สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยทรงดำ, อัตลักษณ์, ชาติพันธุ์
Author เกรียงไกร ฮ่องเฮงเส็ง
Title การเมืองเรื่องชาติพันธุ์และอัตลักษณ์ของไทยทรงดำ ศึกษากรณี อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
[เอกสารฉบับเต็ม]
Total Pages 166 Year 2554
Source สังคมวิทยามหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยา ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐกับอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นงานวิจัยที่มีกระบวนการศึกษาทั้งจากเอกสารและการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก โดยการลงพื้นที่ภาคสนามแบ่งเป็นการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่าเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างชนกลุ่มใหญ่และชนกลุ่มน้อย ซึ่งชนกลุ่มใหญ่ในที่นี้คือชาวไทยที่ปกครองชนกลุ่มน้อยคือไทยทรงดำ นโยบายทางการเมืองของภาครัฐ ก่อนพุทธศักราช 2475 และหลังพุทธศักราช 2475 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ทั้งในลักษณะของความยินยอมและถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม ส่วนการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย พบปรากฏการณ์ช่วงชิงนิยามความหมายของการเป็นไทยทรงดำแท้ เพราะอัตลักษณ์ของไทยทรงดำในปัจจุบันเริ่มถูกกลืนกลาย ชาวไทยทรงดำจึงพยายามหาจุดยืนของกลุ่มชาติพันธ์ตนเองผ่านการแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ

Focus

มุ่งศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาสองเรื่อง กล่าวคือ เป็นเรื่องการแข่งขันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งรัฐเป็นอำนาจจากภายนอกที่กำหนดความเป็นชาติพันธุ์ โดยมีการตอบสนองต่อนโยบายรัฐทั้งในลักษณะการต่อต้านและยอมรับ วัตถุประสงค์ที่สอง เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ภายใน เป็นเรื่องของการแข่งขันทางการเมืองภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ในการกำหนดความหมายสัญลักษณ์ภาษา เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย วิถีชีวิต ฯลฯ ที่มีผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยจากการใช้นโยบายรัฐ เพื่อควบคุมความเป็นกลุ่มชนในสังคม ซึ่งทั้งสองวัตถุประสงค์มีความสัมพันธ์กัน  

Theoretical Issues

เป็นการวิจัยเชิงมนุษยวิทยา ศึกษาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ และศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสาร (documentary research) เพื่อศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎีและเนื้อหาสาระเกี่ยวกับไทยทรงดำ ทั้งจากหนังสือวิทยานิพนธ์ บทความวิชาการ และรายงานการวิจัยเรื่องไทยทรงดำ และใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติมีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกลงพื้นที่ สังเกตการณ์ในภาคสนาม (หน้า 28)
จากการทบทวนเกี่ยวกับแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่ระบุว่า สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงมาจากการอพยพย้ายถิ่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การประดิษฐ์คิดค้น ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ฯลฯ ทั้งนี้รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการสำคัญสองประการ กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชนชั้นในสังคมจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม และอธิบายจากโครงสร้างหน้าที่ ซึ่งเชื่อว่าสังคมเป็นระบบที่มีหลายภาคส่วนทำหน้าที่สัมพันธ์กัน หากส่วนใดส่วนหนึ่งทำหน้าที่บกพร่อง ย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมได้ในที่สุด โดยสามารถนำมาวิเคราะห์การใช้นโยบายรัฐต่อกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำตามหลักโครงสร้างหน้าที่ ซึ่งรัฐไทยมีหน้าที่ใช้อำนาจควบคุมชาวไทยทรงดำให้อยู่อย่างเป็นระบบระเบียบ ขณะที่การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำสามารถอธิบายได้ด้วยหลัก ความขัดแย้ง อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางความคิด เกี่ยวกับจุดยืนทางอัตลักษณ์ของไทยทรงดำที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ส่วนหลักวิวัฒนาการ สามารถอธิบายอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาทิ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่อยู่อาศัย
เมื่อนำทฤษฎารเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม มาใช้วิเคราะห์ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐกับอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จะเห็นได้ว่า นโยบายของรัฐก่อนและหลังปี 2475 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมไทยทรงดำ ทั้งวัฒนธรรมที่เป็นวัตถุ เช่น โครงการ OTOPพ.ศ.2544-2549 ที่ทำให้วัตถุทางวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นวัฒนธรรมประดิษฐ์เพื่อกลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่วัตถุ เช่น นโยบายอนุญาตมิชชันนารีเผยแผ่คริสต์ศาสนา พ.ศ. 2405 ได้ทำให้วัฒนธรรมด้านศาสนาและความเชื่อจากเดิมที่เคยยึดมั่นศรัทธาอยู่กับผีละวิญญาณบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน ได้เกิดไทยทรงดำคริสต์ในอำเภอเขาย้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
การนำเสนออัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ภายใต้บริบทของนโยบายทางการเมืองในแต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการปะทะและปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง การปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์เป็นไปเพื่อความอยู่รอดเป็นสำคัญ ดังนั้น ความเป็นไทยทรงดำจึงมีการรื้อประกอบสร้างอยู่ตลอดเวลา ภายใต้บริบทของนโยบายทางการเมืองโดยรัฐ เป็นอำนาจภายนอกที่กำหนดความเป็นชาติพันธุ์ โดยพฤติกรรมตอบสนองต่อนโยบายรัฐมีทั้งที่เกิดการต่อต้านและยอมรับ เป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่การอธิบาย อัตลักษณ์ภายใน ซึ่งเป็นเรื่องของการแข่งขันทางการเมืองภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ
การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำอำเภอเขาย้อยเป็นปรากฏการณ์ช่วงชิงนิยามความหมายของการเป็นไทยทรงดำแท้ เพราะอัตลักษณ์ของไทยทรงดำในปัจจุบันเริ่มถูกกลืนกลาย ชาวไทยทรงดำจึงพยายามหาจุดยืนของกลุ่มชาติพันธุ์ตนเอง ผ่านการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ แบ่งเป็นการแข่งขันทางอัตลักษณด้านศาสนาและความเชื่อ ด้านการเรียกชื่อ ด้านงานประเพณี ด้านการประกอบอาชีพ และด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
ทั้งนี้ การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ สามารถอธิบายได้ด้วยแนวคิดของฮีวีเรทท์ อี เฮเกน (Everett E. Hagen) ที่ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจากสังคมดั้งเดิมไปสู่สังคมสมัยใหม่ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ โดยคนในสังคมดั้งเดิมจะถูกกำหนดอัตลักษณ์ ด้วยกระบวนการขัดเกลาทางสังคมอย่างปราศจากการคิดวิเคราะห์ เช่น ไทยทรงดำต้องนับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษเพียงอย่างเดียว แต่คนสมัยใหม่จะปฏิสังสรรค์กับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากการรับข้อมูลข่าวสาร การศึกษา จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย สำนึกทางชาติพันธุ์ เมื่อกระบวนทัศน์ของสมาชิกในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างกันจึงนำไปสู่การแข่งขัน ต่อรอง ถึงจุดยืนอัตลักษณ์ที่จะดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ยังสอบรับกับแนวคิดเรื่อง อัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ของFredrik Barth ที่มองว่าอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไม่จำเป็นต้องมีความแน่นอนตายตัว หากสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ซึ่งอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของไทยทรงดำ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายรัฐที่ออกมาบังคับใช้ เช่น นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ นโยบายรณรงค์ใช้ผ้าไทย

Ethnic Group in the Focus

ชาวไทยทรงดำ อาศัยอย่างกระจัดกระจายในหลายจังหวัดของประเทศไทย ทั้งเพชรบุรี พิษณุโลกนครสวรรค์ ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ชุมพรและนครปฐม ชาวไทยทรงดำส่วนใหญ่นับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษ ต่อมาเริ่มหันมานับถือศาสนาพุทธ เกิดการผสมผสานกันมากขึ้น เป็นพุทธผสมผี (หน้า 26) อพยพเข้ามาด้วยภัยสงครามและการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกับชาวไทดำที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศลาว และทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม (หน้า 25)

Language and Linguistic Affiliations

ตระกูลภาษาไท - กะได

Study Period (Data Collection)

ใช้ระยะเวลาในการศึกษาวิจัยเป็นเวลา 1ปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 โดยสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม ในอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2553  เพื่อศึกษาบริบทชุมชน และสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ด้วยการอบรมเย็บปักลวดลายบนเสื้อผ้าไทยทรงดำกับกลุ่มแม่บ้านตำบลเขาย้อย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาย้อย เป็นระยะเวลา 2เดือน ตั้งแต่มกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 หลังจากนั้นจึงเก็บรวบรวมข้อมูลชุมชนไทยทรงดำในแต่ละตำบลของอำเภอเขาย้อย เป็นระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่มกราคม - พฤศจิกายน 2554 (หน้า 4) 

History of the Group and Community

ประวัติความเป็นมาของชาวไทยทรงดำอำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรีไทยดำอยู่ในตระกูลภาษาไท - กะได ตั้งติดตั้งถิ่นฐานทางตอนตกตอนเหนือของเวียดนาม เมืองลาเมืองแถงหรือเดียนเบียนฟู ทางตอนใต้ของมณฑลยูนนานประเทศจีนตอนเหนือของประเทศลาวและประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2335 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เจ้านันทเสน เจ้าเมืองเวียงจันทน์ ยกทัพไปตีเมืองแถงและเมืองพวน ได้กวาดต้อนชาวไทดำมายังกรุงเทพฯ เพื่อเป็นบรรณาการ ชาวไทยดำครั้งนั้นได้ไปสมทบอยู่ที่เมืองเพชรบุรีซึ่งมีชาวไทยดำอยู่แล้วตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (หน้า 147-148)

Settlement Pattern

ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน ชาวไทยทรงดำจะอาศัยอยู่ในหลากหลายพื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรี เช่น อำเภอเมือง ที่บ้านของพระเวียง คอยสะพานยี่หน ตำบลวังตะโก หนองปลิงและทุ่งเฟื้อ ส่วนชาวไทยทรงดำอำเภอบ้านแหลม อยู่ที่ตำบลบางครก อำเภอบ้านลาด อยู่ที่บ้านบางกรวย ตำบลห้วยข้อง บ้านน้องสน ขณะที่อำเภอท่ายางอยู่ที่บ้านท่าคอยแม่ประจัน ท่าโล้ เขากระจิว ชาวไทยทรงดำที่อำเภอหนองหญ้าปล้องมีมากที่ตำบลหนองหญ้าปล้อง บ้านจะโปรง บ้านหนองไผ่ บ้านตะคร้อและบ้านสามเรือน แต่พื้นที่ที่มีประชากรไทยทรงดำอาศัยอยู่มากที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี คืออำเภอเขาย้อย มีไทยทรงดำอยู่ร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 20 เป็นชาวไทยภาคกลางและชาวไทยภาคอีสานที่ย้ายถิ่นเข้ามาทำงาน (หน้า 34)
วิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่เกิดจนตาย ล้วนมีประเพณีที่สำคัญเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเพณีการแต่งงาน ชาวไทยทรงดำนิยมแต่งงานกันระหว่างบุคคลในกลุ่มของตน และภายนอกกลุ่ม มีข้อห้ามแต่งระหว่างสมาชิกในครอบครัว หรืออยู่ในผีเดียวกัน  ด้านที่อยู่อาศัย บ้านจะเรียกว่า “เฮือนลาว” หลังใหญ่ มีหน้าจั่ว มีโอ่งน้ำ ชิงช้า ระเบียงหน้า-หลังบ้าน ที่สำคัญต้องมี ห้องสำหรับผีบรรพบุรุษ เรียกว่า กะล้อห่อง (หน้า 39)

Demography

จำนวนประชากรอำเภอเขาย้อย แบ่งการปกครองออกเป็น 10 ตำบล 57 หมู่บ้าน รวมจำนวนประชากร ในปีพุทธศักราช 2554 คือ 37,976 คน ในแต่ละตำบลจะมีประชากรชาวไทยทรงดำมากน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ตำบลเขาย้อยมีชาวไทยทรงดำเป็นจำนวนมากที่สุด บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลหนองชุมพล มีไทยทรงดำหนาแน่น บริเวณบ้านเนินบ้านหนองโพธิ์ บ้านหนองดู่ ตำบลทับข้าง เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 70 ของสัดส่วนประชากรทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 20 เป็นชาวไทยภาคกลางและชาวไทยอีสานที่ย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (หน้า 34-35)

Economy

อาชีพของชาวไทยทรงดำ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ซึ่งคุ้นเคยมาตั้งแต่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ยังคงมีการทำนา โดยใช้แรงงานภายในครัวเรือน ในส่วนของการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าว ยังมีการจ้างแรงงาน นอกครัวเรือน นำเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาใช้ นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนแรงงานแบบดั้งเดิมที่เรียกว่าการลงแขก (หน้า 149) อาชีพทำสวนตาลโตนด เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ นำมาสร้างจานชาม ตราผลไม้ เชิงเทียน ต้นตาลนำมาผลิตเป็นขนมหวาน งานหัตถกรรมจักสาน น้ำตาลก้อน (หน้า 149) อาชีพรับจ้าง ตามโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากอำเภอเขาย้อยอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม จึงทำให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเขต 3 มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (หน้า 149-150)
มีการผลิตสินค้า เพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว เป็นของที่ระลึก มีการแสดงจากชาวไทยทรงดำ ให้กับนักท่องเที่ยว การสร้างโฮมสเตย์ นำภูมิปัญญาและประเพณี เช่น ประเพณีการเล่นอิ่นกอนฟ้อนแค้น (หน้า 149 - 150) จากเดิมชาวไทยทรงดำ เคยสวมเสื้อผ้าเฉพาะสีดำและสีคำอย่างเดียวเท่านั้นต่อมาเมื่อมีการประกอบอาชีพผลิตเสื้อผ้า ได้เน้นเรื่องความหลากหลาย ในเรื่องในเรื่องของลวดลายและสีสันเพิ่มมากขึ้น โดยพยายามสร้างเอกลักษณ์ให้กับกลุ่มตน เช่น ผ้าซิ่นลายแตงโม เป็นต้น (หน้า 110) โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2544 มีการประชาสัมพันธ์ ว่าไม่ก่อให้เกิดหนี้สินให้ชุมชนชาวไทยทรงดำสามารถผลิตสินค้าภายในชุมชนได้ดีโดยเฉพาะ (หน้า 81)
การแข่งขันด้านเกียรติประวัติของกลุ่มอาชีพ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ช่วยให้เกิดการตัดสินใจของผู้บริโภค การแข่งขันด้านการกำหนดราคาสินค้ากลุ่มอาชีพจะเป็นผู้กำหนดราคาเอง มีการคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและค่าแรง ตามความยากง่ายของผลิตภัณฑ์(หน้า 106) การแต่งกาย ต่อมาช่วงปี 2554 รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมให้สวมใส่เครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทยมาเรียนและทำงาน ทำให้ครูบาอาจารย์สั่งตัดเสื้อไทยทรงดำเป็นจำนวนมาก โรงแรมสถานบริการท่องเที่ยวได้สั่งตัดเสื้อ เพื่อสร้างความดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยว มากกว่าการแต่งกายแบบธรรมดาทั่วไป ส่งผลให้เศรษฐกิจของชุมชนไทยทรงดำดีขึ้น (หน้า 85) เกิดปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน  เมื่อมีการตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำที่ตำบลเขาย้อย มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นด้วยทั้งในแง่มุมของการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และในแง่ของการเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้มีการคัดเลือกบุคคลเข้าไปทำงานในศูนย์วัฒนธรรม แม้กระทั่งการคัดเลือกบ้านพักแบบโฮมสเตย์ให้กับนักท่องเที่ยวสัญญาณ ก็ไม่มีการจัดสรรกติกาในการเรียงลำดับก่อนหลังอย่างชัดเจน ทำให้ผลประโยชน์อยู่ในวงจำกัด (หน้า 69-72)

Social Organization

ในอดีตชาวไทยทรงดำมีการอพยพอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุผลด้านสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะแก่การดำรงชีพ กระทั่งได้มีการอพยพมาอยู่ที่อำเภอเขาย้อยในปัจจุบัน เพราะพื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตร ภายหลังลักษณะสังคมจึงค่อยๆ ถูกเปลี่ยนผ่าน นายทุนเข้ามาขยายกิจการและเล็งเห็นว่าอำเภอเขาย้อยตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมอันเป็นเส้นทางไปสู่ภาคใต้และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทำให้อำเภอเขาย้อยได้รับประกาศเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเขตที่ 3 ในลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม จึงทำให้ที่ดินทั้งริมถนนเพชรเกษมและบริเวณที่เป็นนาไร่เดิม ถูกซื้อขายปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาวไทยทรงดำมักถือครองที่ดินในบริเวณห่างไกลไปจากชุมชนมากกว่าคนไทยทั่วไป (หน้า 37)
ในอีกลักษณะหนึ่งก็เป็นสังคมประชาธิปไตยเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงทำให้ชาวไทยทรงดำได้รับการยอมรับและภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง(หน้า 114)

Political Organization

ระบบการเมืองการปกครองของชาวไทยทรงดำเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องผีและวิญญาณบรรพบุรุษ มีการแบ่งชนชั้นทางสังคม ออกเป็นชนชั้นผู้น้อยและชนชั้นผู้ต้าว ซึ่งแต่ละชนชั้นจะมีการประกอบพิธีกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อชาวไทดำอพยพลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ที่ อำเภอเขาย้อย ทำให้ความเข้มข้นเรื่องระบบชนชั้นลดลง เพราะอยู่ในฐานะของพลเมืองชั้นสองของสังคมไทย (หน้า 25)

Belief System

วิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่เกิดจนตาย ล้วนมีประเพณีที่สำคัญเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น เช่น ประเพณีการเกิด พิธีเซ่นผีเรือน โดยมีหมอขวัญเป็นผู้ประกอบพิธีฆ่าไก่เพื่อบูชาวิญญาณผีตายทั้งกลม ไม่ให้มารบกวนในขณะคลอด ขณะที่พิธีเสนเรือน เป็นพิธีเซ่นไหว้ผีเรือนอันเป็นวิญญาณบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว นิยมปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปีละ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความพร้อมและฐานะของแต่ละครอบครัว (หน้า 39-40)
จากเดิมชาวไทยทรงดำนับถือผีและศาสนาพุทธต่อมาที่คริสต์ศาสนาได้เข้ามา ทำให้เกิดความกลัว อาทิ กลัวว่าพญาแถง วิญญาณบรรพบุรุษ จะลงโทษ กลัวว่าสมาชิกในครอบครัวจะตัดญาติขาดมิตร กลัวว่าสังคมไทยทรงดำจะไม่ยอมรับ (หน้า 91-92) การเปลี่ยนศาสนาของชาวไทยทรงดำ เป็นในระดับปัจเจกบุคคลมากกว่าระดับครอบครัว ส่วนใหญ่ยังมีสมาชิกในครอบครัวสืบทอดผีของตระกูล หากในบางครอบครัวหัวหน้าครอบครัวได้เปลี่ยนศาสนา มีการยกหิ้งผีบรรพบุรุษออกจากเรือน มักจะเกิดปัญหาภายในครัวเรือน (หน้า 92)

Education and Socialization

ก่อนพ. ศ. 2475 รัฐไทยได้อนุญาตให้คณะมิชชันนารี สามารถเผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ในด้านศาสนาและความเชื่อ (หน้า 113) หลัง พ. ศ. 2475 มีการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 หมวด 9 มาตรา 289 กำหนดให้งานวัฒนธรรม เป็นหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอัตลักษณ์ด้านที่อยู่อาศัยและการประกอบพิธีกรรม(หน้า 113)
พระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ. 2542 มีการเน้นการศึกษาวัฒนธรรมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านการถ่ายทอด ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์  OTOP ช่วง พ.ศ. 2544 ถึงพ.ศ. 2549 นอกจากนี้ ยังมีการใช้นโยบายรณรงค์ใช้ผ้าไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งชาวไทยทรงดำยอมรับในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากกว่าต่อต้าน (หน้า 114) พ.ร.บ.การศึกษาพุทธศักราช 2542 หมวด 4 มาตรา 27 ได้มีการบูรณาการสาระความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนเปิดเป็นหลักสูตรท้องถิ่นไทยทรงดำ ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านเป็นตัวแปรหลักในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จากในอดีตที่หลักสูตรการเรียนการสอนแบบเรียน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและชุมชน (หน้า 77-78) ทั้งยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับครอบครัว
อัตลักษณ์ด้านการศึกษา สามารถจำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ลักษณะแรก สื่อการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งผู้สอนเป็นชาวบ้านแล้วผู้เรียนเป็นชาวบ้าน แบบนี้จะมีการอธิบายพื้นฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เน้นการปฏิบัติงานจริง ลักษณะที่สอง เป็นการถ่ายทอดความรู้ที่เป็นวิทยากรจากภายนอก ส่วนใหญ่เป็นจากภาครัฐผู้เรียนเป็นคนในชุมชน จะมีลักษณะเป็นทางการมากกว่ารูปแบบแรก เน้นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติมีลำดับขั้นตอน (หน้า 82)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การปักลายเสื้อฮี ปัจจุบันมีการสอนหลักสูตรปักลายเสื้อ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทุกวันพุธ ที่โรงเรียนคีรีวงศ์ โรงเรียนเขาย้อยวิทยา (หน้า 65)

Folklore

คติชนของชาวไททรงดำ อาทิ คำกล่อมเด็ก รำยองเย้ย แต้มสะดือ เล่นอึ่งอ่าง ให้เด็กนั่งบนหลังเท้าแล้วโยกไปโยกมา เด็กก็กลับไปเล่นกับน้องที่บ้าน โดยมีการใช้ภาษาไทดำ เพื่อสื่อเรื่องราว โดยครูที่โรงเรียนในอำเภอเขาย้อย (สัมภาษณ์ถนอม คงยิ้มละมัย) (หน้า 78)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

มีการแต่งกายเสื้อผ้าไทยทรงดำแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองกับกลไกของตลาด ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มไทยทรงดำทั้งสองกลุ่ม ต้องการอนุรักษ์ส่งเสริมวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้กับรูปแบบหลังที่ต้องการตอบสนองผู้บริโภค โดยทั่วไปมากกว่า (หน้า 109 – 110) ในอดีตชาวไทยทรงดำแต่งกาย เพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวัน เน้นความทนทาน เช่น หากไปทำไร่ ทำนา ไม่จำเป็นต้องมีความประณีต ไม่มีการกำหนดราคา เพราะตัดเย็บกันภายในครัวเรือน (หน้า 109) ชาวไทยทรงดำแบบเดิม จะใส่เสื้อผ้าเฉพาะสีดำและสีครามอย่างเดียว ขณะที่คนรุ่นหลังมีการประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า มีการแข่งขันกัน เพื่อผลิตสินค้าทำให้เกิดความแตกต่าง หลากหลาย ในเรื่องของลวดลายและสีสันที่เพิ่มมากขึ้น (หน้า 110) การแต่งกายเสื้อเป็นคอตั้งแขนยาวตรงสะโพกประมาณอก มีการติดกระดุมจำนวนมากแสดงถึงความละเอียดรอบคอบ ผู้ชายไทยทรงดำนิยมผ้าขาวม้าพาดบ่าหรือโพกศีรษะ มักนิยมสีดำหรือสีครามพื้นมักเป็นสีขาวไม่นิยมพื้นสีดำ การแต่งกายของผู้หญิงไทยทรงดำ ผ้าสไบต้องใช้เป็นประจำ สำหรับคล้องคอเวลาพูดคุยกับชายหนุ่ม นุ่งผ้าตาหมีเอาไว้ใช้ในพิธีเสนหรือส่งข้าวของไปให้ผีสวมใส่ผ้าซิ่นกับเสื้อฮี (หน้า 152 – 153)
อัตลักษณ์ในการเรียกชื่อภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ พบว่ามีการถกเถียงให้ชาวไทยดำทั่วประเทศยกเลิกคำเรียกว่าลาวหรือลาวโซ่ง ซึ่งเป็นคำที่คนไทยสยามเรียกกลุ่มชนดังกล่าว ผู้คนในชุมชนต้องการให้เรียกว่าไทดำ เช่นคนไทยดำที่เวียดนามตอนเหนือในอดีตจนถึงปัจจุบันเรียกกัน (หน้า 95-96)

Social Cultural and Identity Change

ประเพณีและพิธีกรรมชาวไทยทรงดำเป็นแบบผสมวิธีตามแบบพุทธศาสนาเข้ามาปะปนกับความเชื่อแบบนับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษและสิ่งเหนือธรรมชาติ (หน้า 160) เช่น พิธีเสนแก้เคราะห์เรือน เป็นการเสน ในกรณีขึ้นบ้านใหม่ หรือมีคนตาย ต้องรอให้ครบ 3ปี ก่อนจะทำการเสนจะนำหมูไปฆ่าในห้องวิญญาณบรรพบุรุษ โดยใช้วิธีทุบห้ามให้เลือดหมูตกถึงพื้น (หน้า 160) ประเพณีศพ เมื่อมีคนตายจะมีการยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วหยุดทำงานจนกว่าจะเสร็จพิธีฝังศพ หากเป็นศพเด็ก จะฝังศพให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว ไม่มีพิธีกรรม หากเป็นวัยหนุ่มสาว เสียชีวิตในเวลากลางคืน รุ่งขึ้นจะต้องฆ่าหมูหรือวัว ควาย 1 ตัว แล้วนำศพไปฝัง ในตอนเย็น หากผู้ตายอยู่ในวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุจะมีการประกอบพิธีกรรม 1-2 วัน จากนั้นมีการเชิญวิญญาณของผู้ตายไปยังห้องวิญญาณบรรพบุรุษ (หน้า157) พิธีเสนเต็ง เป็นพิธีเสน ขอขมาความผิดของผีเรือน ต่อแถนเพื่อไม่ให้ผีเรือนมาทำร้ายลูกหลาน เป็นการถ่ายถอนวิญญาณจากแถน (หน้า 159) พิธีเสนเกือด เป็นการฆ่าแม่ซื้อของทารกแรกเกิด  เพราะเชื่อว่าเด็กแรกเกิดจะมีวิญญาณติดตามมาด้วย และจะเอาชีวิตของเด็กคืนไป จึงต้องทำพิธีฆ่าแม่ซื้อ (หน้า 159-160) พิธีเสนเรือน เป็นพิธีเซ่นไหว้ผีเรือน หรือผีหรือวิญญาณบรรพบุรุษ ปฏิบัติเป็นประจำทุกปี 2-3ครั้ง ในครอบครัวจะต้องมีห้องสำหรับบูชาวิญญาณบรรพบุรุษ กะล้อห่อง มีหมอเสน เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม ประกอบด้วยผู้สืบสายโลหิตและญาติที่มาจากการแต่งงาน มีสุรา หมูและอาหารคาวหวาน (หน้า 158) พิธีเสนตังบังหน่อ เป็นการเสนขอบคุณผีมด พ่อมด แม่มด หมอมด หมอบ้านหมอเมืองประกอบพิธีในการเซ่นไหว้ (หน้า 158) พิธีเสนโต๋ เพื่อเรียกขวัญทำได้ทั้งช่วงที่เจ็บป่วยและร่างกายเป็นปกตินิยมทำช่วง 3อายุขัยได้แต่ช่วง 60ปี 70ปีและ 80ปีขึ้นไป เป็นพิธีที่เกี่ยวข้องกับการปลูกกล้วย (หน้า 159)

Critic Issues

การศึกษาชนกลุ่มน้อย ซึ่งชนกลุ่มใหญ่ในที่นี้ คือชาวไทย ชนกลุ่มใหญ่ที่มีคือคนไทยปกครองชนกลุ่มน้อยคือไทยทรงดำ ช่วงก่อนพุทธศักราช 2475 ด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  ใช้วัฒนธรรมแบบรวมศูนย์พยายามผสมกลืนกลาย มีรูปแบบการดำรงชีวิตเหมือนกับกลุ่มชาติพันธุ์หลัก มาสู่การบูรณาการผสมผสาน ผังการปกครองแบบพหุนิยม ซึ่งมีการยอมรับในความหลากหลายที่มากขึ้น (หน้า 118) แม้เคยมีการปกปิดเรื่องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยทรงดำ แต่ปัจจุบันมีความพยายามที่จะเปิดเผยวัฒนธรรมไทยทรงดำ ให้เกิดคุณค่าแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อเสริมสร้างรายได้ ซึ่งทำให้เกิดความบิดเบือนของวัฒนธรรมไทยทรงดำแบบดั้งเดิม (หน้า 119) นโยบายของรัฐไทยที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี แสดงให้เห็นว่าการเมืองการปกครอง เป็นหนึ่งในเหตุปัจจัยที่ทำให้สังคมและวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำ เกิดการเปลี่ยนแปลง (หน้า 114)

Map/Illustration

ภาพ
- ภาพที่ 1 แผนที่จังหวัดเพชรบุรี (หน้า 161)
- ภาพที่ 2 แผนที่อำเภอเขาย้อย (หน้า 161)
- ภาพที่ 3 แผนที่ชุมชนไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 4 การแต่งกายของชายไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 5 การเกล้าผมของชาวไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 6  ที่อยู่อาศัยของไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 7 อาจารย์ถนอม คงยิ้มละมัย (หน้า 162)
- ภาพที่ 8 พิพิธภัณฑ์ไทยทรงดำปานถนอม (หน้า 162)
- ภาพที่ 9 ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำบ้านวัง (หน้า 162)
- ภาพที่ 10 เรือนจำลองในศูนย์วัฒนธรรมฯ (หน้า 162)
- ภาพที่ 11 โฮมสเตย์ในศูนย์วัฒนธรรมฯ (หน้า 162)
- ภาพที่ 12 เวทีการแสดงออกในศูนย์วัฒนธรรม (หน้า 162)
- ภาพที่ 13 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านหนองจิก (หน้า 163)
- ภาพที่ 14 ศูนย์การเรียนรู้งานกลึงไม้ตาล (หน้า 163)
- ภาพที่ 15 งานประเพณีไทยทรงดำ (หน้า 163)
- ภาพที่ 16 ไทยทรงดำคริสต์อำเภอเขาย้อย (หน้า 163)
- ภาพที่ 17 คริสตจักรหนองปรง อำเภอเขาย้อย (หน้า 163)
- ภาพที่ 18  อนุชนไทยทรงดำคริสต์ (หน้า 163)
- ภาพที่ 19 เครื่องจักสานพลาสติกไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 20 เครื่องจักสานไม้ไผ่ไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 21 กลุ่มกลึงไม้ตาลไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 22กลุ่มต่อเรือจำลองไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 23 เครื่องแต่งกายไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 24 การทอผ้าของชาวไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 25 ป้ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (หน้า 165)
- ภาพที่ 26 แผ่นพับโฮมสเตย์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 27 ตราสินค้าผลิตภัณฑ์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที 28 ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑืไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 29 ซองโทรศัพท์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 30 ศูนย์เรียนรู้ไทยทรงดำในสถานศึกษา (หน้า 165)
แผนที่
- แผนที่จังหวัดเพชรบุรี (หน้า 33)
- แผนที่อำเภอเขาย้อย (หน้า 34)
- แผนที่ชุมชนในอำเภอเขาย้อย (หน้า 35)

Text Analyst กนกวรรณ มีพรหม Date of Report 01 ต.ค. 2564
TAG ไทยทรงดำ, อัตลักษณ์, ชาติพันธุ์, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง