|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
กลุ่มชาติพันธุ์ , การเข้าถึงบริการทางสุขภาพ ,ชายแดนไทยพม่า, กาญจนบุรี |
Author |
Jian Hu, Chai Podhisita |
Title |
Differential Utilization of Health Care Services among Ethnic Groups on the Thailand-Myanmar Border: A Case Study of Kanchanaburi Province, Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
|
Total Pages |
20 |
Year |
2551 |
Source |
Hu, Jian and Podhisita, Chai. “Differential Utilization of Health Care Services among Ethnic Groups on the Thailand-Myanmar Border: A case study of Kanchanaburi Province, Thailand” Journal of Population and Social Studies. ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 : 115-134; กรกฎาคม 2551. |
Abstract |
เน้นการศึกษาถึงการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีโดยการทำแบบสำรวจทางสถิติเก็บข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงความแตกต่างของการเข้าถึงการบริการทางด้านสุขภาพระหว่างประชากร 3 กลุ่มคือคนไทย กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในไทย และกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากต่างประเทศ
จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่สำคัญส่งผลต่อกาเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพคือการมีประกันสุขภาพ การมีสถานพยาบาลที่สามารถเดินทางไปได้ ความสะดวกในการเดินทางและประเภทของหมู่บ้านสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งที่เกิดในไทยและอพยพมาจากต่างประเทศในจังหวัดกาญจนบุรี
นอกจากนั้นปัจจัยอื่นเช่นการสามารถใช้ภาษาไทยได้หรือการนับถือศาสนาพุทธก็เป็นปัจจัยเสริมในคนที่สามารถเข้ารับบริการทางด้านสุขภาพได้ แต่ชนเผ่านั้นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ จากปัจจัยทั้งหมด ส่งผลให้คนไทย เป็นกลุ่มคนที่เข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพได้มากที่สุด ในขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากต่างประเทศนั้นเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพน้อยที่สุด ซึ่งจากการสำรวจพบว่าหากแก้ไขให้ทุกคนได้รับปัจจัยเหล่านี้ใกล้เคียงกันแล้วนั้น ประชากรทุกคนจะสามารถเข้าถึงและได้รับบริการทางด้านสุขภาพอย่างเท่ากัน |
|
Focus |
เน้นการศึกษาถึงความแตกต่างในการใช้บริการทางด้านสุขภาพของกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายแดนไทย-พม่าและปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างนั้น |
|
Theoretical Issues |
ใช้การศึกษาโดยการเก็บข้อมูลทางสถิติและนำมาวิเคราะห์ เพื่อตรวจสอบสมมติฐานที่ว่ามีความแตกต่างในการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพของชนเผ่าต่างๆ เช่นข้อจำกัดในการมีประกันสุขภาพ การไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้ ความยากลำบากในการเดินทางและทรัพยากรบุคคลทางการแพทย์ที่ไม่เท่ากันโดยเปรียบเทียบระหว่างประชากร 3 กลุ่ม คือ คนไทย กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในประเทศไทย และกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศอื่น |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากต่างประเทศจำนวนมากไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้ (หน้า 123) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ
1. กลุ่มที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูง หรือที่เรียกว่าชาวเขา ประกอบด้วยกะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน อาข่า ละฮุ ลีซอ ลัวะ ถิ่น ขมุ และมลาบรี
2. กลุ่มที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่ม ได้แก่ ลื้อ มอญ พม่า ไทใหญ๋ เขมร กุย และกลุ่มเล็กๆ อีกหลายกลุ่ม
โดยมีประชากรรวมกันทั้งหมดประมาณ 1,203,149คน คิดเป็น 2% ของประชากรไทยทั้งหมดและส่วนมากอาศัยอยู่ใน 20 จังหวัดโดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-พม่าตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคกลางตอนล่างของประเทศ (หน้า 117-118)
กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ชาวกะเหรี่ยง คิดเป็น 80%และชาวมอญ คิดเป็น 17% ของประชากรชนกลุ่มน้อยทั้งหมด ซึ่งมีการอพยพมากจากประเทศพม่าในช่วงเวลาต่างๆ (หน้า 118) มีแรงงานผิดกฎหมายที่อพยพเข้ามาจากประเทศพม่าจำนวนมากซึ่งไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัด มีการประมาณว่ามีแรงงานผิดกฎหมายทั้งหมดประมาณ 90,000คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี (หน้า 118)
กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในจังหวัดกาญจนบุรีนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย (native-born minority) และกลุ่มที่เกิดที่ต่างประเทศแล้วอพยพเข้ามายังจังหวัดกาญจนบุรีภายหลัง (Foreign-born minority) (หน้า 118) จากการสำรวจทางสถิติพบว่าประชากรประมาณ 75% อายุระหว่าง 25-59 ปี ในกลุ่มที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากต่างประเทศ พบว่าส่วนมากเป็นผู้ชาย เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานในภาคเกษตรกรรม |
|
Economy |
ในชุมชนคนไทย มีเครื่องอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับทางด้านสาธารณสุขและการเดินทางที่ดีกว่าในหมู่บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ (หน้า 123) |
|
Political Organization |
ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุือาศัยอยู่จำนวนมากตามแถบชายแดน เช่น บุคคลพลัดถิ่น ผู้อพยพจากปัญหาสงครามและแรงงานผิดกฎหมาย กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้มีสิทธิพื้นฐานของตนในการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้มีคุณภาพทางสุขภาพต่ำกว่ามาตรฐานของประเทศ และมีอัตราการเสียชีวิตของเด็กอ่อน เด็กและแม่สูงกว่าภูมิภาคอื่นของประเทศ (หน้า 116) พบว่ามีประชากรกลุ่มชาติพันธุ์มากถึง 58% ที่ไม่ได้รับการบันทึกจากหน่วยงานทางราชการในช่วงปีค.ศ. 1985-1988 หมู่บ้านที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานทางราชการก็จะไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐ เช่นโรงเรียน ถนน การบริการทางสาธารณสุขเป็นต้น (หน้า 119) |
|
Belief System |
ชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญเชื่อในวิญญาณ และเชื่อว่าวิญญาณสามารถทำให้เกิดโรคได้ (หน้า 116) กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ ในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ อิสลามและฮินดู (หน้า123) |
|
Education and Socialization |
กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนมาก โดยเฉพาะที่อพยพมาจากต่างประเทศไม่ได้รับการศึกษาตามมาตรฐานของประเทศไทย (หน้า 124) |
|
Health and Medicine |
ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์บางส่วนไม่สามารถเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพได้มีหลายประการคือ
1. ไม่มีสัญชาติไทย ทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพของรัฐบาลได้
2. ที่ตั้งของหมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ห่างไกลจากถนนและตัวเมืองและภายในชุมชนมักมีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐานน้อยกว่าในหมู่บ้านคนไทย
3. มีอุปสรรคทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านภาษา ความเชื่อและศาสนา เช่น ชาวกะเหรี่ยงและมอญนิยมทำการรักษาตามความเชื่อด้านจิตวิญญาณ ทำให้คุณภาพของสุขภาพชนกลุ่มน้อยอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานของประเทศ (หน้า 1-2)
แรงงานที่ไม่ขึ้นทะเบียนกับทางราชการไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมของรัฐบาล แต่สามารถซื้อประกันสุขภาพราคาประมาณปีละ 1700 บาทต่อคน ได้ด้วยตนเองเมื่อขอใบอนุญาตทำงานกับกระทรวงแรงงาน (หน้า 119)
ประชากรกลุ่มชาติพันธุ์ประมาณกึ่งหนึ่งมีการป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อในช่วงที่ทำการสำรวจ ประมาณ 40% มีอาการปวดหัวตัวร้อนทั่วไป และอีก 10% เป็นโรคติดต่อ แสดงว่าโรคไม่ติดต่อเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยหลักในกลุ่มประชากร (หน้า 125)
โดยทั่วไป ประชากรจะมีการทำประกันสุขภาพแบบครอบคลุมไม่มากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มชนกลุ่มน้อยทั้งที่เกิดในไทยและที่อพยพมาจากต่างประเทศ คนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในไทยสามารถเข้าถึงการบริการทางด้านสาธารณสุขได้ใกล้เคียงกันแม้ว่าจะผ่านประกันสุขภาพรูปแบบที่แตกต่างกันแต่สำหรับชนกลุ่มน้อยที่อพยพมาจากต่างประเทศนั้น มีเพียงบัตรประกันสุขภาพสำหรับแรงงานต่างด้าวเท่านั้น ซึ่งต้องมีใบอนุญาตทำงานจึงจะสามารถทำประกันดังกล่าวได้ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากต่างประเทศที่สามารถใช้สิทธิ์ประกินสุขภาพได้จึงมีเพียง 26% (หน้า 126)
กลุ่มชาติพันธุ์ทั้งที่เกิดในไทยและอพยพมาจากต่างประเทศจะใช้บริการทางด้านสุขภาพน้อยกว่าคนไทย โดยกลุ่มที่อพยพมาจากต่างประเทศเป็นกลุ่มที่ใช้บริการทางสุขภาพน้อยที่สุด(หน้า 127)
การที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีสถานที่ให้บริการด้านสุขภาพและรถโดยสารสาธารณะติดต่อกับภายนอก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นสามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้มากกว่าหมู่บ้านอื่น (หน้า 128) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมีวัฒนธรรม พูดภาษาถิ่นของตนเอง มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย (หน้า 118) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
รัฐบาลควรส่งเสริมให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับข้อมูลทางด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึงทั้งในภาษาไทยและภาษาถิ่น นอกจากนั้นทางแก้ไขระยะสั้นคือควรมีการจ้างบุคลากรที่รู้ภาษาถิ่น และในระยะยาวควรเปิดโอกาสให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการศึกษาและขยายให้นโยบายประกันสุขภาพของรัฐบาลครอบคลุมกลุ่มชาติพันธุ์ (หน้า 131) |
|
|