ปัญหาที่ Aceh, Indonesia พบว่าเป็นปัญหาทั้งทางด้านทรัพยากร ชาติพันธุ์ และศาสนา โดยชาว Aceh มีการปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอิสลามที่เข้มงวด มีภาษาและความภาคภูมิใจที่ตนร่วมมีบทบาทในการประกาศเอกราชของอินโดนีเซียจากประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากเรื่องวัฒนธรรมเป็นหลัก แต่เหตุผลหลักที่ทำให้มีกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว คือ ทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากชาว Aceh รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทางด้านเศรษฐกิจ ถูกดูถูก และไม่ได้รับโอกาสทางการเมืองที่เท่าเทียมกับกลุ่มอื่น ทำให้ชาว Aceh หันมาสร้างวัฒนธรรมของตนให้เป็นเอกลักษณ์ภายในหมู่ชาว Aceh ด้วยกัน และใช้ข้ออ้างทางวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัฐบาล (หน้า 15-17)
ปัญหาที่ปัตตานี ประเทศไทย เกิดขึ้นเนื่องจากประมาณ 80% ของประชากรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นับถือศาสนาอิสลาม พูดภาษายาวีและเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุลต่านปัตตานี ในขณะที่ประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและพูดภาษาไทย โดยได้มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นภายในพื้นที่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 ซึ่งเป็นปีที่มีการผนวกอาณาจักรสุลต่านปัตตานีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และเมื่อปีค.ศ. 2004 ความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นเป็นลักษณะคล้ายสงคราม ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาและทวีความรุนแรงของปัญหาขึ้นไปนั้นคือนโยบายหลายประการของภาครัฐโดยเฉพาะในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม เช่นการบังคับในเด็กมุสลิมต้องเรียนหนังสือด้วยภาษาไทยเป็นต้น รวมถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งบริเวณพื้นที่โดยรอบ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น (จังหวัดสงขลา ประเทศไทย และจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือของมาเลเซีย) มีรายได้มากกว่าในพื้นที่มาก และผู้ที่มีอิทธิพลส่วนใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจคือชาวไทยพุทธ และไทยจีน ทำให้การกระจายรายได้ไปไม่ถึงชาวไทยมุสลิม (หน้า 17-20)
ปัญหาในประเทศพม่า เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความซับซ้อนและจำนวนชนกลุ่มน้อยที่มีมากมายภายในพม่า ในขณะที่ที่ราบทางภาคกลางเป็นที่อยู่อาศัยของคนพม่าที่นับถือศาสนาพุทธ ชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มเช่นชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลาม และชาวกะเหรี่ยงนับถือศาสนาคริสต์ ชนกลุ่มน้อยที่มีมากที่สุดในพม่า คือชาวไทใหญ่ รองลงมาคือกะเหรี่ยง ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากมีการดูถูกชนกลุ่มน้อย พร้อมกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการทำให้เป็นพม่า หรือทำให้เป็นศาสนาพุทธเป็นหลัก ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเหตุผลหลายส่วนทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชนกลุ่มต่างๆ ประวัติศาสตร์ของแต่ละกลุ่ม และความแตกต่างระหว่างพื้นที่ใจกลางประเทศที่เป็นศูนย์รวมทั้งทางด้านศาสนา ภาษา และการเมือง ในขณะที่พื้นที่รอบนอกเป็นของแต่ะชนกลุ่มน้อยที่แยกออกเป็นส่วนๆ โดยเฉพาะเหตุผลทางด้านการเมือง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลพม่า (หน้า 20-24)
ปัญหาภายในประเทศมาเลเซีย พบว่าเกิดจากแนวความคิดเรื่องภูมิบุตรของชาวมาเลย์ที่ทำให้ชาวจีนและชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียรู้สึกถึงความกดดันทางการเมืองภายในประเทศ แต่มาเลเซียได้มีการออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันซึ่งก็คือเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเป็นประชาชนและสิทธิ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของตน ชาวจีนและอินเดียต้องยอมรับระบบการปกครองของชาวมาเลย์ที่เน้นเรื่องภูมิบุตรและวัฒนธรรมของ
ชาวมาเลย์ที่มาก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดสังคมมาเลย์ที่ยังคงปกป้องวัฒนธรรมของคนที่ไม่ใช่มาเลย์และตอบสนองความต้องการของชาวมาเลย์ที่ทำให้วัฒนธรรมของตนได้รับการยอมรับว่าเป็นของท้องถิ่นของประเทศ (หน้า 26-27)
ปัญหาภายในสิงคโปร์ ภายหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์ประกอบด้วยชาวจีนเป็นประชากรส่วนมากของประเทศ นโยบายที่สิงคโปร์ใช้คือการสร้างนโยบายของการเป็นพลเมือง และการมีวัฒนธรรมแบบหลากหลาย เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในทางพาณิชย์ และมีการออกกฎหมายเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางศาสนา ทำให้เกิดการปรองดองกันระหว่างวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน (หน้า 26-27)