|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เมี่ยน, เย้า, หยัด, ดนตรีชาติพันธุ์, ดนตรี |
Author |
ประทีป นักปี่ |
Title |
ดนตรีชาวเมี่ยนในอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
12 |
Year |
2561 |
Source |
สักทอง : วารสาร มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. (สทมส.) มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. ปีที่ 25 ฉบับที่ 2 (เม.ย.-มิ.ย.) 2562 หน้า 23-34 |
Abstract |
การวิจัยดนตรีของชาวเมี่ยนในอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า มีเครื่องดนตรีทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ หยัด โย ต้งล่อ และเฉ่าเจ้ย ในด้านของลักษณะเพลงมักจะมีการบรรเลงแบบวนซ้ำ และมีเสียงดนตรีเพียง 5เสียง ทำนองจะมีลักษณะเลียนภาษาพูด ส่วนจังหวะมีทั้งหมด 4จังหวะ ในด้านบทบาทหน้าที่ของดนตรี ชาวเมี่ยน จะใช้ในการประกอบพิธีกรรมเท่านั้น และผู้ที่จะบรรเลงดนตรีได้นั้นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพิธีกรรมแต่ละพิธีด้วย |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะทางกายภาพของเครื่องดนตรีชาวเมี่ยน ศึกษารูปแบบลักษณะเพลงของดนตรีชาวเมี่ยนและศึกษาบทบาทหน้าที่ของดนตรีชาวเมี่ยนที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตชาวเมี่ยนในอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ มีการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและเก็บข้อมูลภาคสนาม โดยในการเก็บข้อมูลภาคสนาม ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์และมีการบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือภาพเคลื่อนไหวในการเก็บข้อมูลเครื่องดนตรี การวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางกายภาพของเครื่องดนตรีเมี่ยน ใช้หลักการทางดนตรีวิทยาการวิเคราะห์ลักษณะดนตรีและทำนอง ใช้ทฤษฎีดนตรีไทย และการวิเคราะห์บทบาทหน้าที่ของดนตรี ใช้ทฤษฎีทางมานุษยวิทยา จากนั้นนำข้อมูลต่าง ๆ มาสรุปผลและนำเสนอข้อมูลแบบพรรณนาวิเคราะห์ (น.25) |
|
Ethnic Group in the Focus |
เมี่ยน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาอาศัยอยู่ทางตอนบนของประเทศไทยหรือภาคเหนือของไทย กระจายอยู่ในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา รวมไปถึงจังหวัดกำแพงเพชรด้วย เป็นต้น ชาวเมี่ยนมักจะประกอบอาชีพทางการเกษตร มีความขยันและอดทน (น.24) |
|
History of the Group and Community |
ชาวเมี่ยนได้อพยพมาอยู่ในเขตพื้นที่สูงภาคเหนือของประเทศไทย และได้นำเอาความรู้ทางด้านดนตรีที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนจากถิ่นที่อยู่เดิมมาใช้ในประเทศไทยด้วย (น.25) |
|
Social Organization |
ชาวเมี่ยนมีพิธีกรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์ของผู้คนในกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเอง ในหนึ่งปีจะมีประเพณีวัฒนธรรมที่สมาชิกในครอบครัวจะต้องกลับมาร่วมพิธี ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ถิ่นฐานอื่นหรือไปทำงานที่ไกล ๆ ก็จะเดินทางกลับมาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง (น.24) |
|
Political Organization |
ชุมชนชาวเมี่ยนเริ่มมีประชากรหนาแน่ขึ้น รัฐบาลจึงได้จัดหาพื้นที่ทำกินให้ใหม่ในเขตอำเภอคลองลาน และได้เคลื่อนย้ายประชากรของชาวเมี่ยนบางส่วนเข้าสู่พื้นที่อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร (น.25)
เครื่องดนตรีของชาวเมี่ยนยังสะท้อนให้เห็นลักษณะโครงสร้างทางสังคมในด้านความเป็นผู้นำ กล่าวคือ ผู้ที่จะเป่าหยัด ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของชาวเมี่ยนได้นั้น จะต้องได้รับการยอมรับจากสังคม ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำชุมชน ทำให้ดนตรีเข้ามามีบทบาทในการกำหนดสถานะหรือชนชั้นของผู้คนในสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์เมี่ยน (น.33) |
|
Belief System |
ชาวเมี่ยนมีความเชื่อในการนับถือผี นับถือเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงบรรพบุรุษและอำนาจเหนือธรรมชาติ โดยมีความเชื่อที่ว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอันตราย และสามารถทำให้ชีวิตมีความสุขกายสุขใจได้ หากมีความทุกข์ร้อนในเรื่องใด ชาวเมี่ยนจะทำการบนบานแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไม่ว่าสิ่งที่ บนบานไปนั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ชาวเมี่ยนก็จะต้องแก้บนทุกครั้งโดยมีผู้นำพิธีเป็นผู้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ผู้คน (น.32-33)
นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อที่สำคัญอีกหนึ่งพิธี คือ พิธีแต่งงาน ในพิธีแต่งงานจะมีความเชื่อเรื่องดนตรีของชาวเมี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ ทุกขั้นตอนในพิธี ตั้งแต่การตั้งขบวนแห่ การรับประทานอาหารในงาน หรือการแสดงความเคารพพ่อแม่บ่าวสาว จะมีการบรรเลงดนตรีเพื่อบอกให้คนที่มาร่วมพิธีปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งเพลงที่ใช้บรรเลงนั้นจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละขั้นตอนในพิธี นอกจากนี้ บางเพลงยังใช้ในงานอวมงคลด้วย เช่น งานศพ บรรเลงเพื่อเป็นการเชิญให้วิญญาณมารับเครื่องเซ่นไหว้ |
|
Education and Socialization |
ระบบเสียงของหยัด เครื่องดนตรีของชาวเมี่ยน มีระบบเสียงที่ตรงกับดนตรีไทย โดยเฉพาะขลุ่ยเพียงออที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่บุตรหลานของชาวเมี่ยนได้เรียนรู้ จึงทำให้ชาวเมี่ยนได้อิทธิพลมาจากส่วนนี้ และได้สร้างเครื่องดนตรีที่มีความคล้ายกันขึ้นมา (น.27)
ทำนองเพลงของชาวเมี่ยน ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่ในสมัยอดีต โดยใช้วิธีการจดจำมาจากการได้ยินและได้เห็น ทำให้เกิดการซึมซับและเกิดความเข้าใจเป็นอย่างดี (น.32) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ดนตรีของชาวเมี่ยน นับว่าเป็นดนตรีพิธีกรรม คือเป็นการบรรเลงดนตรีเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมอย่างเดียวเท่านั้น และถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้อีกด้วย
เครื่องดนตรีของชาวเมี่ยน มี 2ประเภท ได้แก่ ประเภทเป่าและตี มีด้วยกัน 4 ชนิด ได้แก่
1. หยัด เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่า มีส่วนประกอบ 5ส่วน คือ ส่าว หยัดจาง หยัดเปี้ยน หยัดแกว้ง และหยัดฮอย วิธีการเป่าหยัด จะมีลักษณะกับการเป่าขลุ่ย คือ ใช้นิ้วปิดรูที่เจาะเพื่อให้เกิดเสียงที่ต่างกันตามนิ้วต่าง ๆ ที่ปิดลงไป ระบบเสียงของหยัดมี 5กลุ่มเสียง ได้แก่ ซอล ลา - โด เร มี - ซอล(สูง)
2. โย เป็นกลองที่ขึงด้วยหนังวัวทั้งสองด้าน มีเชือกร้อยโยงหนังทั้งสองด้านให้ติดกัน วิธีการตีโย คือ ใช้ไม้เหลาทรงกลมยาวแบบมีหัวกลมสำหรับตีหน้าโย
3. ต้งล่อ เป็นฆ้องชนิดหนึ่ง ทำจากโลหะรูปทรงกลม มีทั้งชนิดมีปุ่มและไม่มีปุ่ม วิธีการตีคือใช้ไม้ตีที่ส่วนกลางหรือไม่ก็ตีที่ปุ่ม
4. เฉ่าเจ้ย เป็นฉาบที่ทำจากโลหะรูปทรงกลม เฉ่าเจ้ยมี 2 ฝา ใช้ตีกระทบกัน
การผสมวงของดนตรีชาวเมี่ยนมี 2รูปแบบ ได้แก่ การผสมวงที่ใช้ในงานมงคล เช่น งานแต่ง งานปีใหม่ จะมีเครื่องดนตรีครบทุกชนิด โดย หยัด จะเป็นเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญที่สุด ทำนองของการเป่าหยัดเสมือนการบอกให้ผู้ร่วมพิธีปฏิบัติตาม และอีกรูปแบบหนึ่งคือ การผสมวงในงานบูชาเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พิธีลุยไฟ พิธีบวช เป็นต้น และในงานศพ จะมีเครื่องดนตรีเพียง 3ชนิด ได้แก่ โย ต้งล่อ และเฉ่าเจ้ย จะไม่มีหยัดในการผสมวงรูปแบบนี้ ซึ่งการผสมวงรูปแบบนี้ โย นับเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญ เพราะการผสมวงรูปแบบนี้จะต้องมีความหนักแน่นและเสียงดัง
เพลงที่ใช้บรรเลงของดนตรีชาวเมี่ยนในอำเภอคลองลานมี 14เพลง แต่ละเพลงจะทำหน้าที่กำหนดขั้นตอนในพิธี เช่น เพลงกะหล่อหม่า จะใช้บรรเลงเพื่อสื่อความหมายในการทำความเคารพผีบรรพบุรุษ และในงานแต่งงานเพลงนี้จะบรรเลงต่อจากเพลงกะหล่อซา เพื่อสื่อถึงการขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน หรือเพลงเจียซ่าเจียติ้วซุง ในงานแต่งจะใช้บรรเลงในขั้นตอนที่ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวมาต้อนรับฝ่ายเจ้าสาวด้วยการส่งน้ำชาและส่งเหล้าให้ทางฝ่ายญาติเจ้าสาว
รูปแบบของทำนองเพลงของดนตรีชาวเมี่ยน มี 2 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะที่เป็นสำนวนทำนองเพลงอย่างเดียวกับสำนวนทำนองเพลงผสมกับทำนองรัว ช่วงเสียงของทำนองเพลง จะมีการใช้เสียงต่ำสุดคือ เสียงซอล และใช้เสียงสูงสุดคือ เสียงลา(สูง) บันไดเสียงของดนตรีชาวเมี่ยนเมื่อเทียบกับทางดนตรีไทยจะอยู่ในกลุ่มของเพียงออ รูปแบบของทำนองจะมีลักษณะสั้นยาวไม่คงที่ โดยรูปแบบของทำนองจะมีความใกล้เคียงกับการพูดของชาวเมี่ยน เวลาที่ดนตรีบรรเลง จึงเหมือนเป็นการบอกให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ หรือการบอกเล่าเรื่องราว เสียงลูกตกของสำนวนทำนองเพลงจะมีการใช้อย่างอิสระ ไม่ได้ยึดถือหลักการทางดนตรี เพียงแค่ต้องการให้เกิดความเข้าใจในการสื่อสารเท่านั้น ส่วนจังหวะของดนตรีชาวเมี่ยนจะมี 4จังหวะ ได้แก่ จังหวะยืน จังหวะกระชั้น จังหวะช้า และจังหวะเร็ว(ตีรัว)
บทบาทหน้าที่ของดนตรีชาวเมี่ยน ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการประกอบพิธี สื่อสารให้คนที่มาร่วมพิธีทราบและปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ในพิธีได้อย่างถูกต้อง และจะเห็นได้ว่าเพลงที่ใช้บรรเลงของชาวเมี่ยนจำนวน 14เพลงนั้น ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวเมี่ยนโดยตรง ดนตรีของชาวเมี่ยนจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถแยกออกจากพิธีกรรมได้โดยเฉพาะในพิธีแต่งงาน (น.26-32) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวเมี่ยนจะให้ความสำคัญกับประเพณีและพิธีกรรมในกลุ่มของตน และยึดถือความเชื่อเป็นอย่างมาก วิถีชีวิตของชาวเมี่ยนล้วนขึ้นอยู่กับความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การทำมาหากิน การมีบุตร เป็นต้น มีการนับถือผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจเหนือธรรมชาติ โดยในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวเมี่ยนแต่ละครั้ง สิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือ ดนตรี เพราะดนตรีของชาวเมี่ยนไม่ได้บรรเลงเพื่อความสนุกสนาน แต่เป็นการบรรเลงเพื่อบอกกล่าวให้ปฏิบัติ และชาวเมี่ยนยังเชื่อว่าดนตรีเป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ (น.32-33) |
|
Map/Illustration |
- ภาพที่ 1เครื่องดนตรีเมี่ยน (น.26)
- ระบบเสียงหยัดพบในการวิจัย (น.27) |
|
|