|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เวียดนาม นโยบายปฏิบัติผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ประเทศไทย |
Author |
มานิดา สาชุม |
Title |
นโยบายและการปฏิบัติของรัฐบาลไทยต่อผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามในประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2518-2539 |
Document Type |
อื่นๆ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
เวียด เหวียตเกี่ยว ไทยใหม่,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
115 |
Year |
2551 |
Source |
สารนิพนธ์หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง |
Abstract |
หลังสงครามระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้สิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 เวียดนามเหนือได้เข้าครอบครองเวียดนามใต้โดยสมบูรณ์ แล้วทำให้การเปลี่ยนการเมืองการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ และสังคมให้เป็นไปตามระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้ชาวเวียดนามที่ไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องพากันอพยพหนีออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวเวียดนามเชื้อสายจีน เนื่องจากได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่การอพยพออกนอกประเทศในระยะหลังพบว่า เป็นชาวเวียดนามที่ต้องการไปตั้งถิ่นฐานถาวรในประเทศตะวันตกเพราะต้องการที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ผู้อพยพเห่านี้จึงไม่ได้เป็นผู้อพยพที่แท้จริงแต่เป็นผู้อพยพทางเศรษฐกิจ และสาเหตุที่ต้องอพยพเดินทางโดยเรือเข้ามาในประเทศไทยนั้นเพราะประเทศไทยไม่มีพรมแดนติดกับประเทศเวียดนามแต่ใช้น่านน้ำเดียวกัน รัฐบาลไทยมีนโยบายต่อผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามที่เดินทางเขามาในประเทศไทย โดยจะให้พักพิงเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร และได้มีมติคณะรัฐมนตรีในวาระต่างๆ เป็นมาตรการที่จะนำมาปฏิบัติกับผู้อพยพตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อผู้อพยพมีจำนวนมากขึ้นจนประเทศไทยไม่สามารถแบกรับโดยลำพังได้ รัฐบาลไทยจึงได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ และรัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะไม่ให้มีการตั้งถิ่นฐานถาวรในประเทศไทย สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติก็ได้ตอบรับข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทย โดยประสานงานกับนานาชาติเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการส่งผู้อพยพเหล่านี้ออกจากประเทศไทยสองแนวทางคือ การส่งกลับประเทศเดิมและการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานถาวรยังประเทศที่สาม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้ส่งผู้อพยพชาวเวียดนามรุ่นสุดท้ายใน พ.ศ.2539 ถือเป็นการสิ้นสุดปัญหาผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามในประเทศไทย |
|
Focus |
ศึกษาสาเหตุการอพยพชาวเวียดนาม ศึกษานโยบายและการปฏิบัติของรัฐบาลไทยต่อผู้อพยพ และศึกษาการให้ความช่วยเหลือทางเรือชาวเวียดนามในประเทศไทย |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาใช้วิธีศึกษาจากการค้นคว้าจากข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กับหัวข้อวิจัย แล้วนำมาประมวลและวิเคราะห์ ตามวิธีทางประวัติศาสตร์และเขียนด้วยการพรรณนาเพื่อวเคาะห์ให้เห็นสาเหตุหลักของการอพยพชาวเวียดนาม ตลอดจนทำให้ทราบนโยบายของรัฐไทยในขณะนั้นว่าปฏิบัติต่อผู้อพยพเป็นเช่นไร |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้ศึกษากำหนดขอบเตงานด้านเอกสารต่างๆ ในช่วง พ.ศ. 2518-2539 |
|
History of the Group and Community |
ความเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองที่ทำให้เกิดความกลัวต่อระบบการปกครองใหม่คือระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากการที่เวียดนามได้ดำเนินตามนบโยบายการเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมให้เป็นแบบสังคมนิยมโดยการเกณฑ์ประชาชนเข้าสู่เขตเศรษฐกิจใหม่ที่ตั้งขึ้นในชนบทและบังคับให้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนเป็นสังคมนิยมผู้อพยพชาวเวียดนามได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตั้งแต่ พ.ศ. 2518-2538 ประมาณ 796,310 คน และชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยเฉพาะชาวเวียดนามเชื้อสายจีน ได้อพยพออกนอกประเทศจำนวนมากโดยอาศัยเรือเป็นพาหนะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนาม “Victnamesc Boat People” เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยมากกว่า 100,000 คน ทางราชการไทยได้แบ่งประเภทของผู้อพยพชาวเวียดนามออกเป็นสองประเภทโดยจำแนกตามวิธีการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย คือ ผู้อพยพชาวเวียดนามทางบกและผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนาม ผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนถึง 4,000-5,000 คนต่อปี การอพยพออกนอกประเทศโดยทางเรือของชาวเวียดนามแบ่งได้สามช่วงระยะเวลา คือ ระยะก่อนหน้าที่คอมมิวนิสต์จะได้รับชัยชนะในเวียดนามใต้ ระยะที่สองคือหลังจากที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ชัยชนะเวียดนามใต้แล้วสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ เพื่อนำพาประเทศเข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ และระยะที่สามของการอพยพ ผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามไม่ได้อพยพจากประเทศด้วยเพราะเหตุผลทางการเมืองแต่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวทางเศรษฐกิจ คือต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศทุนนิยมตะวันตก (หน้า, 109-112) |
|
Social Organization |
ความเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองที่ทำให้เกิดความกลัวต่อระบบการปกครองใหม่คือระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากการที่เวียดนามได้ดำเนินตามนบโยบายการเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมให้เป็นแบบสังคมนิยมโดยการเกณฑ์ประชาชนเข้าสู่เขตเศรษฐกิจใหม่ที่ตั้งขึ้นในชนบทและบังคับให้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนเป็นสังคมนิยมผู้อพยพชาวเวียดนามได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตั้งแต่ พ.ศ. 2518-2538 (หน้า, 109) |
|
Map/Illustration |
ตาราง
ตารางจำนวนผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามที่รับไว้ในค่ายอพยพตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ถึง พ.ศ. 2535 (หน้า, 40)
ตารางจำนวนผู้อพยพทางเรือชาวเวียดนามที่รับไว้ในค่ายผู้อพยพของ UNHCR และเดินทางไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม พ.ศ. 2518 ถึง พ.ศ. 2535 (หน้า, 102)
ภาพ
ภาพแผนที่แสดงเส้นทางการอพยพออกนอกประเทศของผู้อพยพชาวอินโดจีน พ.ศ. 2518 ถึง พ.ศ. 2535 (หน้า, 34)
ภาพอัตราส่วนของผู้บริโภคอพยพทางเรือ๙วเวียดนามที่ไปถึงประเทศต่างๆ (หน้า, 39)
ภาพการตูนล้อโจรสลัดในอ่าวไทย (หน้า, 43)
ภาพ ที่ตั้ศูนย์อพยพชาวอินโดจีนโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNHCR ตั้งแต๋ทศวรรษที่ 1980-1900 (หน้า, 103) |
|
|