|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
การสู่ขวัญ, กลุ่มชาติพันธุ์, กูย |
Author |
บูรณ์เชน สุขคุ้ม |
Title |
การสู่ขวัญของกลุ่มชาติพันธุ์กูยในจังหวัดศรีสะเกษ |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
กูย กุย กวย โกย โก็ย,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
15 |
Year |
2564 |
Source |
วารสารสหวิทยาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 (ม.ค.–เม.ย.) 2564 หน้า 108-122 |
Abstract |
ชาวกูยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวของวิญญาณบรรพบุรุษและพิธีกรรมการสู่ขวัญ โดยเชื่อว่าพิธีกรรมดังกล่าวเป็นเสมือนการเรียกให้ขวัญมาอยู่กับตัวและให้ผีบรรพบุรุษคุ้มครองดูแลลูกหลาน ความผูกพันของชาวกุยที่มีต่อพิธีสู่ขวัญสะท้อนผ่านโอกาสของการประกอบพิธีกรรมที่เชื่อมโยงอยู่กับชีวิตของผู้คนทั้งในแง่ของการเปลี่ยนผ่านช่วงวัย การประกอบอาชีพ และความเจ็บป่วย เริ่มตั้งแต่การสู่ขวัญในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต เช่น การสู่ขวัญเด็กแรกเกิด การสู่ขวัญนาค สู่ขวัญพระภิกษุ สู่ขวัญพิธีแต่งงาน สู่ขวัญพระพุทธรูปในพิธีศพ สู่ขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีการสู่ขวัญในพิธีเซ่นสรวง เช่น สู่ขวัญข้าวเปลือกและสู่ขวัญขึ้นบ้านใหม่ รวมไปถึงการสู่ขวัญสำหรับผู้ป่วยเพื่อสะเดาะเคราะห์และเรียกขวัญ การสู่ขวัญของชาวกูยจึงเป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่าทั้งต่อตัวบุคคลและสังคมเป็นอย่างยิ่ง |
|
Focus |
การสู่ขวัญนับเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญต่อชีวิตของชาวกูยเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ส่งเสริมให้เห็นซึ่งคุณค่าและนำประโยชน์ไปใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาวิจัย เพราะการสู่ขวัญเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวกูยที่ร้อยรัดให้ผู้คนอยู่ร่วมกันภายใต้กฎเกณฑ์ ระเบียบ จารีต ประเพณี วิถีปฏิบัติของชุมชนจนผลักดันให้เกิดพลังในการพัฒนาและขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนต่อไป |
|
Theoretical Issues |
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพิธีสู่ขวัญของกลุ่มชาติพันธุ์กูยในจังหวัดศรีสะเกษ เป็นไปเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการหลากหลาย ประกอบด้วย การสัมภาษณ์ในเชิงลึกจากผู้มีความรู้และความสำคัญในชุมชน เช่น ผู้นำชุมชน ผู้นำพิธีกรรม ผู้นำทางศาสนา ผู้นำด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีการสนทนากลุ่มย่อย รวมไปถึงการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาก่อนนำมาเขียนบรรยายเชิงพรรณนา |
|
Ethnic Group in the Focus |
นับตั้งแต่อดีตกลุ่มชาติพันธุ์กูยอาศัยอยู่ทางตอนล่างของภาคอีสาน เป็นกลุ่มชนที่มีการผสมกันระหว่างกลุ่มเวดดิด (Weddid Proto Australian) กับกลุ่มเมลาเนเชียน (Melanesian) ทำให้มีลักษณะหน้าตาและเรือนร่างปะปนกันทั้งแบบเนกริโต (Negrito) หรือ เมลาเนเชียน (Melanesian) ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาแบบพวกเซมัง (Semang) หรือ เงาะ คือ ผมดกหยิกหยอง จมูกบาน ริมฝีปากหนา ผิวดำมืด นอกจากนี้ยังมีแบบอารยัน คือ จมูกโด่งเป็นสันสูง หน้าผากสูง ปากเล็ก ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย แบบมอญเขมร ซึ่งมีร่างกายใหญ่ ไหล่กว้างเป็นเหลี่ยม (น.109–110) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กลุ่มชาติพันธุ์กูย จัดอยู่ในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก กลุ่มภาษามอญ - เขมร มีคำที่คล้ายคลึงมอญเขมรอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นคำของตนเอง (น.109–110) |
|
Study Period (Data Collection) |
ตุลาคม 2561 - พฤษภาคม 2562 |
|
History of the Group and Community |
ย้อนกลับไปในอดีต พบว่า ชาวกูยนิยมตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำมูลกับเทือกเขาดงรัก ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นกลุ่มชาวกูยที่เลี้ยงช้าง (กูยอะจีง) ซึ่งอาศัยอยู่ในอำเภอท่าตูมและอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนกลุ่มที่สองเป็นชาวกูยที่ทำนา ซึ่งมักอาศัยอยู่ทั่วไปในเขตพื้นที่ของอีสานทางตอนล่าง สำหรับบ้านกู่กุด ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวกูยเป็นจำนวนมากนั้น พบว่ามีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์เพราะเป็นที่ตั้งของปราสาทปรางค์กู่ มีสระน้ำโบราณ และมีวิถีชีวิตที่ยังคงรักษาภูมิปัญญาตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมีพิธีกรรมของชุมชนที่จัดขึ้นเป็นประจำปีและกลายเป็นในระดับจังหวัด นั่นคือ ประเพณีบุญเบิกฟ้าเดือน 3 นอกจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของชุมชนจึงมีการรวมตัวเพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ภายในชุมชนจนสามารถยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้อีกด้วย |
|
Social Organization |
จากความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูยเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษและพิธีกรรมการสู่ขวัญ ซึ่งความเชื่อทั้ง 2 ด้านนี้ นับว่ามีความสำคัญในการเชื่อมโยงชาวกูยให้มีความผูกพันกัน โดยเฉพาะพิธีกรรมการสู่ขวัญ ที่มีส่วนในการสร้างสำนึกร่วมทางประวัติศาสตร์ชุมชนรวมถึงช่วยขัดเกลาสังคมตามคตินิยมของชุมชน ทั้งนี้ ความรู้สึกผูกพันกับชุมชนช่วยเชื่อมโยงผู้คนรุ่นต่อรุ่นเอาไว้ด้วยกัน บนพื้นฐานของเครือญาติ เพื่อนบ้าน และการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมชน ความเชื่อมโยงดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างสูงต่อความผูกพันทางสังคมของชาวกูย เพราะผู้ที่มีความเชื่อมโยงทางสังคมในระดับสูงย่อมมีความผูกพันต่อชุมชนในระดับสูงและกลายเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเสริมให้ชุมชนเกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนตามมา |
|
Belief System |
พิธีกรรมการสู่ขวัญ “เยียระเวียย” เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตของชาวกูยเพราะเชื่อว่า ขวัญช่วยให้ประสบความสุข เจริญรุ่งเรือง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ชาวกูยจึงมีพิธีกรรมสู่ขวัญในทุกช่วงวัยของชีวิตตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งตาย ซึ่งบทสู่ขวัญแต่เดิมจะเป็นภาษากูยและเป็นบทสู่ขวัญสั้น ๆ ต่อมาจึงผสมกับบทสู่ขวัญของกลุ่มคนไทยอีสานกลุ่มอื่น ๆ ดังนั้น พิธีกรรมการสู่ขวัญจึงเป็นเสมือนบทสรุปของผลรวมทางความคิดในชุมชน ซึ่งผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ชาวกูยกำหนดขึ้นร่วมกันและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย ทั้งนี้ คุณค่าของพิธีกรรมสู่ขวัญ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการสื่อความหมายแห่งความดีงามที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนและชุมชน โดยมีองค์ประกอบของพิธีกรรม ได้แก่ ผู้นำพิธี ผู้ร่วมพิธีกรรม เครื่องสังเวย เนื้อหาในบทสู่ขวัญ เวลาและสถานที่ โดยคุณค่าที่เกิดขึ้นต่อบุคคล เห็นได้จากความเชื่อและความศรัทธาในเรื่องขวัญ ผีบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณพระรัตนตรัย ความเชื่อเรื่องบุญกรรมและความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม ทั้งนี้ การให้กำลังใจหรือการบำรุงขวัญก่อให้เกิดความสบายใจ เห็นคุณค่าของคน สัตว์ และสิ่งของที่มีบุญคุณต่อตนและชุมชนก่อเกิดเป็นความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความโอบอ้อมอารี อันเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนชุมชน นอกจากนี้ ยังพบว่า ความเชื่อในผีบรรพบุรุษของชาวกูย ก่อให้เกิดพิธีกรรมสำคัญหลายประการ เช่น พิธีแก็ลมอ (รำผีฟ้า) พิธีเซ่นผีบรรพบุรุษหรือการทำบุญสาก (สารทกูย) หรือการทำบุญในวันเพ็ญเดือนสิบ โดยชาวบ้านจะข้าวต้ม อาหารคาวหวาน หมาก พลู บุหรี่ และเหล้าไปวางรวมกัน จุดธูปแล้วกล่าวเชิญผีบรรพบุรุษให้มากินอาหาร เทเหล้าลงพื้นให้ผีมากินประมาณ 2-3 นาทีแล้วเทน้ำดื่มตามเป็นอันเสร็จพิธี (น.114) |
|
Health and Medicine |
พิธีกรรมสู่ขวัญศูนย์รวมความเชื่อทางจิตใจในหลายแง่มุมของชีวิตชาวกูยรวมถึงการสู่ขวัญสำหรับผู้ป่วยเพื่อรักษาโรค มี 2 ขั้นตอน ได้แก่ การสู่ขวัญเพื่อสะเดาะเคราะห์และพิธีส้อนขวัญ (พิธีเรียกขวัญ) จัดขึ้นเพื่อสร้างกำลังใจและเรียกขวัญผู้ป่วยให้กลับเข้ามาอยู่ในร่างกายเหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อคนในครอบครัวเกิดการเจ็บป่วยหรือแพทย์แผนปัจจุบันไม่ทราบสาเหตุของโรค ชาวกูยจะทำพิธีเสี่ยงทายเพื่อหาว่าเกิดจากอำนาจลี้ลับ เช่น ผีป่า ผีอารักษ์ ผีเจ้าที่ ผีบรรพบุรุษ หรือผีมอ ผีออ มากระทำหรือไม่ จากนั้นคนทรง (ลำส่อง) จะทำหน้าที่สื่อสารกับวิญญาณลึกลับนั้นว่าต้องการอะไร เมื่อทราบวิธีการแก้ไขแล้ว ญาติของผู้ป่วยจะจัดพิธีสู่ขวัญสะเดาะเคราะห์ เพื่อปัดเป่าทุกข์ร้ายหรือสิ่งอวมงคลที่เกิดกับผู้ป่วยให้หมดไป โดยส่วนใหญ่จะจัดพิธีขึ้นในวันเสาร์เพราะถือว่าเป็นวันที่แข็ง ผีหรือวิญญาณชั่วร้ายจะอ่อนกำลังลง แต่จะไม่จัดในวันอังคารหรือวันพุธ เพราะถือว่าวันอังคารเป็นวันที่ผีมอมีอำนาจสูงมาก ส่วนวันพุธเป็นวันที่ชาวกูยประกอบพิธีกรรมสำคัญ เช่น เลี้ยงผีประจำหมู่บ้าน ผีปู่ตาประจำตระกูล และผีอื่น ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพ เมื่อพิธีสะเดาะเคราะห์เสร็จสิ้นแล้วจึงเป็นพิธีเรียกขวัญ ครูบา (หมอสู่ขวัญ) จะให้ผู้ป่วยหันหน้ากลับไปด้านทิศตะวันออก วางเครื่องพิธีลงบนกระบุงไว้เบื้องหน้า กล่าวคำเรียกขวัญ จากนั้น จึงนำไข่ไก่ที่ต้มสุกมาคลึงไปตามลำตัวของผู้ป่วยจากหัวจรดเท้า 3 ครั้ง แล้วซัดข้าวสาร 3 ครั้ง ปอกเปลือกไข่เพื่อนำไปทำนายว่าผู้ป่วยจะหายเป็นปกติ แล้วจึงให้บรรดาญาติและเพื่อนบ้านเข้ามาผูกข้อต่อแขนเป็นอันเสร็จพิธี (น.115-116) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวกูยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณของบรรพบุรุษและพิธีการเรียกขวัญเป็นอย่างมาก ซึ่งความเชื่อใน 2 เรื่องดังกล่าวเข้ามามีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมและเสริมสร้างลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูยให้เป็นสังคมที่มีจริยธรรมศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีวินัย มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองเป็นอย่างมาก และเคารพผู้อาวุโส ทั้งนี้ พิธีการสู่ขวัญยังเป็นเสมือนส่วนสำคัญในการสร้างสำนึกร่วมทางประวัติศาสตร์ของชุมชนและขัดเกลาผู้คนในชุมชนให้มีเจตคติของความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติที่ฝังรากลึกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมของวิถีชีวิตประจำวันของชาวกูยบ้านกู่ จะพบว่า ทุกสายตระกูลจะมีหิ้งผีบรรพบุรุษที่ต้องการกราบไหว้อยู่เสมอ หรือในวันสำคัญอื่น ๆ เช่นงานแต่งงาน การคลอดลูก เพราะเชื่อว่า ผีบรรพบุรุษ ผีปู่ตาและผีเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายจะปกปักรักษาคนในครอบครัวให้มีความสุขสงบร่มเย็นปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง |
|
|