|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,พัฒนาการทางภาษาพูด,เด็ก,ภาษาไทยมาตรฐาน,ภาษาถิ่น,ภาษาศาสตร์เชิงจิตวิทยา,ภาคเหนือ |
Author |
ชนันพร โอภาสพันธ์ |
Title |
การศึกษาเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดของเด็กไทยกลาง เด็กไทยเหนือ และเด็กไทยม้งที่มีอายุในช่วง 7-9 ปี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยวน ยวน ยวนสีคิ้ว คนเมือง, ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
112 |
Year |
2536 |
Source |
หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต (จิตวิทยาการพัฒนาการ) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร |
Abstract |
การศึกษาเกี่ยวกับการใช้ภาษาของคนไทยถิ่น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการใช้ภาษาไทยมาตรฐาน โดยมีการเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และชนิดของประโยคของภาษาไทยถิ่นและภาษาไทยกลางระหว่างเด็กไทยเหนือ เด็กไทยม้งและเด็กไทยกลาง |
|
Focus |
พัฒนาการทางภาษาพูดในภาษาถิ่นและภาษาไทยกลางด้านคำศัพท์ การใช้ชนิดของคำและการใช้ประโยคของเด็กไทยกลาง เด็กไทยเหนือ เด็กไทยม้งและศึกษาเปรียบเทียบภาษาพูดในภาษาไทยกลางด้านคำศัพท์ การใช้ชนิดของคำและการใช้ประโยคของเด็กไทยกลาง เด็กไทยเหนือและเด็กไทยม้ง ที่มีอายุระหว่าง 7-9 ปี ศึกษาเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูด ด้านคำศัพท์และด้านการใช้ชนิดของประโยคระหว่างเพศชายกับเพศหญิงของกลุ่มเด็กไทยกลาง เด็กไทยเหนือ และเด็กไทยม้งในแต่ละกลุ่มอายุ (หน้า 9, 99) |
|
Theoretical Issues |
ใช้ทฤษฎีการพัฒนาทางภาษา คือ 1.ทฤษฎีความพึงพอใจแห่งตน (The Autism Theory หรือ Autistic Theory) 2. ทฤษฎีการเลียนแบบ (The Imitation Theory) 3. ทฤษฎีเสริมกำลัง (Reinforcement Theory) 4. ทฤษฎีการรับรู้ (Motor Theory of Perception) 5. ทฤษฎีความบังเอิญจากการเล่นเสียง (Babble Luck) (หน้า 21-22) โดยใช้เทคนิควิจัย เช่น การเลือกกลุ่มตัวอย่างและใช้แบบทดสอบวัดพัฒนาการทางภาษาพูดคำศัพท์ ชนิดของประโยคเป็นเครื่องมือในการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตรวจนับคะแนน หาค่าสถิติพื้นฐานของคะแนน โดยใช้ One - Way Analysis of Variance การทดสอบเป็นรายคู่ โดยใช้ Studentized Q - Statistic แบบ Newman - Kuls Method การทดสอบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ และด้านการใช้ชนิดของประโยค โดยใช้ t - test (หน้า 99-102) สมมติฐานของการศึกษาคือปัญหาการใช้ภาษาไทยของคนไทยถิ่น ซึ่งมีความแตกต่างทั้งระบบเสียงและคำ จึงเกิดปัญหาเมื่อจำเป็นต้องใช้ภาษาไทยมาตรฐานเพื่อขจัดปัญหาดังกล่าว จึงมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ภาษาของคนไทยถิ่น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น (หน้า 43) ซึ่งผลการวิจัยที่ได้มีดังนี้ 1. พัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาถิ่นกับระดับอายุ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมที่มีอายุมากกว่า มีพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาถิ่นสูงกว่าเด็กประถมที่มีอายุน้อยกว่าในแต่ละภาษาถิ่น มีนัยทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 1 ยกเว้นพัฒนาการทางภาษาพูดชนิดของประโยคของเด็กไทยกลางและเด็กไทยม้งที่มีอายุ 7 ปีและ 8 ปีที่ไม่พบความแตกต่าง 2.พัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กไทยกลางเด็กไทยเหนือและเด็กไทยม้งจำแนกตามอายุ ผลการวิจัยปรากฏว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาทุกกลุ่มที่พูดภาษาไทยกลางที่มีอายุมากกว่า มีพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคสูงกว่าเด็กนักเรียนมีนัยทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 2 ยกเว้นพัฒนาการทางภาษาพูดด้านชนิดของประโยคของเด็กนักเรียนไทยกลางอายุ 7 ปีและ 8 ปีที่ไม่พบความแตกต่าง 3.เปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดกับคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางเด็กไทยเหนือและเด็กไทยม้ง ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนไทยเหนือ มีพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ในภาษาไทยกลางสูงกว่าเด็กนักเรียนไทยกลางและเด็กนักเรียนไทยม้ง และเด็กนักเรียนไทยกลางมีพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์สูงกว่าเด็กนักเรียนไทยม้งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 3 4.พัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางจำแนกตามเพศ ผลวิจัยปรากฏว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาหญิงมีพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคไม่แตกต่างจากเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาชาย ทั้งในเด็กนักเรียนไทยกลาง เด็กนักเรียนไทยเหนือและเด็กนักเรียนไทยม้ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 4 (หน้า 105 - 109) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยภาคกลาง ไทยภาคเหนือ และ ม้ง |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาไทยสยาม (Siamese) หรือภาษาไทยกลาง (Central Thai) เป็นภาษาไทยมาตราฐาน (standard Thai) ถือเป็นภาษากลางและภาษาราชการของไทย มีอักษรใช้มีเสียงพยัญชนะ 20 - 21 หน่วย เสียงวรรณยุกต์ 5 หน่วย พยัญชนะที่สามารถควบกล้ำกับพยัญชนะอื่น 3 เสียงและมีผู้พูดไม่ต่ำกว่า 17.30 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง ภาษาไทยถิ่นเหนือ (Northern Thai) ได้แก่ภาษาล้านนา (Lanna) หรือภาษา ไตยวน (Tai yuan) ที่พูดโดยคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือของไทย เจ้าของภาษานิยมเรียกว่า "คำเมือง" มีหน่วยเสียง 20 หน่วยเสียง เสียงสระเดี่ยว 18 เสียง เสียงวรรณยุกต์ 6 หน่วย เสียงควบกล้ำ 10 เสียงและมีผู้พูดไม่ต่ำกว่า 10.4 ล้านคน ภาษาแม้ว - เย้า (Mao- Yao) เดิมเป็นภาษาถิ่นหนึ่งของตระกูลทิเบต - พม่า (Tibeto - Burman) นิยมเรียกตนเองว่า "ม้ง" ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยจัดออกเป็น 3 ภาษาไทยคือ 1.ภาษาม้งดำหรือแม้วดำ บางแห่งเรียก ม้งน้ำเงิน (Hmong Niva) ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดแพร่ น่าน ตาก เชียงรายและมีประปรายในจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ 2.ภาษาม้งขาว (Hmong - Daw Klaw) ภาษาม้งขาวแตกต่างจากม้งดำในระดับเสียงวรรณยุกต์ เสียงพยัญชนะบางเสียงและสระบางตัว ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ น่าน 3.ภาษาม้งชะบา ส่วนใหญ่อพยพมาจากลาวมาตั้งบ้านเรือนในจังหวัดน่าน ลักษณะของภาษาม้งมีเสียงพยัญชนะ 51 หน่วยเสียง เสียงควบกล้ำเสียง ล 60 หน่วยเสียง วรรณยุกต์ 7 - 9 ระดับเสียง ไม่มีพยัญชนะตัวสะกด ภาษาไทยถิ่นกลางและภาษาไทยถิ่นเหนือ มีเสียงวรรณยุกต์สามัญ เสียงวรรณยุกต์เอก เสียงวรรณยุกต์จัตวา และเสียงวรรณยุกต์โทใกล้เคียงกันมากที่สุด ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างภาษาไทยกลางกับภาษาแม้ว - เย้า ยังไม่มีผู้ศึกษาไว้ (หน้า 6 - 8, 13, 40 - 42) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
ภาษาถิ่นเหนือ หรือภาษาล้านนามีผู้พูดส่วนใหญ่ในจังหวัดภาคเหนือของไทยไม่ต่ำกว่า 10.4 ล้านคน ภาษาม้ง ที่พูดโดยชาวเขาเผ่าม้งอยู่ทางเหนือของประเทศมีผู้พูดประมาณ 80,082 คน ภาษาไทยกลาง ผู้พูดส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางของประเทศ มีประมาณไม่ต่ำกว่า 17.3 ล้านคน (พ.ศ. 2531) (หน้า 6-7, 13) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม คนไทยม้งมีภาษาพูดและภาษาเขียน พยัญชนะ เสียงควบกล้ำเสียง วรรณยุกต์ และมีลักษณะเฉพาะทางภาษาของกลุ่มตนเอง (หน้า 6 - 8,13) (หน้า 40 - 42) ในด้านความสัมพันธ์ของคนไทยม้งกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนหรือตั้งเป็นหัวข้อเฉพาะ แต่ระบุไว้ในการกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาค้นคว้าจากประชากรเด็กในโรงเรียนสังกัดการประถมศึกษาแห่งชาติจากโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดเชียงใหม่ โดยเด็กไทยม้ง เด็กไทยเหนือมีการใช้ภาษาไทยกลางเป็นภาษาที่สอง และภาษาไทยมาตรฐาน (standard Thai) ถือเป็นภาษากลางในการศึกษาของไทย (หน้า 10,42) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตารางประกอบ 1.แสดงจำนวนกลุ่มตัวอย่างของเด็กนักเรียน ชั้นประถมแยกตามอายุ เพศและภาษาถิ่น (หน้า 59) 2.แสดงค่าสถิติพื้นฐานของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลาง ภาษาไทยเหนือและภาษาไทยม้ง ของเด็กไทยกลาง เด็กไทยเหนือและเด็กไทยม้ง (หน้า 73) 3.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคของเด็กนักเรียนไทยกลางที่มีระดับอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 76) 4.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ของเด็กไทยกลางที่พูดภาษาไทยถิ่นกลาง ที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 77) 5.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยเหนือของเด็กนักเรียนไทยเหนือที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า78) 6.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาด้านพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยเหนือของเด็กนักเรียนไทยเหนือที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 80) 7.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาม้งของเด็กนักเรียนไทยม้งที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 81) 8.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านชนิดของประโยคในภาษาม้งของเด็กนักเรียนไทยม้งที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 82) 9.แสดงค่าสถิติพื้นฐานของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของกลุ่มตัวอย่างในแต่ละภาษาถิ่น (หน้า 83) 10.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยกลางที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 86) 11.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยกลางที่มีอายุต่างกัน (หน้า 87) 12.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยเหนือที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 88) 13.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคของเด็กนักเรียนไทยเหนือที่พูดภาษาไทยกลางที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 89) 14.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยม้งที่มีอายุต่าง 3 ระดับ (หน้า 90) 15.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยม้งที่มีอายุต่างกัน 3 ระดับ (หน้า 91) 16.การวิเคราะห์ความแปรปรวนของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางของเด็กนักเรียนไทยกลาง เด็กนักเรียนไทยเหนือและเด็กนักนักเรียนไทยม้ง (หน้า93) 17.ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนอดของประโยคของเด็กนักเรียนไทยกลาง เด็กนักเรียนไทยเหนือและเด็กนักเรียนไทยม้งที่พูดภาษาไทยกลางเป็นรายคู่ (หน้า 94) 18.การเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคในภาษาไทยกลางระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงของเด็กนักเรียนไทยกลาง เด็กนักเรียนไทยเหนือและเด็กนักเรียนไทยม้ง (หน้า95) 19.การเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดประโยคระหว่างเด็กชายกับเด็กหญิงในระดับอายุเดียวกัน ในกลุ่มเด็กนักเรียนไทยกลาง (หน้า 96) 20.การเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคระหว่างเด็กชายกับเด็กหญิงในระดับอายุเดียวกันในกลุ่มเด็กไทยเหนือ (หน้า 97) 21.การเปรียบเทียบพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์และด้านชนิดของประโยคระหว่างเด็กชายกับเด็กหญิงในระดับอายุเดียวกันในกลุ่มเด็กนักเรียนไทยม้ง (หน้า98) 22.แสดงค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบวัดพัฒนาการทางภาษาพูดด้านคำศัพท์ (หน้า 145) 23.แสดงค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบวัดพัฒนาการทางภาษาพูดด้านประโยค (หน้า 158) |
|
|