|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ยวน, ยวนเชียงแสน, การตั้งถิ่นฐาน, ชุมชน, หมู่บ้าน, ประวัติศาสตร์ |
Author |
นราธิป ทับทัน, ชินศักดิ์ ตัณฑิกุล |
Title |
ภูมิหลังการเคลื่อนย้ายประชากรชาวยวนเชียงแสนและการตั้งถิ่นฐานในบริเวณตอนกลางของประเทศไทย |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยวน ยวน ยวนสีคิ้ว คนเมือง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
25 |
Year |
2560 |
Source |
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีที่ 8 ฉบับพิเศษธันวาคม (2560) หน้า 10-34 |
Abstract |
ผลจากภาวะสงครามในช่วงต้นรัตนโกสินทร์เป็นเหตุผลหลักที่นำไปสู่การอพยพเคลื่อนย้ายของผู้คนชาวยวนเชียงแสน โดยถูกส่งไปยังหัวเมืองชั้นในช่วงรัตนโกสินทร์นั้น สาเหตุสำคัญด้วยว่าอยู่ห่างไกลจากถิ่นฐานเดิมจึงเป็นการป้องกันการหลบหนี อีกทั้งเพื่อสร้างความมั่นคงทางประชากร การเกณฑ์แรงงานฟื้นฟูบ้านเมือง สร้างความมั่งคั่งจากการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในรูปแบบการเก็บส่วย ภาษีอากร ซึ่งรัฐมักให้ตั้งถิ่นฐานอยู่รวมกันเป็นกลุ่มตามเชื้อชาติ การเข้ามาอยู่ในพื้นที่บริเวณตอนกลางนี้เองชุมชนได้ขยายตัวออกไปบริเวณกว้างครอบคลุมหลายจังหวัด อาทิ บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในภาคกลาง ลุ่มน้ำแม่กลองในภาคตะวันตก ซึ่งชุมชนชาวยวนเชียงแสนในบริเวณตอนกลางของประเทศไทยหลายแห่งยังคงรักษาวัฒนธรรมบางประการของกลุ่มชาติพันธุ์ยวนไว้ได้อย่างดี |
|
Focus |
ประวัติศาสตร์การอพยพและบริบทที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนย้ายของประชากรชาวยวนเชียงแสน ที่ได้ตั้งถิ่นฐานใหม่นอกเขตวัฒนธรรมดั้งเดิมในพื้นที่บริเวณตอนกลางของประเทศไทย อาทิ จังหวัดสระบุรี ราชบุรี นครปฐม |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ยวน (Yuan : ไตยวน ไทยวน ยน โยน โยนก คนเมือง ไทยเหนือ หรือไทยล้านนา และในอดีตเคยถูกเรียกว่า ลาว ลาวยวน ลาวพุงดำ และลาวเฉียง) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
History of the Group and Community |
ตามพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ของพระเจ้าทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กองทัพสยามเข้าตีเมืองเชียงแสนซึ่งเป็นเมืองในดินแดนล้านนากลุ่มสุดท้ายที่อยู่ในการปกครองของพม่า ขณะที่หัวเมืองส่วนใหญ่ได้เป็นอิสระจากพม่าแล้วตั้งแต่สมัยธนบุรี ผลจากการการล่มสลายของเมืองเชียงแสน เป็นปัจจัยนำไปสู่การกระจายของประชากร อย่างในเชียงใหม่ส่วนหนึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณประตูท่าแพด้านใต้ ภายในกำแพงเมืองชั้นนอก (กำแพงดิน) วัดมหาวัน วัดพันตอง (บ้านฮ่อม) วัดลอยเคราะห์ (บ้านฮ่อม) และวัดช่างฆ้อง (บ้านช่างฆ้อง) ส่วนที่อยู่นอกเมืองตั้งบ้านเรือนอยู่เชิงดอยสุเทพบริเวณวัดฝายหิน และวัดป่าแดง
ส่วนเมืองลำปางตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณวัดปงสนุก วัดหัวข่วง และวัดสุชาดาราม อำเภอเมืองลำปาง ส่วนเมืองน่านตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านดอนแก้ว อำเภอท่าวังผา บ้านดอนแท่น อำเภอเชียงกลาง และบ้านผาขวาง บ้านสวนตาล บ้านน้ำครกใหม่ อำเภอเมืองน่าน โดยถิ่นฐานที่กล่าวมาข้างต้นยังถือเป็นเขตวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวยวน หากแต่ประชากรชาวเชียงแสนกลุ่มที่ถูกกวาดต้อนไปยังกรุงเทพฯ และเวียงจันทน์นั้น ต้องกลายเป็นยวนพลัดถิ่นที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ห่างไกลจากถิ่นฐานและเขตวัฒนธรรมดั้งเดิม (น.14-16)
พัฒนาการของชุมชนชาวเชียงแสนพลัดถิ่นในบริเวณตอนกลางของประเทศไทย เริ่มจากการตั้งถิ่นฐานในเมืองสระบุรีและราชบุรีด้วยเหตุผลการเมืองและการปกครอง หลังจากนั้นชุมชนได้ขยับขยายขยาย หาที่ทำกิน เป็นชุมชนเกษตรกรรม เคลื่อนย้ายในพื้นที่ใหม่ตามเส้นทางคมนาคมที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ปัจจัยทางระบบเศรษฐกิจและการดำรงชีพควบคู่กับความผูกพันทางเชื้อสาย ที่มักรวมกันเป็นกลุ่มเครือญาติและกลุ่มชาติพันธุ์ |
|
Settlement Pattern |
ในอดีตชาวยวนส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบลุ่มในหุบเขา ลำน้ำ ส่งผลให้ชุมชนตั้งอยู่กระจายและแยกออกจากกัน ตั้งเป็นกระจุกเล็ก ๆ มีวัดเป็นศูนย์กลางตามพื้นที่ในแต่ละหุบเขาหรือท้องถิ่นใหญ่ ๆ ที่มีหลายชุมชนอยู่รวมกัน ในช่วงสมัยธนบุรีจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตรงกับช่วงตอนปลายของยุคสมัยที่พม่าปกครองล้านนา ประชากรชาวล้านนาได้รับผลกระทบจากการแสวงหาผลประโยชน์จากการเก็บส่วย อากร การเกณฑ์แรงงาน เป็นปัจจัยนำไปสู่การ “ฟื้นม่าน” หรือการต่อต้านการปกครองจากพม่าในดินแดนล้านนา แม้ว่าท้ายที่สุดกระทำการได้สำเร็จแต่ก็ต้องแลกกับผลกระทบต่อประชากรชาวล้านนาที่ต้องอพยพหนีสงคราม ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย บ้านเมืองถูกทิ้งรกร้าง ในส่วนของเมืองเชียงแสนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อยู่ทางตอนบนของดินแดนล้านนายังมีประชากรชาวยวนอาศัยอยู่จนถึงการฟื้นม่าน (น.13-14)
สำหรับกลุ่มชาวยวนที่เคลื่อนย้ายเข้าสู่เมืองสระบุรี ปรากฏในตำนานว่า ปู่คัมภีระ ปู่เจ้าฟ้าและหนานสิบต๊ะ เป็นผู้นำกลุ่มคนยวนไปตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลสวนดอกไม้ในเขตอำเภอเสาไห้ หลังจากนั้นประชากรได้เพิ่มขึ้นตามลำดับและอพยพออกไปทำกินในแทบทุกอำเภอของจังหวัดสระบุรี (น.16)
จากนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2512 -2520 ได้มีชาวยวนจำนวนมากจากจังหวัดสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ได้อพยพไปบุกเบิกพื้นที่ตั้งถิ่นฐานในบริเวณอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม เปิดการเข้าถึงพื้นที่บริเวณถนนสายจันทบุรี-สระแก้ว (น.17-18)
สำหรับเมืองราชบุรี ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านไร่นที ต่อมาชุมชนได้ขยายต่อเนื่องจากลุ่มน้ำแม่กลองจนถึงจังหวัดกาญจนบุรีและนครปฐม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พื้นที่จังหวัดราชบุรีและนครปฐมประสบปัญหาภัยแล้ง ชาวยวนหลายครอบครัวได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในจังหวัดพิษณุโลก และอาจเคลื่อนย้ายต่อเนื่องไปจนถึงเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายขอบเขตวัฒนธรรมล้านนา จึงมีทั้งชาวยวนกลุ่มใหญ่ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่มานานแล้ว และกลุ่มที่เคลื่อนย้ายจากเหตุการณ์กองทัพสยามเข้าตีเมืองเชียงแสนในปี พ.ศ. 2347 ลักษณะเช่นเดียวกับกลุ่มชาวยวนเมืองสระบุรีและราชบุรี (น.27) |
|
Political Organization |
ดินแดนภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงระหว่างสมัยธนบุรีจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ตอนต้นกลายเป็นสมรภูมิแห่งการช่วงชิงอำนาจระหว่างไทยกับพม่า นำไปสู่การ “ฟื้นม่าน” หรือการต่อต้านการปกครองจากพม่าในดินแดนล้านนา แม้ท้ายที่สุดจะสามารถขับไล่พม่าออกจากดินแดนภาคเหนือได้สำเร็จ สถานการณ์นี้ยังส่งผลให้ประชากรต้องถูกบังคับเคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานในหัวเมืองชั้นในของราชธานีกรุงรัตนโกสินทร์ จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงนำไปสู่การขยายพื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัยกระจายอยู่ในบริเวณตอนกลางของประเทศไทย |
|
Folklore |
ตำนานพงศาวดารล้านนา เช่น พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ตำนานสิงหนวัติกุมาร และตำนานเมืองสุวรรณโคมคำ ได้กล่าวถึงความเป็นมาและการอพยพของกลุ่มชาติพันธุ์ยวน |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
การเรียกตนเองว่า “คนยวน” ของประชากรกลุ่มใหญ่ทางภาคเหนือถูกคลี่คลายลง ไม่ได้เรียกอย่างแต่ก่อน แต่นิยมเรียกตนเองว่า “คนเมือง” ส่วนกลุ่มชาวยวนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่นอกภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มชาวยวนเชียงแสนนั้นยังคงเรียกคนเองว่า “คนยวน” อยู่เช่นเดิม (น.13) |
|
Map/Illustration |
- ภาพที่ 1 แสดงการเคลื่อนย้ายประชากรชาวยวนจากเมืองเชียงแสนเข้าสู่หัสเมืองล้านนา (น.15)
- ภาพที่ 2 แผนที่แสดงถิ่นฐานใหม่และการเคลื่อนย้ายของชาวยวนเชียงแสนกลุ่มเมืองสระบุรี (น.22)
- ภาพที่ 3 แผนที่แสดงถิ่นฐานใหม่และการเคลื่อนย้ายของชาวยวนเชียงแสนกลุ่มเมืองราชบุรี (น.26)
- ภาพที่ 4 แผนที่แสดงถิ่นฐานใหม่และการเคลื่อนย้ายของชาวยวนเชียงแสนในบริเวณตอนกลางของประเทศไทย (น.30)
- ตารางที่ 1 แสดงชุมชนชาวยวนเชียงแสนในจังหวัดสระบุรี (น.18-19)
- ตารางที่ 2 แสดงชุมชนชาวยวนในจังหวัดนครราชสีมา ลพบุรี พิจิตร พิษณุโลก (น.20-21)
- ตารางที่ 3 แสดงชุมชนชาวยวนเชียงแสนในจังหวัดราชบุรี (น.23-24)
- ตารางที่ 4 แสดงชุมชนชาวยวนใน 3 จังหวัดที่เคลื่อนย้ายมาจากจังหวัดราชบุรี (น.25)
- ตารางที่ 5 แสดงชุมชนชาวยวนเชียงแสนในจังหวัดอุดรดิตถ์ (น.28) |
|
|