สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ดนตรีประกอบพิธีกรรมรำผีมอญ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ประเทศไทย
Author เฉลิมพล โลหะมาตย์
Title ดนตรีประกอบพิธีกรรมรำผีมอญ ของหมู่บ้านบางกระดี่ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text -
Ethnic Identity มอญ รมัน รามัญ, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
[เอกสารฉบับเต็ม]
Total Pages 165 Year 2551
Source มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Abstract

พิธีกรรมรำผีมอญเป็นการถวายเครื่องเซ่นต่อบรรพบุรุษพร้อมทั้งการร่ายรำ จากความคล้ายคลึงในขั้นตอนในพิธีรำผีระหว่างในประเทศไทยกับในรัฐมอญประเทศพม่าทำให้สันนิษฐานได้ว่า การรำผีในประเทศไทยได้เข้ามาพร้อมกับชาวมอญที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย พิธีรำผีจะจัดขึ้นเนื่องจากมีการกระทำผิดกฎข้อห้าม ชาวมอญเรียกว่า “ผิดผี” หรือมีการบนบานสานกล่าวไว้กับบรรพบุรุษในพิธีรำผีมอญมีการใช้วงปี่พาทย์มอญบรรเลงประกอบในพิธีกรรม ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้เลือกศึกษาดนตรีประกอบพิธีรำผีของวงปี่พาทย์คณะผู้ใหญ่บุญธรรมเท่านั้น ผลการศึกษาพบว่า บทเพลงหลักๆ ในพิธีรำผีของวงปี่พาทย์คณะผู้ใหญ่บุญธรรมจะมีอยู่ทั้งสิ้น 24 เพลง การบรรเลงเพลงในพิธีกรรมจะมีความสัมพันธ์กับขั้นตอนที่กำลังประกอบในพิธี ในด้านคุณลักษณะทางดนตรี ผู้วิจัยได้เลือกศึกษาบทเพลงที่มีการบรรเลงบ่อยที่สุดในพิธีรำผีจำนวน 5 เพลง โดยศึกษาทำนองฆ้องมอญวงใหญ่ พบว่าทั้ง 5 เพลงมีการใช้กลุ่มเสียงอยู่เพียง 2 กลุ่มเสียงคือ C D E G A และ G A B D E ซึ่งกลุ่มเสียงที่ใช้มากที่สุดคือกลุ่มเสียง C D E G A ซึ่งการใช้กลุ่มเสียงร่วมกันส่งผลให้การบรรเลงเพลงต่อกันในพิธีกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น เพลงที่มีการใช้กลุ่มเสียงทั้ง 2 กลุ่มมีอยู่ 3 เพลงคือเพลงอะบะคานเพลงเหล่ะอะนะชุกและเพลงเหล่ะโคร่ส่วนเพลงที่มีการใช้กลุ่มเสียง C D E G A เพียงกลุ่มเสียงเดียวมีอยู่ 2 เพลงคือเพลงเหล่ะแซง และเพลงเหล่ะกรั๊บ พิธีรำผีได้ส่งผ่านความเชื่อ กฎ ข้อห้ามต่างๆ นับเป็นภูมิปัญญาในการสั่งสอนลูกหลานของบรรพบุรุษชาวมอญสู่คนรุ่นหลัง สังคมที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันส่งผลต่อวิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่โดยรวมของชาวบ้านบางกระดี่ ทำให้ปัจจุบันสามารถพบพิธีรำผีได้น้อยลงในสังคมชาวมอญหมู่บ้านบางกระดี่

Focus

          เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมรำผีมอญ วิเคราะห์ดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบพิธีกรรมรำผีมอญ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างขั้นตอนของพิธีกรรมและดนตรีประกอบพิธีศึกษาบทบาทหน้าที่ของพิธีรำผีมอญและศึกษาประวัติความเป็นมาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชนชาวมอญหมู่บ้านบางกระดี่ ที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมการรำผีมอญในปัจจุบันของชาวมอญหมู่บ้านบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

Theoretical Issues

          การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาทางมานุษยดุริยางควิทยา (Ethnomusicology) ซึ่งเป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นทั้งตัวดนตรีเอง และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับดนตรีทุกแง่ทุกมุม มุ่งทำความเข้าใจในวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ ผลกระทบของสังคมที่มีต่อวัฒนธรรมการรำผีมอญ และบทบาทของพิธีกรรมรำผีมอญเองต่อสังคมชาวมอญหมู่บ้านบางกระดี่

Ethnic Group in the Focus

          มอญบางกระดี่ 

Language and Linguistic Affiliations

มอญ

Study Period (Data Collection)

          งานเอกสารนับจากสมัยอยุทธยา-พ.ศ. 2550 และงานภาคสนาม พ.ศ. 2550-2551  

History of the Group and Community

          ชาวมอญบางกระดี่ไม่ได้อพยพมาจากเมืองมอญโดยตรงอย่างชุมชนมอญหลายๆ แห่ง เมื่อพิจารณาจากหลักฐานหลายอย่างทำให้สรุปได้ว่า ชุมชนมอญบางกระดี่น่าจะเกิดขึ้นพร้อมกับวัดบางกระดี่ ราวสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น ชาวมอญจากที่อื่น ๆ ทั้งสมุทรสาคร พระประแดง และนนทบุรี ได้อพยพโยกย้ายเข้ามาอาศัยที่บางกระดี่ เนื่องด้วยการติดต่อซื้อขายและการหาหลักแหล่งทำมาหากินใหม่ ทำให้ชุมชนบางกระดี่มีการขยายตัวขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อชาวมอญอพยพมาอยู่ที่บางกระดี่แล้วได้นำเอาวัฒนธรรมประเพณีของตนติดตัวมา (หน้า1-4; 38-39)

Settlement Pattern

          ชุมชนบางกระดี่เป็นชุมชนมอญขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี เป็นชุมชนริมน้ำคล้าย ๆ ชุมชนมอญส่วนใหญ่ในเมืองไทย โดยตั้งบ้านเรือนอยู่สองฟากคลองสนามชัย หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าคลองบางกระดี่ จัดแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็นหมู่ที่ 2หมู่ที่ 8และหมู่ที่ 9แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีถนนซอยแยกจาก ถนนพระราม 2หรือถนนธนบุรีปากท่อ กิโลเมตรที่ 10ระยะทาง 3กิโลเมตร เข้าถึงหมู่บ้าน ซึ่งนับว่าสะดวกสบายกว่าสมัยก่อนที่ใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก (หน้า, 40)

Demography

          ประชากร จากการศึกษาประชากรชุมชนบางกระดี่ พบว่าประชากรชาวมอญจะมีประมาณ90 % ของประชากรทั้งหมด (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549) (หน้า, 36)

Economy

          เดิมอาชีพหลักของชุมชนมอญทั้ง 3แห่งมีอาชีพเย็บจาก ตัดฟืนและทำนา ภายหลังจากการขยายเมืองทำให้เขตบางขุนเทียนกลายเป็นเขตอุตสาหกรรม ที่ดินแถบวัดท่าข้ามและแถบวัดสะแกงามมีราคาสูงขึ้น ทำให้มีการขายที่ดินให้กับนักธุรกิจเพื่อทำเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านจัดสรรกันเป็นจำนวนมาก ชาวมอญที่ร่ำรวยจากการขายที่ดินมักจะนำเงินไปหาซื้อที่ดินใหม่ที่มีความเจริญในเมือง แต่บางคนกลับไปปลูกบ้านอยู่ในกลุ่มญาติพี่น้องชาวมอญของตน โดยเฉพาะชุมชนมอญวัดบางกระดี่ ในขณะที่ชุมชนมอญบางกระดี่มีประชากร (หน้า, 36)

Belief System

          การนับถือผีบรรพบุรุษของชาวมอญแสดงให้เห็นความกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษของตนชาวมอญจะมีการเลี้ยงผีประจำบ้านของตนอยู่เสมอ ความเชื่อผีเป็นสิ่งย้ำเตือนให้รู้ว่าตนเองเป็นมอญอยู่เสมอการดำรงชีวิตของชาวมอญบางกระดี่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่ออยู่เป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในการนับถือผีบรรพบุรุษ เห็นจากการเซ่นไว้ผีบรรพบุรุษของชาวมอญ การถือกฎข้อห้ามต่างๆ ที่ถือเป็นการผิดผี และยังมีความเชื่อในการนับถือผีประจำหมู่บ้าน ได้แก่ เจ้าพ่อบางกระดี่ เจ้าแม่หัวละหาน เป็นต้น ซึ่งจะมีการเซ่นไหว้สักการะเป็นประจำทุกปี การมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับความเชื่อถือเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนมอญบางกระดี่ ส่งผลให้พิธีกรรมรำผีมอญยังสามารถคงอยู่ในสังคมชาวมอญ (หน้า, 31-33)

Education and Socialization

         ผู้ศึกษามองว่าขั้นตอนในพิธีกรรมการบูชาผีบรรพบุรุษ  โดยเฉพาะรำผีมอญคือ กระบวนการเรียนรู้และสืบทอดความอย่างหนึ่ง ทำเกิดการส่งผ่านความเป็นมอญโดยใช้ขั้นตอนของพิธีกรรมเป็นตัวสื่อ (หน้า, 31-33)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          การรำผีมอญจะต้องมีวงปี่พาทย์มอญบรรเลงประกอบในพิธี ซึ่งจะเป็นวงปี่พาทย์มอญ เครื่องห้าหรือวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ ขึ้นอยู่กับโรงพิธีรำผีที่สร้างขึ้น รูปแบบวงปี่พาทย์เครื่องห้า ประกอบด้วย ฆ้องมอญวงใหญ่ 1 วง ระนาดเอก 1 ผืน ระนาดทุ้ม 1 ผืน ปี่มอญ 1 เลา ตะโพนมอญ 1 ลูก เปิงมาง 1 ลูก ฉิ่ง ฉาบ กรับ ฮะบับ 2 อัน วงปี่พาทย์เครื่องคู่ ประกอบด้วย ฆ้องมอญวงใหญ่1 วง ฆ้องมอญวงเล็ก 1 วง ระนาดเอก 1 ผืน ระนาดทุ้ม 1 ผืน ปี่มอญ 1 เลา ตะโพนมอญ 2 ลูก เปิงมาง 1 ลูก ฉิ่ง ฉาบ กรับ จากการศึกษารูปแบบวงปี่พาทย์ในพิธีรำผีมอญในรัฐมอญประเทศพม่า ผู้วิจัยพบว่า รูปแบบวงปี่พาทาย์ที่ใช้บรรเลงประกอบในพิธีรำผีจะมีเพียงรูปแบบเดียว ไม่มีแบ่งเป็นประเภทปี่พาทย์เครื่องห้าหรือเครื่องคู่แต่อย่างใด ส่วนบทเพลงหลักที่ใช้บรรเลงประกอบพิธีรำผีของวงปี่พาทย์มีอยู่ทั้งสิ้น 24 เพลง หากแต่เดิมเพลงในพิธีรำผีมีมากกว่านี้ แต่บางเพลงได้ลืมเลือนหายไปกาลเวลา บทเพลงทั้ง 24 เพลงเป็นบทเพลงหลักที่ใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธีรำผี ส่วนเพลงอื่นๆ ทั่วไปที่ใช้บรรเลงเพื่อความสนุกสนาน   การบรรเลงปี่พาทย์ประกอบพิธีซึ่งมีการแปรผันตามผู้ประกอบพิธีเป็นสำคัญ ทำให้การบรรเลงบางเพลงยังไม่ทันจบก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเพลงเสียก่อน เมื่อบรรเลงเพลงหลักในพิธีแล้วอาจจะมีการต่อด้วยเพลงสนุกสนานในตอนท้าย(หน้า, 161-162)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          พิธีกรรมรำผีมอญ ชาวมอญเรียกว่า ยูกะนา หรือ เหล่ะกะนาเป็นการถวายเครื่องเซ่นพร้อมทั้งการร่ายรำ การรำผีเป็นพิธีเลี้ยงผีแบบ “กินทั้งยืน” (เจี๊ยะละเตี่ยะตาว) การเลี้ยงผีอีกแบบหนึ่งของชาวมอญคือการเลี้ยงผีแบบ “กินทั้งนั่ง” (เจี๊ยะละคะโจ๊ะ) คือ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษของตระกูลโดยจะจัดเครื่องเซ่นบูชาที่เสาผีของบ้าน ชาวมอญจะไม่จัดพิธีรำผีหากไม่มีเหตุจำเป็น เพราะการจัดพิธีรำผีขึ้นมาแสดงให้เห็นว่าคนในตระกูลนั้นมีการ “ผิดผี” (ตุ๊กะหลก) นำมาซึ่งการเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออีกกรณีหนึ่งคือการบนบานสานกล่าวว่าจะรำผีเอาไว้เท่านั้นการรำผีของชาวมอญในชุมชนบางกระดี่ได้สืบทอดมาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน เชื่อกันว่า ประเพณีการรำผีชาวมอญได้นำติดตัวมาด้วยในเมื่อครั้งบรรพบุรษของชาวมอญอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย พิธีรำผีมอญในชุมชนบางกระดี่ถึงแม้จะยังสามารถพบได้ แต่เมื่อในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2546 - 2551) มีการจัดพิธีรำผีขึ้นในหมู่บ้านเพียง 3 ครั้ง รูปแบบของพิธีกรรมรำผีในหมู่บ้านบางกระดี่ยังคงมีเนื้อหาที่เคร่งครัด ยึดตามโบราณ การที่พิธีกรรมรำผีจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงไรนั้นขึ้นอยู่กับโต้ง ซึ่งเป็นผู้นำในการประกอบพิธีเป็นสำคัญ ในการรำผี 3 ครั้งโดยมีโต้งและวงปีพาทย์เป็นผู้การพิธี จะมีความเคร่งครัดในโบราณปฏิบัติที่ได้สืบทอดมาให้มากที่สุด (หน้า, 56-98; 148-160) 

Social Cultural and Identity Change

          ปัจจุบัน กระแสแห่งโลกทุนนิยมและโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้นำความเจริญเข้าสู่ชุมชนทุกหนแห่ง ธุรกิจท่องเที่ยวได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชุมชนชาวมอญอย่างมาก ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมอญหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาเพื่อการท่องเที่ยว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมของชาวมอญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พิธีรำผีมอญนับว่าเป็นพิธีที่จะเกิดขึ้นได้น้อยครั้งในสังคมชาวมอญมาแต่เดิม อีกทั้งสภาวะของสังคมในปัจจุบันกับพิธีกรรมที่มีลำดับขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ยิ่งทำให้พิธีรำผีมอญเกิดขึ้นน้อยมาก อีกทั้งการสืบทอดพิธีกรรมนี้เป็นไปในลักษณะวัฒนธรรมแบบ “มุขปาฐะ” (oral tradition) ซึ่งมีโอกาสที่จะสูญหายไปจากสังคมได้ง่าย หากไม่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ศึกษาจึงมองว่า งานศึกษาของตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมการรำผีของชาวมอญให้คงอยู่สืบไปการเปลี่ยนแปลงของชุมชนบางกระดี่จากการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย มาสู่การเป็นสังคมกึ่งอุตสาหกรรม การคมนาคมที่สะดวกในปัจจุบัน เปิดโอกาสให้วัฒนธรรมภายนอกมีโอกาสเข้าไปในชุมชน ชาวบ้านเปิดรับวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตแบบสมัยใหม่ วิถีชีวิตที่มีความเร่งรีบมากขึ้น สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตโดยรวมของชุมชนมอญบางกระดี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมถูกลดบทบาทลงทีละน้อย (หน้า, 160-162)

Map/Illustration

ภาพ
          ภาพผังการเสาโรงพิธีแบบเสาเดี่ยว (หน้า, 59)
          ภาพการสวดชุมนุมเทวดาและทำน้ำมนต์ธรณีสานของช่างปลูกโรงพิธี (หน้า, 66)
          ภาพผู้ช่วยโต้งจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ (หน้า, 67)
          ภาพลูกสาวในตระกูลต้มเทียน (หน้า, 67)
          ภาพแห่ผีจากบ้านต้นผีมายังบ้านที่รำผี (หน้า, 68)
          ภาพพิธีรวมผี (หน้า, 69)
          ภาพโต้งเริ่มการรำเบิกโรงพิธี (หน้า, 71)
          ภาพรำโดยคนทรงประจำหมู่บ้าน (หน้า,76)
          ภาพโกนลุมตาเปลี่ยนชุดนักรบและรำ (หน้า, 79)
          ภาพผีอีกาขโมยกินปลา (หน้า, 83)
          ภาพพิธีอะหลกฮะลาย (หน้า, 84)
          ภาพโต้งรำถือบายศรีหางปลา (หน้า, 90)
          ภาพรำมอญ (หน้า, 94)
          ภาพเครื่องเซ่นไหว้ส่วนหนึ่งที่เตรียมไว้หน้าเสาผี (หน้า, 250)

แผนที่
          แผนที่แสดงที่ตั้งของหมู่บ้านบางกระดี่ (หน้า, 37)

ตาราง
          ตารางหมายเลขขั้นตอนและบทเพลงที่ใช้ (หน้า, 110)
          ตารางความถี่ (Fundamental Hertz) ของดนตรีสากล (หน้า, 116)
          ตารางแสดงผลเปรียบเทียบค่าเซนต์ (Cent) (หน้า,118)

Text Analyst เอกรินทร์ พึ่งประชา Date of Report 07 มิ.ย 2562
TAG ดนตรีประกอบพิธีกรรมรำผีมอญ, กรุงเทพมหานคร, ภาคกลาง, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง