|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),บ้าน,การเล่นของเด็ก,แม่ฮ่องสอน |
Author |
กวิน ว่องวิกย์การ |
Title |
มิติที่ซ่อนอยู่สำหรับเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้าน |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
75 |
Year |
2545 |
Source |
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การศึกษามิติที่ซ่อนอยู่สำหรับเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านของงานวิจัยเล่มนี้ เป็นทฤษฎีที่ใช้เป็นแนวทางออกแบบบ้านของตัวเอง บ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โตหรูหรา เพราะนอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้วยังเป็นมิติที่เอื้อต่อธรรมชาติของเด็ก และบ้านยังมีส่วนช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจสติปัญญาของเด็ก ให้เจริญเติบโตอย่างงดงาม และเรียกได้ว่า เป็นบ้านแห่งชีวิตสำหรับวัยที่เป็นก้าวแรกที่จะเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจต่อไป |
|
Focus |
ศึกษาว่าในบ้านของกะเหรี่ยงมีมิติที่ซ่อนอยู่ สำหรับเด็กที่จะมีจินตนาการและการเรียนรู้ในการปรับตัวทางสังคมอย่างไรบ้าง |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนเสนอว่า "ใต้ถุนหลองข้าว" และ "เล้าหมู" ของบ้านกะเหรี่ยงเป็นที่ที่เด็กกะเหรี่ยงชอบเข้าซ่อน เพราะมีบรรยากาศกระชับ และอบอุ่น ทำให้เด็กมีความฝันและจินตนาการตามทฤษฎีของ G. Bacheland |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยง (กลุ่มปกาเกอะญอ) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในการศึกษาระบุแต่เพียงว่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีภาษาพูดเป็นของตนเอง มีบางคนเท่านั้นที่พอจะพูดภาษาได้บ้าง |
|
Study Period (Data Collection) |
ในการศึกษางานวิจัยผู้วิจัยระบุแต่เพียงว่าผู้วิจัยได้เข้าไปเก็บข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนกันยายน พฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม เท่านั้นข้อมูลในการเรียบเรียงไม่ได้ระบุใว้ในงานวิจัย |
|
History of the Group and Community |
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กะเหรี่ยงเป็นชุมชนที่รักความสงบรักธรรมชาติอาศัยอยู่รวมกันอย่างสงบสุข กะเหรี่ยงวส่วนใหญ่จะเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโสไม่ทำร้ายพวกเดียวกันและปกครองกันอย่างเป็นธรรม ที่สำคัญกะเหรี่ยงจะรักและหวงแหนธรรมชาติกะเหรี่ยงจะถือว่า ธรรมชาติมีความสำคัญกับตนเองมากที่สุด กะเหรี่ยงในประเทศไทย ปัจจุบันมีอยู่เพียงสองกลุ่มใหญ่ คือ กะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งเรียกตัวเองว่าปกาเกอะญอและกะเหรี่ยงโปว์ หรือโพล่ง หรือเยอโพล่ง คำว่าปกาเกอะญอ และเยอโพล่งมีความหมายแปลว่าคน หรือฉันคือคน ซึ่งเป็นคนรักสงบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ |
|
Settlement Pattern |
การตั้งถิ่นฐานของกะเหรี่ยงอยู่บริเวณท่ามกลางหุบเขาและลำน้ำแม่สุรินมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะแก่การประกอบอาชีพทำไร่ ทำสวนทำนาเลี้ยงสัตว์ ลักษณะการตั้งบ้านเรือนของกะเหรี่ยงส่วนใหญ่จะอาศัยกันอยู่แบบชุมชนเล็กๆไม่ใหญ่จนเกินไปการสร้างบ้านเรือนจะสร้างกันแบบยกพื้นสูงใช้ไม้ไผ่มาทำฝาบ้านใต้ถุนบ้าน จะมีครกกระเดื่องไว้ตำข้าว และไว้ทำประโยชน์อีกหลายอย่าง (หน้า 41) (รายละเอียดลักษณะบ้านดูหัวข้อ Art and Crafts) |
|
Demography |
มีประชากรจำนวน 49 คน ชาย 25 คน หญิง 24 คนมีจำนวน 7 ครอบครัว 11 หลังคาเรือน บ้านที่มีเด็กอาศัยอยู่ในช่วง 2 สัปดาห์ - 12 ปี มีจำนวนทั้งหมด 12 คน เป็นชาย 6 คน และหญิง 6 คน |
|
Economy |
สังคมของกะเหรี่ยงเป็นสังคมที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติ มีการเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักที่สำคัญ วิถีชีวิตของปกาเกอะญอปลูกข้าวเพื่อใช้รับประทาน ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อทำการค้า แต่ละครอบครัวจะมีไร่นาเป็นของตนเองครอบครัวละหลายแห่ง และจะทำไร่ทำนาสลับหมุนเวียนกันไปประมาณ 5-6 ปีก็จะกลับมาทำที่เดิมเพื่อให้ผืนดินได้พักตัวและฟื้นฟูสภาพความอุดมสมบูรณ์ไปตามวิถีทางแห่งธรรมชาติของผืนดิน แต่ละครอบครัวก็จะมีเมล็ดข้าวใส่กระสอบเก็บไว้รับประทานต่อไป (หน้า 48) |
|
Social Organization |
ในงานการศึกษาไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน กล่าวแต่เพียงว่าสังคมของกะเหรี่ยงเป็นสังคมที่รักสงบ รักธรรมชาติ มีการรวมกลุ่มการอยู่รวมกันภายใต้กฎระเบียบแบบแผนอันเดียวกันไม่ปะปนกับชนชาติอื่น ทุกคนในสังคมเคารพและเชื่อฟังผู้อาวุโสและผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน และในการอยู่รวมกันภายในหมู่บ้านก็จะไม่มีการลักขโมยหรือการประทุษร้ายระหว่างพวกเดียวกันเองก็ไม่เคยมีให้เห็น เขาปกครองกันด้วยความเป็นธรรม ดังนั้น จึงกลายเป็นความจำเป็นที่บังคับให้ทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีรักตนเองและรักธรรมชาติไม่ย่ำยีซึ่งกันและกัน (หน้า 40, 42) |
|
Political Organization |
กะเหรี่ยงมีการจัดระเบียบภายในโดยเคารพผู้อาวุโสและหัวหน้าหมู่บ้านเขาปกครองกันด้วยความเป็นธรรมมีจิตสำนึกที่สร้างความสามัคคีในหมู่บ้านมากมีศีลธรรมที่บังคับให้ทุกคนเป็นคนดี (หน้า 40) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนกล่าวแต่เพียงว่าเมื่อได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลเขาก็จะใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในการรักษาแผล เช่นหญ้าสาบเสือใช้รักษาแผลสดเท่านั้น (หน้า42) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในด้านการศึกษาผู้วิจัยได้กล่าวไว้ช่วงหนึ่งว่า รูปกายของธรรมชาติเป็นองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ดังเช่นในเรื่องนี้ กะเหรี่ยงจะสร้างหลองข้าวและเล้าหมูไว้ภายในบริเวณบ้านเพื่อเป็นที่ใช้ประโยชน์ในการเก็บเมล็ดข้าวและเมล็ดพืช และไว้เป็นสถานที่สำหรับไว้เลี้ยงหมูแต่พวกเด็กก็ได้ดัดแปลงเป็นมุมเล่นอันแสนวิเศษสำหรับพวกเขาทั่วทุกมุมของหลองข้าว และเล้าหมูจะถูกดัดแปลงเป็นสถานที่เล่นที่พวกเขาสามารถนำมาเล่นตามความอิสระของจินตนาการบางครั้งก็นำมาประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ที่ตอบสนองความฝันของพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างคานที่ยื่นเกินออกมาเป็นหลองข้าวเด็ก ก็จะดัดแปลงคานนั้นเป็นที่เกาะเกี่ยวไว้ห้อยโหนเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะส่วนใหญ่กะเหรี่ยงจะนิยมสร้างบ้านแบบยกพื้นสูง ใต้ถุนบ้านจะโปร่งและโล่ง ไว้เป็นที่สำหรับเก็บครกกระเดื่องตำข้าวและเป็นที่วางของไว้เก็บอุปกรณ์ทางการเกษตร ส่วนฝาบ้านกะเหรี่ยงจะเป็นฝาฟาก พื้นบ้านจะเป็นพื้นฟากเหมือนกันกับฝาบ้าน หลังคามุงด้วยใบตองตึง วัสดุที่ใช้สร้างบ้านของกะเหรี่ยงส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุที่หาได้จากธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไม้ ไม้ไผ่ และสาเหตุที่กะเหรี่ยงนิยมสร้างบ้านแบบยกพื้นสูงก็เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่าง ๆ จากใต้ถุนบ้านนั่นเอง (หน้า 30-39 ,44-57, 61-66 ) ในด้านหัตถกรรมกะเหรี่ยงก็ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเครื่องจักสานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ อย่างเช่นนำไม้ไผ่มาคลี่ออกเป็นแผ่นเพื่อใช้ทำเป็นพื้นหรือที่เขาเรียกว่าพื้นฟาก นอกจากนี้ ก็ยังมีการทอผ้าแต่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ส่วนศิลปะการแต่งกายไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน (หน้า 41 ) |
|
Folklore |
ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน แต่กล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่าการฟังนิทานหรือเรื่องเล่าก่อนนอนเป็นจุดเริ่มต้นของการจิตนาการของเด็ก ๆ ทุกคน เมื่อได้ฟังนิทานที่พ่อแม่เล่าให้ฟังก่อนนอนนั้น เด็กจะรู้สึกถึงจุดเริ่มต้นแห่งจินตนาการของเขาและนิทานก็เป็นบันไดสำคัญที่จะนำเด็กน้อยไปสู่จุดเริ่มต้นของการอ่าน (หน้า 20 ,44) ในจินตนาการการเล่นของเด็กกะเหรี่ยงทั่วทุกมุมของสิ่งแวดล้อมในบ้านและธรรมชาติล้วนถูกจัดเป็นสถาปัตยกรรมการเล่นของพวกเด็ก ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใต้ถุนบ้านก็จะถูกดัดแปลงไว้เป็นที่ปีนป่าย ห้อยโหน ตามคานที่ยื่นออกมาจากใต้ถุนบ้าน ส่วนต้นไม้ก็ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ซุกซ่อน วิ่ง กระโดดถีบ เตะ ต่อย กิ่งก้านก็จะเป็นเสมือนที่หลบซ่อนจากสายตาของผู้ใหญ่ พวกเด็ก ๆ จะเข้าไปต่อเติมเสริมสร้างให้บนต้นไม้นั้นเป็นเสมือนรังส่วนตัวของตัวเอง ส่วนความลาดเทของบริเวณบ้านก็จะถูกดัดแปลงเป็นที่เตะลูกบอลและวิ่งเล่นไปตามความลาดเอียงของพื้นดินส่วนมุมต่าง ๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นใต้ถุนบ้าน หลองข้าว เล้าหมู บันไดบ้าน ล้วนถูกดัดแปลงให้เป็นสถาปัตยกรรมการเล่นชั้นเยี่ยมของพวกเด็ก ๆ กะเหรี่ยงได้เป็นอย่างดี (หน้า 40-75) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ในการศึกษากล่าวแต่เพียงว่ากะเหรี่ยงในประเทศไทยปัจจุบันมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ก็คือ กะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งเรียกตัวเองว่าปกาเกอะญอ และกลุ่มกะเหรี่ยงโปว์ หรือโพล่ง หรือเรียกอีกอย่างว่า เยอโพล่ง ทั้งปกาเกอะญอและเยอโพล่งล้วนมีความหมายว่า ฉันคือคนที่รักความสงบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ (หน้า 1) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่ตั้งของบ้านแม่สุริน ( หน้า 40 ) |
|
|