|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยมุสลิม,ชุมชน,นครศรีธรรมราช |
Author |
จุไรรัตน์ สวัสดิภาพ |
Title |
ชุมชนกับความยึดมั่นในศาสนาของชาวไทยมุสลิม : ศึกษากรณีไทยมุสลิม อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Total Pages |
166 |
Year |
2530 |
Source |
หลักสูตรปริญญาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
ความยึดมั่นผูกพันในศาสนาอิสลามมีสาเหตุมาจากการมีแนวคิดแบบโลคอลลิซึม และสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเชิงสาเหตุและผลกับแนวความคิดดังกล่าว กล่าวคือ การมีแนวความคิดแบบโลคอลลิซึม ระยะเวลาที่อยู่อาศัย และการศึกษาศาสนาอิสลาม เป็นสาเหตุของความยึดมั่นผูกพันในศาสนาอิสลาม ในขณะเดียวกัน การศึกษาและการเป็นชนกลุ่มใหญ่ในชุมชน ไม่ได้เป็นสาเหตุของความยึดมั่นผูกพันในศาสนาอิสลาม |
|
Focus |
ศึกษาระดับความยึดมั่นผูกพันในศาสนาและปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความยึดมั่นผูกพันในศาสนาของคนไทยมุสลิม |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้นำเอาทฤษฎีโลคอล-คอสโมโพลิแทน (local-cosmopolitan theory) มาใช้เป็นทฤษฎีหลักในการศึกษาศาสนาโดยเน้นในเรื่องของความยึดมั่นผูกพันในศาสนา แนวคิดโลคอลลึซึม เน้นเรื่องปัจเจกบุคคลที่มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับชุมชนหรือสังคมที่ตนอยู่อาศัยในรูปแบบความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ภายในกลุ่มในลักษณะปฐมภูมิ เช่น การให้ความสำคัญกับครอบครัว เพื่อนบ้านและองค์การต่าง ๆ ภายในชุมชน โดยเฉพาะในเรื่องของศาสนา ส่วนแนวคิดแบบคอสโมโพลิแทน จะเน้นในเรื่องของปัจเจกบุคคลที่มีความคิดเกี่ยวพันเป็นกลางๆ กับสังคมหรือชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ มีความสัมพันธ์กับบุคคลในชุมชนแบบกลุ่มทุติยภูมิ จึงเป็นพวกที่มีโลกทัศน์กว้างกว่าแบบโลคอลลิซึม ผู้เขียนจึงได้นำแนวคิดข้างต้นมาใช้ศึกษาชุมชนไทยมุสลิมในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนำมาใช้อธิบายถึงหน้าที่ของบุคคลที่มีต่อชุมชนและองค์การต่างๆ ทำให้พบว่าการที่บุคคลนั้นๆ มีการถ่ายทอดความยึดมั่นผูกพันในศาสนาออกมาในรูปแบบที่เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีต่อๆ มา และเมื่อได้นำแนวคิดดังกล่าวมาศึกษาในฐานะเป็นตัวแปรแทรกระหว่างตัวแปรต่างๆ ทางสังคมกับความยึดมั่นผูกพันในศาสนาแล้วนั้น ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของความยึดมั่นผูกพันในศาสนาอิสลามในชุมชนดังกล่าวก็คือ การมีแนวคิดแบบโลคอลลิซึม ระยะเวลาที่อยู่อาศัยและการศึกษาศาสนาอิสลาม (หน้า 15-21, 117-120) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยมุสลิมในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าไทยมุสลิมในพื้นที่นี้ใช้ภาษาใดในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ไม่ได้ระบุประวัติศาสตร์ของชุมชนที่ทำการศกษา เพียงแต่ได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลามพอสังเขปว่าได้มีการแพร่ขยายจากดินแดนอาระเบียไปยังเกือบทุกทวีป (หน้า 140-158) |
|
Settlement Pattern |
ผู้เขียนไม่ได้อธิบายชัดเจนเกี่ยวกับแบบแผนการตั้งถิ่นของชุมชนที่ศึกษาแต่พบว่า มัสยิดทั้งสองต่างก็มีครอบครัวที่เป็นสมาชิก อยู่ประมาณ 750 ครอบครัว (หน้า 47) |
|
Demography |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าในชุมชนที่ศึกษามีจำนวนประชากรเท่าไร หากแต่ได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษาไว้จำนวนมัสยิดละ 150 คน สองมัสยิดรวม 300 คน เพศชาย 150 คน เพศหญิง 150 คน กลุ่มตัวอย่างอยู่ในช่วงอายุ 15-35 ปีร้อยละ 50 และอีกร้อยละ 50 อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป (หน้า 47) |
|
Economy |
มุสลิมในกลุ่มที่ศึกษาประกอบอาชีพค้าขายมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 36.3 กลุ่มอาชีพรับจ้างมีร้อยละ 27 รับราชการร้อยละ 17.3 แม่บ้าน ไม่มีอาชีพ และว่างงาน มีร้อยละ 10.3 อาชีพเกษตรกรและทำงานรัฐวิสาหกิจมีร้อยละ 0.3 นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่อยู่ในระหว่างการศึกษามีร้อยละ 8.3 ส่วนรายได้คือ ระหว่าง 1001 - 3,000 บาทมีร้อยละ 30.7 ระหว่าง 3,001 - 5,000 บาท มีร้อยละ 35 ระหว่าง 5,001 - 7,000 บาทมีร้อยละ 21.3 ระหว่าง 7,001 - 9,000 บาทมีร้อยละ 5.3 ระหว่าง 9,001 - 10,000 บาทมีร้อยละ 2.3 กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ 10,001 บาทขึ้นไปมีร้อยละ 2 (หน้า 52-53) |
|
Social Organization |
อิสลามเป็นธรรมนูญชีวิต เป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีการถ่ายทอดความรู้เรื่องศาสนา ทั้งจากญาติและครูสอนศาสนา มีการสืบทอดศาสนาจากบิดามารดามายังบุตร โดยมีบิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว มีการแลกเปลี่ยนทัศนะต่าง ๆ ทำให้มีความสัมพันธ์กันในกลุ่มอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะการไปนมาซร่วมกันที่มัสยิดทุก ๆ วันศุกร์ (หน้า 52, 140,151,153-154) |
|
Political Organization |
มีการจัดตั้งคณะกรรมการของมัสยิดแต่ละมัสยิด โดยมีอิหม่ามเป็นผู้นำในศาสนพิธีต่าง ๆ มีคอเต็บบรรยายหลักธรรมทางศาสนาและมีบิหลั่นเป็นผู้กล่าวอะซาน (เชิญชวน) ให้มุสลิมบำเพ็ญนมัสการต่ออัลลอฮ์เมื่อเข้าสู่เวลาของการนมัสการ นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้อธิบายถึงผู้สืบทอดต่อจากท่านนบีมุฮัมมัดว่าจะมีคอลีฟะฮ์ ทำหน้าที่ปกครองมุสลิมสืบต่อมา (หน้า 47,145,147) |
|
Belief System |
อิสลามเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว โดยมีหลักศรัทธา 6 ประการ (รุก่นอิมาน) คือความศรัทธาในอัลลอฮ์, ในบรรดามาลาอิกะฮ์, ในบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮ์, ในนบีหรือรซูล(ศาสนฑูต) ของอัลลอฮ์, ในการกำเนิดใหม่และวันตัดสินสุดท้ายของโลกหน้า, ในการกำหนดสภาวะต่าง ๆ ของอัลลอฮ์ หลักปฏิบัติ 5 ประการ (รุก่นอิสลาม) คือ การปฏิญาณตน, การนมาซ, การถอศีลอด, การออกซะกาตและการประกอบพิธีฮัจญ์ (หน้า 149-153) มุสลิมยึดจารีตประเพณีและวิถีประชาเป็นหลักในการควบคุมทางสังคม ไม่มีข้อขัดแย้งในการดำเนินชีวิต ไม่มีการเชื่อถือโชคลางและลัทธิบูชาวัตถุ (หน้า 154-156) |
|
Education and Socialization |
จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 300 คน มีผู้ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษา 113 คนคิดเป็นร้อยละ 37.7 ระดับมัธยมศึกษา 112 คนคิดเป็นร้อยละ 37.7 ศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพจำนวน 14 คนคิดเป็นร้อยละ 4.7 การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และระดับปริญญาตรีจำนวน 23 คนคิดเป็นร้อยละ 7.7 และมีผู้ได้รับการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรีมีจำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 1.3 และผู้ที่ไม่ได้เรียนหนังสือมีจำนวน 11 คนคิดเป็นร้อยละ 3.7 (หน้า 51) ในด้านการศึกษาศาสนาอิสลาม พบว่ามีผู้ได้รับการศึกษาศาสนาอิสลามอย่างเป็นทางการมีจำนวน 216 คน คิดเป็นร้อยละ 72 และผู้ที่ไม่ได้ศึกษาศาสนาอิสลามอย่างเป็นทางการมีจำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 28 ระยะเวลาของการศึกษาศาสนาอิสลามของประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาอย่างเป็นทางการ คือ ศึกษาศาสนาอิสลาม 1-3 ปี (ร้อยละ 27.3) 4-6 ปี (ร้อยละ 38.5) 7-9 ปี (ร้อยละ 13.9) 10-12 ปี (ร้อยละ 12.6) 13-15 ปี (ร้อยละ 3.7) 16-18 ปี (ร้อยละ 2.4) 19 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 1.9) (หน้า 51-52) ผู้ที่ให้ความรู้ทางศาสนาอิสลามแก่กลุ่มตัวอย่าง ทั้งที่เรียนอย่างเป็นทางการและอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า เรียนกับครูสอนศาสนาโดยตรงมากที่สุด คือจำนวนร้อยละ 25.3 ส่วนอีกร้อยละ 12.7 เรียนศาสนากับญาติซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนศาสนา (หน้า 52) |
|
Health and Medicine |
ผู้คนในชุมชนมีทั้งกลุ่มโรคประจำตัว ประเภทโรคชรา เบาหวานและความดันโลหิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีอายุมาก รองลงมาเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพดี นอกจากนั้นก็เป็นโรคกระเพาะและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร (หน้า 55, 83-84) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้เขียนไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจน เพียงแต่กล่าวไว้ว่า ภาษาอาหรับที่ใช้ในคัมภีร์กุรอานนั้นเป็นกวีนิพนธ์ที่มีความไพเราะงดงามยิ่ง (หน้า 145-146) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มุสลิมถือว่าทุกคนเป็นพี่น้องกัน โดยไม่จำกัดชาติ ภาษา ผิว ชั้นวรรณะ ทำให้เกิดภารดรภาพของมุสลิมทั่วโลก เห็นได้ชัดตรงที่การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะเป็นต้น นอกจากนั้น ศาสนาอิสลามก็มีความสัมพันธ์กับคนไทยมุสลิม ซึ่งก็เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย แต่นับถือศาสนาอิสลาม (หน้า 6, 153) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น เกิดการสมรสข้ามศาสนากัน หรือมีการแปลคัมภีร์ กุรอานออกเป็นภาษาต่าง ๆ หรือการที่มุสลิมให้การคารวะแก่บรรดาศาสดาศาสนาต่าง ๆ ที่ได้อุบัติขึ้นก่อนท่านศาสดามุฮัมมัด เป็นต้น (หน้า 54-55, 146, 156) |
|
|