|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ ,คะยัน กะจ๊าง,คะยาห์ กะเรนนี บเว,โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู ,กะเหรี่ยง, ปัญหาแรงงานต่างชาติ, แรงงาน,ชนกลุ่มน้อย, แม่สอด, ตาก |
Author |
เฉลิมศักดิ์ แหงมงาม |
Title |
แรงงานต่างชาติ : ศึกษากรณีกะเหรี่ยงหลบหนีเข้าเมือง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ, กะแย กะยา บเว, กะยัน แลเคอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
117 หน้า |
Year |
2535 |
Source |
เฉลิมศักดิ์ แหงมงาม. ปัญหาแรงงานต่างชาติ : ศึกษากรณีกะเหรี่ยงหลบหนีเข้าเมือง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก.บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2535. |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งศึกษาปัญหาแรงงานต่างชาติ กรณีศึกษาแรงงานกะเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อย สัญชาติพม่า ที่หลบหนีเข้ามาในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ของประเทศไทย ซึ่งประเด็นสำคัญในการศึกษา ได้แก่ ปัญหาการแย่งอาชีพพื้นฐานของแรงงานไทย ปัญหาการเปรียบเทียบคุณภาพแรงงานกะเหรี่ยงกับแรงงานไทย และผลกระทบที่อาจเป็นปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศไทย เรื่องอำเภอแม่สอดสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ และเรื่องการเสียภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ จากการเข้ามาทำงานด้านงานบริการทางเพศของแรงงานกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า โดยมีการสำรวจและสัมภาษณ์ความคิดเห็นของกลุ่มนักธุรกิจภาคเอกชน กลุ่มข้าราชการประจำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มแรงงานไทย รวมถึงศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานกะเหรี่ยงในประเทศไทย เรื่องสภาพความเป็นอยู่ ลักษณะของการลักลอบเข้ามาทำงาน การดำเนินชีวิต วิถีทางในการประกอบอาชีพและลักษณะของงาน โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ กลุ่มแรงงานกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์และสังเกตการณ์เป็นหลัก พบว่า มีแรงงานกะเหรี่ยงชนกลุ่มน้อยสัญชาติพม่าลักลอบเข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นจำนวนมาก แรงงานกะเหรี่ยงที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงานนั้น จะมีทั้งกรณีที่หนีภัยสงครามมาอยู่ที่ศูนย์แรกรับผู้อพยพก่อนจะหางานทำต่อไป และกรณีที่หนีภัยความยากจน ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในพม่า แรงงานกะเหรี่ยงเหล่านี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากเมืองผาอัง เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง โดยชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ที่เข้ามาหางานทำจะอยู่ในวัยหนุ่มสาวจะรับทำงานประเภทกรรมกร งานรับจ้างในไร่ในสวน งานโรงงานอุตสาหกรรม งานร้านอาหาร และงานเด็กรับใช้ภายในบ้าน เป็นต้น |
|
Focus |
การศึกษาปัญหาที่เกิดจากการลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยของแรงงานกะเหรี่ยง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ด้านความมั่นคงทางการเมืองของประเทศไทย โดยเน้นศึกษาความคิดเห็นของคนไทยที่คาดว่าจะมีต่อปรากฏการณ์การหลบหนีเข้าเมืองของชาวกะเหรี่ยง คือ การถูกมองว่าแย่งงานแรงงานไทย และเกิดการเปรียบเทียบการทำงานของแรงงานกะเหรี่ยงว่ามีคุณภาพสูงกว่าแรงงานไทย และเน้นศึกษาสาเหตุและวิธีการเข้ามาในประเทศไทยของแรงงานกะเหรี่ยง รวมถึงศึกษาลักษณะการประกอบอาชีพ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานกะเหรี่ยงชนกลุ่มน้อยสัญชาติพม่าในพื้นที่อำเภอแม่สอดโดยทั่วไป (หน้า 6) |
|
Theoretical Issues |
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ใช้ทฤษฎีและกรอบแนวคิดเกี่ยวกับการอพยพมาใช้เป็นหลัก คือ กฎแห่งการอพยพ (Law of Migration) ซึ่งเป็นแนวคิดที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์การหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานกะเหรี่ยงชนกลุ่มน้อยสัญชาติพม่าและสามารถอธิบายถึงการลักลอบเข้าเมืองได้
รายละเอียดได้แก่ ประชากรส่วนใหญ่จะอพยพไปในระยะทางใกล้ๆ ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะพื้นที่ทางกายภาพที่ใกล้ชิดของอำเภอแม่สอดกับชายแดนพม่า หรือหากมีการอพยพไปในระยะทางไกลๆ สถานที่แห่งนั้นต้องเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสหกรรม สอดคล้องกับคำบอกเล่าของญาติพี่น้องกะเหรี่ยงที่เคยเข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอดว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีความเจริญ มีโรงงานขนาดใหญ่จำนวนมาก
ส่วนขั้นตอนการอพยพที่ทำให้เกิดคลื่นการอพยพไปสู่ศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรม นำไปสู่ความหนาแน่นของประชากรท่ามกลางการเติบโตเป็นเมืองใหญ่อย่างรวดเร็ว และดึงดูดให้ผู้คนจากดินแดนอื่นอพยพเข้ามามากขึ้น สอดคล้องกับการที่ชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากหาทางลักลอบเข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอดอยู่เสมอ ทำให้ง่ายต่อการหาแรงงานของเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ รวมถึงเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า ที่สอดคล้องกับแนวคิดว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้ชาวกะเหรี่ยงเข้ามมาหางานทำมากขึ้น และปัจจัยตัวสุดท้าย คือ ลักษณะของสภาพสังคมที่ไม่น่าอยู่อาศัย สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศพม่า ความขัดแย้งของปัญหาทางการเมือง และภัยสงคราม ก็เป็นเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจอพยพ |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้วิจัยระบุว่าได้ทำงานและอาศัยอยู่ในเขตอำเภอแม่สอดทั้งในเขตชนบทและเขตเมืองเป็นเวลา 2 ปี (หน้า 75) ตั้งแต่ พ.ศ.2533-2534 (หน้า 31) และจากข้อมูลของวันที่สัมภาษณ์ทั้งหมดพบว่าผู้วิจัยได้ข้อมูลมาในช่วง 7-22 พฤษภาคม 2535 (ข้อมูลการสัมภาษณ์, บทที่5 ผลการศึกษาวิจัย) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติศาสตร์กะเหรี่ยงมีถิ่นฐานเดิมในด้านตะวันออกของธิเบต เมื่อประมาณ 3000 ปีมาแล้ว ต่อมาถูกขับถอยร่นลงมาตามลุ่มน้ำแยงซีเกียง และเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพม่าตอนเหนือ ต่อมาปะทะกับไทใหญ่ จึงถอยร่นลงมาทางใต้บริเรณรัฐกะเหรี่ยง แบ่งออกเป็น 2กลุ่ม
1.กลุ่มที่อยู่ในสหภาพพม่า
2.พวกที่อยู่อย่างอิสระ อาศัยอยู่บริเวณชายแดนพม่าด้านติดต่อกับประเทศไทย (หน้า 18)
ประวัติการอพยพของชาวกะเหรี่ยงมาในประเทศไทย พบว่า พวกกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาในประเทศไทยในสมัยพระเจ้าอลองพญา ทำสงครามกับพวกมอญ ในขณะนั้นกะเหรี่ยงเป็นมิตรกับมอญ เมื่อพม่ายกทัพมาตีมอญจึงตีค่ายกะเหรี่ยงด้วย กะเหรี่ยงบางส่วนจึงอพยพเข้าในประเทศไทย(หน้า 19) ในปี พ.ศ. 2527 รัฐบาลพม่ากวาดล้างกะเหรี่ยงครั้งใหญ่ เสริมกำลังตลอดชายแดนไทย ทำให้กะเหรี่ยงเดินทางกลับไปในพม่าไม่ได้ ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจึงสร้างที่พักถาวร ขุดบ่อน้ำ และสร้างโบสถ์วิหาร และโรงเรียนเพื่อสอนหนังสือ(หน้า 20)
อำเภอแม่สอด ได้รับการยกฐานะจากเมืองฉอด มาเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตากในปีพ.ศ.2441 ตั้งอยู่ห่างจากเส้นกั้นพรมแดนกับสหภาพพม่า 6 กิโลเมตร ซึ่งอำเภอแม่สอดนี้อยู่ใกล้กับเมืองเมียวดีและเมืองมะละแหม่งของพม่า ทำให้มีการลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยของแรงงานพม่าจำนวนมาก เพราะด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการข้ามแดนและความเข้มงวดของด่านตรวจคนผ่านแดนนั้นไม่มีมาตรการอย่างเข้มงวด
อำเภอแม่สอดเป็นอำเภอชายแดนที่มีความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างสูง มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก อำเภอแม่สอดจึงกลายเป็นพื้นที่สำคัญต่อการเข้ามาของชนกลุ่มน้อยสัญชาติพม่าทั้งหลายเพื่อหางานทำ จุดสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ตลอดแนวชายแดนของจังหวัดตาก เป็นที่ตั้งของกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า "โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สอด มีที่ตั้งของกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงอิสระที่สู้รบกับพม่า ชื่อว่า ค่ายคอมูล่า อยู่ตรงข้ามบ้านวังแก้ว หมู่ที่4 ตำบลแม่ปะ และยังมีศูนย์ผู้อพยพห้วยกะโหลก เป็นค่ายผู้อพยพหนีภัยสงครามของชาวกะเหรี่ยง” (หน้า29-30) อีกทั้งผาอัง เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยงยังตั้งอยู่ใกล้กับอำเภอแม่สอดมาก (หน้า30)
ดังนั้นจึงส่งผลให้อำเภอแม่สอดเป็นที่รองรับชาวกะเหรี่ยงที่ลักลอบหนีเข้ามาเป็นแรงงานมากที่สุด เพื่อความต้องการในการหางานทำและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเนื่องจากอำเภอแม่สอดเป็นแหล่งรวมชนกลุ่มต่างๆหลากหลายขนบธรรมเนียมเข้าด้วยกัน โดยกลืนเข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีของภาคเหนือและการเข้ามาร่วมงานในเทศกาลต่างๆของคนฝั่งพม่า แสดงให้เห็นถึงการยอมรับชนกลุ่มต่างๆที่จะเข้ามาร่วมดำรงชีวิตในพื้นที่เดียวกันนี้อย่างง่ายดาย จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เอื้อต่อการเข้ามาอาศัยอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ของชาวกะเหรี่ยง |
|
Settlement Pattern |
ศูนย์แรกรับผู้อพยพห้วยกะโหลก ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยกะโหลก หมู่ที่ 4 ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด มีชาวกะเหรี่ยงหนีสงครามจากพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัย เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ (หน้า 30) และค่อยๆเริ่มปรับตัวกับการอยู่อาศัยและหางานทำในระยะต่อๆมา โดยแรงงานกะเหรี่ยงที่ลักลอบเข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอด มีความเป็นอยู่ 3 แบบ (หน้า 75) ได้แก่
1. อาศัยอยู่กับนายจ้าง โดยนายจ้างจะเป็นคนจัดหาเพิงที่พักอาศัยให้อยู่ในบริเวณบ้าน หรือห้องพัก หรือปลูกโรงเรือนให้อยู่ในบริเวณโรงงาน
2. อาศัยอยู่ตามห้างนา โดยนายจ้างจะปลูกห้าง เพิงพักอาศัยให้อยู่ชั่วคราว เพราะแรงงานกะเหรี่ยงกลุ่มนี้จะมาทำงานในท้องไร่ท้องนาเฉพาะในฤดูทำการเกษตรเท่านั้น
3. การเช่าบ้านอาศัยรวมกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานอยู่ในเขตเทศบาลตำบลแม่สอด หรือการปลูกกระต๊อบอยู่กันเป็นกลุ่ม ตามแนวชายแดน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีจำนวนหลังคาเรือนไม่มากนัก |
|
Demography |
ศูนย์แรกรับผู้อพยพห้วยกะโหลก มีจำนวนผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นที่อยู่อาศัย 3,545 คน (หน้า 30) , คาดว่ามีกะเหรี่ยงลักลอบหนีเข้าเมืองอาศัยอยู่ในแม่สอด จำนวนไม่ต่ำกว่า 20,000 คน (ข้าราชการผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบและการควบคุมความเคลื่อนไหวของแรงงานกะเหรี่ยง, สัมภาษณ์ 22 พ.ค. 2535) (หน้า 31) |
|
Economy |
แรงงานกะเหรี่ยงที่เข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นอกจากหนีภัยสงครามแล้ว ยังหนีจากปัญหาเศรษฐกิจที่แร้นแค้นของประเทศพม่าด้วย ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่มีความคิดที่จะเข้ามาหาเงิน เก็บออมไว้เพื่อสร้างฐานะให้กับตนเอง และกลับไปอาศัยที่ประเทศพม่าในเวลาที่เหมาะสม โดยค่าแรงที่ได้เดือนละประมาณ 500-1000 บาท เมื่อเทียบเป็นสกุลเงินพม่าแล้ว จะถือว่าได้ค่าแรงค่อนข้างสูง (หน้า 33)
ลักษณะของงานที่ทำโดยส่วนมากจะเป็นงานกรรมกรหรือรับจ้างทำไร่ทำนาสำหรับผู้ชาย ส่วนงานของผู้หญิงจะเป็นงานร้านค้า ร้านอาหาร พี่เลี้ยงเด็ก แม่บ้าน เป็นต้น
แรงงานกะเหรี่ยงที่นายจ้างไว้ใจอาจได้ทำงานอยู่ด้วยเป็นเวลานานถึงสิบปี หรือบางกลุ่มจะมาใช้เวลาอยู่เป็นช่วงๆ โดยเข้ามาทำงานเป็นระยะเวลา 1-3 เดือน หรือ 6-12 เดือน ในช่วงฤดูกาลการเกษตร เมื่อหมดฤดูกาลนี้แล้วก็จะกลับประเทศพม่าเหมือนเดิม ด้วยค่าจ้างแรงงานที่ต่ำ ทำให้ผลกำไรที่สูงไปตกอยู่กับนายจ้างคนไทย และส่งผลดีให้เศรษฐกิจในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย ทำให้แรงงานกะเหรี่ยงมีหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก |
|
Social Organization |
แรงงานกะเหรี่ยงมีความผูกพันกับครอบครัวที่ตนจากมา มีความหวังว่าเมื่อสร้างฐานะการเงินได้อย่างมั่นคงแล้วจะกลับไปใช้เวลาร่วมกับครอบครัวที่ประเทศบ้านของตนเอง ชาวกะเหรี่ยงมักจะกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตนเองประมาณ 1-2ครั้งต่อปี และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวประมาณ 1-3 เดือน และเมื่อกลับไปบ้านก็จะชักชวนให้ญาติพี่น้อง เพื่อน หรือคนรู้จักในหมู่บ้านเดียวกัน เข้ามาทำงานในประเทศไทย นอกจากญาติพี่น้องก็ยังมีกะเหรี่ยงนายหน้าที่จะคอยติดต่อหางานให้เข้ามาทำงานในช่วงฤดูกาลการเกษตร การเข้ามาแต่ละครั้งจะเข้ามาเป็นกลุ่ม 4-5คน (หน้า 80) |
|
Political Organization |
กะเหรี่ยงเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีสำนึกทางชาติพันธุ์ในกลุ่มของตนเองอย่างสูง มีกองกำลังที่เข้มแข็ง มีระเบียนวินัย และสู้รบกับทหารพม่าอย่างทรหดอดทน (หน้า18) รัฐบาลของพม่าจึงต้องรับมือกับการก่อกบฏของกะเหรี่ยงในปี 2490 ด้วยสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่ง (หน้า17) และตลอดเวลาที่ผ่านมาชนกลุ่มน้อยยังคงรู้สึกว่าตนเองถูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด ประกอบกับตั้งแต่ปี 2526 รัฐบาลพม่าได้ปฏิบัติการกวาดล้างกองกำลังของชนกลุ่มน้อยอย่างจริงจัง จึงมีผู้อพยพชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆหลบหนีมาอาศัยในประเทศไทย (หน้า 23) โดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยง ที่ส่วนหนึ่งหนีสงครามเข้ามาอาศัยที่ศูนย์แรกรับผู้อพยพ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เนื่องจากถูกกองกำลังทหารพม่าโจมตีขับไล่ และอีกส่วนหนึ่งถูกทางการพม่าบังคับให้ไปเป็นลูกหาบขนอาวุธสงคราม เป็นแนวหน้าออกรบกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ
ส่วนการตั้งข้อสังเกตของผู้วิจัยเรื่องรัฐบาลพม่าจะกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยให้การสนับสนุนกะเหรี่ยงต่อต้านพม่านั้น พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับแรงงานชาวกะเหรี่ยง เพราะแรงงานดังกล่าวเป็นแรงงานชาวบ้าน ที่คงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง (หน้า 71) แต่อย่างไรก็ตาม การที่กองกำลังของชนกลุ่มน้อยยังคงตั้งที่มั่นประชิดกับชายแดนไทยและค่อยๆอพยพหนีเข้ามาในประเทศไทยนั้น รัฐบาลพม่าก็ยังคงมีความหวาดระแวงต่อรัฐบาลของไทยอยู่ดี ทำให้การเมืองระหว่างไทยและพม่ายังมีความเปราะบางอยู่ในบางสถานการณ์ |
|
Belief System |
ชาวกะเหรี่ยงโดยส่วนใหญ่ ปัจจุบันหันมานับถือศาสนาพุทธ (หน้า 29) |
|
Education and Socialization |
แรงงานกะเหรี่ยงที่เข้ามาทำงานในอำเภอแม่สอดอยู่ในช่วงวัยรุ่นหนุ่มสาว เมื่อมีครอบครัวแล้วจะกลับไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเกิดของตนเอง และไม่กลับเข้ามาทำงานที่อำเภอแม่สอดอีก แต่พวกเขาจะแนะนำให้ชาวกะเหรี่ยงวัยรุ่นหนุ่มสาวชุดใหม่เข้ามาหาหางานทำที่อำเภอแม่สอดต่อไป และมีการส่งต่อประสบการณ์การทำงานเช่นนี้ไปยังรุ่นๆต่อไปอีกด้วย (หน้า33) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวกะเหรี่ยงที่เข้ามาใช้แรงงานในประเทศไทย อยู่ในสถานะผู้หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งกระทำผิดกฏหมายตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง มีสภาพเป็นคนเถื่อนหลบหนีเข้าเมือง เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบควบคุมอย่างเป็นระบบ (หน้า 31) เข้ามาทำงานเป็นแรงงานพื้นฐาน โดยได้ทำงานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือหรืองานหนัก ซึ่งคนไทยไม่ทำ นายจ้างคนไทยส่วนใหญ่จึงสามารถเลี่ยงที่จะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
จากความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างคนไทยในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ส่วนใหญ่มองว่า แรงงานกะเหรี่ยงแย่งอาชีพพื้นฐานของแรงงานไทยในบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเหตุผลที่ทำให้แรงงานกะเหรี่ยงได้รับความนิยม คือ มีค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้เจ้าของกิจการได้กำไรมาก และไม่มีความผูกพันทางกฏหมายแรงงานให้ต้องคำนึงถึงด้วย (หน้า 81) ส่วนกรณีที่ชาวกะเหรี่ยงเข้ามาทำงานเป็นหญิงบริการทางเพศนั้น โดยส่วนใหญ่มองว่า ทำให้ภาพพจน์ของประเทศไทยเสียหายและอาจทำให้ถูกต่างชาติรุมประณามประเทศไทย (หน้า 82) |
|
Social Cultural and Identity Change |
มีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติ(ชาวกะเหรี่ยง)จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยความสมัครใจ เพื่อหนีภัยสงคราม จึงทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของชุมชนจากประเทศพม่ามาตั้งถิ่นฐาน ปรับตัว และใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย แม้เป้าหมายสุดท้ายของทุกคนคือการได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวตนเองที่พม่า แต่ยังมีแรงงานกะเหรี่ยงบางส่วนที่ไม่คิดจะกลับประเทศบ้านเกิดของตนอีกต่อไป เนื่องจากมีสามีหรือภรรยาเป็นคนไทย หรือ เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีใครให้กับไปหา ประกอบการได้รับความไว้วางใจจากนายจ้าง (หน้า 80) จึงมีความต้องการที่จะทำงานและอาศัยอยู่กับนายจ้างไปตลอด ไม่มีเป้าหมายจะกลับไปใช้บั้นปลายชีวิตที่ประเทศพม่าอีกต่อไป (หน้า 33) |
|
Map/Illustration |
แผนที่แสดงรัฐของชนกลุ่มน้อยในสหภาพพม่าและชายแดนไทย (แสดงในส่วนของสารบัญ) และมีตารางแสดงการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างในแม่สอด ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มแรงงานไทย เกี่ยวกับประเด็นต่างๆของแรงงานชาวกะเหรี่ยง ดังนี้ การเลือกใช้แรงงานกะเหรี่ยงมากกว่าแรงงานไทย (หน้า 35)
การเข้ามาของแรงงานกะเหรี่ยงที่ทำให้แรงงานไทยตกงาน (หน้า 40)
การทำงานที่มีคุณภาพดีกว่าแรงงานไทยของแรงงานกะเหรี่ยง (หน้า 45)
แรงงานไทยไม่มีความอดทนและไม่ได้รับการยอมรับจากนายจ้าง (หน้า 50) ความซื่อสัตย์สุจริต การได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากนายจ้างของแรงงานกะเหรี่ยง (หน้า 54)
การขาดแคลนแรงงานไทย ที่ไม่เพียงพอกับความต้องการในอำเภอแม่สอด (หน้า 58)
การเข้ามาหางานทำของกะเหรี่ยงสัญชาติพม่าทำให้อำเภอแม่สอดต้องสูญเสียเงินออกนอกประเทศ (หน้า 62)
การเข้ามาของแรงงานกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า ด้านบริการสังคม(ทางเพศ) ทำให้ประเทศไทยถูกประณามจากต่างชาติ (หน้า 66)
การที่คนไทยยอมรับชาวกะเหรี่ยงเข้าทำงาน มีผลทำให้รัฐบาลพม่าไม่พอใจ (หน้า 71)
รวมถึงในส่วนของภาคผนวกมีการแจกแจงสถิติในรูปของตารางแสดงผล ดังนี้ ประเภทงานของแรงงานผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า จากสำนักแรงงานจังหวัดตาก ตุลาคม 2534(หน้า 103)
บุคคลสัญชาติพม่าที่เข้าเดินทางเข้า-ออก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ.2530-2534 (หน้า 113)
คนต่างด้าวที่ขออยู่ต่อในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ.2530-2534 (หน้า 114) การจับกุมผู้ใช้หนังสือเดินทางปลอม พ.ศ.2530-2534 (หน้า 114)
การจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมือง และสถิติการดำเนินคดีคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองหรืออื่นๆ พ.ศ.2530-2534 (หน้า 115)
ผู้อพยพหลบภัยสงครามตามค่ายควบคุมผู้อพยพแนวชายแดนไทยพม่า จังหวัดตาก (หน้า116) |
|
Text Analyst |
บงกช เจริญรัตน์ |
Date of Report |
29 มิ.ย 2560 |
TAG |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ, คะยัน กะจ๊าง, คะยาห์ กะเรนนี บเว, โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู, กะเหรี่ยง, ปัญหาแรงงานต่างชาติ, แรงงาน, ชนกลุ่มน้อย, แม่สอด, ตา, |
Translator |
- |
|