สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไทย, พม่า, มาเลเซีย,อินโดนีเซีย ความขัดแย้ง, ชนเผ่า
Author Aurel Croissant, Christoph Trinn
Title Culture, Identity and Conflict in Asia and Southeast Asia
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
Aurel Croissant and Christoph Trinn.  “Culture, Identity and Conflict in Asia and Southeast Asia” ASEAN. 110 : 13-43; มกราคม 2552  Total Pages 31 p. Year 2552
Source Aurel Croissant and Christoph Trinn. “Culture, Identity and Conflict in Asia and Southeast Asia” ASIEN. 110 : 13-43; มกราคม 2552
Abstract

          เป็นการศึกษาเกี่ยวกับปัญหา สาเหตุ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้การวิเคราะห์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและนำมาสรุปผล พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาทางวัฒนธรรมที่ประกอบไปด้วยหัวข้อย่อย คือ ภาษา ศาสนา และประวัติศาสตร์ของชนเผ่า ซึ่งพบว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีปัญหาทางวัฒนธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในหลายประเทศ แต่สถานการณ์ภายในประเทศอินโดนีเซีย ไทย และพม่า ยังคงความรุนแรงต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์มีการออกมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นและประสบผลสำเร็จ

Focus

เน้นศึกษาเกี่ยวกับปัญหา สาเหตุ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Theoretical Issues

ใช้การศึกษาเอกสาร ข้อมูลทางสถิติสืบค้นข้อมูลตัวอย่างสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และนำมาวิเคราะห์

Ethnic Group in the Focus

ชนกลุ่มน้อยในประเทศต่างๆ

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่มีข้อมูล

History of the Group and Community

          ภายในทวีปเอเชียนั้นมีปัญหาความขัดแย้งมากมาย โดยเฉพาะช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงปี 1965 ที่พบว่า มากกว่า 50% ของความขัดแย้งระดับใกล้เคียงสงครามนั้นเกิดขึ้นภายในทวีปเอเชีย (หน้า 5)

          ปัจจุบันความขัดแย้งในทวีปเอเชียส่วนใหญ่ปรากฏออกมาในรูปของสงครามขนาดย่อม คือ มีความรุนแรงระดับน้อยถึงปานกลางและจำกัดขอบเขตทำให้ยังไม่ถึงกับขนาดของสงคราม (หน้า 6) โดยความขัดแย้งที่พบมากที่สุดคือความขัดแย้งทางวัฒนธรรม และมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา โดยเป็นปัญหาเกี่ยวกับทางด้านประวัติศาสตร์เป็นส่วนมาก ในขณะที่ปัญหาที่เกิดจากภาษานั้นพบน้อยมาก (หน้า 7) และพบว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่านั้นมีความสำคัญน้อยลงเมื่อเทียบกับความขัดแย้งที่เกิดจากศาสนาหรืออุดมการณ์ (หน้า 8)

          ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบบการปกครองแบบซ้ายจัดเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความขัดแย้งเพื่อต่อต้านการปกครองภายในหลายประเทศทั่วเอเชีย มีความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1980-2000 ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากความต้องการแบ่งแยกดินแดนของชนกลุ่มน้อย ในช่วงหลัง ความขัดแย้งเกิดจากด้านศาสนาเป็นส่วนใหญ่ซึ่งต่อมาได้นำไปสู่ปัญหาทางด้านวัฒนธรรมและปัญหาระหว่างประเทศ (หน้า 9)

          ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ไม่พบความแตกต่างมากนักระหว่างปัญหาที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมและไม่เกี่ยวกับวัฒนธรรม ยกเว้นในช่วง ค.ศ. 1965-1985 ที่พบว่าปัญหาทางวัฒนธรรมพบน้อยกว่าปัญหาที่มาจากระบบการปกครอง แต่อย่างไรก็ตามพบว่าจำนวนความขัดแย้งทางวัฒนธรรมภายในภูมิภาคนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงมากขึ้นกว่าภูมิภาคเอเชียอื่นๆ และมีจำนวนมากกว่าปัญหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม แต่เป็นปัญหาที่สามารถย้อนกลับไปถึงต้นตอของปัญหาได้ (หน้า 12) โดยปัญหาที่พบส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายสงครามมากกกว่าการก่อความไม่สงบภายในบ้านเมือง ในขณะที่ภูมิภาคอื่นของเอเชียนั้นจะมีทั้งสองลักษณะในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน (หน้า 13)

          ปัญหาทางเอกลักษณ์และวัฒนธรรมภายในภูภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นปัญหาที่ฝังรากลึก ทำให้นโยบายต่างๆ นั้นยากที่จะประสบความสำเร็จและยากที่จะลดระดับความรุนแรงลง (หน้า 14)

          96% ของปัญหาทางวัฒนธรรมภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดภายในประเทศ แต่ปัญหาระหว่างประเทศที่พบส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม (หน้า 14)

          จากการวิเคราะห์พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นไม่ได้มาจากเรื่องของศาสนา แต่มาจากเรื่องทางวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์และความเป็นชนเผ่า (หน้า 29)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

          มีการรวมกลุ่มประเทศให้กลายเป็น ASEAN ในปีค.ศ. 1967 โดยมีเหตุผลเพื่อรักษาความมั่นคงของชุมชนภายในประเทศสมาชิก และช่วยป้องกันรวมถึงแก้ปัญหาระหว่างประเทศในกลุ่มสมาชิก แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังพบว่ามีปัญหาระหว่างประเทศสมาชิกที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่อีกหลายประการ (หน้า 25)

Belief System

ไม่มีข้อมูล

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ปัญหาที่ Aceh, Indonesia พบว่าเป็นปัญหาทั้งทางด้านทรัพยากร ชาติพันธุ์ และศาสนา โดยชาว Aceh มีการปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอิสลามที่เข้มงวด มีภาษาและความภาคภูมิใจที่ตนร่วมมีบทบาทในการประกาศเอกราชของอินโดนีเซียจากประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากเรื่องวัฒนธรรมเป็นหลัก แต่เหตุผลหลักที่ทำให้มีกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว คือ ทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากชาว Aceh รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทางด้านเศรษฐกิจ ถูกดูถูก และไม่ได้รับโอกาสทางการเมืองที่เท่าเทียมกับกลุ่มอื่น ทำให้ชาว Aceh หันมาสร้างวัฒนธรรมของตนให้เป็นเอกลักษณ์ภายในหมู่ชาว Aceh ด้วยกัน และใช้ข้ออ้างทางวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัฐบาล (หน้า 15-17)
 
          ปัญหาที่ปัตตานี ประเทศไทย เกิดขึ้นเนื่องจากประมาณ 80% ของประชากรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นับถือศาสนาอิสลาม พูดภาษายาวีและเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุลต่านปัตตานี ในขณะที่ประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและพูดภาษาไทย โดยได้มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นภายในพื้นที่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 ซึ่งเป็นปีที่มีการผนวกอาณาจักรสุลต่านปัตตานีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และเมื่อปีค.ศ. 2004 ความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นเป็นลักษณะคล้ายสงคราม ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาและทวีความรุนแรงของปัญหาขึ้นไปนั้นคือนโยบายหลายประการของภาครัฐโดยเฉพาะในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม เช่นการบังคับในเด็กมุสลิมต้องเรียนหนังสือด้วยภาษาไทยเป็นต้น รวมถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งบริเวณพื้นที่โดยรอบ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น (จังหวัดสงขลา ประเทศไทย และจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือของมาเลเซีย) มีรายได้มากกว่าในพื้นที่มาก และผู้ที่มีอิทธิพลส่วนใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจคือชาวไทยพุทธ และไทยจีน ทำให้การกระจายรายได้ไปไม่ถึงชาวไทยมุสลิม (หน้า 17-20)
 
          ปัญหาในประเทศพม่า เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความซับซ้อนและจำนวนชนกลุ่มน้อยที่มีมากมายภายในพม่า ในขณะที่ที่ราบทางภาคกลางเป็นที่อยู่อาศัยของคนพม่าที่นับถือศาสนาพุทธ ชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มเช่นชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลาม และชาวกะเหรี่ยงนับถือศาสนาคริสต์ ชนกลุ่มน้อยที่มีมากที่สุดในพม่า คือชาวไทใหญ่ รองลงมาคือกะเหรี่ยง ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากมีการดูถูกชนกลุ่มน้อย พร้อมกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการทำให้เป็นพม่า หรือทำให้เป็นศาสนาพุทธเป็นหลัก ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเหตุผลหลายส่วนทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชนกลุ่มต่างๆ ประวัติศาสตร์ของแต่ละกลุ่ม และความแตกต่างระหว่างพื้นที่ใจกลางประเทศที่เป็นศูนย์รวมทั้งทางด้านศาสนา ภาษา และการเมือง ในขณะที่พื้นที่รอบนอกเป็นของแต่ะชนกลุ่มน้อยที่แยกออกเป็นส่วนๆ โดยเฉพาะเหตุผลทางด้านการเมือง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลพม่า (หน้า 20-24)
 
          ปัญหาภายในประเทศมาเลเซีย พบว่าเกิดจากแนวความคิดเรื่องภูมิบุตรของชาวมาเลย์ที่ทำให้ชาวจีนและชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียรู้สึกถึงความกดดันทางการเมืองภายในประเทศ แต่มาเลเซียได้มีการออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันซึ่งก็คือเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเป็นประชาชนและสิทธิ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของตน ชาวจีนและอินเดียต้องยอมรับระบบการปกครองของชาวมาเลย์ที่เน้นเรื่องภูมิบุตรและวัฒนธรรมของ
 
          ชาวมาเลย์ที่มาก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดสังคมมาเลย์ที่ยังคงปกป้องวัฒนธรรมของคนที่ไม่ใช่มาเลย์และตอบสนองความต้องการของชาวมาเลย์ที่ทำให้วัฒนธรรมของตนได้รับการยอมรับว่าเป็นของท้องถิ่นของประเทศ (หน้า 26-27)
 
          ปัญหาภายในสิงคโปร์ ภายหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์ประกอบด้วยชาวจีนเป็นประชากรส่วนมากของประเทศ นโยบายที่สิงคโปร์ใช้คือการสร้างนโยบายของการเป็นพลเมือง และการมีวัฒนธรรมแบบหลากหลาย เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในทางพาณิชย์ และมีการออกกฎหมายเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางศาสนา ทำให้เกิดการปรองดองกันระหว่างวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน (หน้า 26-27)
 
 

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

          ปัญหาทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากว่าตนกลุ่มนั้นต้องการอะไร แต่เกิดจากการที่คนกลุ่มนั้นเชื่อว่าตนเองเป็นใคร (หน้า 3) โดยสามารถแบ่งปัญหาทางวัฒนธรรมออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ภาษา และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (หน้า 4)

Map/Illustration

1. ตารางแสดงตัวอย่างและลักษณะของปัญหาทางวัฒนธรรมในหัวข้อย่อยต่างๆ
2. ตารางแสดงลักษณะของปัญหาทางวัฒนธรรม
3. แผนภูมิเปรียบเทียบจำนวนของความรุนแรงระดับต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเอเชีย
4. แผนภูมิแสดงจำนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในและระหว่างประเทศภายในเอเชีย
5. แผนภูมิแสดงการเปรียบเทียบระหว่างปัญหาทางวัฒนธรรมและที่ไม่ใช่ปัญหาทางวัฒนธรรมในเอเชีย
6. แผนภูมิแจกแจงประเภทของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งภายในและระหว่างประเทศ
7. แผนภูมิแสดงความถี่ในการเกิดความขัดแย้งอันเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ
8. แผนภูมิแสดงการมีส่วนร่วมขององค์กรอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศ
9. แผนภูมิแสดงปัญหาทางวัฒนธรรมและที่ไม่ใช่วัฒนธรรมภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
10. แผนภูมิแสดงความขัดแย้งระดับปานกลางและระดับรุนแรงภายในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
11. แผนภูมิแสดงอัตราส่วนระหว่างปัญหาที่มีความรุนแรงระดับปานกลางและระดับสูงภายในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Text Analyst กรกนก ศฤงคารีเศรษฐ์ Date of Report 02 ต.ค. 2567
TAG เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไทย, พม่า, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย ความขัดแย้ง, ชนเผ่า, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง