สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,จักรวาลวิทยา,วัฎจักรชีวิต,เพศ (Gender),ภาคเหนือ
Author Patricia Veronica Symonds
Title Cosmology and the Cycle of Life: Hmong Views of Birth, Death and Gender in a Mountain Village in Northern Thailand
Document Type Ph.D. Dissertation Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศุนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 356 Year 2534
Source Submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Doctor of Philosophy in the Department of Anthropology at Brown University.
Abstract

ความเชื่อเรื่องการเกิดของม้งแตกต่างไปจากแนวคิดของตะวันตกที่เป็นเรื่องของกายภาพ และชีวภาพของร่างกาย แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดในสังคมม้งเป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นการเดินทางของจิตวิญญาณส่วนที่ 3 จากโลกมืดมาสู่โลกสว่าง ความเชื่อเรื่องของการไม่ส่งเสียงร้องในการคลอดบุตรเพื่อให้เด็กคลอดออกอย่างปลอดภัย ความสัมพันธ์ระหว่างมารดาผู้เป็นให้กำเนิด แต่บิดาเป็นผู้ให้ชีวิตคือ เรียกจิตวิญญาณส่วนที่ 3 เข้าร่างกายทารก และเด็กจะถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในครอบครัวของบิดา โดยมีมารดาเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือและสั่งสอนให้กลายเป็นม้งที่ดี สถานภาพของผู้หญิงม้งจึงเป็นผู้ตามและถูกคาดหวังให้ทำงานหนัก เป็นหญิงที่ดีและเป็นแม่ที่ดี เมื่อแต่งงานจะเปลี่ยนสายตระกูลจากของบิดาไปสู่สายตระกูลของสามีและอยู่จนตาย เมื่อตายวิญญาณจะออกจากร่าง ส่วนที่ 1 จะคอยดูแลครอบครัว ส่วนที่ 2 จะกลับไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษในโลกมืด และส่วนที่ 3 รอคอยเพื่อกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในสายตระกูลเดิม สิ่งเหล่านี้เป็นแนวคิดความเชื่อและวิถีการดำรงชีวิตของม้งที่มีพื้นฐานสังคมหลักอันเกิดจากสถาบันครอบครัว (หน้า 263-272)

Focus

ศึกษาความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับการเกิด การตาย และการกลับชาติมาเกิดใหม่ของวิญญาณ ซึ่งสะท้อนจักรวาลวิทยาของม้งในประเด็นที่ว่า 1. สังคมม้งมองการเกิดอย่างไร 2. ทรรศนะของม้งในเรื่องการเกิดมีนัยยะอย่างไรต่อสถานภาพผู้หญิง ในระบบเครือญาติแบบปิตุโลหิต 3. ความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดและการกลับชาติมาเกิดเป็นอย่างไร (หน้า 15)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ม้งทางภาคเหนือของประเทศไทย

Language and Linguistic Affiliations

ข้อถกเถียงในการจัดตระกูลภาษาม้ง โดยบางกลุ่มกล่าวว่าควรอยู่ในกลุ่มภาษาม้ง/เมี่ยน (แม้ว/เย้า) ในหลักภาษาศาตร์ของจีนกล่าวถึงภาษาในกลุ่มตระกูลนี้มีความสัมพันธ์กับภาษาจีนและเป็นตระกูลย่อยของภาษาในกลุ่ม (Sino-Tibetan) แต่ Benedict (1975) ได้โต้แย้งว่า ความเหมือนของภาษาม้งและภาษาจีนเกิดจากการยืมคำมาใช้ เขาจึงมีความเห็นว่า ควรจะจัดภาษาม้งให้อยู่ในกลุ่มตระกูลภาษา Austronesian and Japanese / Ryukan หรือเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่ากลุ่มตระกูลAustronesian/Tai ภาษาม้งมีเสียงวรรณยุกต์ 8 ระดับเสียง และไม่มีพยัญชนะสะกดตัวสุดท้าย (หน้า XIIX)

Study Period (Data Collection)

มกราคม ค.ศ.1987 - พฤษภาคม ค.ศ.1988

History of the Group and Community

เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมากลุ่มม้งอาศัยอยู่ในประเทศจีน แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อย ประชากรส่วนใหญ่ของชาวจีนเป็นฮั่น ทำให้เกิดปัญหาทางเชื้อชาติและเกิดสงครามทางการเมืองหลายครั้ง จนกระทั่งในช่วงกลางคริสตศตวรรษที่ 17 เกิดปัญหาความขัดแย้งในเรื่องการถือครองที่ดินในการทำการเกษตรกรรม เป็นผลให้ม้งอพยพออกจากจีนเข้าสู่ลาวทางเหนือของเวียดนาม ทางเหนือของพม่า และประเทศไทย ตั้งแต่ กลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ในประเทศไทย เรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า แม้ว แต่พวกเขาเรียกตนเองว่าม้ง โดยมีแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ ม้งเขียวและม้งขาว (หน้า 40)

Settlement Pattern

หมู่บ้านม้งจะอยู่ท่ามกลางป่า บ้านสร้างติดพื้นสร้างด้วยไม้ และใช้หญ้ามุงหลังคา หรือมุงด้วยสังกะสี (หน้า 63) ในปี พ.ศ. 1987 หมู่บ้านดอกไม้มีขนาดไม่เล็กนัก ประมาณ 58 ครัวเรือน (หน้า 9)

Demography

จำนวนประชากรม้งในประเทศไทยมีประมาณ 82,310 คน ใน 230 หมู่บ้าน (สำรวจโดยสถาบันวิจัยชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่) (หน้า 40) สำหรับหมู่บ้านดอกไม้มีประชากร 487 คน ใน 64 หลังคาเรือนในปี ค.ศ. 1988 (หน้า 9)

Economy

ครัวเรือนเป็นสถาบันพื้นฐานทางเศรษฐกิจและพิธีกรรมของม้ง ในแต่ละครัวเรือนจะมีคนหลายรุ่นอาศัยอยู่ร่วมกัน และทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันทำงานทั้งในด้านการทำนา และการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฝิ่น ผักผลไม้นานาชนิด รวมถึงมีการปลูกพืชเศรษฐกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทดแทนการปลูกฝิ่น เช่น มะเขือเทศ ยาสูบ (หน้า 79) การแบ่งงานในสังคมของม้งอาศัยความแตกต่างทางเพศและวัยเป็นหลัก เช่น ผู้หญิงมีหน้าที่ในการดูแลครอบครัว ทำงานบ้าน เลี้ยงดูบุตร ออกมาทำงานในไร่ และทอผ้าสำหรับทุกคนในครอบครัว ส่วนผู้ชายเป็นหัวหน้าครอบครัว แสดงความคิดเห็น ตัดสินปัญหา และทำงานในไร่ที่เป็นงานหนัก เช่นตัดต้นไม้ใหญ่ และทำงานช่างต่างๆ สร้างบ้าน สานตะกร้า ทำเครื่องเงิน เครื่องประดับ(หน้า 49) และมีการแลกเปลี่ยนช่วยเหลือกันในเรื่องของแรงงานระหว่างสายตระกูลต่างๆ เช่น ในช่วงฤดูเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และมีการจ้างกะเหรี่ยงเข้ามาทำงานในไร่ฝิ่น โดยจ่ายค่าแรงให้เป็นข้าว (หน้า 41-42)

Social Organization

สังคมม้งเป็นสังคมเครือญาติ ที่ให้ความสำคัญกับสายตระกูลฝ่ายบิดา (lineage) ซึ่งมีนามสกุลต่าง ๆ กันออกไปในแต่ละโคตรตระกูล (clan) สายตระกูลหนึ่งจะผูกพันกันด้วยความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา การแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกของน้องสาวพ่อ(cross - cousin marriage) เป็นความนิยมแต่อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามในการแต่งงานที่อยู่ในโคตรตระกูลเดียวกัน (หน้า 40-41) สังคมม้งเป็นสังคมที่มีการแบ่งชั้นตามอายุและเพศ ผู้ที่อาวุโสกว่าจะเป็นผู้ควบคุมระบบการผลิต และเป็นผู้มีความรู้ที่ทุกคนต้องให้ความเคารพนับถือ แต่ก็มีการนับถือที่แตกต่างกันในระหว่างเพศ เพศชายจะได้รับการเคารพมากกว่า เป็นเป็นผู้ตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะได้รับความเคารพจากบุตรหลานของตน การเรียกชื่อเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างและการยอมรับในสังคม โดยในช่วงแรกเกิดจนถึง 4 ปี หรือก่อนมีเด็กใหม่เกิดในครอบครัว พวกเขาจะถูกเรียกว่าเป็นเด็กเล็กที่สุดในบ้าน จาก 4 ปีจนถึงวัยเจริญพันธุ์ พวกเขาถูกเรียกว่า เด็กหนุ่มสาว หรือเรียกในลำดับสายเครือญาติ เช่น ลูกคนโตของฉัน และเมื่อแต่งงานสถานภาพของพวกเขาจะเปลี่ยน เป็นผู้ชายและผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ สำหรับผู้ชายคำเรียกจะเป็นชื่อของเขา สำหรับผู้หญิงจะเป็นภรรยาของใคร หรือ แม่ของใคร ตามลำดับ ดังนั้นสถานะของผู้หญิงที่เป็นโสดจึงไม่ได้รับการยอบรับมากนัก แม้ว่าผู้หญิงสามารถกระทำการหย่าร้างได้ แต่บุตรจะต้องอยู่กับบิดาและผู้หญิงจะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตระกูลดั้งเดิมได้ (หน้า 109-167)

Political Organization

หน่วยการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสังคมม้งคือหมู่บ้าน จะมีหัวหน้าหมู่บ้าน การแต่งตั้งหัวหน้าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกภายในชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการเมืองระหว่างรัฐและหมู่บ้าน (หน้า 41)

Belief System

การเกิดในสังคมม้ง หมายถึง การเดินทางของวิญญาณสู่ดินแดนแห่งแสงสว่าง เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนการแต่งงานหรือในช่วงระหว่างแต่งงานแล้วก็ได้ เพราะสังคมม้งอนุญาตให้หญิงและชายมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะแต่งงานได้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่หนุ่มสาวจะออกมาร้องเพลงเกี้ยวพาราสีกัน และชายจะไปหาหญิงและร่วมรักกันนอกบ้านฝ่ายหญิง เช่น กระท่อมในนา เป็นต้น ทุกคนในครอบครัวรับรู้แต่ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ พิธีแต่งงานจึงเกิดขึ้นในช่วงหลังจากเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมาก ในความเชื่อของม้งการตั้งครรภ์ เกิดจากเมล็ดพันธุ์จากผู้ชายเข้าไปผสมกับไข่ของผู้หญิงและถ้าทั้งสองแข็งแรงเท่า ๆ กัน ก็จะตั้งครรภ์ แต่ถ้าไม่ก็จะสลายกลายเป็นเลือดออกมาจากร่างกายของผู้หญิง ในช่วงของการตั้งครรภ์ถ้าเกิดการเจ็บป่วยจะต้องทำพิธีเลี้ยงผี เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กแข็งแรงดี และจะมีการจัดพิธีเลี้ยงผีอีกครั้งในช่วงที่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน เพื่อความแน่ใจว่าการคลอดจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ถ้าเด็กตายก่อนคลอดเชื่อกันว่า เกิดจากวิญญาณที่จะมาเข้าร่างไม่ชอบใจและไม่ต้องการมาเกิดใหม่ เพราะหญิงที่ตั้งครรภ์กระทำอะไรบางอย่างที่ผิดประเพณี ส่งผลให้ผีบรรพบุรุษลงโทษและจะต้องหาทางแก้ไขและตั้งครรภ์ใหม่ให้เร็วที่สุด ผู้หญิงจะรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าถึงเวลาคลอดเนื่องจากอาการปวดแตกต่างไปจากการทำงานหนัก ก็จะมีการเตรียมใบตองไว้ในห้องและทำการคลอดโดยจะต้องไม่ส่งเสียงร้องออกมาเนื่องจากถ้าส่งเสียงร้องเด็กอาจจะคิดว่าโลกไม่น่าอยู่และไม่ยอมออกมาหรือตายระหว่างคลอด โดยปกติแม่สามีจะเข้ามาดูแลและตัดรกเด็ก และบิดาจะเป็นคนนำรกเด็กและเช็ดเลือดภายในห้อง และนำเอาทุกอย่างไปฝังให้เรียบร้อย และต้องระวังไม่ให้สัตว์มากินเพราะจะทำให้เด็กตายหรือเจ็บป่วยได้ ภายหลังเด็กคลอดได้สามวันจะมีพิธีในการเรียกวิญญาณส่วนที่ 3 เข้าร่างโดยผู้ชายในครอบครัวเป็นผู้ประกอบพิธี ซึ่งพิธีนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นผู้ให้กำเนิดแต่ผู้ชายเป็นผู้ให้ชีวิตที่สมบูรณ์ ช่วงหลังคลอด 1 เดือน มารดาจะได้รับการดูแลอย่างดีโดยต้องกินอาหารที่หุงใหม่และร้อนอยู่เสมอ และสามีจะต้องฆ่าไก่เพื่อนำมาให้ภรรยากินทุกวันตลอด 1 เดือน เพื่อช่วยให้ร่างการผลิตน้ำนมได้ดี และกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว (หน้า 162-212) เมื่อมีการตายเกิดขึ้นในบ้านจะมีการทำพิธีศพ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ใช้เวลา 13 วัน และครั้งที่สองจะทำเมื่อครอบครัวพร้อม เป็นพิธีในการปลดปล่อยวิญญาณ ม้งมีเมื่อคนตายวิญญาณ ทั้ง 3 ส่วน จะเดินทางไปสู่โลกมืดหรือโลกของผีบรรพบุรุษและอยู่ร่วมกัน และวิญญาณส่วนที่ 3 จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในพิธีศพครั้งที่ 1 ลูกชายจะไปเชิญนักดนตรี ญาติพี่น้องมาร่วมพิธีที่บ้าน รวมถึงเชิญหมอผีมากระทำพิธีส่งวิญญาณ ภายหลัง 13 วัน จะนำศพไปฝังและมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตาย สำหรับพิธีครั้งที่สอง ลักษณะการทำพิธีคล้ายคลึงกันกับพิธีในครั้งที่ 1 แต่ผู้เข้าร่วมมีน้อยกว่าและผู้ที่อยู่ไกลไม่จำเป็นต้องมา พิธีนี้ทำเพื่อให้แน่ใจว่าวิญญาณได้ไปอยู่ร่วมกับผีบรรพบุรุษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากถ้ายังไม่ไปอาจจะทำให้เกิดความเจ็บป่วย ผลผลิตในไร่เสียหาย โชคไม่ดีกับครอบครัวได้ เมื่องานเสร็จสิ้นถือว่าการเดินทางไปสู่โลกมืดเป็นไปด้วยดีและวิญญาณส่วนที่ 3 ก็จะรอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในสายตระกูลเดิม (หน้า 214-262) ปัจจุบัน มีม้งมีการนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์มีโบสถ์ภายในหมู่บ้าน มีบางคนหันมานับถือศาสนาคริสต์เนื่องจากทำให้ไม่ต้องเสียเงินในการทำงพิธีกรรมต่าง ๆ ในการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ ตามความเชื่อแบบดั้งเดิม (หน้า 68)

Education and Socialization

การอบรมสั่งสอนเด็กเป็นหน้าที่ของครอบครัวในช่วงที่เป็นเด็ก มารดามีบทบาทสำคัญในการสั่งสอนและอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นม้งที่ดี สำหรับเด็กผู้ชายเมื่อโตมากกว่า 6 ปีจะเริ่มเรียนรู้จากบิดา และใกล้ชิดมารดาน้อยลง สำหรับเด็กผู้หญิงจะต้องเรียนรู้งานทุกอย่างจากมารดา ทั้งช่วยงานบ้าน ทำงานในไร่ และต้องเรียนรู้การปักเย็บเสื้อผ้า โดยจะมีการปักลวดลายและติดเครื่องประดับตกแต่งทำด้วย เงิน โดยเฉพาะการทำเสือคลุมที่เรียกว่า "Sev" เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของการแสดงตนเป็นหญิงม้งที่ดี (หน้า 109-129) สำหรับโรงเรียนของรัฐได้เข้ามาเปิดสอนเมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีครูประจำ มีครูอาสาเข้ามาสอนเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงหน้าฝนการเดินทางลำบากครูอาจจะค้างในหมู่บ้านสอน 2 อาทิตย์แล้วกลับออกไป (หน้า 61)

Health and Medicine

ในสังคมไทยกลุ่มคนที่อาศัยบนพื้นที่ราบได้รับการพัฒนาในด้านการสาธารณสุข การวางแผนครอบครัวมากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา กระบวนการให้ความรู้ในด้านการรักษาแผนใหม่ประสบความสำเร็จแต่ในกลุ่มผู้อาศัยบนพื้นที่สูง ยังคงมีรูปแบบแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาโรคตามความเชื่อแบบดั้งเดิม แม้ว่ารัฐจะสร้างถนนเชื่อมหมู่บ้านกับเมือง ตลาด และโรงพยาบาล ก็มีเพียงบางกลุ่มที่ได้รับผลของการพัฒนา (หน้า 16-17)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ผู้หญิงต้องเรียนรู้การปักเย็บ เสื้อผ้า โดยจะมีการปักลวดลายและติดเครื่องประดับตกแต่งทำด้วย เงิน โดยเฉพาะการทำเสื้อคลุมที่เรียกว่า Sev เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของการแสดงตนเป็นหญิงม้งที่ดี (หน้า 119-129)

Folklore

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสาเหตุที่ผู้ชายกลายเป็นผู้นำ นานมาแล้วมีผู้นำม้งผู้หญิงมีสามี 7 คน และผู้นำผู้ชายมีภรรยา 7 คน ทั้งสองแย่งชิงความเป็นใหญ่ จึงได้เดินทางไปหาเทพเจ้า (Yawm Saub) สำหรับตัดสิน โดยเทพได้ทดสอบโดยให้ฝ่ายชายกลับบ้านแล้วฆ่าภรรยานำศีรษะมาให้เมื่อผู้นำชายกลับไปบ้านเห็นภรรยากำลังป้อนนมบุตรเกิดความสงสารไม่สามารถฆ่าได้จึงเดินทางกลับมาและบอกกับเทพเจ้า เทพเจ้าจึงให้กลับไปและรออยู่ที่บ้าน เมื่อฝ่ายผู้นำหญิงมาหาเทพเจ้าและได้รับคำสั่งให้กลับไปฆ่าสามี นางได้ใช้มีดตัดคอและนำศีรษะสามีทั้ง 7 คนมาให้เทพเจ้า ด้วยเหตุนี้เทพเจ้าจึงตัดสินใจให้ชายเป็นผู้หัวหน้าครอบครัวเป็นใหญ่กว่าหญิงเนื่องจากรู้คุณค่าของการมีชีวิต (หน้า 107) ตำนานเกี่ยวกับการเกิด ในอดีตผู้ชายเป็นผู้ให้กำเนิดเด็ก แต่พวกเขาต้องทนทรมานในการคลอดเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน กว่าจะให้กำเนิดบุตรและบุตรก็ตัวเล็กมากเนื่องจากออกมาจากช่องที่เล็กมาก ผู้ชายได้เอาเด็กใส่บ่าและไปทำงานในไร่ ขณะที่เดินทางไปไก่ได้มากินเด็ก ผู้ชายนั่งร้องให้อยู่นานจนภรรยามาเห็นและสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อภรรยาได้รับรู้ว่าเด็กถูกไก่กินไปแล้ว จึงอาสาที่จะเป็นคนตั้งครรภ์และคลอดบุตรเองเนื่องจากมีช่องคลอดใหญ่กว่าเด็กจะเกิดมาตัวใหญ่กว่า แต่ผู้ชายจะต้องฆ่าไก่และนำมาให้กินทุกวันเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อช่วยบำรุงร่างกายจากการเสียเลือดในการคลอด (หน้า 181)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

แนวคิดเกี่ยวกับเพศ (Gender) และมุมมองเกี่ยวกับโลกและการใช้ชีวิต (Cosmology) ในสังคมม้งทุกอย่างเป็นคู่ เช่น ชายและหญิง ในพิธีกรรมเลี้ยงผีบรรพบุรุษ จะมีการเรียกผีในทั้งสองเพศ และมีความเชื่อเรื่องของขวัญหรือจิตวิญญาณในร่างกายของมนุษย์ ถ้าเกิดขวัญออกจากร่างกายจะต้องทำพิธีเรียกกลับเข้า โดยทั้งสามีและภรรยาจะต้องอยู่ร่วมกันในการกระทำพิธี สำหรับมุมมองเกี่ยวกับโลก มีการเปรียบเทียบ โลก ตะวัน เป็นผู้หญิง ในขณะที่ การเติบโตของชีวิต ท้องฟ้า พระจันทร์ และกลางคืน เป็นผู้ชาย (หน้า 47-48)

Map/Illustration

List of Illustrations (หน้า X)

Text Analyst ชัชฎาวรรณ แก้วทะพยา Date of Report 25 ก.ย. 2567
TAG ม้ง, จักรวาลวิทยา, วัฎจักรชีวิต, เพศ (Gender), ภาคเหนือ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง