ความเชื่อเรื่องการเจ็บป่วย
มลาบรีข้อห้ามไม่ให้ดื่มน้ำจากแหล่งน้ำไหลหรือลำธารเพราะกลัวว่าจะถูกเสือทำร้ายขณะดื่มน้ำ มลาบรีจะเก็บน้ำดื่มไว้ในกระบอกไม้ไผ่และจะดื่มน้ำจากกระบอกนี้ตลอดทั้งปี ทำให้มลาบรีเป็นชาวเขาในแถบพื้นที่นี้ที่ไม่เป็นโรคคอพอก (struma หรือ goitre) หรือโรคขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (cretinism) เหมือนชาวเขากลุ่มอื่นๆที่อาศัยอยู่พื้นที่เดียวกันที่เป็นโรคดังกล่าวทั้งชายและหญิง (หน้า 46)
การรักษาพยาบาล
มลาบรีรักษาความเจ็บป่วยด้วยการทำพิธีบูชาผีและการใช้ไฟรักษาด้วยการให้ผู้ป่วยนอนข้างกองไฟเพื่อหายใจเอาควันไฟเข้าไป มลาบรีเชื่อว่าควันไฟนั้นสามารถรักษาโรคได้ (หน้า 75) สำหรับการบูชาจะทำโดยการบูชาอาหารในตอนเช้าและตอนเย็นและผู้ป่วยจะต้องลุกจากที่ตนเองนอนป่วยเพื่อทำพิธีบูชาด้วยตนเอง ระยะเวลาในการทำพิธีนั้นไม่นานนักเพราะผู้ป่วยยังอ่อนแรง เมื่อผู้ป่วยสามารถคลานได้เล็กน้อยก็จะทำพิธีบูชาบนพื้นดินห่างออกไปจากที่พักประมาณสิบห้าก้าว (หน้า 69)
มลาบรีไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมุนไพรในการรักษาโรค การใช้ยาแก้พิษงูเวลาที่โดนงูกัด การรักษากระดูกหักรวมทั้งการบาดเจ็บรุนแรงอื่นๆ เมื่อเป็นแผลมลาบรีจะเอาขี้เถ้ามาโปะรักษาแผล เมื่อถามมลาบรีว่าหากมีคนข้อเท้าหักตอนที่เดินป่าอยู่จะทำอย่างไร มลาบรีตอบว่า “คนๆนั้นจะตาย” (หน้า 75) บางครั้งผู้ป่วยหรือคนที่บาดเจ็บจะไปพบหมอชาวลาวเพื่อรักษาโดยการทำพิธีไล่ผีร้ายจากร่างผู้ป่วย ซึ่งเชื่อว่าการรักษานี้จะเชิญผีป่าซึ่งจะไล่ผีร้ายออกจากร่างผู้ป่วย นอกจากนี้มลาบรียังเรียนรู้วิธีการรักษาแผลสดจากชาวลาวด้วยการใช้ใบไม้ของต้นไม้บางชนิดรักษาแผล (หน้า 75)
การรักษาความสะอาด
มลาบรีจะ “อาบน้ำ” ด้วยการยืนใกล้กองไฟยื่นแขนขาออกไปใกล้เปลวไฟแล้วใช้มือถูตามร่างกายทำให้ฝุ่นหลุดออกและทำให้ขนตามร่างกายที่ไม่ต้องการหายไปด้วย มลาบรีสระผมด้วยการนั่งหน้ากองไฟ ก้มหัวลงไปใกล้กองไฟแล้วขยี้ผมให้แมลง ฝุ่น โคลนต่างๆ ปลิวลงไปในกองไฟ การซักผ้าก็เช่นกันมลาบรีจะสะบัดผ้าผ่านเปลวไฟสองสามครั้งถือว่าสะอาด (หน้า 32)
การให้กำเนิดบุตร
แม่มลาบรีให้กำเนิดลูกใกล้กับเพิงที่พักโดยไม่มีหมอตำแยช่วยในการคลอด ถ้าในกลุ่มไม่มีผู้หญิงก็จะขอให้ผู้หญิงจากกลุ่มอื่นมาช่วยโดยจะเข้ามาล่วงหน้าก่อนวันคลอดหลายวัน มารดาจะดื่มน้ำเย็นปริมาณมากและใช้มือลูบท้องในทิศทางไปทางปลายเท้าเพื่อให้ปวดคลอดเร็วขึ้น เมื่อรู้สึกเจ็บท้องคลอด สามีจะปักไม้ยาวบนดินและจับเสาไว้ขณะที่ภรรยานั่งยองๆ ยึดเสาไว้ (หน้า 55) หลังจากคลอดแล้วสามีอุ้มภรรยากลับที่พักและให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดูแลแม่และลูกเนื่องจากผู้เป็นพ่อไม่สามารถสัมผัสลูกได้จนกว่าลูกจะหายตัวเปียก ขณะที่แม่นอนพักบนเตียงผู้หญิงที่มาช่วยจะตัดสายสะดือเด็กด้วยมีดไม้ไผ่ ห่อรกด้วยใบไม้และเอาไปวางไว้บนต้นไม้ (ไม่แขวนกับต้นไม้) ระยะเวลาพักฟื้นจะขึ้นอยู่กับเรี่ยวแรงของแม่ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 6-7 วัน ผู้เป็นแม่จะอาบน้ำเด็กทารกที่เกิดใหม่ด้วยน้ำอุ่นเป็นเวลา 2-3 วัน เช็ดอุจจาระด้วยชิ้นไม้เล็กๆและทำให้ตัวแห้งด้วยการอังใกล้ไฟ เมื่อเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปก็จะไม่อาบน้ำบ่อยแต่จะใช้วิธีล้างตัวกับไฟแบบที่ผู้ใหญ่ทำ มลาบรีอาบน้ำที่ลำธารเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น แม้จะอาบน้ำไม่บ่อยนักแต่มลาบรีก็ดูไม่สกปรก แม่จะให้นมเมื่อลูกร้องและให้นมลูกเป็นเวลาหลายปีจนกว่าเด็กจะโตและเก็บหัวเผือกหัวมันกินได้เอง หากแม่ไม่มีน้ำนมหรือมีน้ำนมน้อยเกินไปทารกก็จะตายเพราะมลาบรีไม่มีแม่นม เนื่องจากจำนวนผู้หญิงมีน้อยทำให้การมีแม่นมนั้นเป็นไปได้ยาก เมื่อเด็กอายุประมาณ 2-3 เดือนจะป้อนมันที่ลอกเปลือกออกแล้วบดละเอียดหรือน้ำผึ้งเสริมจากนมแม่ แม่จะอุ้มลูกด้วยโดยการอุ้มไว้แนบอกโดยใช้หวายถักหรือผ้าผูกไว้รอบคอ เมื่อเด็กโตขึ้นแม่จะให้ขี่หลัง เด็กจะเริ่มเดินเท้าเพื่อย้ายที่พักเมื่ออายุ 4-5 ปีโดยจะเดินช้าๆ เด็กเล็กๆจะนอนบนที่นอนเดียวกับแม่ โดยนอนหลับในอ้อมกอดแม่โดยไม่สวมเสื้อผ้า พออายุประมาณ 8 ปีเด็กจะแยกนอนในที่นอนของตนเอง โดยจะนอนใกล้กองไฟในที่พักเดียวกับแม่ (หน้า 56)
ไม่พบว่ามีการฆ่าเด็กแต่อัตราการเสียชีวิตของเด็กมีสูงมาก มลาบรีไม่รู้จักการมีลูกแฝด มลาบรีมองว่าถ้าหญิงมีลูกแฝดจะลำบากมากเพราะผู้หญิงไม่แข็งแรงมากพอที่จะเลี้ยงลูกสองคนและหาอาหารไปด้วยพร้อมๆกัน ผู้ชายมลาบรีคนหนึ่งเห็นว่าถ้าหญิงมีลูกแฝดแปลว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายสองคนซึ่งกรณีนั้นจะมีในหมู่ชาวลาวเท่านั้นซึ่งหญิงหลับนอนกับชายหลายคน (หน้า 57)
มลาบรีอยากมีลูกชายมากกว่าลูกสาวเพราะลูกชายนั้นแข็งแรงกว่าและสามารถต่อสู้ชีวิตได้มากกว่าลูกสาว ถ้าลูกเกิดมาอ่อนแอหรือพิการพ่อแม่จะเลี้ยงดูให้รอดแต่เด็กที่พิการเกือบทั้งหมดเสียชีวิตเพราะไม่สามารถรอดชีวิตจากสภาพชีวิตที่ยากลำบากได้ (หน้า 56-57)
อัตราการตายในวัยเด็กมีสูงถึงประมาณร้อยละ 80 มลาบรีจะไม่ค่อยเจ็บป่วยแต่มีอายุไม่ยืนยาวนัก โรคที่พบในหมู่มลาบรีคือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคไขข้อ ป่วยเป็นไข้มาลาเรียบ้างและไม่พบผู้ปวยเป็นโรคผิวหนัง มลาบรีส่วนใหญ่มีอายุน้อย พบมลาบรีอายุประมาณ 50 ปีเพียงคนเดียวและมีจำนวน 4 คนที่อายุ 40 กว่าปี ไม่พบว่ามีมลาบรีคนใดที่จำปู่ย่าตายายของตนเองได้ ซึ่งการที่มลาบรีมีอายุสั้นเป็นผลมาจากวิถีชีวิตไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนอาหารและการเสี่ยงอันตรายในป่าซึ่งเป็นสิ่งที่มลาบรีจะต้องพบเจอตลอดชีวิตของตน สาเหตุการตายส่วนใหญ่ได้แก่ ถูกงูเห่ากัดตาย 2 คน ถูกเสือกัดตาย 6 คน ตายจากการตกต้นไม้ขณะปีนขึ้นไปเก็บน้ำผึ้ง 1 คน เสียชีวิตจากถูกหมีทำร้าย 2 คน ถูกชาวเย้าวางยาพิษ 1 คน กินเนื้อหมูที่ติดเชื้อโรคที่ชาวลาวให้มา 1 คน ตายเพราะกระดูกหัก 2 คน ถูกชาวถิ่นยิงเสียชีวิต 4 คน ถูกชาวเย้าฆ่าตาย 2 คน ตายเพราะผีร้าย 4 คน ซึ่งอาการป่วยของคนที่ตายเพราะผีนั้นน่าจะเป็นอาการของโรคอหิวาห์ตกโรค (cholera) หรือไข้รากสาดใหญ่ (typhus) (หน้า 44-45)
ไม่พบว่ามีมลาบรีฆ่าตัวตาย เนื่องจากมลาบรีไม่มองว่าสถานการณ์ที่ตนเองเจอนั้นดีหรือไม่ดีและไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้น มลาบรีไม่คิดเปรียบเทียบว่าคนกลุ่มอื่นๆนั้นมีชีวิตที่ดีกว่าตนเอง (หน้า 41-42)