|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ผู้ไท,ความเชื่อ,พิธีกรรม,การเลี้ยงผีบรรพบุรุษ,มุกดาหาร |
Author |
วิญญู ผลสวัสดิ์ |
Title |
พิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของชาวผู้ไทยตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ผู้ไท ภูไท,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
214 |
Year |
2536 |
Source |
ปริญญานิพนธ์ วิชาเอกไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาองค์ประกอบและขั้นตอนของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของผู้ไทย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เก็บข้อมูลโดยการอาศัยวิธีการสังเกตและการสัมภาษณ์ผู้รู้ เจ้าจ้ำ เทียม และผู้ไทยที่มาร่วมพิธีกรรมประจำปีจำนวน 63 คน ผลการศึกษาปรากฎว่า องค์ประกอบของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปีมีบุคคลที่เข้าร่มพิธีกรรม ซึ่งประกอบด้วยเจ้าจ้ำ เทียม และผู้ไทยทั้ง ต.คำอะชี เจ้าจ้ำมีบทบาทสำคัญที่สุดในการประกอบพิธีกรรมเพราะเป็นประธานและเป็นสื่อกลางติดต่อระหว่างผู้ไทยกับผีบรรพบุรุษ สิ่งของที่ใช้จัดเลี้ยงประกอบด้วยเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และภาชนะบรรจุเครื่องบูชา เครื่องสังเวยที่ผู้ไทยจัดหามาด้วยเงินบริจาคจะนำไปประกอบพิธีจัดเลี้ยงทั้งที่ศาลเจ้าปู่ดานตึง และที่บ้านเจ้าจ้ำ ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ผู้ไทยมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษอยู่ 3 พิธีกรรม คือ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปี การบะ (การบน) และการคอบ (การแก้บน) ชาวบ้านยังมีความเชื่อว่าผีบรรพบุรุษ เรียกว่าผีเจ้าปู่ที่พวกตนได้อันเชิญมาจากเมืองวัง เป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นสูงระดับกษัตริย์ของผู้ไทยในอดีต เจ้าปู่จะยังคอยคุ้มครองและยังบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ทางเกษตรกรรม จึงมีการจัดพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษเป็นประจำทุกปี หากผู้ใดไม่เคารพบูชาหรือลบหลู่ เจ้าปู่จะลงโทษให้ผู้นั้นเจ็บป่วยหรือตายได้ คติความเชื่อเหล่านี้ผู้ไทยตำบลคำชะอียังคงยึดถือและปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำจนถึงปัจจุบัน |
|
Focus |
พรรณนาถึงองค์ประกอบและขั้นตอนของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษของผู้ไทย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อันแสดงถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีกับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ไทยด้วย |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้ไทยใน 8 หมู่บ้านของตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาผู้ไทยมีแต่ภาษาพูดเท่านั้นไม่มีตัวหนังสือเป็นของตนเอง เพราะในสมัยก่อน พระยาแถงได้ประกาศให้ชนชาติต่าง ๆ ได้รับเอาตัวหนังสือไปใช้ เจ้าเมืองผู้ไทยได้จารึกตัวอักษรลงบนหนังวัวตากแห้ง เมื่อฝนตกเจ้าเมืองเอาหนังวัวไปตากจึงถูกสุนัขคาบไป ทำให้ผู้ไทยไม่มีตัวหนังสือใช้ (จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หน้า10) |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ทราบถึงช่วงระยะเวลาในการศึกษาที่แน่ชัด ทราบแต่เพียงว่าการลงบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งแรกลงเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2535 (หน้า 4) และการบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2535 (ภาคผนวก ก) |
|
History of the Group and Community |
ผู้ไทยมีภูมิลำเนาอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย ได้แก่ มณฑลเสฉวน ฮุนหนำ ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศลาว โดยมีหัวหน้าชื่อท้าวกล้า นำผู้ไทยประมาณหนึ่งหมื่นคนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศลาว บริเวณเมืองวัง เมืองคำเกิด และเมืองคำม่วน ในสมัยพระเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ผู้ไทยรบชนะพวกข่า และได้ปกครองพวกข่าอยู่พักหนึ่ง ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 1 ยกทัพไปตีเมืองลานช้าง กวาดต้อนผู้ไทยเข้ามาในประเทศไทยครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงสั่งให้แม่ทัพยกทัพไปปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ และเมื่อปราบกบฎเรียบร้อยแล้ว กองทัพไทยจึงได้กวาดต้อนครอบครัวผู้ไทยที่เมืองวัง เมืองคำเกิด และเมืองคำม่วน ข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ฝั่งไทย ที่เมืองกาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม โปรดให้ตั้งบ้านเมืองขึ้นปกครองกันต่อมา คือ เมืองเรณูนคร เมืองกุดสิมนารายณ์ เมืองคำชะอี และเมืองพรรณานิคม นอกจากนั้นก็กระจัดกระจายกันอยู่บ้างที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ดและอุดรธานี เป็นต้น (หน้า 65-66, 70) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งบ้านเรือนของผู้ไทยชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ มีลักษณะเป็นหมู่บ้านรวมกลุ่ม บ้านเรือนหลังคาสูง ใช้แฝกมุงหลังคา ฝาใช้ไม้ไผ่สานขัดกันแล้วกั้นห้องเล็กจำนวน 1 หรือ 2 ห้อง (จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง หน้า13) และยังมีลักษณะเช่นเดียวกับชาวลาว แต่ต่างกันที่เฉลียงด้านสกัดนั้นทำเป็นวงโค้งดูกลมเหมือนกระโจมโรงหีบ ใหญ่ยาวถึง 9-11 ห้อง เรือนหลังหนึ่งอยู่ด้วยกันหลายครอบครัว ไม่ได้มีการแบ่งห้องให้มิดชิด เพียงแต่กางมุ้งเป็นหลัง ๆ ทั้งสองแถว กลางเรือนมีเตาไฟเรียงกัน 2-4 เตา ตามแต่เรือนใหญ่และเล็ก เตาไฟนี้สำหรับใส่ไฟผิงเท่านั้น เตาไฟที่ใช้นึ่งข้าวทำกับข้าวจะแยกอีกต่างหาก พื้นเรือนก็ใช้ไม้ไผ่ไม้เฮี๊ยะเป็นไม้อย่างบางสานเป็นลาย (หน้า72-73) |
|
Economy |
ผู้ไทยมีความชำนาญในการประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ได้แก่ การทำไร่ นา เลี้ยงสัตว์ประเภท วัว ควาย หมู เป็ด ไก่ แพะ และเลี้ยงไหม ทำไร่ฝ้าย ทอผ้า มีภาชนะเครื่องใช้ คือ เสื้อที่ทอด้วยฟางบ้าง สานด้วยหวายล้างและนิยมปั้นหม้อดิน ไว้หุงข้าวเอง อาหารที่ผู้ไทยชอบรับประทานจะเป็นข้าวเหนียว กับข้าวก็มีแต่พริกกับเกลือเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 73) |
|
Social Organization |
ในประเพณีพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ เจ้าจ้ำจะทำหน้าที่เป็นประธานและเป็นตัวสื่อกลางในการประกอบพิธี ซึ่งตำแหน่งนี้ได้มาโดยการสืบทอดทางสายตระกูล คือ จะต้องมีเชื้อสายฝ่ายเจ้านายระดับสูง หรือเป็นลูกหลานของบุคคลที่เป็นชนชั้นปกครองของผู้ไทยมาแต่อดีต และจำต้องเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้านและในตำบลนั้น โดยปรกติมักเป็นผู้ที่มีอาวุโสในสายตระกูล และได้รับความเห็นชอบจากผู้ไทย หรือบางกรณีเจ้าปู่ก็จะเป็นผู้คัดเลือกเองโดยการเข้าสิงร่าง (หน้า 131) |
|
Belief System |
ผู้ไทยที่ ต.คำอะชี มีความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผีบรรพบุรุษอย่างมาก เพราะเชื่อกันว่าผู้ไทยจะอพยพย้ายไปที่ใดก็ตาม จะมีการอันเชิญวิญญาณบรรพบุรุษที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ปู่มเหศักดิ์" หรือ "ธาดา" อันเป็นวิญญาณของผู้นำของผู้ไทยในอดีต ชาวบ้านจะมีการจัดพิธีเลี้ยงนี้เป็นประจำทุกปีในวันที่ 13 เมษายน เพื่อเซ่นไหว้บวงสรวง ซึ่งถือว่าเป็นการขอขมา และการทดแทนบุญคุณที่ได้คุ้มครองให้รอดพ้นจาโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายต่าง ๆ ซึ่งยังช่วยบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร โดยมีบุคคลที่เข้าร่วมในพิธีกรรม ได้แก่ เจ้าจ้ำ (ผู้ติดต่อกับผีบรรพบุรุษ), เทียม (ร่างทรง), ผู้ช่วยเจ้าจ้ำฝ่ายชายและหญิง ญาติเจ้าจ้ำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ไทยทั่วไป ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น ผู้ช่วยเจ้าจ้ำฝ่ายชายทำหน้าที่จัดเตรียมสถานที่และของเซ่นไหว้ต่าง ๆ อย่างช้าง ม้า (เหล้าชนิดต่าง ๆ ของผู้ไทย) เป็นต้น รวมทั้งการเก็บเงินบริจาคจากชาวบ้านด้วย ส่วนสิ่งของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรม ได้แก่ เครื่องบูชา หมายถึง วัตถุที่ถือว่าเป็นของสูงใช้ในการกราบไหว้ ได้แก่ ธูป เทียน ดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องสังเวยประกอบด้วย เครื่องดื่ม น้ำหอม เหล้า หมากพลู บุหรี่ อาหารคาวหวาน รวมไปถึงภาชนะที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมจะต้องจัดให้เหมาะสมกับเกียรติของเจ้าปู่ด้วย สถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม ได้แก่ ศาลเจ้าปู่ดานตึงและบ้านเจ้าจ้ำ ขั้นตอนของการประกอบพิธีกรรม เริ่มจากการทำความสะอาดเพื่อจัดเตรียมสถานที่ศาลเจ้าปู่ เสื้อผ้า เครื่องทรงยศ รวมไปถึงเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และวงดนตรีพื้นบ้านที่จะบรรเลงเพลงผู้ไทยโบราณเพื่อร่วมในขบวนแห่จากบ้านเจ้าจ้ำไปยังศาลเจ้าปู่ หลังจากที่มีการกราบไหว้และอันเชิญดวงวิญญาณเจ้าปู่เสร็จแล้ว จากนั้นจะเป็นการประกอบพิธีจัดเลี้ยงที่ศาลเจ้าปู่ ด้วยการจัดเครื่องเซ่นไหว้เพื่อทำการบน แล้วถวายเครื่องเซ่นแด่ผีบรรพบุรุษต่างๆทั้งที่เป็นมิตรสหาย ญาติและบริวารของเจ้าปู่ ซึ่งในขณะทำพิธีนี้วงดนตรีก็กำลังเล่นอยู่พร้อมทั้งมีการเล่นการสาดน้ำกันด้วย ต่อจากนั้น ก็จะมีการจัดเลี้ยงที่บ้านเจ้าจ้ำอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้ประกอบพิธีบะ (การบน) และพิธีคอบ (การแก้บน) เพราะถือเป็นที่สถิตของเจ้าปู่เช่นกัน (หน้า 77-129) ผลการศึกษาพบว่า องค์ประกอบของพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปีมีบุคคลที่เข้าร่วมพิธีกรรม ประกอบด้วย เจ้าจ้ำ (ผู้ติดต่อกับผีบรรพบุรุษ) เทียม (ร่างทรง) และผู้ไทยทั้งตำบล ตำแหน่งเจ้าจ้ำสืบทอดกันทางสายตระกูล หรือผีบรรพบุรุษเป็นผู้เลือกเอง โดยการเข้าสิงร่างของผู้ที่เป็นเทียม ก็เพื่อให้ชาวบ้านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สิ่งของที่ใช้จัดเลี้ยงผีบรรพบุรุษประกอบด้วยเครื่องบูชา เครื่องสังเวย และภาชนะบรรจุเครื่องบูชา เครื่องสังเวยนั้นจัดหามาด้วยเงินบริจาคจะนำปกระกอบพิธีจัดเลี้ยง 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าปู่ดานตึง และที่บ้านเจ้าจ้ำ ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ชาวบ้านมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษอยู่ 3 พิธี ได้แก่ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษประจำปี การบะ (การบน) การคอบ (การแก้บน) ซึ่งการบะและการคอบนั้นชาวบ้านจะกระทำพิธีได้ทุกเวลาที่บ้านเจ้าจ้ำ คนที่เข้าร่วมพิธีกรรมมีความเชื่อว่า ผีบรรพบุรุษเป็นผีมเหศักดิ์ของเจ้านายระดับสูงเปรียบได้กับกษัตริย์และวิญญาณของบรรพบุรุษก็เชื่อว่ามีอยู่จริง อันจะคอยช่วยดูแลปกป้องคุมครองผู้ไทย นอกจากนั้นผู้ไทยยังมีคติความเชื่อเกี่ยวกับวัตถุและสิ่งของที่นำมาประกอบพิธีกรรมด้วย เช่น การถวายน้ำหอมเพราะเชื่อว่าเป็นยารักษาโรคและเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นต้น โดยที่ความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าจ้ำหรือเทียมนั้น ได้แสดงออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาของชาวบ้าน เช่น ในปี พ.ศ.2533 มีผู้ไทย 2 คนได้ดูหมิ่นและหยอกล้อต่อร่างเทียม ซึ่งถือว่าร่างนั้นก็เปรียบดั่งเจ้าปู่นั่นเอง โดยเห็นว่าเป็นการเสแสร้งของเทียมเอง จึงถูกจู่ทำร้ายด้วยการจับศรีษะของทั้ง 2 คน กระแทกเข้ากับเสาของศาลจนหัวแตกต้องเข้าโรงพยาบาล หรือแม้แต่ในกรณีของผู้ไทยที่อพยพไปอยู่ต่างอำเภอและเจ้าจ้ำก็ไปเยี่ยมเยียน แต่ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ จนเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อเย็นเจ้าจ้ำก็แสดงอาการบอกให้รู้ว่าตนนั้นคือ เจ้าจ้ำ แล้วชี้หน้าด่าว่าเป็นลูกหลานเนรคุณและถูกตบหน้าอย่างแรง ด้วยความเกรงกลัวผู้ไทยผู้นั้นจึงจัดเตรียมขัน 5 และเหล้ามาทำการขอขมาที่ได้ล่วงเกิน (หน้า 158-159) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การรักษาพยาบาลก็ใช้เซ่นผี โดยการอ่านมนตร์และเป่าปี่ ในคำที่อ่านมนตร์เป็นใจความที่เชิญผีเรือนช่วยรักษาและให้ขับผีป่าไป ก็จะทำจนกว่าจะหายหรือจะตาย ถ้าหมอมาทำครั้งหนึ่งต้องมีค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่หมอ เป็นเงินหนึ่งสลึง ข้าวสาร 3 ถ้วย ไข่เป็ด 2 ฟองถ้าคนไข้อาการหนักจวนจะสิ้นใจ ญาติพี่น้องหรือเพื่อนที่รักก็มาร้องไห้ฉุดมือฉุดเท้าคนไข้ ทำอาการเหมือนจะฉุดคร่าเอาไว้ไม่ให้ไปยังความตาย (หน้า 74) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้ไทยมีเอกลักษณ์ในการแต่งกายเป็นของตนเอง คือ ผู้ชายจะเกล้ามวยผม นุ่งกางเกงขาแคบ ห่มเสื้อยาวอย่างญวนเช่นเดียวกับผู้หญิง แต่จะนุ่งผ้าซิ่น ไว้ผมมวยเช่นกัน ส่วนหญิงที่มีสามีแล้วก็จะเกล้าผมสูง ผ้าและเครื่องนุ่งห่มของผู้ไทยใช้สีดำทั้งสิ้น เครื่องตกแต่งของชายประกอบด้วยกำไลมือและแหวน ส่วนผู้หญิงสวมปลอกคอ ต่างหู ซึ่งทำด้วยเงินเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 73) นอกจากนี้ ผู้ไทยยังมีเครื่องใช้จักสานที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วย ได้แก่ กระยอง คือ ภาชนะทรงสูง มีลักษณะคล้ายพานใช้สำหรับว่างซ่วยเครื่องบูชาดอกไม้ ธูป เทียนและจวยใส่อาหาร, กระโตกหรือขันโตกใช่ใส่เครื่องบูชาในขณะทำพิธีบะและพิธีคอบ, จวย คือ ถ้วยที่ทำด้วยใบไม้ สำหรับใส่อาหารและข้าวดำข้าวแดง, ซ่วย คือ กรวยที่ทำด้วยใบไม้ สำหรับใส่ดอกไม้และธูปเทียน, ช้อนและถ้วยกะลามะพร้าว (หน้า 90-96) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในการประกอบพิธีกรรมการลี้ยงผีบรรพบุรุษนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในปัจจุบัน เช่น ขบวนแห่เจ้าปู่นั้นจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์บรรทุกขนของในการเดินทาง ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น จากที่ใช้การหาบหาม และเดินด้วยเท้า (หน้า 114) ส่วนภาชนะที่ใช้ในการประกอบพิธีการเซ่นไหว้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะใช้เป็นถ้วยชามกระเบื้องใส่ต้มแกงแทนการใช้กะลามะพร้าว (หน้า 96) |
|
Map/Illustration |
ภาพที่ 3 ชุดสีแดงแสดงเครื่องทรงยศของเจ้าปู่ (หน้า 79), ภาพที่4 เครื่องทรงยศของเจ้าปู่ประกอบด้วยดาบอาญาสิทธิ์และดาบสั้น (หน้า 80), ภาพที่19 ศาลเจ้าปู่ดานตึงหรือศาลเจ้าปู่มเหศักดิ์ในปัจจุบัน (หน้า 97),ภาพที่27 เจ้าจ้ำและผู้ช่วยเจ้าจ้ำขณะวางแผนประกอบพิธีกรรมการจัดเลี้ยงผีเจ้าปู่เมื่อเช้าวันที่ 13 เมษายน 2535 ก่อนการจัดเลี้ยง (หน้า108), ภาพที่29 เจ้าจ้ำกำลังประกอบพิธีอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ (หน้า110) แผนที่แสดงถิ่นที่อยู่ของผู้ไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หน้า69) |
|
|