|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยทรงดำ, อัตลักษณ์, ชาติพันธุ์ |
Author |
เกรียงไกร ฮ่องเฮงเส็ง |
Title |
การเมืองเรื่องชาติพันธุ์และอัตลักษณ์ของไทยทรงดำ ศึกษากรณี อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
166 |
Year |
2554 |
Source |
สังคมวิทยามหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยา ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐกับอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นงานวิจัยที่มีกระบวนการศึกษาทั้งจากเอกสารและการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก โดยการลงพื้นที่ภาคสนามแบ่งเป็นการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่าเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างชนกลุ่มใหญ่และชนกลุ่มน้อย ซึ่งชนกลุ่มใหญ่ในที่นี้คือชาวไทยที่ปกครองชนกลุ่มน้อยคือไทยทรงดำ นโยบายทางการเมืองของภาครัฐ ก่อนพุทธศักราช 2475 และหลังพุทธศักราช 2475 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ทั้งในลักษณะของความยินยอมและถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม ส่วนการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย พบปรากฏการณ์ช่วงชิงนิยามความหมายของการเป็นไทยทรงดำแท้ เพราะอัตลักษณ์ของไทยทรงดำในปัจจุบันเริ่มถูกกลืนกลาย ชาวไทยทรงดำจึงพยายามหาจุดยืนของกลุ่มชาติพันธ์ตนเองผ่านการแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ |
|
Focus |
มุ่งศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาสองเรื่อง กล่าวคือ เป็นเรื่องการแข่งขันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งรัฐเป็นอำนาจจากภายนอกที่กำหนดความเป็นชาติพันธุ์ โดยมีการตอบสนองต่อนโยบายรัฐทั้งในลักษณะการต่อต้านและยอมรับ วัตถุประสงค์ที่สอง เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ภายใน เป็นเรื่องของการแข่งขันทางการเมืองภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ในการกำหนดความหมายสัญลักษณ์ภาษา เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย วิถีชีวิต ฯลฯ ที่มีผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยจากการใช้นโยบายรัฐ เพื่อควบคุมความเป็นกลุ่มชนในสังคม ซึ่งทั้งสองวัตถุประสงค์มีความสัมพันธ์กัน |
|
Theoretical Issues |
เป็นการวิจัยเชิงมนุษยวิทยา ศึกษาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ และศึกษาการแข่งขันทางอัตลักษณ์ในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสาร (documentary research) เพื่อศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎีและเนื้อหาสาระเกี่ยวกับไทยทรงดำ ทั้งจากหนังสือวิทยานิพนธ์ บทความวิชาการ และรายงานการวิจัยเรื่องไทยทรงดำ และใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติมีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกลงพื้นที่ สังเกตการณ์ในภาคสนาม (หน้า 28)
จากการทบทวนเกี่ยวกับแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่ระบุว่า สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงมาจากการอพยพย้ายถิ่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การประดิษฐ์คิดค้น ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ฯลฯ ทั้งนี้รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการสำคัญสองประการ กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชนชั้นในสังคมจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม และอธิบายจากโครงสร้างหน้าที่ ซึ่งเชื่อว่าสังคมเป็นระบบที่มีหลายภาคส่วนทำหน้าที่สัมพันธ์กัน หากส่วนใดส่วนหนึ่งทำหน้าที่บกพร่อง ย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมได้ในที่สุด โดยสามารถนำมาวิเคราะห์การใช้นโยบายรัฐต่อกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำตามหลักโครงสร้างหน้าที่ ซึ่งรัฐไทยมีหน้าที่ใช้อำนาจควบคุมชาวไทยทรงดำให้อยู่อย่างเป็นระบบระเบียบ ขณะที่การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำสามารถอธิบายได้ด้วยหลัก ความขัดแย้ง อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางความคิด เกี่ยวกับจุดยืนทางอัตลักษณ์ของไทยทรงดำที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ส่วนหลักวิวัฒนาการ สามารถอธิบายอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาทิ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่อยู่อาศัย
เมื่อนำทฤษฎารเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม มาใช้วิเคราะห์ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างการเมืองของรัฐกับอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จะเห็นได้ว่า นโยบายของรัฐก่อนและหลังปี 2475 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมไทยทรงดำ ทั้งวัฒนธรรมที่เป็นวัตถุ เช่น โครงการ OTOPพ.ศ.2544-2549 ที่ทำให้วัตถุทางวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นวัฒนธรรมประดิษฐ์เพื่อกลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่วัตถุ เช่น นโยบายอนุญาตมิชชันนารีเผยแผ่คริสต์ศาสนา พ.ศ. 2405 ได้ทำให้วัฒนธรรมด้านศาสนาและความเชื่อจากเดิมที่เคยยึดมั่นศรัทธาอยู่กับผีละวิญญาณบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน ได้เกิดไทยทรงดำคริสต์ในอำเภอเขาย้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
การนำเสนออัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ภายใต้บริบทของนโยบายทางการเมืองในแต่ละยุคสมัยมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการปะทะและปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง การปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์เป็นไปเพื่อความอยู่รอดเป็นสำคัญ ดังนั้น ความเป็นไทยทรงดำจึงมีการรื้อประกอบสร้างอยู่ตลอดเวลา ภายใต้บริบทของนโยบายทางการเมืองโดยรัฐ เป็นอำนาจภายนอกที่กำหนดความเป็นชาติพันธุ์ โดยพฤติกรรมตอบสนองต่อนโยบายรัฐมีทั้งที่เกิดการต่อต้านและยอมรับ เป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่การอธิบาย อัตลักษณ์ภายใน ซึ่งเป็นเรื่องของการแข่งขันทางการเมืองภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ
การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำอำเภอเขาย้อยเป็นปรากฏการณ์ช่วงชิงนิยามความหมายของการเป็นไทยทรงดำแท้ เพราะอัตลักษณ์ของไทยทรงดำในปัจจุบันเริ่มถูกกลืนกลาย ชาวไทยทรงดำจึงพยายามหาจุดยืนของกลุ่มชาติพันธุ์ตนเอง ผ่านการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ แบ่งเป็นการแข่งขันทางอัตลักษณด้านศาสนาและความเชื่อ ด้านการเรียกชื่อ ด้านงานประเพณี ด้านการประกอบอาชีพ และด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
ทั้งนี้ การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ สามารถอธิบายได้ด้วยแนวคิดของฮีวีเรทท์ อี เฮเกน (Everett E. Hagen) ที่ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจากสังคมดั้งเดิมไปสู่สังคมสมัยใหม่ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ โดยคนในสังคมดั้งเดิมจะถูกกำหนดอัตลักษณ์ ด้วยกระบวนการขัดเกลาทางสังคมอย่างปราศจากการคิดวิเคราะห์ เช่น ไทยทรงดำต้องนับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษเพียงอย่างเดียว แต่คนสมัยใหม่จะปฏิสังสรรค์กับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากการรับข้อมูลข่าวสาร การศึกษา จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย สำนึกทางชาติพันธุ์ เมื่อกระบวนทัศน์ของสมาชิกในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างกันจึงนำไปสู่การแข่งขัน ต่อรอง ถึงจุดยืนอัตลักษณ์ที่จะดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ การแข่งขันทางอัตลักษณ์ภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ยังสอบรับกับแนวคิดเรื่อง อัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ของFredrik Barth ที่มองว่าอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไม่จำเป็นต้องมีความแน่นอนตายตัว หากสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ซึ่งอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของไทยทรงดำ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายรัฐที่ออกมาบังคับใช้ เช่น นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ นโยบายรณรงค์ใช้ผ้าไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวไทยทรงดำ อาศัยอย่างกระจัดกระจายในหลายจังหวัดของประเทศไทย ทั้งเพชรบุรี พิษณุโลกนครสวรรค์ ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ชุมพรและนครปฐม ชาวไทยทรงดำส่วนใหญ่นับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษ ต่อมาเริ่มหันมานับถือศาสนาพุทธ เกิดการผสมผสานกันมากขึ้น เป็นพุทธผสมผี (หน้า 26) อพยพเข้ามาด้วยภัยสงครามและการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกับชาวไทดำที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศลาว และทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม (หน้า 25) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ใช้ระยะเวลาในการศึกษาวิจัยเป็นเวลา 1ปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 โดยสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม ในอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2553 เพื่อศึกษาบริบทชุมชน และสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ด้วยการอบรมเย็บปักลวดลายบนเสื้อผ้าไทยทรงดำกับกลุ่มแม่บ้านตำบลเขาย้อย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาย้อย เป็นระยะเวลา 2เดือน ตั้งแต่มกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 หลังจากนั้นจึงเก็บรวบรวมข้อมูลชุมชนไทยทรงดำในแต่ละตำบลของอำเภอเขาย้อย เป็นระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่มกราคม - พฤศจิกายน 2554 (หน้า 4) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติความเป็นมาของชาวไทยทรงดำอำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรีไทยดำอยู่ในตระกูลภาษาไท - กะได ตั้งติดตั้งถิ่นฐานทางตอนตกตอนเหนือของเวียดนาม เมืองลาเมืองแถงหรือเดียนเบียนฟู ทางตอนใต้ของมณฑลยูนนานประเทศจีนตอนเหนือของประเทศลาวและประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2335 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เจ้านันทเสน เจ้าเมืองเวียงจันทน์ ยกทัพไปตีเมืองแถงและเมืองพวน ได้กวาดต้อนชาวไทดำมายังกรุงเทพฯ เพื่อเป็นบรรณาการ ชาวไทยดำครั้งนั้นได้ไปสมทบอยู่ที่เมืองเพชรบุรีซึ่งมีชาวไทยดำอยู่แล้วตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (หน้า 147-148) |
|
Settlement Pattern |
ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน ชาวไทยทรงดำจะอาศัยอยู่ในหลากหลายพื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรี เช่น อำเภอเมือง ที่บ้านของพระเวียง คอยสะพานยี่หน ตำบลวังตะโก หนองปลิงและทุ่งเฟื้อ ส่วนชาวไทยทรงดำอำเภอบ้านแหลม อยู่ที่ตำบลบางครก อำเภอบ้านลาด อยู่ที่บ้านบางกรวย ตำบลห้วยข้อง บ้านน้องสน ขณะที่อำเภอท่ายางอยู่ที่บ้านท่าคอยแม่ประจัน ท่าโล้ เขากระจิว ชาวไทยทรงดำที่อำเภอหนองหญ้าปล้องมีมากที่ตำบลหนองหญ้าปล้อง บ้านจะโปรง บ้านหนองไผ่ บ้านตะคร้อและบ้านสามเรือน แต่พื้นที่ที่มีประชากรไทยทรงดำอาศัยอยู่มากที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี คืออำเภอเขาย้อย มีไทยทรงดำอยู่ร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 20 เป็นชาวไทยภาคกลางและชาวไทยภาคอีสานที่ย้ายถิ่นเข้ามาทำงาน (หน้า 34)
วิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่เกิดจนตาย ล้วนมีประเพณีที่สำคัญเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเพณีการแต่งงาน ชาวไทยทรงดำนิยมแต่งงานกันระหว่างบุคคลในกลุ่มของตน และภายนอกกลุ่ม มีข้อห้ามแต่งระหว่างสมาชิกในครอบครัว หรืออยู่ในผีเดียวกัน ด้านที่อยู่อาศัย บ้านจะเรียกว่า “เฮือนลาว” หลังใหญ่ มีหน้าจั่ว มีโอ่งน้ำ ชิงช้า ระเบียงหน้า-หลังบ้าน ที่สำคัญต้องมี ห้องสำหรับผีบรรพบุรุษ เรียกว่า กะล้อห่อง (หน้า 39) |
|
Demography |
จำนวนประชากรอำเภอเขาย้อย แบ่งการปกครองออกเป็น 10 ตำบล 57 หมู่บ้าน รวมจำนวนประชากร ในปีพุทธศักราช 2554 คือ 37,976 คน ในแต่ละตำบลจะมีประชากรชาวไทยทรงดำมากน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ตำบลเขาย้อยมีชาวไทยทรงดำเป็นจำนวนมากที่สุด บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลหนองชุมพล มีไทยทรงดำหนาแน่น บริเวณบ้านเนินบ้านหนองโพธิ์ บ้านหนองดู่ ตำบลทับข้าง เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 70 ของสัดส่วนประชากรทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 20 เป็นชาวไทยภาคกลางและชาวไทยอีสานที่ย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (หน้า 34-35) |
|
Economy |
อาชีพของชาวไทยทรงดำ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ซึ่งคุ้นเคยมาตั้งแต่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ยังคงมีการทำนา โดยใช้แรงงานภายในครัวเรือน ในส่วนของการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าว ยังมีการจ้างแรงงาน นอกครัวเรือน นำเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาใช้ นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนแรงงานแบบดั้งเดิมที่เรียกว่าการลงแขก (หน้า 149) อาชีพทำสวนตาลโตนด เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ นำมาสร้างจานชาม ตราผลไม้ เชิงเทียน ต้นตาลนำมาผลิตเป็นขนมหวาน งานหัตถกรรมจักสาน น้ำตาลก้อน (หน้า 149) อาชีพรับจ้าง ตามโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากอำเภอเขาย้อยอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม จึงทำให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเขต 3 มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (หน้า 149-150)
มีการผลิตสินค้า เพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว เป็นของที่ระลึก มีการแสดงจากชาวไทยทรงดำ ให้กับนักท่องเที่ยว การสร้างโฮมสเตย์ นำภูมิปัญญาและประเพณี เช่น ประเพณีการเล่นอิ่นกอนฟ้อนแค้น (หน้า 149 - 150) จากเดิมชาวไทยทรงดำ เคยสวมเสื้อผ้าเฉพาะสีดำและสีคำอย่างเดียวเท่านั้นต่อมาเมื่อมีการประกอบอาชีพผลิตเสื้อผ้า ได้เน้นเรื่องความหลากหลาย ในเรื่องในเรื่องของลวดลายและสีสันเพิ่มมากขึ้น โดยพยายามสร้างเอกลักษณ์ให้กับกลุ่มตน เช่น ผ้าซิ่นลายแตงโม เป็นต้น (หน้า 110) โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2544 มีการประชาสัมพันธ์ ว่าไม่ก่อให้เกิดหนี้สินให้ชุมชนชาวไทยทรงดำสามารถผลิตสินค้าภายในชุมชนได้ดีโดยเฉพาะ (หน้า 81)
การแข่งขันด้านเกียรติประวัติของกลุ่มอาชีพ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ช่วยให้เกิดการตัดสินใจของผู้บริโภค การแข่งขันด้านการกำหนดราคาสินค้ากลุ่มอาชีพจะเป็นผู้กำหนดราคาเอง มีการคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและค่าแรง ตามความยากง่ายของผลิตภัณฑ์(หน้า 106) การแต่งกาย ต่อมาช่วงปี 2554 รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมให้สวมใส่เครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทยมาเรียนและทำงาน ทำให้ครูบาอาจารย์สั่งตัดเสื้อไทยทรงดำเป็นจำนวนมาก โรงแรมสถานบริการท่องเที่ยวได้สั่งตัดเสื้อ เพื่อสร้างความดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยว มากกว่าการแต่งกายแบบธรรมดาทั่วไป ส่งผลให้เศรษฐกิจของชุมชนไทยทรงดำดีขึ้น (หน้า 85) เกิดปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน เมื่อมีการตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำที่ตำบลเขาย้อย มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นด้วยทั้งในแง่มุมของการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และในแง่ของการเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้มีการคัดเลือกบุคคลเข้าไปทำงานในศูนย์วัฒนธรรม แม้กระทั่งการคัดเลือกบ้านพักแบบโฮมสเตย์ให้กับนักท่องเที่ยวสัญญาณ ก็ไม่มีการจัดสรรกติกาในการเรียงลำดับก่อนหลังอย่างชัดเจน ทำให้ผลประโยชน์อยู่ในวงจำกัด (หน้า 69-72) |
|
Social Organization |
ในอดีตชาวไทยทรงดำมีการอพยพอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุผลด้านสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะแก่การดำรงชีพ กระทั่งได้มีการอพยพมาอยู่ที่อำเภอเขาย้อยในปัจจุบัน เพราะพื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตร ภายหลังลักษณะสังคมจึงค่อยๆ ถูกเปลี่ยนผ่าน นายทุนเข้ามาขยายกิจการและเล็งเห็นว่าอำเภอเขาย้อยตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมอันเป็นเส้นทางไปสู่ภาคใต้และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทำให้อำเภอเขาย้อยได้รับประกาศเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเขตที่ 3 ในลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม จึงทำให้ที่ดินทั้งริมถนนเพชรเกษมและบริเวณที่เป็นนาไร่เดิม ถูกซื้อขายปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาวไทยทรงดำมักถือครองที่ดินในบริเวณห่างไกลไปจากชุมชนมากกว่าคนไทยทั่วไป (หน้า 37)
ในอีกลักษณะหนึ่งก็เป็นสังคมประชาธิปไตยเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงทำให้ชาวไทยทรงดำได้รับการยอมรับและภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง(หน้า 114) |
|
Political Organization |
ระบบการเมืองการปกครองของชาวไทยทรงดำเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องผีและวิญญาณบรรพบุรุษ มีการแบ่งชนชั้นทางสังคม ออกเป็นชนชั้นผู้น้อยและชนชั้นผู้ต้าว ซึ่งแต่ละชนชั้นจะมีการประกอบพิธีกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อชาวไทดำอพยพลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ที่ อำเภอเขาย้อย ทำให้ความเข้มข้นเรื่องระบบชนชั้นลดลง เพราะอยู่ในฐานะของพลเมืองชั้นสองของสังคมไทย (หน้า 25) |
|
Belief System |
วิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่เกิดจนตาย ล้วนมีประเพณีที่สำคัญเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น เช่น ประเพณีการเกิด พิธีเซ่นผีเรือน โดยมีหมอขวัญเป็นผู้ประกอบพิธีฆ่าไก่เพื่อบูชาวิญญาณผีตายทั้งกลม ไม่ให้มารบกวนในขณะคลอด ขณะที่พิธีเสนเรือน เป็นพิธีเซ่นไหว้ผีเรือนอันเป็นวิญญาณบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว นิยมปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปีละ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความพร้อมและฐานะของแต่ละครอบครัว (หน้า 39-40)
จากเดิมชาวไทยทรงดำนับถือผีและศาสนาพุทธต่อมาที่คริสต์ศาสนาได้เข้ามา ทำให้เกิดความกลัว อาทิ กลัวว่าพญาแถง วิญญาณบรรพบุรุษ จะลงโทษ กลัวว่าสมาชิกในครอบครัวจะตัดญาติขาดมิตร กลัวว่าสังคมไทยทรงดำจะไม่ยอมรับ (หน้า 91-92) การเปลี่ยนศาสนาของชาวไทยทรงดำ เป็นในระดับปัจเจกบุคคลมากกว่าระดับครอบครัว ส่วนใหญ่ยังมีสมาชิกในครอบครัวสืบทอดผีของตระกูล หากในบางครอบครัวหัวหน้าครอบครัวได้เปลี่ยนศาสนา มีการยกหิ้งผีบรรพบุรุษออกจากเรือน มักจะเกิดปัญหาภายในครัวเรือน (หน้า 92) |
|
Education and Socialization |
ก่อนพ. ศ. 2475 รัฐไทยได้อนุญาตให้คณะมิชชันนารี สามารถเผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ในด้านศาสนาและความเชื่อ (หน้า 113) หลัง พ. ศ. 2475 มีการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 หมวด 9 มาตรา 289 กำหนดให้งานวัฒนธรรม เป็นหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอัตลักษณ์ด้านที่อยู่อาศัยและการประกอบพิธีกรรม(หน้า 113)
พระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ. 2542 มีการเน้นการศึกษาวัฒนธรรมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านการถ่ายทอด ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP ช่วง พ.ศ. 2544 ถึงพ.ศ. 2549 นอกจากนี้ ยังมีการใช้นโยบายรณรงค์ใช้ผ้าไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งชาวไทยทรงดำยอมรับในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากกว่าต่อต้าน (หน้า 114) พ.ร.บ.การศึกษาพุทธศักราช 2542 หมวด 4 มาตรา 27 ได้มีการบูรณาการสาระความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนเปิดเป็นหลักสูตรท้องถิ่นไทยทรงดำ ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านเป็นตัวแปรหลักในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จากในอดีตที่หลักสูตรการเรียนการสอนแบบเรียน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและชุมชน (หน้า 77-78) ทั้งยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับครอบครัว
อัตลักษณ์ด้านการศึกษา สามารถจำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ลักษณะแรก สื่อการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งผู้สอนเป็นชาวบ้านแล้วผู้เรียนเป็นชาวบ้าน แบบนี้จะมีการอธิบายพื้นฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เน้นการปฏิบัติงานจริง ลักษณะที่สอง เป็นการถ่ายทอดความรู้ที่เป็นวิทยากรจากภายนอก ส่วนใหญ่เป็นจากภาครัฐผู้เรียนเป็นคนในชุมชน จะมีลักษณะเป็นทางการมากกว่ารูปแบบแรก เน้นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติมีลำดับขั้นตอน (หน้า 82) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การปักลายเสื้อฮี ปัจจุบันมีการสอนหลักสูตรปักลายเสื้อ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทุกวันพุธ ที่โรงเรียนคีรีวงศ์ โรงเรียนเขาย้อยวิทยา (หน้า 65) |
|
Folklore |
คติชนของชาวไททรงดำ อาทิ คำกล่อมเด็ก รำยองเย้ย แต้มสะดือ เล่นอึ่งอ่าง ให้เด็กนั่งบนหลังเท้าแล้วโยกไปโยกมา เด็กก็กลับไปเล่นกับน้องที่บ้าน โดยมีการใช้ภาษาไทดำ เพื่อสื่อเรื่องราว โดยครูที่โรงเรียนในอำเภอเขาย้อย (สัมภาษณ์ถนอม คงยิ้มละมัย) (หน้า 78) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มีการแต่งกายเสื้อผ้าไทยทรงดำแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองกับกลไกของตลาด ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มไทยทรงดำทั้งสองกลุ่ม ต้องการอนุรักษ์ส่งเสริมวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้กับรูปแบบหลังที่ต้องการตอบสนองผู้บริโภค โดยทั่วไปมากกว่า (หน้า 109 – 110) ในอดีตชาวไทยทรงดำแต่งกาย เพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวัน เน้นความทนทาน เช่น หากไปทำไร่ ทำนา ไม่จำเป็นต้องมีความประณีต ไม่มีการกำหนดราคา เพราะตัดเย็บกันภายในครัวเรือน (หน้า 109) ชาวไทยทรงดำแบบเดิม จะใส่เสื้อผ้าเฉพาะสีดำและสีครามอย่างเดียว ขณะที่คนรุ่นหลังมีการประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า มีการแข่งขันกัน เพื่อผลิตสินค้าทำให้เกิดความแตกต่าง หลากหลาย ในเรื่องของลวดลายและสีสันที่เพิ่มมากขึ้น (หน้า 110) การแต่งกายเสื้อเป็นคอตั้งแขนยาวตรงสะโพกประมาณอก มีการติดกระดุมจำนวนมากแสดงถึงความละเอียดรอบคอบ ผู้ชายไทยทรงดำนิยมผ้าขาวม้าพาดบ่าหรือโพกศีรษะ มักนิยมสีดำหรือสีครามพื้นมักเป็นสีขาวไม่นิยมพื้นสีดำ การแต่งกายของผู้หญิงไทยทรงดำ ผ้าสไบต้องใช้เป็นประจำ สำหรับคล้องคอเวลาพูดคุยกับชายหนุ่ม นุ่งผ้าตาหมีเอาไว้ใช้ในพิธีเสนหรือส่งข้าวของไปให้ผีสวมใส่ผ้าซิ่นกับเสื้อฮี (หน้า 152 – 153)
อัตลักษณ์ในการเรียกชื่อภายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ พบว่ามีการถกเถียงให้ชาวไทยดำทั่วประเทศยกเลิกคำเรียกว่าลาวหรือลาวโซ่ง ซึ่งเป็นคำที่คนไทยสยามเรียกกลุ่มชนดังกล่าว ผู้คนในชุมชนต้องการให้เรียกว่าไทดำ เช่นคนไทยดำที่เวียดนามตอนเหนือในอดีตจนถึงปัจจุบันเรียกกัน (หน้า 95-96) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ประเพณีและพิธีกรรมชาวไทยทรงดำเป็นแบบผสมวิธีตามแบบพุทธศาสนาเข้ามาปะปนกับความเชื่อแบบนับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษและสิ่งเหนือธรรมชาติ (หน้า 160) เช่น พิธีเสนแก้เคราะห์เรือน เป็นการเสน ในกรณีขึ้นบ้านใหม่ หรือมีคนตาย ต้องรอให้ครบ 3ปี ก่อนจะทำการเสนจะนำหมูไปฆ่าในห้องวิญญาณบรรพบุรุษ โดยใช้วิธีทุบห้ามให้เลือดหมูตกถึงพื้น (หน้า 160) ประเพณีศพ เมื่อมีคนตายจะมีการยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วหยุดทำงานจนกว่าจะเสร็จพิธีฝังศพ หากเป็นศพเด็ก จะฝังศพให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว ไม่มีพิธีกรรม หากเป็นวัยหนุ่มสาว เสียชีวิตในเวลากลางคืน รุ่งขึ้นจะต้องฆ่าหมูหรือวัว ควาย 1 ตัว แล้วนำศพไปฝัง ในตอนเย็น หากผู้ตายอยู่ในวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุจะมีการประกอบพิธีกรรม 1-2 วัน จากนั้นมีการเชิญวิญญาณของผู้ตายไปยังห้องวิญญาณบรรพบุรุษ (หน้า157) พิธีเสนเต็ง เป็นพิธีเสน ขอขมาความผิดของผีเรือน ต่อแถนเพื่อไม่ให้ผีเรือนมาทำร้ายลูกหลาน เป็นการถ่ายถอนวิญญาณจากแถน (หน้า 159) พิธีเสนเกือด เป็นการฆ่าแม่ซื้อของทารกแรกเกิด เพราะเชื่อว่าเด็กแรกเกิดจะมีวิญญาณติดตามมาด้วย และจะเอาชีวิตของเด็กคืนไป จึงต้องทำพิธีฆ่าแม่ซื้อ (หน้า 159-160) พิธีเสนเรือน เป็นพิธีเซ่นไหว้ผีเรือน หรือผีหรือวิญญาณบรรพบุรุษ ปฏิบัติเป็นประจำทุกปี 2-3ครั้ง ในครอบครัวจะต้องมีห้องสำหรับบูชาวิญญาณบรรพบุรุษ กะล้อห่อง มีหมอเสน เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม ประกอบด้วยผู้สืบสายโลหิตและญาติที่มาจากการแต่งงาน มีสุรา หมูและอาหารคาวหวาน (หน้า 158) พิธีเสนตังบังหน่อ เป็นการเสนขอบคุณผีมด พ่อมด แม่มด หมอมด หมอบ้านหมอเมืองประกอบพิธีในการเซ่นไหว้ (หน้า 158) พิธีเสนโต๋ เพื่อเรียกขวัญทำได้ทั้งช่วงที่เจ็บป่วยและร่างกายเป็นปกตินิยมทำช่วง 3อายุขัยได้แต่ช่วง 60ปี 70ปีและ 80ปีขึ้นไป เป็นพิธีที่เกี่ยวข้องกับการปลูกกล้วย (หน้า 159) |
|
Critic Issues |
การศึกษาชนกลุ่มน้อย ซึ่งชนกลุ่มใหญ่ในที่นี้ คือชาวไทย ชนกลุ่มใหญ่ที่มีคือคนไทยปกครองชนกลุ่มน้อยคือไทยทรงดำ ช่วงก่อนพุทธศักราช 2475 ด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใช้วัฒนธรรมแบบรวมศูนย์พยายามผสมกลืนกลาย มีรูปแบบการดำรงชีวิตเหมือนกับกลุ่มชาติพันธุ์หลัก มาสู่การบูรณาการผสมผสาน ผังการปกครองแบบพหุนิยม ซึ่งมีการยอมรับในความหลากหลายที่มากขึ้น (หน้า 118) แม้เคยมีการปกปิดเรื่องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยทรงดำ แต่ปัจจุบันมีความพยายามที่จะเปิดเผยวัฒนธรรมไทยทรงดำ ให้เกิดคุณค่าแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อเสริมสร้างรายได้ ซึ่งทำให้เกิดความบิดเบือนของวัฒนธรรมไทยทรงดำแบบดั้งเดิม (หน้า 119) นโยบายของรัฐไทยที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอัตลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี แสดงให้เห็นว่าการเมืองการปกครอง เป็นหนึ่งในเหตุปัจจัยที่ทำให้สังคมและวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำ เกิดการเปลี่ยนแปลง (หน้า 114) |
|
Map/Illustration |
ภาพ
- ภาพที่ 1 แผนที่จังหวัดเพชรบุรี (หน้า 161)
- ภาพที่ 2 แผนที่อำเภอเขาย้อย (หน้า 161)
- ภาพที่ 3 แผนที่ชุมชนไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 4 การแต่งกายของชายไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 5 การเกล้าผมของชาวไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 6 ที่อยู่อาศัยของไทยทรงดำ (หน้า 161)
- ภาพที่ 7 อาจารย์ถนอม คงยิ้มละมัย (หน้า 162)
- ภาพที่ 8 พิพิธภัณฑ์ไทยทรงดำปานถนอม (หน้า 162)
- ภาพที่ 9 ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำบ้านวัง (หน้า 162)
- ภาพที่ 10 เรือนจำลองในศูนย์วัฒนธรรมฯ (หน้า 162)
- ภาพที่ 11 โฮมสเตย์ในศูนย์วัฒนธรรมฯ (หน้า 162)
- ภาพที่ 12 เวทีการแสดงออกในศูนย์วัฒนธรรม (หน้า 162)
- ภาพที่ 13 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านหนองจิก (หน้า 163)
- ภาพที่ 14 ศูนย์การเรียนรู้งานกลึงไม้ตาล (หน้า 163)
- ภาพที่ 15 งานประเพณีไทยทรงดำ (หน้า 163)
- ภาพที่ 16 ไทยทรงดำคริสต์อำเภอเขาย้อย (หน้า 163)
- ภาพที่ 17 คริสตจักรหนองปรง อำเภอเขาย้อย (หน้า 163)
- ภาพที่ 18 อนุชนไทยทรงดำคริสต์ (หน้า 163)
- ภาพที่ 19 เครื่องจักสานพลาสติกไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 20 เครื่องจักสานไม้ไผ่ไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 21 กลุ่มกลึงไม้ตาลไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 22กลุ่มต่อเรือจำลองไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 23 เครื่องแต่งกายไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 24 การทอผ้าของชาวไทยทรงดำ (หน้า 164)
- ภาพที่ 25 ป้ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (หน้า 165)
- ภาพที่ 26 แผ่นพับโฮมสเตย์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 27 ตราสินค้าผลิตภัณฑ์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที 28 ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑืไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 29 ซองโทรศัพท์ไทยทรงดำ (หน้า 165)
- ภาพที่ 30 ศูนย์เรียนรู้ไทยทรงดำในสถานศึกษา (หน้า 165)
แผนที่
- แผนที่จังหวัดเพชรบุรี (หน้า 33)
- แผนที่อำเภอเขาย้อย (หน้า 34)
- แผนที่ชุมชนในอำเภอเขาย้อย (หน้า 35) |
|
|