|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
การก่อรูปของอัตลักษณ์, การผสมผสานทางวัฒนธรรม, ผู้ลี้ภัย, ชุมชนชาติพันธุ์, กะเหรี่ยง, ไทย-พม่า, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เขตลอนดอน, มณฑลออนแทริโอ, ประเทศแคนาดา, อเมริกาเหนือ |
Author |
Secil Erdogan |
Title |
Identity Formation and Acculturation: The Case of Karen Refugees in London, Ontario |
Document Type |
Ph.D. Dissertation |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
172 |
Year |
2555 |
Source |
|
Abstract |
ผู้ลี้ภัยที่ตั้งถิ่นฐานในสังคมใหม่อาจมีความเสี่ยงในการเผชิญปัญญาเกี่ยวกับอัตลักษณ์มากกว่ากลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย อาทิ ภาวะวิตกกังวล (identity distress) วิกฤติกับการแก้ปัญหา อย่างไรก็ดี สัมพันธภาพของการก่อรูปและแก้ปัญหาอัตลักษณ์ของผู้ลี้ภัยกับทางเลือกในการผสมผสานทางวัฒนธรรมยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างละเอียดในการศึกษาทฤษฎีอัตลักษณ์กระแสหลักและการศึกษาเชิงประจักษ์ งานศึกษาชิ้นนี้ เป็นการสำรวจ กระบวนการก่อรูป(ใหม่)และการแก้ปัญหาอัตลักษณ์ของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ในเขตลอนดอน ประเทศแคนาดา จำนวน 50 คน เปรียบเทียบกับชาวแคนาดาที่ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย จำนวน 50 คน นอกจากนี้ ยังศึกษาทัศนคติและกลยุทธ์การผสมผสานทางวัฒนธรรมของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง รวมทั้งศึกษาสัมพันธภาพระหว่างอัตลักษณ์และกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม
ข้อค้นพบเกี่ยวกับการศึกษาปัจจัยด้านอัตลักษณ์เผยให้เห็นว่า กระบวนการตั้งถิ่นฐานใหม่ส่งผลให้กลุ่มผู้ลี้ภัยในการศึกษาครั้งนี้ พบปัญหาความกำกวม (temporal sameness) และความสืบเนื่องเกี่ยวกับอัตลักษณ์ ส่งผลให้เกิดความสับสนและวิกฤติอัตลักษณ์ มีการปรับตัว/แก้ปัญหาด้านอัตลักษณ์ที่ช้า และยังกระตุ้นความวิตกกังวลในประเด็นเชิงสังคมและส่วนบุคคล (การทำงาน อาชีพ ค่านิยม ความภักดีต่อกลุ่ม) อีกด้วย ด้านการวิเคราะห์องค์ประกอบ เชิงข้อมูลของกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม บ่งชี้ว่า ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงมีทิศทางการปรับตัวอย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3ประการ “จารีตและค่านิยม” “ความสัมพันธ์ทางสังคม” “กิจกรรมยามว่าง” สำหรับการวิเคราะห์จัดกลุ่ม สามารถจัดประเภททัศนคติและกลยุทธ์การผสมผสานทางวัฒนธรรมออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม (segregation) การบูรณาการ (integration) และการกลืนกลายทางวัฒนธรรม (assimilation) สำหรับชาวกะเหรี่ยงที่ใช้กลยุทธ์การกลืนกลายทางวัฒนธรรมได้รับเอาค่านิยมและจารีตอย่างชาวแคนาดา และมีสัมพันธภาพทางสังคมและกิจกรรมยามว่างร่วมกับชาวแคนาดา ขณะชาวกะเหรี่ยงที่เลือกกุลยุทธ์การบูรณาการยังคงอนุรักษณ์ค่านิยมและจารีตของตน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสต่อการเปลี่ยนและสมัครใจที่จะร่วมกิจกรรมยามว่างและสร้างสัมพันธภาพทางสังคมกับชาวแคนาดาในสังคม
ในการวิเคราะห์การถดถอยเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของกลยุทธ์การผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงที่มีต่อ อัตลักษณ์ สุขภาพจิต และองค์ประกอบเชิงประชากร แสดงให้เห็นว่า ผลชี้วัดด้านอัตลักษณ์และสุขภาพจิตมีความเชื่อมโยงกับกลกระบวนยุทธ์เชิงลบของการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ การกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม
การศึกษานี้ค้นพบว่าการแก้ปัญหาอัตลักษณ์กับสุขภาพจิตเป็นตัวแปรพยากรณ์ (predictor) ที่มีนัยสำคัญของกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรมซึ่งสอดคล้องกับกรอบคิดและสมมติฐานที่ใช้ในการวิจัย งานวิจัยนี้ยังเน้นว่าการงานเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของผู้ลี้ภัย ทั้งนี้ การช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัยที่ตั้งถิ่นฐานใหม่เข้าถึงการศึกษาและตลาดงานเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เกิดกลยุทธ์การผสมผสานทางวัฒนธรรมในทางที่ดี นั่นคือ การบูรณาการ และการกลืนกลายทางวัฒนธรรม (assimilation) |
|
Focus |
การศึกษาวิจัยนี้มุ่งเน้นวิเคราะห์แนวคิดทฤษฎีที่ใช้ในทำความเข้าใจและสร้างมโนทัศน์เกี่ยวกับกระบวนการของพัฒนาการอัตลักษณ์ (identity development) วิกฤติและการปรับปรุงอัตลักษณ์หลังการตั้งถิ่นฐานใหม่ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่เผชิญกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงการเชื่อมโยงกระบวนการเหล่านี้กับทัศนคติเกี่ยวกับการผสมผสานทางวัฒนธรรมของผู้ลี้ภัยในระดับปัจเจกบุคคลผ่านข้อมูล/หลักฐานเชิงประจักษ์
งานศึกษาวิจัยชิ้นนี้ยังมุ่งเน้นสืบค้นความสำคัญของปัจจัยเชิงอัตลักษณ์ (identity factors) ที่มีผลต่อกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม (acculturation) ที่ประสบผลสำเร็จ และเพื่อเสนอข้อแนะนำเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมพัฒนาการอัตลักษณ์ของปัจเจกบุคคลกับการผสมผสานทางวัฒนธรรม |
|
Theoretical Issues |
กระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม (acculturation) ของปัจเจกบุคคลที่เลือกวิธีการบูรณาการหรือกลืนกลายทางวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ใหม่เรื่องความหมายเชิงสัญลักษณ์ การปรับตัวใหม่ให้เขากับระบบคุณค่า การทดลองบทบาทใหม่ การเพิ่มพูนทักษะและความสามารถในการแข่งขันที่จำเป็นในการเข้าร่วมสังคมใหม่ (น. 40) ดังนั้น กระบวนการก่อรูป(ใหม่)ของอัตลักษณ์จึงมีความท้าทาย ปัจเจกบุคคลอาจเลือกหนึ่งในสี่กลยุทธ์ในการผสมผสานทางวัฒนธรรม ดังนี้
1. ยึดถืออัตลักษณ์ชาติพันธุ์ในระดับปัจเจกและสังคมอย่างเข้มข้น (กลยุทธ์กีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม)
2. ยอมให้ค่านิยมและความเชื่อทางชาติพันธุ์ของตนดำรงอยู่ร่วมกับค่านิยมและความเชื่อของสังคมผู้รองรับผู้ย้ายถิ่น บูรณาการหรือเพิ่มใหม่มโนทัศน์เกี่ยวกับตนเอง แล้วประกอบสร้างใหม่อัตลักษณ์ระดับปัจเจกและสังคมขึ้นมา (การบูรณาการ)
3. ถดถอย/ละทิ้งวัฒนธรรมชาติพันธุ์ของตนและรับเอาวัฒนธรรมของประเทศผู้รองรับโดยประกอบสร้างอัตลักษณ์ระดับปัจเจกและสังคมขึ้นมาใหม่ (การกลืนกลายทางวัฒนธรรม)
4. ปิดกั้นวัฒนธรรมชาติพันธุ์ของตนและปฏิเสธหรือล้มเหลวที่จะปรับเปลี่ยนเอาวัฒนธรรมและบทบาทที่กำหนดหรือคาดหวังโดยสังคมของประเทศผู้รองรับ (การกลายเป็นชายขอบ) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวกะเหรี่ยง เป็นชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้ถูกระบุถึงในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งหมายถึงผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงจากประเทศพม่าที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยบริเวณชายแดนฝั่งประเทศไทยและเข้าสู่กระบวนการส่งตัวไปยังประเทศที่สาม นั่นคือประเทศแคนาดา ผ่านการสนับสนุนขององค์การระหว่างประเทศเป็นหลัก |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษากะเหรี่ยง โดยผู้วิจัยออกแบบการสำรวจและเก็บข้อมูลเป็นภาษากะเหรี่ยงสำหรับกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา นั่นคือ ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง (น.xiii,น. 55,น. 156-169)
ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส คือ ภาษาทางการที่เป็นข้อกำหนดและเกณฑ์ที่ใช้ในกระบวนการตั้งถิ่นฐานในสังคมใหม่ของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในประเทศแคนาดา |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ชาวกะเหรี่ยง (the Karens) ในงานศึกษานี้หมายถึงกลุ่มผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งในประเทศแคนาดา มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในประเทศพม่า (เรียกชื่อประเทศตามการเลือกใช้คำศัพย์ของผู้วิจัย,แทนคำว่าเมียนมา (น. 7-8)) ผู้คนจากประเทศพม่า เป็นคนกลุ่มที่ใหม่สำหรับประเทศแคนาดา ก่อนหน้านี้มีผู้คนจากประเทศพม่าอพยพเข้าในแคนาดาไม่บ่อยมากนักและมีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่เข้ามาในฐานะผู้ลี้ภัย (น. 6)
ระหว่างช่วงเวลาของสถานการณ์ไม่สงบในประเทศพม่า ชนกลุ่มน้อยจำนวนมากได้อพยพมายังบริเวณชายแดนไทย-พม่า และในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยยังมิได้ลงนามเป็นสมาชิกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) จนกระทั่งปี 1994(น. 12) ในปี 1995การเกิดอุบัติขึ้นของกองกำลังกะเหรี่ยงเพื่อประชาธิปไตยฝ่ายพุทธในพม่า (Democratic Kayin Buddhist Army) ทำให้เกิดการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจำนวนมาก การปกป้องค่ายผู้ลี้ภัยกลายมาเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะค่ายของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง (น. 13) รัฐบาลไทยในขณะนั้นมีนโยบายในการกระชับและยุบรวมค่ายผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงให้กลายเป็นค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่จำนวนไม่กี่ค่าย โดยอ้างว่าสามารถป้องกันการถูกโจมตีได้มากกว่าค่ายผู้ลี้ภัยขนาดเล็กที่ตั้งอย่างกระจัดกระจาย รัฐบาลไทยได้ส่งหน่วยทหารเข้าไปในค่ายผู้อพยพและติดตั้งแนวรั้วรอบค่ายผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงเพื่อป้องกันการโจมตี และออกข้อตกลงอันเข้มงวดต่อการเคลื่อนย้ายของผู้คนในค่ายผู้ลี้ภัย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาค่ายต่าง ๆ จึงมีสถานะปิด ผู้ลี้ภัยไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกค่าย และการเข้าสู่ค่ายนั้นมีการจำกัดอย่างเข้มงวด (Bowles, 1998) ผู้ลี้ภัยที่ละทิ้งค่ายเพื่อออกไปทำงานหรือเพื่อการศึกษาหรือด้วยเหตุผลอื่นก็ตามจะสูญเสียสถานะฐานะบุคคลของ UNHCR หากพวกเขาถูกจับกุมในฐานะแรงงานอพยพผิดกฎหมายจะได้รับการส่งตัวออกจากประเทศเช่นเดียวกับแรงงานผิดกฎหมายคนอื่น ๆ (Lay Lee,2005) (น. 13) เมื่อค่ายผู้ลี้ภัยเริ่มหนาแน่น ชีวิตของผู้ลี้ภัยหลายคนขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือขององค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ซึ่งรัฐบาลไทยอนุญาตให้ช่วยเหลือได้เพียงเรื่อง อาหาร เสื้อผ้า เครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นอื่น ๆ และด้านการศึกษา
ผู้ลี้ภัยในค่ายเริ่มพัฒนาบรรยากาศความเป็นชุมชนและระบบการพึ่งพาตนเอง จนกระทั่งเมื่อพวกเขาเรียนรู้ว่าจะต้องเคลื่อนย้ายจากค่าย ระบบการศึกษาของเด็กภายในค่ายผู้ลี้ภัยก็หยุดชะงัก ในปี 2005โครงการพหุภาคีเพื่อการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลไทย ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีจำนวนมากสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม (Banki & Lang, 2008) เมื่อการอาสาสมัครเพื่อกลับประเทศต้นทางไม่ประสบผลสำเร็จ UNHCRจึงพยายามส่งตัวผู้ลี้ภัยจากค่ายบริเวณชายแดนไทยพม่าไปยังประเทศที่สามที่ปลอดภัยกว่าซึ่งผู้ลี้ภัยจะได้รับการปกป้องทางกฎหมาย สิทธิการพำนักและบางครั้งได้รับสัญชาติจากกระบวนการดังกล่าว แนวโน้มดังกล่าวได้รับการคาดหวังว่าจะดำเนินการไปจนกระทั่งประชากรของผู้ลี้ภัยในค่ายเริ่มลดจำนวนลง |
|
Settlement Pattern |
สถานการณ์อันไม่สงบในประเทศพม่ามีระยะเวลายาวนานหลายทศวรรษ ผู้ลี้ภัยในค่ายบริเวณชายแดนอย่างน้อยหนึ่งรุ่นเกิดและเติบโตในค่ายผู้ลี้ภัยและไม่ได้รับรู้เรื่องราวสิ่งแวดล้อมของโลกภายนอก จนกระทั่งเมื่อมีการริเริ่มให้เกิดการสมัครใจกลับสู่ประเทศต้นทางและนโยบายส่งตัวผู้ลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม จึงเกิดการเคลื่อนย้ายของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงจำนวนมาก
ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงจากประเทศพม่าจำนวน 5ครอบครัวเข้าสู่ประเทศแคนาดาเพื่อการตั้งถิ่นฐานใหม่เมื่อปี 1995
ในปี 2005UNHCR ระบุว่าผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงมีความจำเป็นสูงในการย้ายไปยังประเทศที่สาม ชาวกะเหรี่ยงจำนวน 810คนจากค่ายผู้ลี้ภัยแม่ลาและแม่ละอูนเข้าสู่กระบวนการตั้งถิ่นฐานใหม่ (น. 17) ในปี 2008 แคนาดายินยอมรับผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงกว่า 2,000คนจากค่ายแม่ละอูนและแม่ระมาหลวง
ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการอนุมัติให้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศแคนาดาจะได้รับสถานการณ์อยู่อาศัยเป็นผู้พำนักถาวร (permanent residence) (น.16) |
|
Demography |
ระหว่าง ปี 2006-8เป็นช่วงเวลาแห่งกระบวนการตั้งถิ่นฐานใหม่ในแคนาดา ชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากเข้าสู่กระบวนการบ้านถิ่นและตั้งถิ่นฐานตามเมืองต่าง ๆ ในแคนาดา อาทิ แวนคูเวอร์ ออททาวา โทรอนโท และฮามิลทัน
ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงจำนวน 208คน ตั้งถิ่นฐานใหม่ในเมืองลอนดอน,ออนแทริโอ (น. 17)
จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติสังคมศาสตร์ การจัดกลุ่มทัศนคติเกี่ยวกับการผสมผสานทางวัฒนธรรม สามารถแบ่งลักษณะของกลุ่มในกรณีศึกษาทั้ง 50 คน (จาก 208 คน) ในครั้งนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การบูรณาการ และผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกลืนกลายทางวัฒนธรรม (น. 97)
ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรมมีความสมัครใจที่จะรักษาค่านิยมและปฏิบัติการเชิงประเพณี ผู้ลี้ภัยชาวกะเกรี่ยงใช้กลยุทธ์การบูรณาการมีทัศนคติในการยึดโยงจารีตและประเพณีของชาวกะเหรี่ยง แต่พัฒนาความสัมพันธ์ทางสังคมกับกลุ่มอื่นและบริโภควัฒนธรรมสมัยนิยมในช่วงยามว่าง ส่วนผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกลืนกลายทางวัฒนธรรม มีทัศนคติในการเปิดรับค่านิยม จารีต และกิจกรรมยามว่างตามแบบชาวแคนาดาในสังคมที่ผู้ลี้ภัยได้ตั้งถิ่นฐานใหม่ |
|
Political Organization |
สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศพม่าที่ผ่านมาทำให้ประเทศพม่ามีขนาดประชากรผู้ลี้ภัยและผู้ผลัดถิ่นภายในมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย จากรายงานขององค์กรพัฒนาเอกชน Thailand Burma Border Consortium ที่อ้างถึงในปี 2011(น.9) ร้อยละ 79 ของผู้ลี้ภัยในค่ายจำนวน 148,793คน มาจากชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง การส่งตัวประเทศผู้ลี้ภัยไปยังประเทศที่สามโดยความพยายามของรัฐบาลไทยและ UNHCR ทำให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการช่วยเหลือควบคุมในค่ายต้องผ่านกระบวนการย้ายถิ่นและตั้งถิ่นฐานใหม่
ในกรณีศึกษานี้ อธิบายบริบทของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในประเทศแคนาดา ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายผู้ลี้ภัยและปฏิบัติการในการตั้งถิ่นฐานใหม่ ประเทศแคนาดายื่นข้อเสนอการตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรแก่ผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายอพยพทั่วโลก โครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการตั้งถิ่นฐานใหม่ของแคนาดาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมการอพยพเข้าเมืองและสัญชาติแคนาดา โดยในแต่ละปีสนับสนุนบุคคลจากต่างประเทศจำนวนประมาณ 7,500คนเข้าสู่โครงการช่วยเหลือของรัฐบาล รวมถึงโครงการช่วยเหลือของเอกชนในแคนาดาที่สนับสนุนบุคคลผู้ขอสภานะลี้ภัยอีกกว่าปีละ 3,000-4,000 คน ผู้ย้ายถิ่นเหล่านี้ที่เข้ามาในประเทศแคนาดาจะต้องได้รับการรับรองหรือแนะนำจากองค์กรที่ช่วยเหลือและสนับสนุน ซึ่งจะช่วยเหลือด้านการเงินและการบูรณาการในระยะแรก จากนั้นสำนักงานตรวจลงตราของแคนาดาจะเป็นผู้คัดเลือกและตัดสินว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ที่โครงการฯ ของรัฐบาลได้วางไว้หรือไม่ ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจโรคทางการแพทย์เพื่อรับรองโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อสาธารณะ ผู้ลี้ภัยจะต้องมีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง สามารถลงหลักปักฐานในแคนาดาได้สำเร็จภายใน 3-5ปี นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านการศึกษา เครือข่ายสนับสนุน (ครอบครัวหรือผู้ให้ทุนสนับสนุนในแคนาดา) คุณสมบัติอื่น ประสบการณ์ทำงาน ความสามารถในการเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตรวจลงตราจะพิจารณา (น. 15)
โครงการปฐมนิเทศสังคมวัฒนธรรมแคนาดาในต่างประเทศจะถูกจัดให้แก่ผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 3-5วัน ก่อนที่พวกเขาจะออกจากค่าย ผู้ลี้ภัยที่จะย้ายถิ่นสามารถเข้าร่วมโดยสมัครใจและไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการทำงานร่วมกันกับรัฐบาลแคนาดาและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) โดยจะมีการแนะนำประเทศแคนาดาเบื้องต้น ครอบคลุมความรู้ด้านการจ้างงาน สิทธิและความรับผิดชอบ ภูมิศาสตร์และเขตอากาศ การแสวงหาแหล่งที่อยู่อาศัย การอาศัยอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม วิถีครอบครัว การศึกษา |
|
Education and Socialization |
ศูนย์ผู้เรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมเมืองลอนดอน (London Cross Cultural Learner Centre) เป็นศูนย์กลางต้อนรับกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ในเมืองลอนดอน,ออนแทริโอ ศูนย์ฯ ดังกล่าวให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือในการตั้งถิ่นฐาน บริการแปลภาษาและการล่าม การอบรมเพื่อจัดหางาน (น. 17) มีการจัดที่พำนักชั่วคราวและผู้ลี้ภัยที่เพิ่งย้ายถิ่นที่อยู่ในช่วงคัดกรองทางการแพทย์ การปฐมนิเทศ การเปิดบัญชีธนาคาร การหาบ้านใหม่ ฯลฯ กระบวนการเหล่านี้ช่วยสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาความเชื่อมโยงทางสังคม เป็นการเตรียมตัวผู้ลี้ภัยเพื่อการเริ่มลงหลักปักฐานในชุมชน
ศูนย์ดังกล่าวให้ความช่วยเหลือด้านการเรียนภาษา การเรียนรู้สิทธิและความรับผิดชอบในฐานะประชากรแคนาเดียนกลุ่มใหม่ สนับสนุนความรู้เกี่ยวกับทักษะการอยู่อาศัยอย่างชาวตะวันตก การช่วยเหลือระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านจากบ้านพำนักชั่วคราวสู่ชุมชน สนับสนุนการบูรณาการเข้าสู่ชุมชนด้วยการทำงานอาสา การสนับสนุนกลุ่มหรือชุมชนทางชาติพันธุ์ การคมนาคม และการช่วยเหลือเตรียมตัวเด็ก |
|
Health and Medicine |
การเก็บข้อมูลด้านสุขภาพจิตและกายผ่านแบบสำรวจให้ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงได้รายงานข้อมูลด้วยตนเอง เป็นการปรับปรุงคำถามมาจากชุดเครื่องมีที่พัฒนาโดยองค์การอนามัยโลก ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า สามารถสร้างตัวแปรพยากรณ์คาดการณ์ประเด็นเรื่องสถานภาพการสมรส (ซึ่งเป็นอัตลักษณ์เชิงหน้าที่อย่างหนึ่ง) กับสุขภาพจิตอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ลี้ภัยไม่รับเอาอัตลักษณ์เชิงหน้าที่มีความสมดุลของสุขภาพจิตต่ำมีแนวโน้มที่จะใช้กลยุทธ์กระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบกีดกันทางเชื้อชาติ-วัฒนธรรม (น. 102)
กระบวนการย้ายถิ่นและตั้งถิ่นฐานใหม่มักส่งผลลบต่อสุขภาพจิตของผู้ลี้ภัย การศึกษานี้ยังพบว่าความสมดุลของสุขภาพจิตเกี่ยวข้องกับการผสมผสานทางวัฒนธรรม ผู้ลี้ภัยที่มีสุขภาพจิตดีมักจะเลือกกลยุทธ์การกลืนกลายทางวัฒนธรรม (น. 112) ความสับสนและปัญหาด้านอัตลักษณ์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยควรได้รับการสนับสนุนทางสังคมและบริการให้คำปรึกษาจากประเทศผู้รับรองผู้ย้ายถิ่น (น. 116) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
การอธิบายกระบวนการเคลื่อนย้ายข้ามวัฒนธรรมกับการตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ส่งผลต่อการก่อรูปของอัตลักษณ์และการแก้ปัญหาด้านอัตลักษณ์ในงานศึกษาชิ้นนี้พบว่า ปัญหาความวิตกกังวลและการเกิดขึ้นของวิกฤติอัตลักษณ์มีแนวโน้มสูงในหมู่ผู้ลี้ภัย (น. 76) นอกจากนี้ผลการศึกษาความสืบเนื่องของสำนึกเกี่ยวกับอัตลักษณ์เมื่อมีการตั้งถิ่นฐานใหม่และวิกฤติอัตลักษณ์ยังเกิดขึ้นในหลายระดับเมื่อเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังการย้ายถิ่น (น. 76) วิกฤติอัตลักษณ์มีแนวโน้มรุนแรงในช่วงต้นของการย้ายเข้าประเทศแคนาดาและเมื่อเริ่มกระบวนการตั้งถิ่นฐานใหม่แล้ว จึงลดลงเมื่อระยะเวลาผ่านไป 2-3ปี (น. 104)
อย่างไรก็ตาม ยังพบแนวโน้มของวิกฤตอัตลักษณ์ในระดับปัจเจกบุคคลในอนาคต เป็นผลมาจากบริบททางสังคมใหม่ที่ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงไม่สามารถคาดการณ์ได้ การศึกษาพบว่าผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงประสบปัญหาด้านอัตลักษณ์ในโดนเมนหรือพื้นที่ทางสังคม อัตลักษณ์การงาน (work identity) เป็นมิติหนึ่งที่ผู้ลี้ภัยประสบปัญหาและแก้ไข้ปัญหาได้ยาก (น. 104)
ภาวะวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงเกิดขึ้นสูงทั้งในระดับสังคมในมิติของอาชีพ/การงาน และระดับส่วนบุคคลในมิติของเป้าหมายในอนาคต ความภักดีต่อกลุ่มของตน และค่านิยมและความเชื่อ (น. 105)
ทัศนคติและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรมของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในเมืองลอนดอน,ออนแทริโอ ได้แก่ ความสัมพันธ์เชิงสังคม จารีตและค่านิยม และการกิจกรรมยามว่าง ซึ่งมีผลต่อการเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อการปรับตัวเข้าสู่สังคมและชุมชนชาวแคนาดาและการปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง
โครงสร้างทางสังคมในภาพกว้างกำหนดสิทธิ ข้อจำกัด สถานะและบทบาททางสังคมของผู้ลี้ภัย การได้มาซึ่งสถานผู้ลี้ภัยจะต้องผ่านกระบวนการกฎหมายเข้าเมืองของแคนาดาและสถานะชนชั้นทางสังคมของผู้ลี้ภัยจะถูกกำหนดด้วยระบบการจัดช่วงชั้นทางสังคมของแคนาดา แม้ว่าแคนาดาจะเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่อัตลักษณ์ผู้ลี้ภัยย่อมติดตั้งข้อจำกัดบางประการแก่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ผู้ลี้ภัยมักแยกตัวออกจากสังคม ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงแม้ว่าพวกเขามีแนวโน้มจะรับเอาอัตลักษณ์ทางสังคมใหม่ก็ตาม แต่ก็เป็นอัตลักษณ์ตามอย่างที่สังคมแคนาดาคาดหวัง การก่อรูปของอัตลักษณ์ด้านการงานเกิดขึ้นจากตำแหน่งอาชีพที่กำหนดให้ผู้ลี้ภัยสามารถประกอบอาชีพได้ นั่นคือ งานบริการและแรงงานฝีมือและเกษตรกรรม (งานในฟาร์ม งานล้างจาน) แม้ว่าก่อนหน้านี้ ผู้ลี้ภัยจะได้รับการอบรมและเรียนรู้การฝึกอาชีพจากองค์การสหประชาชาติเมื่ออยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย กว่าหนึ่งในสี่ของผู้ลี้ภัยได้รับการว่าจ้างสอนหนังสือ เป็นพยาบาลหรือนักเทคนิคทางการแพทย์ แต่เมื่อย้ายถิ่นใหม่เข้าสู่สังคมแคนาดา ทักษะ คุณสมบัติ ประสบการณ์ดังกล่าวถูกลดคุณค่าลง (น. 106) การประสบปัญหาเกี่ยวกับอาชีพและการสูญเสียสถานะทางสังคมเดิมของผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงส่งผลต่อวิกฤติอัตลักษณ์ในมิติทางสังคม การศึกษากลุ่มตัวอย่างนี้ชื่อให้เห็นความยากลำบากของผู้ลี้ภัยในเมืองลอนดอน, ออนแทริโอในการสร้างอัตลักษณ์ทางสังคมที่สอดคล้องกับความคาดหวังส่วนบุคคล ความคาดหวังจากชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและความคาดหวังของสังคมแคนาดา |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้ลี้ภัยจากประเทศพม่ามีขนาดประชากรที่เล็กและเป็นกลุ่มใหม่สำหรับประเทศแคนาดา การสร้างหรือติดตั้งเครือข่ายหรือระบบการช่วยตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์จึงยังไม่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนผสมผสานทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น (น. 109) ซึ่งการขาดระบบการช่วยเหลือตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์อาจนำไปสู่ความตึงเครียดการแยกตัวเชิงอารมณ์และการกีดกันทางเชื้อชาติ-วัฒนธรรมของผู้ลี้ภัยเอง |
|
Critic Issues |
กระบวนการกลืนกลายทางวัฒนธรรม (assimilation) บ่งบอกถึงการปรับตัวเชิงพฤติกรรม นั่นคือพฤติกรรมของปัจเจกบุคคลกลายมาเป็นพฤติกรรมที่มีความคล้ายคลึงกับพฤติกรรมสังคมของประเทศผู้รองรับ (Berry, 1980) การศึกษาในอดีตเสนอว่า ระยะเวลาของการพำนักในสังคมของประเทศผู้รองรับผู้ลี้ภัย (host society) สัมพันธ์โดยตรงกับระดับกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม และกลุ่มที่พำนักอาศัยในประเทศที่สาม (host society) มาเป็นระยะเวลานานมีแนวโน้มที่จะแสดงทัศนคติเกี่ยวกับการกลืนกลายทางวัฒนธรรม (Gim, Atkinson & Whiteley, 1990) (น. 108-9) เนื่องจากผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่เป็นกรณีศึกษาในการวิจัยนี้ยังไม่ได้พำนักในประเทศแคนาดาเป็นเวลานานมากนัก การสังเกตการณ์และสำรวจทัศนคติเกี่ยวกับการกลืนกลายทางวัฒนธรรมจึงไม่ปรากฏในงานวิจัยชิ้นนี้อย่างมีนัยสำคัญ (น. 109) |
|
Map/Illustration |
แผนที่
- ค่ายผู้ลี้ภัยบริเวณชายแดนพม่า (น. 10)
ภาพ
- โครงสร้างหลายมิติเกี่ยวกับการก่อรูปและการรักษาอัตลักษณ์ (น. 10)
- โครงสร้างหลายมิติเกี่ยวกับการปรับปรุงอัตลักษณ์หลังการตั้งถิ่นฐานใหม่ (น. 28)
- แสดงสภาวะวิกฤติอัตลักษณ์ของกลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงและชาวแคนาดา (น. 44)
- แสดงภาวะวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของกลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงและชาวแคนาดา (น. 81)
- แสดงการแก้ปัญหาอัตลักษณ์ 5ระดับเงื่อนไขของกลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงและชาวแคนาดา (น. 82)
- แสดงการแก้ปัญหาอัตลักษณ์ 3ระดับโดเมนอัตลักษณ์ของกลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงและชาวแคนาดา (น. 84)
- การวิเคราะห์ช่วงชั้นการจัดกลุ่ม-การจัดกลุ่มกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม (น. 87)
- กลุ่มทั้งสาม (น. 88)
- ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม (น. 89)
- ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การบูรณาการ (น. 90)
- ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงใช้กลยุทธ์การกลืนกลายทางวัฒนธรรม (น. 91)
- การบูรณาการ กับองค์ประกอบทั้งสาม (น. 92)
- การกลืนกลายทางวัฒนธรรม กับองค์ประกอบทั้งสาม (น. 93)
- กลุ่มกีดกันเชื้อชาติ-วัฒนธรรม กับองค์ประกอบทั้งสาม (น. 94)
- สถานภาพสมรส กับการผสมผสานทางวัฒนธรรม (น. 95)
- สถานะการทำงาน/การศึกษา กับการผสมผสานทางวัฒนธรรม (น.96)
ตาราง
- ประชากรของค่ายผู้ลี้ภัยต่าง ๆ บริเวณชายแดนพม่า (น. 11)
- โมเดลว่าด้วยการผสมผสานทางวัฒนธรรมของ Berry(น. 34)
- แบบวัดการก่อรูปของอัตลักษณ์และระดับการวิเคราะห์ (น. 61)
- ความเชื่อมัน (ค่าอัลฟาของครอนบาค) สำหรับการวัดมาตราย่อยเชิงเปรียบเทียบในประเด็นอัตลักษณ์ (น. 61)
- สหสัมพันธ์ระหว่างมาตราย่อย (subscale) สำหรับประเด็นการแก้ปัญหาอัตลักษณ์ (น. 62)
- สหสัมพันธ์ระหว่างมาตราย่อย สำหรับประเด็นวิกฤติอัตลักษณ์ (น.64)
- น้ำหนักปัจจัย สำหรับประเด็นสุขภาพ (น.66)
- นำหนักปัจจัย สำหรับแบบวัดการผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง (KAM) (น. 69)
- สหสัมพันธ์ระหว่างมาตราย่อย สำหรับแบบวัดการผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง (KAM) (น. 70)
- ร้อยละของตัวอย่างจากตัวแปรด้านอัตลักษณ์ (น. 78)
- ค่าเฉลี่ยความสืบเนื่องของเวลา-พื้นที่ (น.79)
- ค่าเฉลี่ยของประเด็นวิกฤติอัตลักษณ์ (น. 80)
- ค่าเฉลี่ยของประเด็นความกังวลด้านอัตลักษณ์ (น. 82)
- ค่าเฉลี่ยของประเด็นการแก้ปัญหาอัตลักษณ์ (น.83)
- ระยะระหว่างศูนย์กลางของกลุ่มสุดท้าย (น.88)
- แสดงผลสรุป (น.100)
- ความเหมาะสมของการถดถอยโลจิสติค (น. 101)
- การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติคเพื่อทำนายกลยุทธ์กระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรม (น. 101) |
|
Text Analyst |
อุรินธา เฉลิมช่วง |
Date of Report |
17 ก.ย. 2563 |
TAG |
การก่อรูปของอัตลักษณ์, การผสมผสานทางวัฒนธรรม, ผู้ลี้ภัย, ชุมชนชาติพันธุ์, กะเหรี่ยง, ไทย-พม่า, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เขตลอนดอน, มณฑลออนแทริโอ, ประเทศแคนาดา, อเมริกาเหนือ, |
Translator |
- |
|