านหน้าของหมู่บ้านจะเป็นที่ราบผืนใหญ่สำหรับทำนาข้าว ที่ราบลุ่มนี้มักจะมีลำน้ำธรรมชาติไหลผ่านขนานไปกับตัวหมู่บ้าน ชาวลาวโซ่งมักนำน้ำมาใช้ในการทำนาและอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ที่นาผืนใหญ่จะถูกแบ่งเป็นแปลงย่อย ๆ ด้วยคันดินที่แน่นหนา มีเครือข่ายของคูน้ำเล็ก ๆ วิ่งเชื่อมโยงทั่วตลอดถึงกัน การเลือกตั้งถิ่นฐานในลักษณะดังกล่าวเกิดจากการหาเลี้ยงชีพโดยการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักสำคัญของชุมชน   

Economy

ลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอาชีพหลัก คือ การทำนา โดยจะทำปีละ 1 ครั้ง พันธุ์ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวหนัก โดยเริ่มเพาะต้นกล้าช่วงเดือน 12 และเก็บเกี่ยวช่วงเดือน 3 หลาย ๆ ครัวเรือนจะมาลงแรงร่วมกัน เรียกว่า “เอาแรง” หรือ “ลงแขก” เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจึงเอามาวางกองไว้รอบ ๆ เสา เพื่อให้วัวหรือควายที่ผูกจูงไว้กับเสาตรงกลางเดินวนย่ำข้าวเพื่อแยกเอาข้าวเปลือกออกจากฟางข้าว ก่อนนำไปสีเพื่อแยกเปลือกและตำกับครกกระเดื่องได้เป็นข้าวสาร หลังจากนั้นจึงนำข้าวสารที่มีเปลือกปนอยู่มาฝัดด้วยกระด้งฝัดข้าว หรือ เสิง ในภาษาของคนลาวโซ่ง การฝัดข้าวนี้ ต่อมาได้พัฒนาเป็น เครื่องสีฝัด และขั้นตอนสุดท้ายคือนำข้าวใส่กระบุงเก็บไว้ในยุ้งของแต่ละบ้าน สำหรับช่วงที่เว้นว่างจากการทำนาจึงเป็นช่วงเวลาสำหรับจัดทำข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น โดยผู้หญิงจะเลี้ยงไหม ปั่นด้าย ทอผ้าและตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ส่วนผู้ชายจะทำเครื่องจักสานตามความชำนาญและนำมาแลกเปลี่ยนกันเองภายในชุมชน

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปการทำนาของคนลาวโซ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต เช่น ใช้รถไถแทนวัวควายในการไถนา ลดระยะเวลาในการทำนาโดยการทำนาหว่านแทนนาดำ เริ่มใช้ย่าฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี เพื่อให้ผลผลิตเป็นไปตามที่ตลาดต้องการ การเอาแรงเกี่ยวข้าวกลายเป็นการจ้างแรงงานจำนวนมากทดแทน ทัศนคติของคนลาวโซ่งจากที่ปลูกข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือนกลายเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายและนำเงินไปซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคอีกต่อหนึ่ง ปรากฏการณ์เหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อเครื่องใช้ในการทำนาข้าวโดยตรงและทำให้วิถีชีวิตของคนลาวโซ่งแปรเปลี่ยนไป 

Belief System

เครื่องจักสานไม่เพียงมีความสำคัญในวิถีชีวิตประจำวันของคนลาวโซ่งเท่านั้น แต่ยังฝังอยู่ในความระบบความเชื่อเกี่ยวกับพิธีแต่งงานอีกด้วย เนื่องจาก ผู้ชายชาวโซ่งที่จะมาสู่ขอฝ่ายหญิงจะต้องสานกะเหล็บเพื่อใช้ในงานพิธีสำหรับใส่ขันหมากและไว้ให้ฝ่ายหญิงสะพาย ดังนั้น กะเหล็บจึงมีหน้าที่ทางสังคม ในการแสดงความพร้อมของชายชาวโซ่งที่สามารถสร้างเครื่องใช้เครื่องจักสานได้เองซึ่งเชื่อมโยงไปถึงความสามารถในการดูแลครัวเรือนต่อไปในอนาคต (น.83)

Education and Socialization

เมื่อระบบการศึกษาทำให้เด็กและเยาวชนลาวโซ่งต้องใช้เวลาอยู่กับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ครั้นโตเป็นหนุ่มสาวก็ต้องเดินทางเข้าไปศึกษาต่อในส่วนกลาง เมื่อจบการศึกษาก็มักจะประกอบอาชีพตามที่เล่าเรียนมา ชีวิตและครอบครัวอยู่ในเมือง จะกลับมาเยี่ยมบ้านในวาระเทศกาลหรืองานประเพณีสำคัญเท่านั้น สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้สังคมลาวโซ่งการขาดคนในวัยเรียนรู้ที่จะสืบทอดทักษะงานฝีมือ ทำให้ทักษะของงานประเภทนี้ขาดช่วงลง (น.87)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

จากความถนัดและความสามารถในการนำไม้มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปหัตกรรมและสถาปัตยกรรมของคนลาวโซ่ง ก่อให้เกิดรูปแบบของเรือนหลังคาทรงกระดองเต่า หรือที่เรียกกันว่า “กวังตุ๊บ” ซึ่งเกิดจากการนำหวายหรือไม้รวกลำเล็ก ๆ มาผูกรวมกันเป็นเกลียวขนาดเท่าแขนผู้ใหญ่เพื่อใช้ดัดโค้งรับน้ำหนักของส่วนหลังคาด้านสกัด ทำให้เกิดเป็นผืนหลังคาโค้งทรงกระดองเต่า นอกจากรูปแบบของหลังคายังมีเครื่องจักสานสำคัญ เช่น กะเหล็บ หรือเหล็บ ลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายโอ่งใช้สำหรับให้ผู้หญิงใส่ของสำคัญส่วนตัว ขมุก ภาชนะไม้ไผ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า นิยมใช้สำหรับเก็บผ้าที่ทอเสร็จแล้ว โฮ่ ภาชนะทรงกระบอกสานด้วยไม้ไผ่ สำหรับใส่เศษผ้า เศษด้ายของผู้หญิง  เครื่องจักสานเหล่านี้นอกจากจะนำมาใช้งานแล้ว ยังต้องการความสวยงามและวัสดุที่คงทนอีกด้วย ดังนั้น คนลาวโซ่งจึงนิยมใช้ไม้ไผ่สีสุกซึ่งมีคุณภาพดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ เช่น เก้าอี้สานจากเส้นพลาสติก เป็นต้น 

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

คนลาวโซ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความสามารถในการนำไม้ไผ่มาสร้างเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ได้เกือบทุกชนิด ซึ่งนับเป็นอัตลักษณ์เฉพาะทางชาติพันธุ์ โดยเฉพาะ กะเหล็บ โฮ่ หรือขมุก ที่มีใช้เฉพาะกลุ่มลาวโซ่งเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบเครื่องจักสานในแทบทุกองค์ประกอบของชีวิต ตั้งแต่เครื่องเล่น เครื่องใช้สำหรับหุงข้าว เครื่องจับปลา เครื่องใช้ติดตัว เครื่องใช้ในพิธีกรรม ไปจนถึงสิ่งประดิษฐ์ที่มีขนาดใหญ่เช่น ระหัดวิดน้ำเข้าสู่นา  หรือนำมาสร้างประกอบเป็นเรือน นอกจากวัตถุประสงค์ในการใช้สอย ชาวลาวโซ่งยังนำเอาตอกไม้ไผ่มาขัดสานกันเป็นวงเล็ก ๆ แขวนไว้ตามเสาเรือนที่เรียกว่า “เหลว” หรือ “ตะเหลว” ใช้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเรื่องร้ายแรงและสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ (น.82)

Map/Illustration

- ภาพที่ 1 หมู่บ้านชาวไทดำที่อยู่ร่วมกับนาข้าวในจังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.80)
- ภาพที่ 2 งานฝีมือจักสานเป็นงานของผู้ชาย ในรูปผู้ชายชาวลาวโซ่ง บ้านเกาะแรต จังหวัดนครปฐม กำลังช่วยกันในพิธีงานศพ (น.80)
- ภาพที่ 3 ตอม่อสะพานที่ทำจากการจักสาน พื้นสะพานก็เป็นไม้ไผ่เช่นกัน จ.เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม (น.82)
- ภาพที่ 4 เหลว หรือ ตะเหลวการสานแบบง่าย ๆ ที่กลายไปเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันสิ่งร้าย จ.เชินลา ประเทศเวียดนาม (น.82)
- ภาพที่ 5 กระเหล็บ บ้านเกาะแรต นครปฐม (น.83)
- ภาพที่ 6 ขมุก บ้านเกาะแรต นครปฐม (น.83)
- ภาพที่ 7 ครกตำข้าวที่พิพิธภัณฑ์บ้านเกาะแรต (น.83)
- ภาพที่ 8 กระบุง ที่จังหวัดเชินลา ประเทศเวียดนาม สานด้วยลายสองทั้งใบเช่นเดียวกัน (น.83)
- ภาพที่ 9 ครกตำข้าวที่พิพิธภัณฑ์บ้านเกาะแรต (น.84)
- ภาพที่ 10 สีข้าวโดยใช้แรงงานคน ภาพวาดจากบ้านหนองจิก จ.เพชรบุรี (น.84)
- ภาพที่ 11 ไหนึ่งวางคู่กับแอบข้าวและกะเหล็บที่ อ.ดอนมะเกลือ จ.สุพรรณบุรี (น.88)
- ภาพที่ 12 ไหนึ่งแบบเดียวกันยังพบเห็นใช้กันทั่วไปเมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.88)
- ภาพที่ 13 เปรียบเทียบตั่งสองตัว ซึ่งโครงเป็นไม้เหมือนกันแต่วัสดุที่อันหนึ่งเป็นไม้ไผ่ (ตัวซ้าย) อีกตัวใช้สานด้วยสายรัด (ตัวขวา) จังหวัดเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.89)
- ภาพที่ 14 การใช้เชือกพลาสติกเสริมส่วนก้นของกระเหล็บเพื่อเพิ่มความทนทาน จังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม (น.89)
- ภาพที่ 15 เครื่องจักสานจากวัสดุธรรมชาติ (บนถังพลาสติก) อยู่ร่วมกันกับเครื่องใช้ที่เกิดขึ้นจากวัสดุแบบใหม่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร (น.90)
- ภาพที่ 16 กระบุงลายตะเหลวที่ใช้สายรัดของพลาสติก แล้วยึดด้วยลวด มีความแข็งแรงมากกว่าวัสดุที่มาจากธรรมชาติ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร (น.90)
- ภาพที่ 17 ห้องครัวสมัยใหม่ในเรือนชาวลาวโซ่ง ในรูปจะเห็นหม้อหุงข้าวและเตาแก๊ส เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.91)
- ภาพที่ 18 ครัวไฟอีกฝั่งหนึ่งที่ยังคงใช้งานอยู่ เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.91)
- ภาพที่ 19 รูปทรงของกระเหล็บที่พบมากในประเทศไทยบ้านเกาะแรต จ.นครปฐม (น.93)
- ภาพที่ 20 ปากด้านบนของกระเหล็บเป็นรูปร่างกลม บ้านเกาะแรต จ.นครปฐม (น.93)
- ภาพที่ 21 เหล็บ หรือกระเหล็บที่พบมากในเวียดนาม เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.93)
- ภาพที่ 22 ด้านนึงของกระเหล็บจะแบนสำหรับสะพายแนบลำตัว เมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.93)
- ภาพที่ 23 การสะพายกระเหล็บของชาวลาวโซ่งในประเทศไทย (น.94)
- ภาพที่ 24 การสะพายเหล็บของชาวไทดำในเมืองเชินลา ประเทศเวียดนาม (น.94)

Text Analyst สุธาสินี บุญเกิด Date of Report 07 ต.ค. 2564
TAG เครื่องใช้, เครื่องจักสาน, การปรับเปลี่ยน, วิถีชีวิต, ลาวโซ่ง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง