|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ผู้ไทย,บทบาทสตรี,เหยา,มุกดาหาร |
Author |
ทิพย์สุภา พรรณสหพาณิชย์ |
Title |
บทบาทสตรีชาวผู้ไทยในพิธีกรรมเหยา ตำบลป่าไร่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ผู้ไท ภูไท,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
118 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
Abstract |
งานชิ้นนี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายประเด็น คือสภาพโดยรวมทั่วไป และบทบาทของสตรีผู้ไทยในพิธีกรรมเหยา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางด้านการสาธารณสุขชุมชน โดยอาศัยความเชื่อดั้งเดิมของคนในชุมชน |
|
Focus |
บทบาทของสตรีผู้ไทยในพิธีกรรมเหยา ซึ่งมีความสำคัญในแง่สาธารณสุขชุมชน ตามความเชื่อดั้งเดิมของผู้ไทย |
|
Theoretical Issues |
ไม่ได้ระบุชัดเจน ผู้เขียนแสดงให้เห็นถึง กระบวนการที่ผู้หญิงกลายเป็นหมอเหยา ว่าเชื่อมโยงกับความเชื่อที่ว่า เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นเพราะผีต้องการมาอยู่ด้วย และให้เป็นหมอเหยา (หน้า 88-89) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้ไทย ตำบลป่าไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ผู้ไทย ต.บ้านไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ก่อตั้งขึ้นประมาณปี 2400 อพยพมาจากเมืองเซโปน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สืบเนื่องจากความแห้งแล้ง ทำการเกษตรไม่ได้ผล และมีการปล้นฆ่ากันขึ้น ราษฎรจึงพากันอพยพมาอยู่ที่ประเทศไทย ครั้งแรกมาตั้งหมู่บ้านชื่อบ้านป่าเปียด ขณะกำลังสร้างบ้านได้มีเสือมากัดชาวบ้านตายหนึ่งคน เพราะบริเวณนั้นเป็นป่ารกทึบ จากนั้นราษฎรจึงตกลงไปหาที่อยู่ใหม่และอพยพมาถึงท่าโป่งช้าง (ห่างจากที่อยู่ปัจจุบัน 500 เมตร) และย้ายมาอยู่บ้านป่าไร่ แต่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมอย่างหนัก ราษฎรจึงพากันย้ายอีกครั้งสู่พื้นที่ ต.ป่าไร่ เพราะเห็นว่าบริเวณนี้มีความเหมาะสม เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์มีต้นไม้เพื่อโค่นสำหรับปลูกบ้าน พอมีราษฎรอพยพเข้ามาเพิ่มมากขึ้นจึงตั้งเป็นตำบล (หน้า 86) |
|
Settlement Pattern |
ผู้ไทย ต.ป่าไร่ จะปลูกบ้านเรือนบริเวณเนินสูงและน้ำท่วมไม่ถึง เป็นลักษณะการตั้งบ้านเรือนแบบกระจุกอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ ลักษณะบ้านเรือนยกจากพื้นสูง สร้างด้วยไม้ ใต้ถุนใช้เป็นที่นอนของสัตว์ และเป็นสถานที่สำหรับการทำหัตถกรรมของผู้หญิง รวมถึงการนั่งพูดคุยกันของชาวบ้านด้วย ขอบเขตพื้นที่บ้านเรือนไม่มีการทำรั้วบ้านแบ่งชัดเจน แต่ละบ้านมีเล้าข้าวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง บ้านญาติพี่น้องจะปลูกบ้านติดกัน ทำให้ชาวบ้านไปมาหาสู่กันได้สะดวก และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตามสมัยนิยม (หน้า 27) |
|
Demography |
ตำบลป่าไร่ ทั้งหมดมี 11 หมู่บ้าน มีประชากรรวม 8,270 คน (ปี พ.ศ. 2544) แบ่งเป็นชาย จำนวน 4,229 คน หญิง 3, 978 คน จำนวนครัวเรือน 1,518 ครอบครัว (หน้า 28-29) |
|
Economy |
การผลิตของผู้ไทยจะเป็นแบบพออยู่พอกิน ปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานเอง และปลูกพืชหลายชนิดไว้หัวไร่ปลายนาและรอบ ๆ ครัวเรือน เนื่องจาก ประกอบอาชีพได้บางฤดูกาล เพราะน้ำใช้ทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการประกอบอาชีพด้านการเกษตรเป็นหลัก พื้นดินเป็นดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์มาก การเพาะปลูกได้ผลดี เช่น ทำนา ทำไร่ ผลผลิตที่ได้ คือ ข้าว ปอ มันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส ยางพารา มะขามหวาน หน่อไม้ และอ้อย โดยที่ชาวบ้านจะนำผลผลิตไปขายเองตามตลาดชุมชน หรือมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อที่สวน อีกทั้งมีการรวมกลุ่มประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรื่อน ชาวบ้านมีการขอและแลกเปลี่ยนอาหารซึ่งกันและกัน (หน้า 27, 34-35, 37) |
|
Social Organization |
ผู้ไทย ต.ป่าไร่ มีลักษณะของครัวเรือนใหญ่ คือ ในครัวเรือนหนึ่งจะมีมากกว่า 1 ครอบครัว ความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวมีแม่เป็นผู้อบรมสั่งสอน ตลอดจนให้ความเห็นในเรื่องสำคัญ เช่น การแต่งงานของลูก มีพ่อเป็นผู้นำครอบครัว กล่าวคือ เป็นตัวหลักในการทำงาน ส่วนลูกคนโตที่มีอาชีพมั่นคง จะถือว่าเป็นกำลังทางความคิดให้กับบุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติ ถ้าหากครอบครัวใดมีญาติผู้ใหญ่ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด อาศัยอยู่ด้วย ลูกหลานจะให้ความสำคัญต่อบุคคลเหล่านี้สูง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านมีการยึดโยงด้วยความเชื่อและพิธีกรรม เช่น การรักษาจากการป่วยด้วยการเหยา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดระบบเครือญาติซ้อนขึ้นมาอีก ลักษณะการสืบทอดมรดก ถ้าลูกคนใดที่รับภาระการเลี้ยงดู พ่อแม่ จนตายจะเป็นผู้ที่ได้กรรมสิทธิ์ทุกอย่างในเรือน นอกจากที่แบ่งไว้แล้ว (หน้า 29-30) |
|
Political Organization |
ปัจจุบันผู้นำชุมชนได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากชาวบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจากอำเภอ และคณะกรรมการหมู่บ้านดำเนินการเลือกตั้ง โดยใช้วิธีการลงคะแนนลับ ว่าผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน ปี 2540 ที่สภาองค์การบริหารส่วนตำบล(หน้า 31, 37) |
|
Belief System |
ผู้ไทยตำบลป่าไร่ นับถือศาสนาพุทธ วัดถือเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในหมู่บ้าน จากวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติอีกด้วย ยึดถือฮีตสิบสองคองสิบสี่ เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ นรก สวรรค์ ระบบความเชื่อของชาวบ้าน นับถือทั้งพุทธ พราหมณ์ และผีบรรพบุรุษ จึงส่งผลต่อวิถีปฏิบัติเรื่อง การทำมาหากิน การฆ่าสัตว์อย่างเคร่งครัด จนมีพิธีกรรม เช่น การเลี้ยงผีปู่ตา พิธีการสู่ขวัญ การไขเล้าข้าว การแห่เจ้าปู่ ที่สะท้อนให้เห็นว่านับถือผีให้คุ้มครองให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีอาเพศต่อหมู่บ้าน ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ต่อการทำการเกษตรในปีนั้น และมีพิธีกรรมที่สำคัญสำหรับการรักษาพยาบาลของผู้ไท คือ พิธีกรรมเหยา (หน้า 33, 39-51, 65, 86) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ตำบลป่าไร่ เป็นพื้นที่สลับเขาจึงมีสัตว์เป็นพาหนะนำโรคติดต่อ เช่น ยุง รวมทั้งนิสัยการบริโภคที่ไม่ถูกสุขลักษณะจึงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บของชาวบ้านเป็นส่วนมาก ประกอบกับโรงพยาบาลอยู่ไกลมาก เมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้น ญาติจะมีการรักษาการเจ็บป่วยขั้นต้นด้วยสมุนไพร หรือไปซื้อยามารับประทานเอง รวมทั้งการเป่าและการรักษาด้วยหมอแผนปัจจุบัน ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหรือทรุดหนักกว่าเดิม หรือถ้ามีอาการป่วยที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ถ้าสันนิษฐานว่า ผีมากระทำให้เจ็บป่วย ชาวบ้านก็พึ่งหมอเหยา โดยญาติของผู้ป่วยก็จะไปให้หมอธรรมส่องดู หมอส่องก็จะบอกอาการป่วยและวิธีการรักษา พร้อมกับบอกทิศทางที่อยู่ของหมอที่จะรักษาด้วย ญาติพี่น้องก็จะไปติดต่อหมอเหยาตามทิศทางนั้นๆ ในอดีตหมอเหยาต้องเดินทางไปค้างคืนเป็นเวลา 2-3 เดือนก็มี เพื่อเหยารักษาผู้ป่วยต่างบ้านต่างเมือง เพราะทางราชการยังไม่ได้ไปจัดการเรื่องสาธารณสุข (หน้า 65-66, 81) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้ไทย ตำบลป่าไร่จะมีการรวมกลุ่มสตรีเพื่อทอผ้าพื้นเมือง ผ้าลายขิต ผ้าย้อมสีธรรมชาติ ทอเสื่อ มีชื่อเสียงระดับจังหวัด ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุก็จะสานหวด กระติบข้าว กระด้ง ฯลฯ ขายเป็นรายได้เสริม ส่วนการแต่งกาย ในงานศึกษากล่าวไว้เฉพาะ การแต่งกายของหมอเหยาขณะทำการเหยาว่า หมอเหยาจะต้องแต่งตัวพิเศษกว่าธรรมดา แต่งตัวด้วย สีฉูดฉาด ยั่วยวน มีเครื่องประดับมากมาย เช่น กำไลมือ ต่างหู ดอกไม้ (ดอกจำปา) ผ้าสไบ เสื้อผ้าก็ใส่เสื้อแขนยาวสีดำขลิบแดง มีกระดุมทำด้วยเหรียญสาบด้วยผ้าขิตใสจอนหู ผ้าถุงใส่ผ้ามัดหมี่ หรือผ้าซิ่นทิว เป็นต้น แต่ไม่ได้กำหนดตายตัว แล้วแต่โอกาสแล้วแต่ว่าผีจะชอบแบบไหนด้วย และการฟ้อนประกอบแคนก็ต้องอ่อนช้อยสวยงามด้วย (หน้า 55-56) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้ไทยตำบลป่าไร่มีวัฒนธรรมความเชื่อที่สะท้อนออกมาในรูปวิถีชีวิต และประเพณี พิธีกรรม ที่ได้รับการส่งทอดมาจนถึงปัจจุบัน แม้ภายหลังจะได้รับอิทธิพลจากสังคมเมืองและสังคมภายนอกอื่นๆ เข้ามา ชาวบ้านก็รับมาในลักษณะการผสมผสาน ความเชื่อในเรื่องดั้งเดิมบางอย่างยังดำรงอยู่ ขณะที่บางอย่างปรับเปลี่ยนไปบ้าง การผสมผสานความเชื่อของชาวบ้านที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับศาสนาที่ชาวบ้านนับถือและปฏิบัติกันมาจะผสมผสานเข้าด้วยกัน เช่น เชื่อเรื่องพุทธ พราหมณ์ ผี เข้าด้วยกัน (หน้า 39-40) |
|
Map/Illustration |
ตารางจำนวนประชากรในการศึกษาค้นคว้า จำแนกตามประเภทและหมู่บ้าน (หน้า7) ตารางจำนวนประชากรตำบลป่าไร่ (หน้า 29) ตารางข้อมูลพื้นฐานการรักษาผู้ป่วยของหมอเหยาตำบลป่าไร่ (หน้า 62) แผนที่จังหวัดมุกดาหาร (หน้า 23) แผนที่ อ. ดอนตาล (หน้า 24) แผนผัง ต. ป่าไร่ อ.ดอนตาล (หน้า25) แผนภูมิระบบความเชื่อของชาวผู้ไท (หน้า 43) การแต่งการของหมอเหยา และหมอเบี่ยง (หน้า 57) |
|
|