ในการศึกษานี้ผู้เขียนได้สำรวจเรื่องเล่า 13 เรื่องดังนี้
1. เรื่องไอ่คำไปตกปลา ไอ่คำวางกับดักจับปลาในลำห้วย ตอนเย็นนากตัวหนึ่งได้เข้าไปกินปลาในกับดักหมด แต่นากออกจากกับดักไม่ได้ เช้าตรู่วันต่อมามีกระต่ายตัวหนึ่งมาและบอกนากว่า เจ้าของกับดักจะต้องฆ่านากแน่ๆ นากจึงขอให้กระต่ายช่วย กระต่ายปล่อยก๊าซเข้าปากนาก ตอนสายไอ่คำมาดูกับดักก็คิดว่านากตายแล้ว จึงขว้างนากออกจากกับดัก แล้วเขาก็เห็นกระต่ายทำท่าทางเหมือนถูกไม้เสียบ จึงมุ่งไปจะจับกระต่าย กระต่ายก็ขว้างไม้ทิ้งแล้ววิ่งหนีไป ขณะที่นากก็หนีไปได้ (น.73)
2. นายเขียวหูหนวกกับนายเปาตาบอด : เรื่องขโมยสองคน นายเปาชายตาบอดกับนายเขียวชายหูหนวกเป็นเพื่อนกัน สองคนพากันไปขโมยไก่ของปู่แก้ว นายเขียวเป็นคนจับไก่ นายเป่าเป็นคนบอกว่าจับไก่ตัวไหน นายเขียวไม่ได้ยินที่นายเปาบอก ก็ตะโกนถาม ปู่แก้วได้ยินเสียงก็ลงมาดู นายเขียวหนีไปได้ ส่วนนายเปาหนีไม่พ้นถูกจับได้ก็รับสารภาพ(น.73)
3. หงส์กับเต่า เต่าตัวหนึ่งต้องการข้ามหุบเขาไปหาอาหารบนภูเขาอีกลูกหนึ่ง หงส์สองตัวตกลงจะช่วยเต่า จึงนำไม้มาให้เต่าคาบ แล้วหงส์ทั้งสองตัวก็จับปลายไม้พาเต่าบินข้ามหุบเขา ขณะที่บินอยู่นั้น เด็กชายคนหนึ่งเลี้ยงควายอยู่เห็นสัตว์ทั้งสามตัว จึงร้องตะโกนว่า “หงส์หามเต่า” เต่าก็ร้องตอบว่า “ไม่ใช่ ฉันต่างหากแบกหงส์” ขณะที่เต่าพูดปากมันก็หลุดจากไม้ แล้วมันก็หล่นไปในปากควาย กระดองของมันแตกเป็นชิ้นๆ อวัยวะภายในกระเด็นไปบนแขนของเด็กชาย นั่นเป็นสาเหตุให้ริมฝีปากบนของควายไม่แข็ง และรักแร้ของคนมีกลิ่น (น.73-74)
4. เต่ากับกระรอก เต่ากับกระรอกเป็นเพื่อนกัน เข้าไปในป่า เขาพากันเก็บกินพืชผลเล็กๆสีแดงของต้นไม้ชนิดหนึ่ง กระรอกเก็บอยู่บนกิ่งไม้ ส่วนเต่าเลือกเก็บลูกไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นดินใส่ถุงบนหลัง ระหว่างทางกลับบ้าน กระรอกปวดท้อง เต่าจึงแบกกระรอกไว้ในถุงบนหลัง ระหว่างทางกลับบ้าน เมื่อถึงหมู่บ้าน กระรอกก็บอกหายปวดท้องแล้ว เต่าจึงกลับไปหาลูกๆและบอกเรื่องผลไม้ที่นำกลับมา แต่เมื่อเปิดถุงก็พบแต่ความว่างเปล่า เต่าจึงรู้ว่าถูกกระรอกหลอก เช้าวันต่อมา เต่ากลับไปที่ต้นไม้นั้นและวางกับดักที่โคนต้น แล้วก็กลับหมู่บ้าน ชวนกระรอกเดินมาในป่า กระรอกเดินไปติดกับดักและถูกฆ่า เต่าถลกหนังและบดกระรอกเป็นชิ้นๆ นำไปให้ลูกๆกระรอกกิน พวกลูกกระรอกกินอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งลูกกระรอกตัวหนึ่งเห็นมือแม่กระรอกและจำได้ (น.74)
5. เสือกับกวาง เสือตัวหนึ่งหมอบรออยู่ข้างลำห้วย แล้วก็มีกวางตัวหนึ่งเดินกระย่องกระแย่งมา เสือก็ถามกวางว่า ไปอะไรกับเท้าของตน กวางก็ตอบไปว่า เดินไปบนพงหนาม แล้วหนามตำเท้า เสือก็รู้ว่าถ้ากินกวางจะเป็นอันตราย หนามอาจจะตำคอของตน กวางแนะให้เสือนำหนามออกจากเท้าของตน แล้วจะให้เสือกินตัวเองเป็นการแลกเปลี่ยน ขณะที่เสือใช้ฟันดึงหนามออก กวางก็เตะปากเสือ ฟันหักหมดทำให้เสือหมดสติ แล้วกวางก็หนีไป (น.74-75)
6. เด็กชายตัวร้าย เด็กชายคนหนึ่งขี้เกียจอย่างไร้ความหวัง เขาวิ่งเข้าไปในป่าหนีการดุด่าว่ากล่าวของพ่อแม่ พอตกค่ำเขาก็เริ่มคิดถึงบ้านแล้วก็เริ่มเดินกลับบ้าน ระหว่างทางในเงาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เด็กชายเห็นผีตัวใหญ่มีเลือดเต็มตัว ลิ้นยาว ตาโปน ผีวิ่งไล่เขาทั่วป่า จนกระทั่งเขาวิ่งไปชนกับพ่อของเขา ผีก็หายไป ตั้งแต่นั้นมา เด็กชายก็กลายเป็นตัวอย่างของความขยันและเชื่อฟัง (น.75)
7. บทเรียนจากแม่กับพ่อ ครอบครัวหนึ่งเมื่อพ่อตาย แม่ต้องเลี้ยงลูกๆด้วยความจน แม่ได้ส่งลูกชายคนหนึ่งไปอยู่ในวัดพุทธ ส่วนลูกชายอีกคนแม่เลี้ยงดูจนเติบโต ซึ่งก็เป็นเวลาที่ลูกชายคนนี้ต้องดูแลแม่ มีคำกล่าวโบราณว่าลูกชายคนหนึ่งบวชเรียนแทนคุณแม่ ลูกชายคนหนึ่งบวชพระแทนคุณพ่อ นี่เป็นคำสอนเด็กๆ (น.75)
8. พ่อหม้ายใจร้าย พ่อแม่ลูกมีชีวิตสงบสุขมาหลายปี เมื่อแม่ตาย หลายปีต่อมา พ่อต้องการแต่งงานใหม่แต่ผู้หญิงคนที่จะแต่งงานด้วยบอก “ถ้าต้องการฉันก็ฆ่าลูกเธอเสียก่อน” ผู้ชายจึงพาลูกเข้าไปในป่า แล้วฝังทั้งเป็น จากนั้นก็กลับไปจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่แล้วผู้หญิงก็ยกเลิกการแต่งงานเพราะคิดว่าถ้าผู้ชายคนนี้ฆ่าลูกของตนได้แล้วกับตัวเธอเองล่ะ เขาจะทำอะไร พ่อใจร้ายจึงสำนึกได้ถึงความผิดตนเอง ก็ได้วิ่งเข้าไปในป่าขุดหลุมที่ฝังลูก แต่ก็สายไป ลูกได้ตายเสียแล้ว (น.75-76)
9. เด็กกำพร้า ครอบครัวหนึ่งเมื่อแม่ตาย พ่อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงเกลียดลูกเลี้ยงจึงบอกให้สามีฆ่าลูกๆเสีย พ่อได้พาลูกๆไปทิ้งในป่าหลายครั้ง แต่ลูกๆก็กลับบ้านได้โดยสุนัขที่เป็นแม่ช่วยเหลือ แม่เลี้ยงจึงให้พ่อฆ่าสุนัขเอาเนื้อกลับมาทำอาหารให้เด็กๆกิน แล้วแม่เลี้ยงก็ให้พ่อพาเด็กๆ เข้าไปปล่อยในป่าลึก เด็กๆได้พบสามีภรรยาคู่หนึ่ง ฐานะร่ำรวย ไม่มีลูก พวกเขานำเด็กๆไปเลี้ยงเป็นลูก หลายปีต่อมา แม่เลี้ยงเล่าเรื่องครอบครัวร่ำรวยที่คอยช่วยเหลือคนยากจน ให้พ่อเด็กๆฟัง แล้วทั้งสองคนก็เดินทางไปบ้านของครอบครัวร่ำรวยนี้ ทั้งสองคนจำเด็กๆไม่ได้ เด็กๆเชิญพวกเขาขึ้นบ้านไปกินอาหาร เมื่อนำอาหารมาตั้ง แล้วเด็กๆก็พูดว่า พ่อ แม่ กินสิ เนื้อสุนัขนึ่ง เหมือนที่ท่านเคยให้เรากิน ทันใดที่รู้เรื่องพ่อเด็กๆก็หัวใจช็อกตาย ส่วนแม่เลี้ยงก็กระโดดจากบ้านและถูกธรณีสูบ (น.76)
10. เชงกอยกอยผีผู้หญิง (Chengkoikoi, The Female Spirit) สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังตกปลาอยู่ เชงกอยกอยก็ปรากฏตัวขึ้น และขโมยสามีไป และบังคับให้เขาหลับนอนด้วย แล้วเชงกอยกอยก็ให้กำเนิดบุตรหนึ่งคน ทุกวันเชงกอยกอยจะขังสามีไว้ในบ้าน ขณะออกไปข้างนอก วันหนึ่งหลังจากเชงกอยกอยออกจากบ้าน พ่อก็โน้มน้าวให้ลูกไปเปิดประตูเพื่อจะได้ออกไปข้างนอก เมื่อลูกเปิดประตูให้เขาก็วิ่งออกไป วิ่งไปจนล้มลงด้วยความเหนื่อยหมดแรงอยู่ในทุ่งข้าว เมื่อเชงกอยกอยกลับมาพบว่าสามีหนีไป ก็ออกตาม แล้วพบสามีนอนอยู่ในทุ่ง เชงกอยกอยคิดว่าเขาตายแล้ว และก็ได้ทดสอบให้แน่ใจด้วย จากนั้นเชงกอยกอยก็นำกลองพิเศษไปยังร่างสามี แล้วสอนเขาว่าเกิดใหม่ชาติหน้า เขาควรจะตีกลองเพื่อให้ร่ำรวย หลังจากเชงกอยกอยจากไป ผู้ชายก็วิ่งกลับบ้านไปหาภรรยาและเมื่อเขาตีกลองเงินทองก็ปรากฏขึ้น เขาก็ร่ำรวยขึ้น ร่ำรวยขึ้น (น.77)
11. อย่าคิดว่าท่านฉลาด ยายขำ(Kham) กับยายอูบ(Up) ไปตกปลาด้วยกัน เมื่อกลับไปหมู่บ้านพวกเขาก็เลือกปลาแบ่งกัน ยายขำละโมบกองปลากองใหญ่ไว้ข้างหน้าตนเองและกองปลากองเล็กไว้หน้ายายอูบแล้วก็บอกยายอูบให้เลือกว่าจะเอาปลากองไหน ยายอูบรู้ทันยายขำ จึงได้คว้าปลากองใหญ่วิ่งกลับบ้าน ยายขำวิ่งตามพร้อมตระโกนว่า “คอยก่อน ฉันแบ่งปลาไม่ถูกต้อง มาแบ่งปลากันใหม่” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนควรจะอยู่ด้วยกันอย่างสอดคล้องและไม่ละโมบ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว (น.77)
12. เด็กชายยากจน เด็กชายคนหนึ่งยากจน ปลูกแตงโมและแตงกวาบนภูเขา แตงโมและแตงกวาให้ผลผลิตดี จึงดึงดูดฝูงลิง เด็กชายกลัวว่า ลิงฝูงนี้จะกินผลแตงโมแตงกว่าของเขาหมด เด็กชายจึงล้มตัวนอนแสร้งทำเป็นตาย ฝูงลิงกลัวว่าร่างเน่าเปื่อยของเด็กชายจะทำความเสียหายให้แตงโมและแตงกวา พวกมันจึงพากันนำร่างเด็กชายไปทิ้งที่ปล่องเหมือง ซึ่งมีสมบัติมาก และเมื่อลิงกลับไปแล้ว เด็กชายก็นำสมบัติกลับบ้าน ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งถามเขาว่า ร่ำรวยได้อย่างไร เด็กชายก็เล่าให้ฟัง เพื่อนของเขาได้ทำตามเด็กชายทุกอย่าง ปลูกแตงโมแตงกวา แกล้งตายแล้วถูกลิงนำไปทิ้งที่ปล่องเหมืองแร่ แต่สุดท้ายเขาก็ตาย (น.77-78)
13. กะโหลกของพ่อ ครอบครัวหนึ่งได้รับความวิปโยค เนื่องจากแม่ตายและพ่อตกต่ำ สุดท้ายพ่อก็ตาย พ่อได้บอกลูกชายว่าเมื่อเขาตายให้ผูกเชือกที่กะโหลกของเขาแล้วลากไปตามพื้นดิน กะโหลกติดที่ไหนให้เพาะปลูกที่นั่น ลูกชายทำตามคำสั่งพ่อ เขาลากกะโหลกครูดไปตามก้อนหิน การทำเช่นนี้ทำให้เด็กชายทำงานในทุ่งภูเขาได้ และกลายเป็นคนร่ำรวย (น.78)