|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่ สัญชาติ ผู้หญิง ภาคเหนือ ประเทศไทย |
Author |
ลาเคละ จะทอ |
Title |
การต่อสู้เรื่องสัญชาติของผู้หญิงชนเผ่า: กรณีศึกษาชีวิตจริงของผู้หญิงลาหู่คนหนึ่ง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
169 |
Year |
2548 |
Source |
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาการต่อสู้เรื่องสัญชาติของผู้หญิงชนเผ่า กรณีศึกษาชีวิตจริงของผู้หญิงลาหู่คนหนึ่ง โดยมุ่งศึกษาปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าไม่ได้รับสัญชาติ ศึกษาโครงสร้างทางสังคมลาหู่ที่เป็นสังคมปิตาธิปไตย สำรวจองค์ความรู้ที่ต้องห้ามสำหรับผู้หญิงที่เป็นเหตุทำให้ผู้หญิงชนเผ่าลาหู่ไม่สามารถดำเนินการเรื่องสัญชาติด้วยตนเองได้และนำไปสู่การไม่ได้สัญชาติ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและระบบความเชื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าหลุดพ้นจากสังคมวัฒนธรรมประเพณีที่ผู้หญิงมีข้อห้ามข้อจำกัดมากมายที่ไม่ให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ ภายใต้สังคมปิตาธิไตยหรือสังคมระบบชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้ศึกษาสามารถต่อสู้เรื่องสัญชาติของตนเอง จนได้สัญชาติไทยและสามารถช่วยเหลือผู้หญิงชนเผ่าและชาติพันธุ์ให้ได้สัญชาติไทยได้ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงชนเผ่าและชาติพันธุ์ที่ไร้สัญชาติ ต้องจำทนอยู่ในระบบอุปถัมภ์และการคอรัปชั่นที่ยังคงอยู่ ต้องผ่านกลุ่มคนหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากกระบวนการลงรายการสัญชาติ การมีอคติทางชาติพันธุ์และการเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์จากเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลทั่วไปการแก้ไขปัญหาสัญชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ต้องมีความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐองค์กรพัฒนาเอกชนและชาวบ้าน เนื่องจากข้าราชการในระดับกรมการปกครอง และข้าราชการในระดับปฏิบัติ ไม่สนองนโยบาย เจ้าหน้าที่บางอำเภอไม่สนองนโยบายการเร่งรัดลง รายการสัญชาติ ทำให้การพิสูจน์สถานะบุคคลของบุคคลชนเผ่าและชาติพันธุ์ไม่แล้วเสร็จตาม กำหนดระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันจากรัฐบาล การติดตามความก้าวหน้าขั้นตอนของการลง รายการสัญชาติของผู้เดือดร้อน ผู้ไร้สัญชาติต้องใช้วิธีการและรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าการชุมนุมเรียกร้องระดับภาค ระดับอำเภอ องค์กรพัฒนาต้องรับภาระในการเตรียมความพร้อมและให้กำลังใจแก่ผู้ไร้สัญชาติและเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆโดยให้มีส่วนร่วมของแกนนำในรูปแบบอาสาสมัคร |
|
Focus |
มุ่งศึกษาปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าไม่ได้รับสัญชาติ ศึกษาโครงสร้างทางสังคมลาหู่ที่เป็นสังคมปิตาธิปไตย สำรวจองค์ความรู้ที่ต้องห้ามสำหรับผู้หญิงที่เป็นเหตุทำให้ผู้หญิงชนเผ่าลาหู่ไม่สามารถดำเนินการเรื่องสัญชาติด้วยตนเองได้ และนำไปสู่การไม่ได้สัญชาติ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและระบบความเชื่อ เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าหลุดพ้นจากสังคมวัฒนธรรมประเพณีที่ผู้หญิงมีข้อห้ามข้อจำกัดมากมายที่ไม่ให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ ภายใต้สังคมปิตาธิไตยหรือสังคมระบบชายเป็นใหญ่ |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาใช้กรอบแนวคิดสิทธิและหน้าที่ การจำแนกบุคคลตามสัญชาติและกฎหมาย ตลอดจนแนวคิดเรื่องผู้หญิง เป็นแนวทาศึกษาภาคสนามและวิเคราะห์ |
|
Study Period (Data Collection) |
|
Social Organization |
สังคมชนเผ่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นสังคมปิตาธิปไตยที่อำนาจและผลประโยชน์ต่างๆ อยู่ในมือของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ จึงมีผลต่อการทำให้เกิดอคติและกีดกันบนฐานของเพศ/เพศภาวะดำรงอยู่ควบคู่กับอคติทางชาติพันธุ์ การขจัดอคติทางชาติพันธุ์อย่างเดียวไม่เพียงพอกับการแก้ไขปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น อาจทำให้อคติทางเพศ/เพศภาวะถูกกดทับซ้อนเร้นอยู่ต่อไป อันจะเป็นผลร้ายต่อผู้หญิงชนเผ่า การดำรงอยู่อย่างมั่นคงยั่งยืนของสังคม-วัฒนธรรมชนเผ่า และต่อสังคม-วัฒนธรรมไทยโดยรวมด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้นำชนเผ่า รัฐ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชนเผ่าต้องหาทางเร่งผลักดันให้เกิดการขจัดปัญหาอคติและการกีดกันบนฐานของความแตกต่าง บนฐานของเพศ/เพศภาวะ ควบคู่กับฐานทางด้านความแตกต่างทางชาติพันธุ์(หน้า, 45-47) |
|
Political Organization |
ปัญหาอันเกิดจากความผิดพลาดของเอกสาร การใช้เงื่อนไขยาเสพติดมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสัญชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายประกาศสงครามยาเสพติดของรัฐ ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ หมู่บ้านไหนที่คนในหมู่บ้านไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็เหมารวมว่าทุกคนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและไม่อนุมัติให้ลงรายการสัญชาติ อีกทั้ง ตัวบทกฎหมายขั้นตอนและกระบวนการที่ลักลั่นไม่เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของชาวเขา โดยเฉพาะชีวิตผู้หญิงลาหู่ ความเข้าใจในกฎหมายสัญชาติ หรือระเบียบที่เกี่ยวกับการกำหนดสถานะบุคคลของเจ้าหน้าที่บางคนในบางอำเภอ ทำให้ขาดความมั่นใจในการปฏิบัติงานประกอบสาระสำคัญทางกฎหมายเองสลับซับซ้อนยากแก่การตีความ หรือทำความเข้าใจยาก ทำให้การดำเนินงานและการตีความข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องผิดพลาดและผู้มีอำนาจขาดความมั่นใจในการพิจารณาและตัดสินใจอนุมัติ ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าไร้สัญชาติ (หน้า, 45-47) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและระบบความเชื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงชนเผ่าหลุดพ้นจากสังคมวัฒนธรรมประเพณีที่ผู้หญิงมีข้อห้ามข้อจำกัดมากมายที่ไม่ให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ ภายใต้สังคมปิตาธิปไตย หรือสังคมระบบชายเป็นใหญ่ทำให้ผู้ศึกษาสามารถต่อสู้เรื่องสัญชาติของตนเองจนได้สัญชาติไทย และสามารถช่วยเหลือผู้หญิงชนเผ่าและชาติพันธุ์ให้ได้สัญชาติไทยได้ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงชนเผ่าและชาติพันธุ์ที่ไร้สัญชาติ ต้องจำทนอยู่ในระบบอุปถัมภ์และการคอรัปชั่นที่ยังคงอยู่ ต้องผ่านกลุ่มชนหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากกระบวนการลงรายการสัญชาติ การมีคติทางชาติพันธุ์และการเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์จากเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลทั่วไป ดังนั้น การแก้ไขปัญหาสัญชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ต้องมีความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐองค์กรพัฒนาเอกชนและชาวบ้าน เนื่องจากข้าราชการในระดับกรมการปกครอง และข้าราชการในระดับปฏิบัติ ไม่สนองนโยบาย เจ้าหน้าที่บางอำเภอไม่สนองนโยบายการเร่งรัดลงรายการสัญชาติ ทำให้การพิสูจน์สถานะบุคคลของบุคคลชนเผ่าและชาติพันธุ์ไม่แล้วเสร็จตามกำหนดระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันจากรัฐบาล การติดตามความก้าวหน้าขั้นตอนของการลงรายการสัญชาติของผู้เดือดร้อน ผู้ไร้สัญชาติต้องใช้วิธีการและรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าการชุมนุมเรียกร้องระดับภาค ระดับอำเภอ องค์กรพัฒนาต้องรับภาระในการเตรียมความพร้อมและให้กำลังใจแก่ผู้ไร้สัญชาติและเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยให้มีส่วนร่วมของแกนนำในรูปแบบอาสาสมัคร (หน้า, 62-64) |
|
|