|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาวครั่ง,ความเป็นอยู่,ประเพณี,การปรับตัว,สุพรรณบุรี |
Author |
คนึงนุช มียะบุญ |
Title |
การปรับตัวต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงของลาวครั่งที่บ้านโคก จังหวัดสุพรรณบุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลาวครั่ง ลาวขี้คั่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
127 |
Year |
2537 |
Source |
สาขาวิชามานุษยวิทยา ภาควิชามานุษยวิทยา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร |
Abstract |
เป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของชุมชนบ้านโคกซึ่งได้รับเอาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชุมชนหลายอย่าง ยังผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม วัฒนธรรมบ้านโคก ซึ่งสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้บางสิ่งได้รับไว้อย่างถาวร บางสิ่งยกเลิกไป การเปลี่ยนแปลงของสังคมบ้านโคกเป็นไปได้ชัดเจนในทางรูปธรรม แต่ทางนามธรรมยังคงรักษารูปแบบเดิมไว้เพียงแต่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางอย่าง ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 ทาง ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ตามสำนึกในกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนเดียวกัน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของชุมชนมีอิทธิพลต่อการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในชุมชน |
|
Focus |
เน้นการแสดงภาพรวมของชุมชนหมู่บ้านของลาวนครั่งที่บ้านโคกและพิจารณาการปรับตัวของลาวครั่งในชุมชนที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม (บทคัดย่อ) |
|
Theoretical Issues |
ใช้แนวคิดของ พัลคอทท์ ปาร์สันส์ และ อ๊อกเบิร์น ในเรื่องการเคลื่อนไหวดุลยภาพ วัฒนธรรมของลาวครั่งบ้านโคกนี้ มีลักษณะที่อยู่รวมตัวกันเป็นเอกภาพของชุมชนและมีความคงตัวพอประมาณ จะมีการละทิ้งสิ่งเก่า ๆ ไปบ้างแต่ก็มีการรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาหรือมีลักษณะเป็นวัฒนธรรมสะสม จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีวัฒนธรรมที่สูญเสียไปกับวัฒนธรรมที่ได้มา เช่น ในด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ได้แก่ การปลูกบ้านเรือนแบบตึก โดยใช้อิฐ หิน ปูน ทราย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขาดแคลนทรัพยากรป่าไม้ และการใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มาจากกรุงเทพฯ แทนของจักสานแบบเดิม วิถีการผลิต เมื่อผลผลิตจากการทำนาให้ปริมาณน้อยลงเนื่องจากพื้นที่จำกัด เพราะการใช้ประโยชน์ด้านอื่นสูงกว่า เช่น สร้างโรงงาน ทาวเฮาส์ ประกอบกับขาดแคลนน้ำ ทำให้คนในชุมชนหันมาสร้างผลผลิตทางอุตสาหกรรมเพื่อชดเชยผลผลิตทางเกษตรกรรมบางส่วนที่สูญเสียไป วิถีแห่งความคิด ความเชื่อ ทัศนคติและค่านิยมต่าง ๆ ในปัจจุบันความเชื่อในสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติในเรื่องภูตผีปีศาจเริ่มลดน้อยลง ผู้คนนับถือพุทธศาสนาเข้มข้นกว่า ความเชื่อเรื่องโชคชะตาพึ่งพาธรรมชาติดูจะหายไป มีความกระตือรือร้นแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตเข้ามาแทนที่คนรุ่นใหม่นิยมออกไปทำงานนอกชุมชน แล้วนำความรู้ความคิดใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตในชุมชนบ้านโคก(น.94-108) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาลาวครั่งจัดอยู่ในตระกูลภาษาไทหรือไต ภาษาพูดของลาวครั่งที่อยู่ในท้องถิ่นนี้พบว่ามีทั้งสำเนียงสุพรรณ ภาษาไทยกลาง สำเนียงนครปฐมผสมกับสำเนียงลาวครั่ง ส่วนภาษาเขียนนั้นมีปรากฏทั้งในหนังสือใบลานและสมุดไทยขาว ซึ่งเรื่องราวที่เขียนไว้มีทั้งที่เกี่ยวกับกับตำนาน คาถา ยันต์ ตำรายา วิธีรักษาโรค การดูฤกษ์ยาม โชคชะตาและนิทานพื้นบ้านเหล่านี้บันทึกด้วยตัวอักษรที่มีตัวไทยน้อยและยังมีตัวธรรมอีสาน บางครั้งบาลีกับอักษรขอมแทรกปนอยู่ด้วย มีลักษณะการเขียนใต้บรรทัด (น.42-43) |
|
Study Period (Data Collection) |
พฤศจิกายน พ.ศ.2536 - ธันวาคม พ.ศ.2537 (น.3) |
|
History of the Group and Community |
ลาวครั่งเป็นประชากรของประเทศลาว เรียกว่า "ภูคัง" ในสมัยรัตนโกสินธ์ตอนต้น ลาวตกเป็นเมืองประเทศราชของสยาม เกิดสงครามระหว่างประเทศหลายครั้งด้วยกัน ในปี พ.ศ. 2370 สยามปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์ได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตรัสสั่งให้ทำลายเวียงจันทน์ เพื่อมิให้ตั้งตัวได้อีกและรวมเข้ากับสยาม ลาวครั่งได้ถูกกวาดต้อนเข้ามายังสยามในครั้งนั้น ในสมัยต่อมาชื่อเพี้ยนเป็น "ลาวขี้ครั่ง" "ลาวครั่ง" "ลาวเต่าเหลือง" "ลาวด่าน" "ลาวโนนปอแดง" "ลาวก๊ะล่ะ" "ลาวล่อก๊อ" (น.35-36) |
|
Settlement Pattern |
เนื่องจากลาวครั่งอยู่ในฐานะเชลยศึก เพื่อความปลอดภัยของประเทศจึงมีการอพยพโยกย้ายที่อยู่อาศัยหลายครั้ง ลักษณะการสร้างบ้านเรือนจึงเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ถาวรทำจากไม้ไผ่ แฝก เมื่อเข้ามาจับจองที่ที่บ้านโคก ปลูกสร้างบ้านและยุ้งฉางด้วยไม่เป็นส่วนใหญ่ หลังคาใช้แฝก ต่อมาใช้สังกะสี แต่ตัวบ้านโดยทั่วไปใช้ไม้เป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่หาง่ายในท้องถิ่นนี้ ในสมัยก่อนนั้นบ้านโคกรายล้อมด้วยป่าไม้ใหญ่ วัสดุที่ใช้ปลูกบ้านหาได้ง่ายจากป่า เมื่อสภาพ่ป่าหมดไปในภายหลังเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่าและการให้สัมปทานระเบิดภูเขา ชาวบ้านต้อฝไปซื้อวัสดุก่อสร้างแถวตลาดอู่ทอง พบว่าการใช้ไม้สร้างบ้านจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้อิฐ หิน ปูน ทราย หลายคนจึงเลือกสร้างบ้านตึกที่ทำด้วยคอนกรีต เพราะเห็นว่าค่าใช้จ่ายต่ำกว่าและแปลกตาดี บัดนี้ชุมชนบ้านโคกจึงมีบ้านตึกหลายหลังมีทั้งที่เป็นบ้านชั้นเดียวและสองชั้น มีหลายหลังที่ไม่ทาสีเหมือนบ้านตึกที่อยู่ในตัวเมือง เนื่องจากเหตุผลที่ว่าสร้างไว้อยู่อาศัยไม่ได้สร้างไว้อวดแสดงความสวยงามให้ผู้อื่นดู (น.33-35, 74) |
|
Demography |
บ้านโคกมีประชากรทั้งหมด 2,144 คน 374 ครัวเรือน ชาย 1,057 คน หญิง 1,087 คน (น.27) |
|
Economy |
ระบบการผลิต การแลกเปลี่ยนและการบริโภคของชุมชนลาวครั่งที่บ้านโคก ครั้งแรกก่อตั้งชุมชนเป็นการผลิตเพื่อยังชีพ ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เอาผลผลิตที่ได้มาแลกเปลี่ยนกัน (น.63-70) ภายหลังผลิตเพื่อการค้าขายแลกเปลี่ยนกันโดยใช้เงินเป็นสื่อกลาง ต่อมาเมื่อทำนาไม่ได้ผลจากที่เคยทำได้ปีละ 2 ครั้งเหลือแค่ครั้งเดียว ทำให้รายได้ขาดหายไป จึงหารายรายได้จากวิธีการอี่นโดยการประกอบอุตสาหกรรมบ้าง รับจ้างบ้าง แต่เหล่านี้ก็เป็นเพียงอาชีพดสริม ยังคงทำนาเป็นอาชีพหลัก สินค้าจากโรงงานจำเป็นต่อการดำรงชีพ พึ่งพาอาหารจากตลาด (น.71-73) การแบ่งแรงงาน แรงงานในชุมชนบ้านโคกส่วนใหญ่ คือ สมาชิกในครอบครัว ทั้ง หญิง ชาย และเด็ก รวมถึงญาติพี่น้องที่อยู่ในระแวกบ้านใกล้เคียงกัน ทุกคนจะช่วยงานในกิจการของครอบครัว งานหนักเป็นหน้าที่ของชาย งานที่เกี่ยวกับดูแลบ้านเรือนและงานเบา ๆ เป็นหน้าที่ของผู้หญิง อย่างไรก็ตาม งานในนา-ไร่ ทั้งหญิง ชาย และเด็กจะช่วยกันทำ เพราะต่างก็เป็นสมาชิก ซึ่งต้องมีส่วนร่วมกันในเชิงเศรษฐกิจครอบครัว (น.43-44) |
|
Social Organization |
ครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม ตามความสัมพันธ์นั้นครอบครัวคือกลุ่ม ๆ หนึ่งของผู้คนที่มีการรวมกลุ่มทางเพศอย่างมั่นคง มีระบบการเรียกชื่อตามสถานะของสมาชิก สมาชิกมีความสัมพันธ์กันและความเป็นเครือญาตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมของคนในชุมชน ความเป็นเครือญาตินี้ สืบเนื่องมาจากการเป็นลูกหลานของบรรพบุรุษที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกันภายในกลุ่มชาติพันธ์ตั้งแต่เริ่มอพยพเข้ามาจากประเทศลาว ความสัมพันธ์ของระบบเครือญาตินี้เป็นที่มาของแรงงานทั้งทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การทำนาและทางด้านประเพณี เช่น งานบวช บรรดาญาติพี่น้องก็จะให้ความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ (น.40-42) กลุ่มผู้นำและกรรมการหมู่บ้าน ในอดีตลาวครั่งจะเชื่อฟังผู้เฒ่าผู้แก่ที่น่าเคารพในหมู่บ้าน ต่อมารัฐได้จัดรูปแบบการการปกครองท้องถิ่นผู้นำของชุมชนเปลี่ยนเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากชาวบ้านช่วยกันปกครองดูแลหมู่บ้านกลุ่มต่าง ๆ ในชุมชน - กลุ่มสินเชื่อเพื่อการกู้เงินแบบเร่งด่วนเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อกู้เงินจากแหล่งเงินทุนภายนอก เพื่อนำมาลงทุนภายในกลุ่ม เช่น กลุ่มสมาชิกกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส) และกลุ่มผู้กู้เงินกับนายทุนภายนอก - กลุ่มแลกเปลี่ยนแรงงาน มี 2 ประเภท คือ กลุ่มแลกเปลี่ยนแรงงานในกิจกรรมทางการผลิต เรียกว่า "เอาแรง" เช่น การทำนา และกลุ่มแลกเปลี่ยนแรงงานในกิจกรรมทางประเพณีเพื่อชีวิต เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ หากบ้านใด้ต้องการความช่วยเหลือชาวบ้านก็จะให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มใจจะแลกแเปลี่ยนแรงกันอย่างนี้เรื่อย ๆ - กลุ่มกรรมการวัดเป็นกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับวัด เช่น งานประจำปี งานหารายได้เข้าวัด - กลุ่มความสัมพันธ์เฉพาะอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มกันของคนที่ประกอบอาชีพเดียวกัน เป็นการรวมตัวชั่วคราวและไม่เป็นทางการเพื่อปรึกษาในเรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มผู้เลี้ยงวัว กลุ่มผู้ปลูกผัก กลุ่มผู้ตัดอ้อย กลุ่มผู้ตัดเย็บเสื้อผ้า กลุ่มผู้จัดสร้างวัสดุก่อสร้าง กลุ่มคนงานไฟแช็ค(น.53-59) - การจัดช่วงชั้นทางสังคม โดยการแบ่งกลุ่มตามวัย ซึ่งแต่ละวัยจะมีกรอบเกณฑ์สำหรับการปฏิบัติให้เหมาะสม ได้แก่ เด็กน้อย ผู้บ่าว-ผู้สาว ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า (น.59-61) - การจัดชนชั้นทางสังคม ไม่ปรากฏการแบ่งชนชั้นทั้งจากอดีตจนกระทั้งปัจจุบันซึ่งถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่าง ทั้งนี้คงเป็นเพราะความเหนียวแน่นในความสัมพันธ์ทางเครือญาติ การช่วยเหลือ พึ่งพาอาศัยทางสังคม สำนึกในกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนเดียวกัน (น.61) |
|
Political Organization |
บ้านโคกมีกรรมการหมู่บ้านคอยควบคุมดูแล ภายใต้ความเห็นชอบจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน หากชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องใดก็สามารถแจ้งต่อคณะกรรมการหมู่บ้านได้ และคณะกรรมการเหล่านี้ก็จะนำเรื่องไปแจ้งต่อผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็จะปรึกษากันกับผู้ช่วยฯ แล้วนำเรื่องไปแจ้งต่อกำนัน และกำนันก็แจ้งต่อทางการที่อำเภอ ทางการอำเภอก็จะจัดการแก้ปัญหาให้ และถ้าหากทางการมีเรื่องแจ้งให้ชาวบ้านทราบก็จะเรียกผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เข้าประชุม แล้วให้นำเรื่องมาแจ้งต่อลงมาตามลำดับ (น.23-24) ในอดีตชาวบ้านจะให้ความเคารพเชื่อฟังผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นที่เคารพรักของคนในหมู่บ้าน ในเวลาต่อมารัฐได้จัดรูปแบบการปกครองท้องถิ่น ทำให้บ้านโคกต้องยอมรับนโยบายแผนงานต่างๆ ระเบียบ กฎเกณฑ์ และกฎหมายที่รัฐหยิบยื่นให้โดยผ่านตัวแทนของรัฐ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาสู่ชุมชน ตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นผู้นำที่เป็นทางการ โดยได้รับการเลือกจากผู้คนในหมู่บ้าน เพื่อทำหน้าที่ปกครอง ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เรียกเก็บภาษีต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินงานตามนโยบายและโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการที่เข้าสู่หมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมด้วย ซึ่ง ผู้ใหญ่บ้านเป็นประธาน (น.53-54) |
|
Belief System |
ลาวครั่งนับถือพุทธศาสนา ในวันพระและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะไปทำบุญตักบาทที่วัด (น.33) มีความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ นับถือผี ซึ่งผีประจำหมู่บ้านมี่ 2 ฝ่าย คือ ผีฝ่ายเทวดาและผีเจ้านาย (เจ้าขุนมูลนาย หรือ กษัติรย์ที่เคยปกครอง) ศาลของพี่ทั้งสองจะตั้งอยู่ในสถานที่ร่มรื่นและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ห่างจากตัวบ้านออกไปมีการทำพิธีบูชาผีทั้งสองฝ่ายในเดือน 7 หรือเดือนมิถุนายนของทุกปี จะมีการทำพิธีบูชาและจัดเครื่องเซ่นผีเจ้านายก่อน หลังจากนั้นฝ่ายที่นับถือผีเทวดาจึงจัดงานเลี้ยงของตน เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะนำอาหารมาเลี้ยงกินในหมู่บ้าน ดื่มสุราและร้องรำอย่างสนุกสนาน ถือเป็นโอกาสที่ชาวบ้านได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีความคิดและเป้าหมายร่วมกัน ความเชื่อจึงเป็นสิ่งที่สามารถสร้างพลังอันเหนียวแน่นภายในชุมชนบ้านโคกได้ส่วนหนึ่ง ในพิธีแต่งงานลาวครั่งต้องทำพิธีเลี้ยงผีเทวดา สำหรับชายหญิงที่พากันหนีแล้วกลับมาจะต้องทำพิธีเลี้ยงผีที่บ้านของฝ่ายหญิง ปัจจุบันความเชื่อเกี่ยวกับผีเทวดาและผีเจ้านายนั้นได้จืดจางลง กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเซ่นไหว้ต่างๆ มีความเคร่งครัดน้อยลง เด็กๆ และคนรุ่นใหม่ไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้เลย อย่างไรก็ตาม ประเพณีเซ่นไหว้ผีก็ยังคงกระทำกันเป็นประจำทุกปีตราบเท่าทุกวันนี้ (น.50-51) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
หลังจากที่มีการดำเนินโครงการสาธารณสุขมูลฐานในปี พ.ศ.2528 บ้านโคกเริ่มซื้อยาจากโรงพยาบาลเพื่อนำมาจำหน่ายในหมู่บ้าน ปัจจุบันได้จัดตั้งกองทุนยาประจำหมู่บ้าน นอกจากมีสาธารณสุขหมู่บ้านแล้วยังมีโรงพยาบาลอู่ทองเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานสาธารณสุขอนามัย ได้จัดตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนและปฏิบัติงานด้านอนามัย โดยได้จัดหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคระบาดแก่ชาวบ้านโคกปีละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังให้ความรู้ด้านสุขศึกษาแก่เด็กนักเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาปีละ 12 ครั้งด้วย (น.28-30) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของคนในชุมชนบ้านโคกจะแต่งตามสมัยนิยมหรือตามความพึงพอใจ บางคนนิยมสวมกางเกง บางคนนุ่งผ้าถุงไปเที่ยวตลาด แต่ก็เดินไปด้วยกันได้ไม่มีการต่อว่าหรือนินทากัน (น.75,90) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวบ้านโคกมีความผูกพันกันในระบบเครือญาติ เชื่อฟังกลุ่มเครือญาติ มีจิตสำนึกในความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันยึดถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยมและอุดมการณ์ต่าง ๆ ที่สะสมมาเป็นเวลาช้านานตามบรรพบุรุษของตน มีความสัมพันธ์ภายในครัวเรือนในกลุ่มเครือญาติและระหว่างครัวเรือนภายในชุมชนอย่างเหนียวแน่น สมาชิกทุกคนมีความรู้สึกได้รับการดูและเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกว่าตนเป็นส่วนที่มีความสำคัญและทำให้เกิดความมั่นใจและมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตหรือการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในสภาพเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป คนในสังคมไม่มีความเป็นปัจเจกชนเหมือนสังคมสมัยใหม่หรือสังคมเมืองทั่วไป จิตสำนึกร่วมในความเป็นกลุ่มชุมชนเดียวกันและเครือญาติอย่างเหนียวแน่นมีผลต่อการยอมรับไม่ยอมรับและการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของกลุ่มมิใช่ปัจเจกชน การยอมรับสิ่งใหม่ ๆ เข้าสู่ชุมชนเกิดจากการยอมรับสิ่งใหม่เข้าสู่ชุมชน เกิดจากการลองรับของชาวบ้านเอง ซึ่งมีหลายอย่างที่ยอมรับปฏิบัติกันมาอย่างถาวรและบางอย่างล้มเลิกไป (น.99-100) |
|
Social Cultural and Identity Change |
เมื่อชุมชนบ้านโคกรับเอาสิ่งใหม่ ๆ ที่เชื่อว่าทันสมัย เช่น เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาในชุมชน ทำให้ละเลยในกฎเกณฑ์และความเชื่อประเพณีดั้งเดิม เช่น การนับถือผีไม่เคร่งครัดเหมือนในอดีต คนหนุ่มสาวทำงานไม่มีเวลาเข้าวัด มีเฉพาะรุ่นพ่อแม่เท่านั้นที่ยังไปวัด พบว่าหญิงทำงานเย็บผ้า ชายทำงานในอู่ซ่อมรถ ชีวิตความเป็นอยู่พึ่งพาสิ่งของเครื่องใช้จากโรงงาน เช่น เสื้อผ้าตามสมัยนิยม โทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าว สบู่ แป้ง วัสดุในการสร้างบ้าน ซึ่งเงินถือว่าเป็นปัจจัยที่จำเป็นอย่างมาก เมื่อพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นที่ต้องการของพวกนายทุนเข้ามาซื้อเพื่อทำธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร การมองความแตกต่างในฐานะรวย-จนในชุมชนต่อคนในชุมชนยังไม่ปรากฏชัดเจน ที่พบบ่อยครั้งจะเป็นการมองของคนในชุมชนต่อคนในชุมชนภายนอก เช่น การมองคนที่อาศัยอยู่ในตลาดนั้นเป็นคนรวย เพราะมีกิจกรรมทางการค้าขายหลายอย่างและที่พบเสมอว่า คนบ้านโคกเวลาขัดสนเงินทองในเวลากระทันหันจะไปยืมเงินคนในตลาด (น.90-91) |
|
|