สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ผู้ไท,ความเชื่อ,พิธีกรรม,การเลี้ยงผีบรรพบุรุษ,มุกดาหาร
Author วิญญู ผลสวัสดิ์
Title พิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของชาวผู้ไทยตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
Document Type ปริญญานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ผู้ไท ภูไท, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 214 Year 2536
Source ปริญญานิพนธ์ วิชาเอกไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาองค์ประกอบและขั้นตอนของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของผู้ไทย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เก็บข้อมูลโดยการอาศัยวิธีการสังเกตและการสัมภาษณ์ผู้รู้ เจ้าจ้ำ เทียม และผู้ไทยที่มาร่วมพิธีกรรมประจำปีจำนวน 63 คน ผลการศึกษาปรากฎว่า องค์ประกอบของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปีมีบุคคลที่เข้าร่มพิธีกรรม ซึ่งประกอบด้วยเจ้าจ้ำ เทียม และผู้ไทยทั้ง ต.คำอะชี เจ้าจ้ำมีบทบาทสำคัญที่สุดในการประกอบพิธีกรรมเพราะเป็นประธานและเป็นสื่อกลางติดต่อระหว่างผู้ไทยกับผีบรรพบุรุษ สิ่งของที่ใช้จัดเลี้ยงประกอบด้วยเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และภาชนะบรรจุเครื่องบูชา เครื่องสังเวยที่ผู้ไทยจัดหามาด้วยเงินบริจาคจะนำไปประกอบพิธีจัดเลี้ยงทั้งที่ศาลเจ้าปู่ดานตึง และที่บ้านเจ้าจ้ำ ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ผู้ไทยมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษอยู่ 3 พิธีกรรม คือ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปี การบะ (การบน) และการคอบ (การแก้บน) ชาวบ้านยังมีความเชื่อว่าผีบรรพบุรุษ เรียกว่าผีเจ้าปู่ที่พวกตนได้อันเชิญมาจากเมืองวัง เป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นสูงระดับกษัตริย์ของผู้ไทยในอดีต เจ้าปู่จะยังคอยคุ้มครองและยังบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ทางเกษตรกรรม จึงมีการจัดพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษเป็นประจำทุกปี หากผู้ใดไม่เคารพบูชาหรือลบหลู่ เจ้าปู่จะลงโทษให้ผู้นั้นเจ็บป่วยหรือตายได้ คติความเชื่อเหล่านี้ผู้ไทยตำบลคำชะอียังคงยึดถือและปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำจนถึงปัจจุบัน

Focus

พรรณนาถึงองค์ประกอบและขั้นตอนของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของผู้ไทย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อันแสดงถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีกับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ไทยด้วย

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ผู้ไทยใน 8 หมู่บ้านของตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

Language and Linguistic Affiliations

ภาษาผู้ไทยมีแต่ภาษาพูดเท่านั้นไม่มีตัวหนังสือเป็นของตนเอง เพราะในสมัยก่อน พระยาแถงได้ประกาศให้ชนชาติต่าง ๆ ได้รับเอาตัวหนังสือไปใช้ เจ้าเมืองผู้ไทยได้จารึกตัวอักษรลงบนหนังวัวตากแห้ง เมื่อฝนตกเจ้าเมืองเอาหนังวัวไปตากจึงถูกสุนัขคาบไป ทำให้ผู้ไทยไม่มีตัวหนังสือใช้ (จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หน้า10)

Study Period (Data Collection)

ไม่ทราบถึงช่วงระยะเวลาในการศึกษาที่แน่ชัด ทราบแต่เพียงว่าการลงบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งแรกลงเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2535 (หน้า 4) และการบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2535 (ภาคผนวก ก)

History of the Group and Community

ผู้ไทยมีภูมิลำเนาอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย ได้แก่ มณฑลเสฉวน ฮุนหนำ ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศลาว โดยมีหัวหน้าชื่อท้าวกล้า นำผู้ไทยประมาณหนึ่งหมื่นคนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศลาว บริเวณเมืองวัง เมืองคำเกิด และเมืองคำม่วน ในสมัยพระเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ผู้ไทยรบชนะพวกข่า และได้ปกครองพวกข่าอยู่พักหนึ่ง ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 1 ยกทัพไปตีเมืองลานช้าง กวาดต้อนผู้ไทยเข้ามาในประเทศไทยครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงสั่งให้แม่ทัพยกทัพไปปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ และเมื่อปราบกบฎเรียบร้อยแล้ว กองทัพไทยจึงได้กวาดต้อนครอบครัวผู้ไทยที่เมืองวัง เมืองคำเกิด และเมืองคำม่วน ข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ฝั่งไทย ที่เมืองกาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม โปรดให้ตั้งบ้านเมืองขึ้นปกครองกันต่อมา คือ เมืองเรณูนคร เมืองกุดสิมนารายณ์ เมืองคำชะอี และเมืองพรรณานิคม นอกจากนั้นก็กระจัดกระจายกันอยู่บ้างที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ดและอุดรธานี เป็นต้น (หน้า 65-66, 70)

Settlement Pattern

การตั้งบ้านเรือนของผู้ไทยชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ มีลักษณะเป็นหมู่บ้านรวมกลุ่ม บ้านเรือนหลังคาสูง ใช้แฝกมุงหลังคา ฝาใช้ไม้ไผ่สานขัดกันแล้วกั้นห้องเล็กจำนวน 1 หรือ 2 ห้อง (จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หน้า13) และยังมีลักษณะเช่นเดียวกับชาวลาว แต่ต่างกันที่เฉลียงด้านสกัดนั้นทำเป็นวงโค้งดูกลมเหมือนกระโจมโรงหีบ ใหญ่ยาวถึง 9-11 ห้อง เรือนหลังหนึ่งอยู่ด้วยกันหลายครอบครัว ไม่ได้มีการแบ่งห้องให้มิดชิด เพียงแต่กางมุ้งเป็นหลัง ๆ ทั้งสองแถว กลางเรือนมีเตาไฟเรียงกัน 2-4 เตา ตามแต่เรือนใหญ่และเล็ก เตาไฟนี้สำหรับใส่ไฟผิงเท่านั้น เตาไฟที่ใช้นึ่งข้าวทำกับข้าวจะแยกอีกต่างหาก พื้นเรือนก็ใช้ไม้ไผ่ไม้เฮี๊ยะเป็นไม้อย่างบางสานเป็นลาย (หน้า72-73)

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ผู้ไทยมีความชำนาญในการประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ได้แก่ การทำไร่ นา เลี้ยงสัตว์ประเภท วัว ควาย หมู เป็ด ไก่ แพะ และเลี้ยงไหม ทำไร่ฝ้าย ทอผ้า มีภาชนะเครื่องใช้ คือ เสื้อที่ทอด้วยฟางบ้าง สานด้วยหวายล้างและนิยมปั้นหม้อดิน ไว้หุงข้าวเอง อาหารที่ผู้ไทยชอบรับประทานจะเป็นข้าวเหนียว กับข้าวก็มีแต่พริกกับเกลือเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 73)

Social Organization

ในประเพณีพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ เจ้าจ้ำจะทำหน้าที่เป็นประธานและเป็นตัวสื่อกลางในการประกอบพิธี ซึ่งตำแหน่งนี้ได้มาโดยการสืบทอดทางสายตระกูล คือ จะต้องมีเชื้อสายฝ่ายเจ้านายระดับสูง หรือเป็นลูกหลานของบุคคลที่เป็นชนชั้นปกครองของผู้ไทยมาแต่อดีต และจำต้องเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้านและในตำบลนั้น โดยปรกติมักเป็นผู้ที่มีอาวุโสในสายตระกูล และได้รับความเห็นชอบจากผู้ไทย หรือบางกรณีเจ้าปู่ก็จะเป็นผู้คัดเลือกเองโดยการเข้าสิงร่าง (หน้า 131)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ผู้ไทยที่ ต.คำอะชี มีความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผีบรรพบุรุษอย่างมาก เพราะเชื่อกันว่าผู้ไทยจะอพยพย้ายไปที่ใดก็ตาม จะมีการอันเชิญวิญญาณบรรพบุรุษที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ปู่มเหศักดิ์" หรือ "ธาดา" อันเป็นวิญญาณของผู้นำของผู้ไทยในอดีต ชาวบ้านจะมีการจัดพิธีเลี้ยงนี้เป็นประจำทุกปีในวันที่ 13 เมษายน เพื่อเซ่นไหว้บวงสรวง ซึ่งถือว่าเป็นการขอขมา และการทดแทนบุญคุณที่ได้คุ้มครองให้รอดพ้นจาโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายต่าง ๆ ซึ่งยังช่วยบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร โดยมีบุคคลที่เข้าร่วมในพิธีกรรม ได้แก่ เจ้าจ้ำ (ผู้ติดต่อกับผีบรรพบุรุษ), เทียม (ร่างทรง), ผู้ช่วยเจ้าจ้ำฝ่ายชายและหญิง ญาติเจ้าจ้ำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ไทยทั่วไป ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น ผู้ช่วยเจ้าจ้ำฝ่ายชายทำหน้าที่จัดเตรียมสถานที่และของเซ่นไหว้ต่าง ๆ อย่างช้าง ม้า (เหล้าชนิดต่าง ๆ ของผู้ไทย) เป็นต้น รวมทั้งการเก็บเงินบริจาคจากชาวบ้านด้วย ส่วนสิ่งของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรม ได้แก่ เครื่องบูชา หมายถึง วัตถุที่ถือว่าเป็นของสูงใช้ในการกราบไหว้ ได้แก่ ธูป เทียน ดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องสังเวยประกอบด้วย เครื่องดื่ม น้ำหอม เหล้า หมากพลู บุหรี่ อาหารคาวหวาน รวมไปถึงภาชนะที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมจะต้องจัดให้เหมาะสมกับเกียรติของเจ้าปู่ด้วย สถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม ได้แก่ ศาลเจ้าปู่ดานตึงและบ้านเจ้าจ้ำ ขั้นตอนของการประกอบพิธีกรรม เริ่มจากการทำความสะอาดเพื่อจัดเตรียมสถานที่ศาลเจ้าปู่ เสื้อผ้า เครื่องทรงยศ รวมไปถึงเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และวงดนตรีพื้นบ้านที่จะบรรเลงเพลงผู้ไทยโบราณเพื่อร่วมในขบวนแห่จากบ้านเจ้าจ้ำไปยังศาลเจ้าปู่ หลังจากที่มีการกราบไหว้และอันเชิญดวงวิญญาณเจ้าปู่เสร็จแล้ว จากนั้นจะเป็นการประกอบพิธีจัดเลี้ยงที่ศาลเจ้าปู่ ด้วยการจัดเครื่องเซ่นไหว้เพื่อทำการบน แล้วถวายเครื่องเซ่นแด่ผีบรรพบุรุษต่างๆทั้งที่เป็นมิตรสหาย ญาติและบริวารของเจ้าปู่ ซึ่งในขณะทำพิธีนี้วงดนตรีก็กำลังเล่นอยู่พร้อมทั้งมีการเล่นการสาดน้ำกันด้วย ต่อจากนั้น ก็จะมีการจัดเลี้ยงที่บ้านเจ้าจ้ำอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้ประกอบพิธีบะ (การบน) และพิธีคอบ (การแก้บน) เพราะถือเป็นที่สถิตของเจ้าปู่เช่นกัน (หน้า 77-129) ผลการศึกษาพบว่า องค์ประกอบของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปีมีบุคคลที่เข้าร่วมพิธีกรรม ประกอบด้วย เจ้าจ้ำ (ผู้ติดต่อกับผีบรรพบุรุษ) เทียม (ร่างทรง) และผู้ไทยทั้งตำบล ตำแหน่งเจ้าจ้ำสืบทอดกันทางสายตระกูล หรือผีบรรพบุรุษเป็นผู้เลือกเอง โดยการเข้าสิงร่างของผู้ที่เป็นเทียม ก็เพื่อให้ชาวบ้านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สิ่งของที่ใช้จัดเลี้ยงผีบรรพบุรุษประกอบด้วยเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และภาชนะบรรจุเครื่องบูชา เครื่องสังเวยนั้นจัดหามาด้วยเงินบริจาคจะนำปกระกอบพิธีจัดเลี้ยง 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าปู่ดานตึง และที่บ้านเจ้าจ้ำ ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ชาวบ้านมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษอยู่ 3 พิธี ได้แก่ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปี การบะ (การบน) การคอบ (การแก้บน) ซึ่งการบะและการคอบนั้นชาวบ้านจะกระทำพิธีได้ทุกเวลาที่บ้านเจ้าจ้ำ คนที่เข้าร่วมพิธีกรรมมีความเชื่อว่า ผีบรรพบุรุษเป็นผีมเหศักดิ์ของเจ้านายระดับสูงเปรียบได้กับกษัตริย์และวิญญาณของบรรพบุรุษก็เชื่อว่ามีอยู่จริง อันจะคอยช่วยดูแลปกป้องคุมครองผู้ไทย นอกจากนั้นผู้ไทยยังมีคติความเชื่อเกี่ยวกับวัตถุและสิ่งของที่นำมาประกอบพิธีกรรมด้วย เช่น การถวายน้ำหอมเพราะเชื่อว่าเป็นยารักษาโรคและเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นต้น โดยที่ความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าจ้ำหรือเทียมนั้น ได้แสดงออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาของชาวบ้าน เช่น ในปี พ.ศ.2533 มีผู้ไทย 2 คนได้ดูหมิ่นและหยอกล้อต่อร่างเทียม ซึ่งถือว่าร่างนั้นก็เปรียบดั่งเจ้าปู่นั่นเอง โดยเห็นว่าเป็นการเสแสร้งของเทียมเอง จึงถูกจู่ทำร้ายด้วยการจับศรีษะของทั้ง 2 คน กระแทกเข้ากับเสาของศาลจนหัวแตกต้องเข้าโรงพยาบาล หรือแม้แต่ในกรณีของผู้ไทยที่อพยพไปอยู่ต่างอำเภอและเจ้าจ้ำก็ไปเยี่ยมเยียน แต่ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ จนเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อเย็นเจ้าจ้ำก็แสดงอาการบอกให้รู้ว่าตนนั้นคือ เจ้าจ้ำ แล้วชี้หน้าด่าว่าเป็นลูกหลานเนรคุณและถูกตบหน้าอย่างแรง ด้วยความเกรงกลัวผู้ไทยผู้นั้นจึงจัดเตรียมขัน 5 และเหล้ามาทำการขอขมาที่ได้ล่วงเกิน (หน้า 158-159)

Education and Socialization

ไม่ระบุชัดเจน

Health and Medicine

การรักษาพยาบาลก็ใช้เซ่นผี โดยการอ่านมนตร์และเป่าปี่ ในคำที่อ่านมนตร์เป็นใจความที่เชิญผีเรือนช่วยรักษาและให้ขับผีป่าไป ก็จะทำจนกว่าจะหายหรือจะตาย ถ้าหมอมาทำครั้งหนึ่งต้องมีค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่หมอ เป็นเงินหนึ่งสลึง ข้าวสาร 3 ถ้วย ไข่เป็ด 2 ฟองถ้าคนไข้อาการหนักจวนจะสิ้นใจ ญาติพี่น้องหรือเพื่อนที่รักก็มาร้องไห้ฉุดมือฉุดเท้าคนไข้ ทำอาการเหมือนจะฉุดคร่าเอาไว้ไม่ให้ไปยังความตาย (หน้า 74)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ผู้ไทยมีเอกลักษณ์ในการแต่งกายเป็นของตนเอง คือ ผู้ชายจะเกล้ามวยผม นุ่งกางเกงขาแคบ ห่มเสื้อยาวอย่างญวนเช่นเดียวกับผู้หญิง แต่จะนุ่งผ้าซิ่น ไว้ผมมวยเช่นกัน ส่วนหญิงที่มีสามีแล้วก็จะเกล้าผมสูง ผ้าและเครื่องนุ่งห่มของผู้ไทยใช้สีดำทั้งสิ้น เครื่องตกแต่งของชายประกอบด้วยกำไลมือและแหวน ส่วนผู้หญิงสวมปลอกคอ ต่างหู ซึ่งทำด้วยเงินเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 73) นอกจากนี้ ผู้ไทยยังมีเครื่องใช้จักสานที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วย ได้แก่ กระยอง คือ ภาชนะทรงสูง มีลักษณะคล้ายพานใช้สำหรับว่างซ่วยเครื่องบูชาดอกไม้ ธูป เทียนและจวยใส่อาหาร, กระโตกหรือขันโตกใช่ใส่เครื่องบูชาในขณะทำพิธีบะและพิธีคอบ, จวย คือ ถ้วยที่ทำด้วยใบไม้ สำหรับใส่อาหารและข้าวดำข้าวแดง, ซ่วย คือ กรวยที่ทำด้วยใบไม้ สำหรับใส่ดอกไม้และธูปเทียน, ช้อนและถ้วยกะลามะพร้าว (หน้า 90-96)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ในการประกอบพิธีกรรมการลี้ยงผีบรรพบุรุษนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในปัจจุบัน เช่น ขบวนแห่เจ้าปู่นั้นจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์บรรทุกขนของในการเดินทาง ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น จากที่ใช้การหาบหาม และเดินด้วยเท้า (หน้า 114) ส่วนภาชนะที่ใช้ในการประกอบพิธีการเซ่นไหว้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะใช้เป็นถ้วยชามกระเบื้องใส่ต้มแกงแทนการใช้กะลามะพร้าว (หน้า 96)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพที่ 3 ชุดสีแดงแสดงเครื่องทรงยศของเจ้าปู่ (หน้า 79), ภาพที่4 เครื่องทรงยศของเจ้าปู่ประกอบด้วยดาบอาญาสิทธิ์และดาบสั้น (หน้า 80), ภาพที่19 ศาลเจ้าปู่ดานตึงหรือศาลเจ้าปู่มเหศักดิ์ในปัจจุบัน (หน้า 97),ภาพที่27 เจ้าจ้ำและผู้ช่วยเจ้าจ้ำขณะวางแผนประกอบพิธีกรรมการจัดเลี้ยงผีเจ้าปู่เมื่อเช้าวันที่ 13 เมษายน 2535 ก่อนการจัดเลี้ยง (หน้า108), ภาพที่29 เจ้าจ้ำกำลังประกอบพิธีอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ (หน้า110) แผนที่แสดงถิ่นที่อยู่ของผู้ไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หน้า69)

Text Analyst ศรายุทธ โรจน์รัตนรักษ์ Date of Report 30 มิ.ย 2560
TAG ผู้ไท, ความเชื่อ, พิธีกรรม, การเลี้ยงผีบรรพบุรุษ, มุกดาหาร, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง