|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ความเป็นชาติพันธุ์, ข้อขัดแย้ง ,แรงงานข้ามชาติ , ผู้อพยพลี้ภัย, พม่า |
Author |
Nicholas Ford |
Title |
Some Reflections of Ethnic Identity of Refugee Migrants from Burma to Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
|
Total Pages |
6 |
Year |
2555 |
Source |
Nicholas Ford. “Some Reflections of Ethnic Identity of Refugee Migrants from Burma to Thailand” in Journal of Population and Social Studies, Volume 21 Number 1, July 2012: 39-46. |
Abstract |
แนวคิดความเป็นชาติพันธุ์ที่แบ่งออกเป็น 2ประเภท ได้แก่ ความสัมพันธ์อันเกิดจากความเกี่ยวดองทางเครือญาติ (Primordialism) กับ ความสัมพันธ์อันเกิดจากสถานการณ์ หรือโครงสร้างทางสังคม (Situtionalism) นอกจากนั้น ยังมีการวิเคราะห์ผ่านกรอบความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในเชิงการเมือง
การมองประเด็นชาติพันธุ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเน้นความสัมพันธ์ระหว่างภูมิประเทศแบบเทือกเขาและพื้นราบ กับวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมและการเมือง (หน้า 40)
ในเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมนั้น มีความแตกต่างมากขึ้นระหว่างวัฒนธรรมหลักของคนพื้นราบ กับวัฒนธรรมของคนกลุ่มน้อยรอบข้างพื้นที่นั้น ๆ โดยคนบนที่สูงร่วมมืออย่างหลวม ๆ ในระบบเศรษฐกิจและการเมือง ในขณะที่คนบนพื้นราบเป็นฐานสำคัญในการเกิดขึ้นของอาณาจักรและรัฐชาติร่วมสมัย ซึ่งนักวิชาการเปรียบเทียบการเกิดขึ้นของอาณาจักรในลักษณะเดียวกับระบบสุริยจักรวาลที่มีศูนย์กลางแห่งหนึ่งมากกว่าที่จะมีศูนย์กลางหลายแห่งในระบบ (หน้า 40)
ธงชัย วินิจกุล (1994) อ้างว่าในยุคสมัยใหม่ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก มีความพยายามที่จะจัดทำแผนที่ประเทศสยาม และมีกระบวนการปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์อันคลุมเครือของชนกลุ่มน้อยที่อาศัยบนที่สูงด้วยการแบ่งเขตแดนประเทศให้ชัดเจน
การปรับเขตแดนไทย-พม่าในพื้นที่ของชาวเขาบ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาระหว่างประชากรทั้งสองประเทศ ซึ่งกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในทั้งไทยและพม่า (หน้า 41)
Yelvington (1991) กล่าวว่า อัตลักษณ์ของกลุ่มชนใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ถูกนิยามจากสิ่งที่ไม่ใช่พวกเขา แต่นิยามผ่านสิ่งอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง ประเด็นที่สำคัญก็อยู่ที่การอธิบายคุณลักษณะพื้นฐานของพวกเขาผ่านความเป็นสมาชิกในเชิงเปรียบเทียบและใช้เรื่องเล่า (หน้า 42)
Furnivall (1958) กล่าวว่าความสัมพันธ์อันเกิดจากความเกี่ยวดองทางเครือญาติ (Primordialism) เกี่ยวข้องกับความรู้สึกพอใจภายในจากความจงรักภักดีต่อกลุ่มซึ่งฝังรากลึกทางวัฒนธรรม
ขณะที่ Taylor (1987); Keyes (1979) ให้ความหมายถึงความสัมพันธ์อันเกิดจากสถานการณ์ หรือโครงสร้างทางสังคม (Situtionalism) ว่าเป็นอัตถประโยชน์เชิงเครื่องมือนำทางของการยึดเอาชาติพันธุ์จากผลประโยชน์เชิงสถานการณ์ ซึ่งส่วนมากจะถูกครอบงำโดยกลุ่มที่เหนือกว่า (หน้า 42)
Eller และ Coughlan (1993) ชี้ให้เห็นว่ามีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงการเสริมแรง และการผลิตซ้ำอย่างต่อเนื่องในเรื่องอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ อันนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงและเกิดรูปแบบพหุลักษณ์ พร้อม ๆ กับระดับที่หลากหลายและการยอมรับของบุคคลเกี่ยวกับความแตกต่างทางชาติพันธุ์ (หน้า 43)
David Brown (1996) สรุปว่าแนวคิดการแบ่งแยกชาติพันธุ์และความขัดแย้งในรัฐชาติ สามารถจัดประเภทได้เป็น 6 อย่าง ได้แก่ (หน้า 43)
1. ชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นรัฐชาติซึ่งมีวัฒนธรรมชนกลุ่มอิสระที่เกิดใหม่ อันส่งผลให้เกิดความเปราะบางทางการเมือง
2. ลัทธิชาตินิยมทางชาติพันธุ์เป็นฐานรากให้เกิดการพัฒนาภูมิภาคอย่างไม่เท่าเทียม และเกิดอาณานิคมภายในประเทศ (Internal colonialism)
3. ความขัดแย้งต่าง ๆ เกิดขึ้นในสถานที่ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวทางเครือญาติถูกคุกคามโดยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างถิ่น
4. ความขัดแย้งต่าง ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรมแต่ละอย่างที่ชนกลุ่มน้อยชั้นสูง
กระทำขึ้นมา
5. ความขัดแย้งที่เกิดจากส่วนประกอบของทั้ง 4 ข้อรวมกัน
6. แนวคิดการแบ่งแยกชาติพันธุ์มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ เพราะเป็นปรากฎการณ์ที่ชัดแจ้งตรงหน้า แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นมวลสถานการณ์ที่แน่นอน
ทั้งนี้ ข้อ 1-4 มีความเกี่ยวข้องต่อความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในพม่า ความสัมพันธ์ที่แบ่งแยกอย่างร้าวลึกระหว่างรัฐพม่ากับชนกลุ่มน้อยถูกทำให้แย่ลงจากการนองเลือดของชาวบ้านในเขตแดนต่าง ๆ โดยทหารพม่า (หน้า 44) |
|
Focus |
แนวคิดต่าง ๆ ของการวิเคราะห์อัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ และปัญหาความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในพม่า |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Economy |
แม้ว่าพม่าจะเปิดเสรีในการพัฒนาประเทศ แต่ก็ยังมีการคุกคามในเชิงคอรัปชั่นโดยกลุ่มคนชนชั้นสูงในแวดวงการเมืองและทหาร ภายใต้กระบวนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจที่จำกัด (หน้า 44) |
|
Political Organization |
ความร่วมมืออย่างหลวม ๆ ในระบบเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้คนบนที่สูงมีรูปแบบความสัมพันธ์กับคนบนพื้นราบในแบบบรรณาการ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์แบบร่วมสมัยในปัจจุบันนี้อยู่ในรูปแบบของความสำคัญทางการเมืองของเมืองขนาดใหญ่ (หน้า 41)
มีปัญหาที่หลากหลายอันเนื่องมาจากเส้นแบ่งเขตแดนประเทศ อันได้แก่ ความขัดแย้งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารกับกัมพูชา ความขัดแย้งด้านกบฎก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการอพยพข้ามแดนยังฝั่งไทยซึ่งเกิดจากการแบ่งเส้นอาณาเขตไทย-พม่าที่สร้างปัญหา (หน้า 41)
ชะตากรรมของผู้ลี้ภัยพม่าที่อพยพเข้ามาในไทยยังเกี่ยวข้องอยู่กับวิกฤตทางการเมืองและการพัฒนาในพม่า แต่ปัจจุบันนี้ก็มีสัญญาณของการเปิดเสรีทางการเมือง พยุงให้เกิดการมองภาพบวกจากความขัดแย้งนับทศวรรษได้ (หน้า 44)
วิกฤตทางชาติพันธุ์อาจหันเหไปในทางที่ดูแลควบคุมได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น ส่วนประกอบที่สำคัญที่เป็นทางออกสำหรับประเด็นนี้ ก็คือ การปรับเปลี่ยนให้มีแนวคิดแบบพหุลักษณ์มากขึ้น และมองอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น (หน้า 44) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
การสื่อสารและปกป้องเรื่องราวเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของไทยยังเป็นลักษณะรวมศูนย์ที่ส่วนกลางโดยมีความพยายามสร้างอัตลักษณ์ของชาติให้เป็นหนึ่งเดียวมากกว่าสร้างรัฐชาติในลักษณะที่ทำให้เกิดความหลากหลายทางชาติพันธุ์ (หน้า 41) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Critic Issues |
มีปัญหาที่หลากหลายอันเนื่องมาจากเส้นแบ่งเขตแดนประเทศ อันได้แก่ ความขัดแย้งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารกับกัมพูชา ความขัดแย้งด้านกบฎก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการอพยพข้ามแดนยังฝั่งไทยซึ่งเกิดจากการแบ่งเส้นอาณาเขตไทย-พม่าที่สร้างปัญหา (หน้า 41)
ชะตากรรมของผู้ลี้ภัยพม่าที่อพยพเข้ามาในไทยยังเกี่ยวข้องอยู่กับวิกฤตทางการเมืองและการพัฒนาในพม่า แต่ปัจจุบันนี้ก็มีสัญญาณของการเปิดเสรีทางการเมือง พยุงให้เกิดการมองภาพบวกจากความขัดแย้งนับทศวรรษได้ (หน้า 44)
วิกฤตทางชาติพันธุ์อาจหันเหไปในทางที่ดูแลควบคุมได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น ส่วนประกอบที่สำคัญที่เป็นทางออกสำหรับประเด็นนี้ ก็คือ การปรับเปลี่ยนให้มีแนวคิดแบบพหุลักษณ์มากขึ้น และมองอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น (หน้า 44) |
|
|