|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ผู้ลาว โซ่ง ไตดำ(ไทยทรงดำ),ทัศนคติ, ครอบครัว, เครือญาติ, เพชรบุรี |
Author |
จิรัชฌา วานิช |
Title |
การทดลองใช้เรื่องเล่าจากโครงเรื่องวรรณกรรมตะวันตกเพื่อวัดทัศนคติที่มีต่อการแก้ปมปัญหาครอบครัวของชาวบ้านลาวโซ่ง ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
89 |
Year |
2541 |
Source |
หลักสูตรสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ใช้วรรณกรรมเป็นเครื่องมือในการศึกษาทัศนคติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยาและเครือญาติ ที่ประกอบด้วยประเด็นหลักคือ กรณีความสัมพันธ์ที่มีปัญหานั้นเกิดระหว่างคู่สามี-ภรรยา และในอีกกรณีคือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามี-ภรรยาซึ่งสัมพันธ์กับระบบครอบครัวและเครือญาติโดยผ่านวิธีการเล่าเรื่องวรรณกรรมประกอบกับการพูดคุย นอกจากนั้นการศึกษานี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบวิธีการศึกษาโดยใช้วรรกรรมเป็นเครื่องมือ ในการศึกษาทัศนคติและความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยาของโซ่งอีกด้วย
การศึกษาทัศนคติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างคู่สามี-ภรรยาของลาวโซ่งทั้งสองกรณีนี้ได้ข้อสรุปจากการศึกษา 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก การดำเนินชีวิตคู่ของลาวโซ่งมีแบบแผนความสัมพันธ์ในลักษณะประนีประนอมเพื่อการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสำคัญ ดังในกรณีปัญหาเมื่อเกิดปัญหาในชีวิตสมรส ทัศนะของลาวโซ่งเลือกที่จะจัดการกับปัญหาโดยการพูดคุยถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ประเด็นที่สอง ในการดำเนินชีวิตสมรสของลาวโซ่ง ให้ความสำคัญต่อครอบครัวเดิมและเครือญาติ ซึ่งพบว่าข้อขัดแย้งที่เกิดจากกรณีที่พ่อแม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิตสมรสและคู่สมรสนั้น ไม่ได้มีผลต่อสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเดิมและครอบครัวใหม่ สาเหตุประการหนึ่งที่ครอบครัวเดิมไม่ได้มีบทบาทในการแทรกแซงชีวิตครอบครัวใหม่ เนื่องจากลาวโซ่งมีแบบแผนการเลือกคู่ครองเป็นอิสระ ไม่ได้ถูกกำหนดจากอิทธิพลของครอบครัว
การศึกษาความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยา พบว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากภาวะบุคคลที่สามแทรกแซง และ ปัญหาที่เกิดจากการปรับตัวในการใช้ชีวิตร่วมกัน โดยภาวะที่ถูกบุคคลที่สามแทรกแซง แบ่งเป็น 3กรณี คือ
1)ในกรณีที่สามีมีภรรยาน้อย ข้อมูลส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่าโซ่งพอที่จะยอมรับการที่สามีมีภรรยาน้อยได้ หากไม่กระทบกับความเป็นอยู่และเศรษฐกิจในครอบครัว
2)ในกรณีที่ภรรยาคบชู้ การคบชู้ของภรรยาจะกระทบต่อเรื่องศักดิ์ศรีและความอายของสามี ส่วนใหญ่จะไม่ตามภรรยากลับ ในขณะที่ส่วนใหญ่ภรรยาก็จะรู้สึกผิดและละอายขะไม่กลับไปอยู่กับสามีเก่า
3)เรื่องการปรับตัวในการใช้ชีวิตคู่ ปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกันในครอบครัวโซ่ง จากข้อสรุปของผู้วิจัย พบว่า ผู้ตอบส่วนใหญ่ ทั้งชายและหญิงมีความคิดเห็นว่า ต้องใช้วิธีการพูดคุยและปรับความเข้าใจกันเพื่อหาสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ ปัญหาเรื่องการกระทำผิดร้ายแรงของคู่สมรส เช่น การเป็นฆาตกร พบว่า โซ่งแสดงทัศนะว่าสามารถร่วมชีวิตกับคู่สมรสที่เป็นฆาตกรได้ ถ้ามีเหตุผลในการฆ่าที่เหมาะสมและคู่สมรสไม่ได้มีความผิดปกติทางจิต ปัญหาในเรื่องความประพฤติของคู่สมรส โดยเฉพาะภรรยาที่ประพฤติตัวไม่ดี โซ่งทั้งหญิงและชายไม่ยอมรับความประพฤติที่เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่น ผู้หญิงที่สำส่อนทางเพศ
ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยากับเครือญาติ พบว่า ในกรณีที่พ่อแม่ไม่พึงพอใจต่อคู่สมรสของลูก พอสรุปได้ว่า ในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่-ลูกเป็นสิ่งที่ตัดไม่ขาด และส่วนใหญ่พ่อแม่โซ่งจะให้อิสระแก่ลูกในการตัดสืนใจเลือกคู่ครอง เมื่อลูกตกลงปลงใจแล้ว พ่อแม่ก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย กรณีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยาที่เกิดจากน้องชายสามีมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภรรยาพี่ชาย จากข้อมูลส่วนใหญ่พบว่า โซ่งให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องของตนมากกว่าคู่สมรส
หากกล่าวโดยสรุปในภาพรวมสามารถอธิบายได้ว่า โซ่งให้ความสำคัญกับฐานะการเป็นสามีภรรยาก็ต่อเมื่อยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปอยู่กับบุคคลที่สามถือว่าเป็นการสิ้นสุดสถานภาพการสมรส โซ่งให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องมากกว่าคู่สมรส แม้ญาติพี่น้องจะกระทำผิดและมีเพศสัมพันธ์กับคู่สมรสของตนก็เป็นสิ่งที่ให้อภัยได้ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคู่สมรสตนกับญาติพี่น้องได้เสมือนเป็นลูกในไส้ของตน (หน้าบทคัดย่อ, 82-86)
ผลจากการตรวจสอบวิธีการศึกษาโดยใช้วรรณกรรมเป็นเครื่องมืในการศึกษาทัศนคติและความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยาของโซ่ง ข้อพิจารณาจากการทดลองวิธีวิจัยนี้ คือ ผลการศึกษาจำกัดภายใต้วิธีวิจัยเท่านั้น ไม่สามารถสรุปเป็นผลการศึกษาทั่วไปของสังคมลาวโซ่ง เนื่องจากเป็นวิธีวิจัยที่ได้ข้อมูลเรื่องทัศนคติเฉพาะข้อมูลที่ผู้ตอบต้องการเปิดเผยเท่านั้น แม้การตอบคำถามทั้งหมดจะแวดล้อมด้วยสถานการณ์แตกต่างกัน |
|
Focus |
เพื่อศึกษาทัศนคติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยา และเครือญาติในสังคมชาวโซ่ง และเพื่อทดลองการใช้เรื่องเล่าสมมติที่นำเค้าโครงมาจากวรรณกรรมในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการศึกษาทัศนะของชาวโซ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างสามี-ภรรยา และเครือญาติในสังคมชาวโซ่ง (หน้า 3) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Economy |
รายได้หลักของชาวโซ่งได้จากการค้าขายข้าว แต่ละครัวเรือนมีที่นาเฉลี่ยครัวเรือนละ 10-20 ไร่ ผลผลิตข้าวประมาณ 1 เกวียนต่อไร่ ส่วนใหญ่จะเก็บไว้บริโภคในครัวเรือนประมาณ 1-3 เกวียน ส่วนที่เหลือจะนำไปจำหน่าย ข้าวที่ปลูกกันมากคือข้าวพันธุ์เหลืองประทิว โซ่งประกออาชีพทำนาเป็นหลัก ในอดีตทำเฉพาะนาปี กระทั่งราวปี พ.ศ.2520เป็นต้นมาจึงเริ่มทำนาปรังกระทั่งปัจจุบัน นาปีจะเริ่มหว่านเมล็ดราวเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เก็บเกี่ยวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ส่วนนาปรังทำราวเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ชาวโซ่งบางรายได้ทำสวน เลี้ยงสัตว์ และเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นอาชีพเสริม ไม้ผลที่นิยมปลูกได้แก่ มะม่วง มะละกอ ชมพู่ และฝรั่ง (หน้า 9-14,16) |
|
Social Organization |
สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของลาวโซ่งบ้านหนองปรงในภาพรวมมีความสอดคล้องและสัมพันธ์กับอาชีพการทำนา ครอบครัวของลาวโซ่งเป็นครอบครัวขยาย มีขนาดใหญ่ ให้ความสำคัญกับเครือญาติทางฝ่ายพ่อ หรือการสืบเชื้อสายทางฝ่ายพ่อ ( Patrilineal Kinship) มีการตั้งบ้านเรือนหลังการแต่งงานอยู่กับฝ่ายสามี รูปแบบการแต่งงานของลาวโซ่งหลังจากแต่งงานแล้ว ฝ่ายชายต้องอาสาไปเป็นแรงงานในครอบครัวของภรรยาเป็นเวลา 2-3 ปี ตามแต่จะตกลงกัน หลังจากนั้นจะพาภรรยากลับไปอยู่บ้านของพ่อแม่ตน หรือสร้างบ้านอยู่ใกล้บริเวณบ้านของพ่อแม่ฝ่ายชายอย่างถาวร หากเป็นลูกชายคนเล็กแต่งงานจะมีสิทธิ์อันชอบธรรมในการครอบครองบ้านเรือนต่อจากพ่อแม่ ส่วนที่ดินทำกินนั้นจะถูกแบ่งเป็นส่วนย่อยลงเรื่อยๆ เมื่อมีการสืบทอดที่ดินทำกินในแต่ละช่วงอายุ ส่วนหญิงโซ่งที่แต่งงานแล้ว ต้องใช้สกุลและนับถือผีตามสามี ลูกที่เกิดมาต้องนับถือผีและใช้สกุลตามพ่อเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับการที่โซ่งให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะลูกชายจะต้องเป็นผู้สืบผีและเลี้ยงผีพ่อแม่ต่อไป ในขณะที่ลูกสาวเมื่อแต่งงานออกเรือนแล้ว ต้องไปเลี้ยงผีพ่อผีแม่ของฝ่ายสามี (หน้า 16-19)
สังคมชาวโซ่งให้ความสำคัญกับบุคคลที่อยู่ในลำดับชั้นเดียวกันในลำดับเครือญาติ ว่ามีความสำคัญเท่ากัน เช่น พี่น้องทางฝ่ายพ่อจะมีฐานะและความสำคัญเท่ากับพ่อ พี่น้องทางฝ่ายแม่ก็จะมีฐานะและความสำคัญเท่ากับแม่ ในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็จะรักและเมตตาต่อลูกของพี่น้องในสายตระกูลเดียวกันเท่าเทียมกับลูกของตน (หน้า 80)
ทัศนคติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยา จากการให้ผู้ฟังสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่องเล่าทั้ง 3 เรื่องรวม 10ข้อ พบว่า
1)ถ้าหากผู้ฟังเป็นภรรยาหลวงจะจัดการกับปัญหาที่สามีมีภรรยาน้อยนี้ได้อย่างไร?(เรื่อง Presumed Innocent)ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่า ควรทำความตกลงกันให้ได้ว่าสามีจะเลือกใคร 11 คน รองลงมา ตอบว่า นิ่งเฉย 4 คน ฆ่าหรือทำร้ายสามีเพื่อแก้แค้น และฆ่าหรือทำร้ายร่างกายภรรยาน้อยเพราะความหึงหวง ตำตอบละ 1 คน
2)ถ้าหากผู้ฟังเป็นสามีจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าภรรยาหลวงเป็นผู้ลงมือสังหารภรรยาน้อย?(เรื่อง Presumed Innocent) ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่าใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาต่อไปด้วยความไม่หวาดกลัว 7 คน ด้วยความหวาดกลัว 4 คน และเลิกกับภรรยาเพราะไม่ชอบนิสัย 4 คน และหวาดกลัว 1 คน และฆ่าภรรยาหลวงให้ตายตามภรรยาน้อย 1 คน
3) ถ้าหากผู้ฟังเป็นสามีเก่าของอันนาจะทำอย่างไร?(เรื่อง Anna Carenina) ผู้ฟังเกือบทั้งหมดตอบว่า ไม่ตามอันนากลับมา เพราะตัดใจได้
4) ถ้าหากผู้ฟังเป็นอันนา เมื่อเธอหนีไปอยู่กับวรอนสกี้แล้วไม่มีความสุขจะทำอย่างไรต่อไป?(เรื่อง Anna Carenina) ผู้ฟังเกือบทั้งหมดตอบว่า ไม่กลับไปหาสามีเก่าเพราะอับอายและสำนึกผิด
5) ถ้าหากผู้ฟังเป็นอันนา ไม่คิดจะกลับไปหาสามีเก่าจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับวรอนกี้?(เรื่อง Anna Carenina) ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่าอยู่กับวรอนสกี้ต่อไป 10 คน และอยู่คนเดียว 5 คนหาคนใหม่ 1 คน ฆ่าตัวตาย 1 คน
6) ถ้าผู้ฟังเป็นวรอนสกี้ เมื่อมารดาให้เลือกระหว่างอันนากับทรัพย์สินมรดก และเลือกระหว่างอันนากับมารดาบังเกิดเกล้า ผู้ฟังจะตัดสินใจอย่างไร?(เรื่อง Anna Carenina)ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบคำถามส่วนที่หนึ่งว่า เลือกอันนา 11 คน เลือกทรัพย์สิน 5 คน และไม่เลือกใคร 1 คน คำถามส่วนที่สอง เลือกอันนา 9 คน เลือกมารดา 7 คน และไม่เลือกใคร 1 คนตามลำดับ
7) ถ้าผู้ฟังเป็นแอดัม เมื่อรู้ความจริงว่าภรรยามีความสัมพันธ์กับน้องชายจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน ผู้ฟังจะรู้สึกอย่างไร?(เรื่อง East of Eden)ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่าโกรธภรรยา 10 คน โกรธทั้งน้องชายและภรรยา 4 คน โกรธน้องชาย 2คน และไม่โกรธใครเลย 1 คน
8) ถ้าผู้ฟังเป็นชาร์ลส์ ในคืนแต่งงานของพี่ชาย พี่สะใภ้เข้ามาหาในห้อง ผู้ฟังจะจัดการปัญหาอย่างไร?(เรื่อง East of Eden)ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่า ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไป 9 คน ขับไล่พี่สะใภ้ออกไปจากห้อง 8 คน โดยเมื่อปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปแล้ว ผู้ฟังมีความเห็นดังกล่าว มีความเห็นว่าไม่ควรให้พี่ชายรู้ เพราะกลัวพี่โกรธ และสงสารพี่จำนวน 5 คน และ 4 คน ตามลำดับ
9) ถ้าผู้ฟังเป็นแอดัม และรู้ว่าเด็กๆที่เกิดมาไม่ใช่ลูกของตน จะทำอย่างไรกับเด็กๆ?(เรื่อง East of Eden)ผู้ฟังทั้งหมดตอบว่าเลี้ยงดูต่อไป เพราะว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน (คือเป็นลูกน้องชาย)
10) ถ้าผู้ฟังเป็นแอดัม พอทราบว่าภรรยาหนีไปอยู่ที่สำนักโสเภณี ผู้ฟังคิดจะตามภรรยากลับมาอยู่กินด้วยกันหรือไม่?(เรื่อง East of Eden) ผู้ฟังส่วนใหญ่ตอบว่า ไม่ตามกลับมาเพราะยอมรับไม่ได้ 13 คน และไม่ให้ลูกรู้ความจริง 3 คน ส่วนผู้ที่มีความเห็นว่าตามกลับมา เพราะเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยา 1 คน
จากคำตอบของคำถามทั้งสิบข้อข้างต้นทำให้ทราบถึง ความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยา และภรรยา-สามีและเครือญาติโดยสรุปคร่าวๆได้ว่า
1)ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาโซ่งถือว่ามีจุดสิ้นสุดเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแยกออกไปใช้ชีวิตอยู่กับบุคคลอื่น
2)คนส่วนใหญ่ใช้การคุยเพื่อปรับความเข้าใจและแก้ปัญหา เมื่อเกิดปัญหาในการอยู่ร่วมกันระหว่างสามี-ภรรยา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของบุคคลที่สามหรือความไม่ลงรอยกันในครอบครัว
3)เรื่องของความสัมพันธ์ทางเครือญาติ โซ่งให้ความสำคัญกับความเป็นสายโลหิตมาก
4)โซ่งส่วนใหญ่เห็นว่าฐานะของคู่สมรสมีความสำคัญมากกว่าทรัพย์สมบัติ นอกจากนี้ คำตอบของโซ่งที่มีต่อ ปมปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวจากในเรื่องเล่าดังกล่าวนี้ยังมีความสัมพันธ์กับแบบแผนความคิดและวิถีชีวิต ดังเช่น แบบแผนการตั้งครัวเรือนภายหลังการแต่งงาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคำตอบที่ได้จากเรื่องเล่า คือ เมื่อเกิดปัญหาระหว่างสามี-ภรรนยา ผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับครอบครัวเดิมของตน มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ของสถานภาพการสมรสได้ง่ายกว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของสามี และมีแนวโน้มที่จะไม่ยอมรับในกรณีที่สามีมีภรรยาน้อย ทั้งนี้เนื่องจาก แบบแผนในการเลือกที่อยู่อาศัยหลังแต่งงานมีส่วนในการสร้างพื้นที่อำนาจในการตัดสินใจและบทบาทการเป็นเจ้าของบ้านกับการเป็นผู้อาศัย ทำให้เกิดการไม่เท่าเทียมกันในการตัดสินใจ เรื่องสถานภาพทางเศรษฐกิจภายในครัวเรือน ผู้ชายส่วนใหญ่ตระหนักว่า ภรรยาน้อยเป็นผู้ที่ปรารถนาทรัพย์สมบัติมากกว่าการที่มีภรรยาน้อยหรือผู้หญิงอื่นมักเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวมีฐานะมั่นคงหรือมีรายได้ส่วนเกิน การมีภรรยาน้อยจึงเกิดขึ้นได้ยากกับครอบครัวที่มีฐานะยากจน ด้านการประกอบอาชีพ พบว่า ผู้ชายที่มีภรรยาน้อยส่วนมากประกอบอาชีพอื่นที่นอกเหนือจากเกษตรกรรม หรือประกอบอาชีพที่มีรายได้มากกว่าเกษตรกรรม เช่น ค้าขาย เป็นต้น ครอบครัวขยาย เป็นรูปแบบครอบครัวที่เอื้อให้เกิดการรวมกลุ่มแรงงานจำนวนมากในวิถีการผลิตในภาคเกษตรกรรมที่ต้องการแรงงานในการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้
นอกเหนือจากการผูกพันกันด้วยความเป็นเครือญาติแล้ว ยังผูกพันกันด้วยปัจจัยทางแรงงานและเศรษฐกิจแบบแผนการเลือกคู่ครอง จากการตอบคำถามบางข้อได้ชี้ให้เห็นประเด็นในเรื่องศักดิ์ศรีและความอาย (หน้า 57- 81) |
|
Belief System |
พิธีเสนเรือนจะมีเฉพาะญาติที่ถือผีเดียวกันและลูกสะใภ้เท่านั้นที่สามารถเข้าไปประกอบพิธีในห้องผีเรือนได้ ส่วนลูกสาว ลูกเขยและญาติทางฝ่ายภรรยา ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีกรรมนี้ในห้องผีเรือนได้เพราะถือว่าเป็นคนละผีกัน
ส่วนใน พิธีศพ ผู้ที่สามารถเข้าร่วมพิธีช้อนขวัญ พิธีบอกทางศพ และพิธีเก็บกระดูก ก็ต้องเป็นกลุ่มเครือญาติร่วมผีเดียวกันกับผู้ตายเช่นกัน (หน้า 17) |
|
Education and Socialization |
ลาวโซ่งมีความเชื่อว่า หากลูกสาวบ้านใดไม่รักษาพรหมจารีย์ และประพฤติเสื่อมเสียจากธรรมนองคลองธรรม จะทำให้ผีบรรพบุรุษโกรธ และดลบันดาลให้คนในครอบครัวเจ็บป่วยและอาจาเสียชีวิตได้ ขณะเดียวกัน การรักษาพรหมจรรย์ของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน นอกจากจะเป็นการบำรุงผีเรือนแล้ว ยังเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบุพการีและคนในครอบครัวให้พ้นจากการกระทำของผี (หน้า 26) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
หลังช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว (ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม) นอกจากกิจกรรมด้านการทอผ้าหรือสานหลัวแล้ว โซ่งมีการเล่น “ลูกช่วง” และ “การอิ๋นกอน”ซึ่งมีความสัมพันธ์กับแบบแผนการเลือกคู่ครองในอดีต ลูกช่วงคือการนำเศษผ้ามาประดิษฐ์เป็นทรงสี่เหลี่ยมคล้ายหมอนใบเล็กๆ กว้างยาวประมาณ 3 นิ้ว ภายในยัดเศษผ้า ตกแต่งภายนอกด้วยผ้าสี ส่วนการอิ๋นกอน คือ การด้นกลอนสดโต้ตอบเกี้ยวพาราสีกันระหว่างชาย-หญิง ชายหนุ่มจะรวมกลุ่มกันเพื่อเดินทางไปเล่นลูกช่วงลอิ๋นกอนตามหมู่บ้านต่างๆ กลุ่มหญิงสาวในแต่ละหมู่บ้านจะเตรียมลูกช่วง และจัดอาหารสำหรับต้อนรับกลุ่มชายหนุ่ม การรวมกลุ่มของหญิงสาวเพื่อทำงานร่วมกันในบ้านที่จัดงาน เรียกว่า “ข่วง” ณ หมู่บ้านหนึ่งอาจมีหลายข่วง กลุ่มชายหนุ่มที่มาเล่นลูกช่วง หรืออิ๋นกอนจะอยู่เล่นกี่วันก็ได้ ตามแต่ความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตามมารยาท ผู้เล่นก่อนจะต้องเดินทางจากไปเพื่อให้กลุ่มใหม่ได้เข้ามาเล่นบ้าง เมื่อการละเล่นจบสิ้น ชาวโซ่งก็กลับมามีชีวิตตามปกติ (หน้า 22,25) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีตลาวโซ่งต้องเลี้ยงหมูเพื่อใช้ในพิธีเสนเรือนโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบันไม่พบว่ามีบ้านใดเลี้ยงหมูเพื่อใช้ในพิธีนี้ หมูที่เลี้ยงไว้มีเพื่อจำหน่ายให้กับพ่อค้าหมูโดยตรง การประกอบพิธีเสนเรือนปัจจุบัน โซ่งนิยมสั่งเขียงหมูซึ่งเป็นชาวจีนทำการชำแหละให้ นอกจากนี้ยังพบว่าวิถีชีวิตลาวโซ่งจากเดิมที่เป็นผู้ผลิตภาคเกษตรกรรมมาเป็นผู้บริโภคโดยการใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมากขึ้น และลดบทบาทของการเป็นผู้ผลิตลง (หน้า 15-16)
ตลอดระยะเวลาที่เริ่มทำนาปรัง (พ.ศ.2520) โซ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามอิทธิพลจากสังคมและวัฒนธรรมภายนอก อันปัจจัยที่สำคัญคือ การศึกษา ด้วยหนุ่มสาวโซ่งได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ประกอบกับค่านิยมเกี่ยวกับอาชีพและเป็นที่ต้องการของสังคม จึงสร้างโอกาสและทางเลือกให้คนรุ่นหนุ่มสาวที่เป็นแรงงานหลักในการผลิต เริ่มเคลื่อนย้ายออกไปทำงานในภาคอุตสาหกรรม (หน้า 23)
ปัจจุบันรูปแบบของการตั้งถิ่นฐานหลังการแต่งงานของโซ่งบ้านหนองปรง ขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าจะเลือกอยู่กับครอบครัวฝ่ายสามีหรือครอบครัวฝ่ายภรรยา โดยไม่ได้ยึดถือแบบแผนว่าต้องตั้งถิ่นฐานที่บ้านฝ่ายสามีเสมอไป ส่วนแบบแผนการเลือกคู่ครองนั้น ไม่ได้มีที่มาจากประเพณีการละเล่นในเดือนห้าอย่างในอดีต การละเล่นลูกช่วงและอิ๋นกอนก็ค่อยๆเลือนหายไป คนหนุ่มสาวพบปะและคบหาสมาคมกันในพื้นที่นอกขอบเขตของกลุ่มสังคมวัฒนธรรมมากขึ้น มีโอกาสที่จะแต่งงานกับคนนอกกลุ่มและเคลื่อนย้ายไปอยู่นอกหมู่บ้านมากขึ้น (หน้า 28-29) |
|
Other Issues |
ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีการกล่าวถึงวรรณกรรมตะวันตก รวมสามเรื่อง ได้แก่ Presumed Innocent Anna Carenina และ East of Edenเนื่องจากวรรณกรรมทั้งสามเป็นตัวแทนของสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดย เรื่อง Presumed Innocent เป็นสถานการณ์ที่สามีเป็นฝ่ายนอกใจภรรยาเรื่องAnna Careninaเป็นสถานการณ์ที่ภรรยาเป็นฝ่ายนอกใจสามี และเรื่องEast of Eden เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยา และการเป็นเครือญาติร่วมสายโลหิตในกรณีที่น้องชาย และพี่สะใภ้ลักลอบมีความสัมพันธ์กัน (หน้า 45-53) |
|
Map/Illustration |
ตาราง
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 1 จากเรื่องPresumed Innocent (หน้า 59)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 2 จากเรื่องPresumed Innocent (หน้า 61)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 3 จากเรื่องAnna Carenina(หน้า 63)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 4 จากเรื่องAnna Carenina(หน้า 66)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 5 จากเรื่องAnna Carenina(หน้า 67)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 6 จากเรื่องAnna Carenina(หน้า 68)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 7 จากเรื่องEast of Eden (หน้า 70)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 8 จากเรื่องEast of Eden (หน้า 71)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 9 จากเรื่องEast of Eden (หน้า 73)
- ตารางแสดงคำตอบ คำถามข้อที่ 10 จากเรื่องEast of Eden (หน้า 74) |
|
|