สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง การเมืองการปกครอง ความมั่นคง อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ภาคกลาง
Author ชัชย์ รัตนสมบูรณ์
Title ชาวเขา เผ่าแม้วกับความมั่นคงภาคกลาง
Document Type ปริญญานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 59 Year 2518
Source วิทยาลัยการทัพบก
Abstract

การศึกษาเรื่องของชาวเขาเผ่าแม้วกับความมั่นคงในภาคกลางของประเทศไทย 
มีความมุ่งหมายเพื่อให้ทราบว่า ชาวเขาเผ่าแม้วทางภาคเหนือของไทยได้อพยพลงมาสู่ภาคกลางเฉพาะในเขตจังหวัดนครสวรรค์ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานีและกำแพงเพชรมีเหตุมาจากความคับแค้นในเรื่องการประกอบอาชีพ ขาดที่ทำมาหากิน ความยากจน ถูกกดขี่หรืออรบกวนจากฝ่ายคอมมิวนิสต์  ไม่ได้รับความคุ้มครองและเหลียวแลจากทางการ  ขาดการศึกษา ไม่ได้รับคำชี้แจงที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เป็นผลให้ชาวเขาเผ่าแม้วคิดแต่จะอพยพไปอยู่ในถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ ไม่คิดถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้นแก่คนไทยบนพื้นราบ
       
รัฐบาลจะได้พยายามดำเนินการชี้แจงหรือทำการพัฒนาในเรื่องสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อให้ชาวเขาเผ่าแม้วคิดจะตั้งหมู่บ้านให้ถาวร หรือทำให้ชาวเขาเผ่าแม้วมีสิทธิเสรีเช่นเดียวกับคนไทยพื้นราบ

Focus

ศึกษาเรื่องของชาวเขาเผ่าแม้วกับความมั่นคงในภาคกลางของประเทศไทย  
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้ทราบว่า ชาวเขาเผ่าแม้วได้อพยพลงมาสู่ภาคกลางของไทยเฉพาะในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานีและกำแพงเพชรนั้น ด้วยเหตุใดจึงอพยพลงมาสู่ภาคกลางของไทยโดยอาศัยในป่าทึบ ไม่อยู่บนภูเขาสูงเหมือนภาคเหนือของไทย(หน้า  ง)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ม้ง

Language and Linguistic Affiliations

แม้วมีแต่ภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียน แม้วพูดภาษาจีนได้ดี เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับจีน โดยเฉพาะจีนยูนนาน  แต่ไม่นิยมเขียนภาษาแม้วด้วยอักษรจีนเช่นเย้า   แม้วทุกกลุ่มมีภาษาพูดแบบเดียวกันแต่มีความผิดเพี้ยนแตกต่างกันบ้านในแต่ละกลุ่ม
(หน้า 15)

Study Period (Data Collection)

ไม่ได้ระบุ

History of the Group and Community

แม้ว  เป็นสาขาหนึ่งของชนชาติจีน มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี เล่ากันว่าเดิมแม้วมีภูมิลำเนาบนเขาทางทิศใต้ของมองโกเลีย ต่อมาเคลื่อนย้ายเข้าบริเวณตอนกลางของประเทศจีน   มีอาณาจักรและมีกษัตริย์ปกครองตนเอง แม้วได้ต่อสู่กับจีนตั้งแต่ศตวรรษแรกของประเทศจีน  บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำฮวน แต่แม้วสู้ไม่ได้ จึงต้องอพยพอยู่เสมอ  โดยต้องถอยจากมณฑลไกวเจาและมณฑลยูนนานลงมาทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมาได้กระจัดกระจายสู่เขตเวียดนามเหนือ ประเทศลาวตอนกลางและตอนเหนือ รัฐฉานของสหภาพพม่าและในประเทศไทย      
     
แม้วในประเทศไทย
ส่วนใหญ่อพยพมาจากประเทศลาวและสหภาพพม่า อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย อาทิ ตอนใต้ของดอยอินทนนท์ ทางใต้ของจังหวัดตาก จังหวัดแพร่ และตอนเหนือของจังหวัดพิษณุโลก  เพชรบูรณ์   เลย  กำแพงเพชร  อุทัยธานี  และจังหวัดนครสวรรค์     สำหรับแม้วในเขตจังหวัดอุทัยธานี  นครสวรรค์และกำแพงเพชร อพยพมาจากหลายทาง เช่น หากมาจากอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก จะใช้วิธีการเดินเท้า หากมาจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่านก็จะเหมารถยนต์เพื่อเดินทางมา ลักษณะสภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เป็นป่าซึ่งไม่ได้ถูกทำลายมาก่อน ทำการเพาะปลูกได้ผลดี อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองและคนไทยพื้นที่ราบเท่าใดนัก (หน้า 27-28)
        
การอพยพแม้วเมื่อปี พ.ศ.2517 ได้อพยพแม้วจากบ้านม่วงสามพัน และบ้านแม่ระฆัง ไปยังบ้านคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 86คน   และมีการอพยพชาวเขาที่มาจากอำเภองาว อำเภอแจ้ห่ม อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอปง จังหวัดเชียงราย กลับภูมิลำเนาเดิม 283 คน  และอพยพแม้วจากบ้านแม่ระมังอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากไปยังบ้านคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร 233 คน (หน้า 42-44)

Settlement Pattern

การตั้งหมู่บ้าน  ตั้งหมู่บ้านบนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 5,000 ฟุตขึ้นไป ที่ตั้งหมู่บ้านมักจะลาดลงมาจากยอดเขา บริเวณหลืบเขาที่ไม่ชันนัก  และอยู่ใกล้ต้นน้ำลำธารที่สามารถใช้น้ำได้อย่างสะดวก (หน้า 11-12)
        
การสร้างบ้าน
มักปลูกเรือนติดกับพื้นดิน ยกสูงเฉพาะที่นอนเท่านั้น ฝาเรือนใช้ไม้ฟากตั้ง พวกฐานะดีจะใช้ฝาไม้กระดาน  หลังคาใช้ไม้ไผ่ผ่าครึ่งเป็นทางยาวเลาะข้อออกวางประกบกันโดยคว่ำและหงายสลับกัน บ้างก็มุงด้วยใบตองตึง  ภายในบ้านมีเตาไฟอยู่กลางบ้านสำหรับผิงไฟ รอบเตาไฟใช้เป็นที่รับรองแขก มีครกตำข้าว  ที่เก็บข้าวไร่  ข้าวโพดและเครื่องมือเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมีแท่นบูชาดวงวิญญาณของบรรพบุรุษหรือผีเรือนอยู่ข้างฝา กลางเรือน (หน้า 12)

Demography

แม้วที่อาศัยในประเทศไทยมีประมาณ 53,031 คน(หน้า 11)
แม้วในประเทศไทยอาจแบ่งเป็นพวกใหญ่ๆคือ แม้วขาว(White Mea)  แม้วน้ำเงิน (Blue Mea) และแม้วกัวมบา (Gua M’ba Mea)  (หน้า 10-11)
 

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

การแต่งงาน ชอบร้องเพลงเกี้ยวพาราสีกัน  โดยต้องไปคุยเกี้ยวพาราสีทางชู้สาวในบ้านเรือนของหญิงสาว ซึ่งไม่ถือว่าผิดผี  หญิงจะออกไปมีความสุขกับชายใดก็ได้ตามแต่ความสมัครใจ เมื่อฝ่ายหญิงตั้งท้องจะแจ้งให้ชายหนุ่มทราบและบอกบิดามารดาของตนให้ไปบอก บิดามารดาของฝ่ายชายมาจัดการสู่ขอตามประเพณี  การแต่งงานจัดที่บ้านฝ่ายหญิง เมื่อบุตรสาวแต่งงานออกจากบ้านไป ถือเป็นบุตรของคนอื่น โดยตัดขาดจากการเป็นบิดา มารดา และบุตรต่อกัน โดยไปรักนับถือบิดามารดาของฝ่ายชายแทน  ภรรยาทำงานทุกชนิดที่เป็นหน้าที่ของหญิง หากหากินไม่พอเลี้ยงครอบครัวหรือไม่มีบุตรสืบสกุล สามีสามารถหาภรรยาเพิ่ม เพื่อช่วยภรรยาคนแรกทำงาน บางคนมีภรรยา 4-5 คน โดยภรรยาหลวงกับภรรยาน้อยจะอยู่กันอย่างญาติพี่น้อง ไม่มีการทะเลาะกัน     นอกจากนี้ หญิงสาวแม้วจะไม่แต่งงานกับชาวเขาเผ่าอื่น (หน้า 14)

Political Organization

เดิมชาวแม้วอพยพอยู่ในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทย ต่อมาได้อพยพเข้ามาอยู่ในเขตจังหวัดนครสรรค์ กำแพงเพชร และสุโขทัย พื้นที่ที่แม้วอพยพเป้นเขตพื้นที่ป่าที่สำคัญ ทำให้พื้นที่ป่าบางส่วนถูกทำลาย ประกอบกับกับมีแนวโน้มที่ชาวเขาเผ่าม้งจะเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ รัฐจึงมีนโยบายในการดำเนินการอพยพชาวเขาเผ่าม้งเพื่อคววามมั่นคงของรัฐไทย

ความสัมพันธ์ของแม้วกับรัฐ มี 2 ประเด็นสำคัญ คือ        

ด้านความขัดแย้ง  เช่น ชาวเขาเผ่าแม้วที่ไม่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ทางภาคเหนือที่อพยพมาสู่ภาคกลางนั้น บางคนเคยร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลมาแล้ว (หน้า 26) ชาวเขาทุกเผ่ารวมถึงแม้ว จะมีความรู้สึกว่าตนต่ำต้อยยากจน ไร้การศึกษา เจ็บป่วยบ่อยและขาดการรักษาพยาบาล จึงมีความรู้สึกว่าถูกคนไทยพื้นที่ราบเอารัดเอาเปรียบในการติดต่อค้าขาย ทั้งยังถูกเจ้าหน้าที่รัฐห้ามปลูกฝิ่น และถูกจับกุมเมื่อสูบฝิ่นหรือมีฝิ่นไว้ในครอบครอง  มีการเรียกเก็บภาษีต่างๆ ซึ่งชาวเขาไม่เข้าใจเรื่องภาษี แม้แต่โค่นต้นไม้เพื่อปลูกบ้านก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นช่องว่างทางสังคมระหว่างชาวเขากับคนของรัฐบาลและคนไทยพื้นราบที่มีความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในกรณีที่แม้วไม่อพยพที่ทำกินตามที่ทางรัฐมีคำสั่ง(หน้า 32, 34)

ด้านความร่วมมือ เช่น ทางรัฐบาลมีโครงการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาสภาพเศรษฐกิจแก่ชาวเขาเผ่าแม้วให้มีมาตรฐานสูงขึ้น(หน้า 38, 50)

Belief System

การนับถือผี นับถือผีอย่างเคร่งครัด มีเพียงบางคนที่ถือธรรมเนียมจีน       หรือนับถือคริสเตียน    ผีที่แม้วนับถือมี 7 ชนิด คือ ผีฟ้า  ผีเรือน  ผีป่า  ผีไร่  ผีสตุ่ง  ผีกระสือ  และผีดอยหลวง      ผีฟ้า คือ ผู้สร้างแผ่นดิน มนุษย์และสัตว์ มีอำนาจ สามารถบันดาลให้เกิดหรือตายได้   ผีเรือน  คือดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว    ผีป่า เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย หมอผีประจำหมู่บ้านจะเสี่ยงทายว่าถูกผีป่าทำร้ายให้เจ็บป่วย  ญาติผู้ป่วยต้องฆ่าไก่ หมู และสุนัขเซ่นผี  ผีไร่ เป็นผีประจำไร่ เวลาถางป่าทำไร่จะต้องเซ่นผีด้วยไก่  และหากพืชไร่อุดมสมบูรณ์จะต้องตอบแทนผีไร่ด้วยการเซ่นไก่และหมูผีสตุ่ง เป็นผีที่ชอบทำร้ายเด็กเล็กให้เจ็บป่วย    ผีกระสือ  ชอบหากินในเวลากลางคืนตามป่าและลำห้วย ลักษณะเป็นดวงไฟล่องลอยในอากาศแล้วดับวูบลงและจะไปโผล่ที่ใหม่  ส่วน ผีดอย เป็นผีที่ร้ายกาจมาก ผู้ใดถูกผีดอยหลวงทำร้าย จะมีโอกาสรอดยาก นอกจากจะฆ่าสัตว์ใหญ่หลายตัวเป็นเครื่องเซ่น (หน้า 13-14)
 
การตาย  เมื่อมีผู้ตายในบ้านเรือนจะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ ถ้าผู้ตายเป็นคนสำคัญในครอบครัว บุตรและภรรยาจะต้องซื้อโคหรือกระบือมาเซ่นดวงวิญญาณ และตั้งศพไว้ 6 วัน หากมีฐานะยากจนจะซื้อเพียงหมูและไก่มาเซ่นดวงวิญญาณ และตั้งศพไว้เพียง 2 วันก่อนที่จะนำไปฝัง
        
งานปีใหม่  เรียกว่า “งานดินฟ้า” หรือ “งานกินวอ” มีกำหนด 3-7 วัน โดยหมอผีประจำหมู่บ้านเป็นผู้กำหนด ซึ่งมักจะตรงกับช่วงตรุษจีน  ทุกบ้านจะฆ่าไก่มากกว่า 10 ตัว หมู 1 ตัว เพื่อเซ่นผีเรือน ก่อนวันขึ้นปีใหม่  

วันขึ้นปีใหม่ผู้คนจะแต่งกายที่ดูดีที่สุด มีการเล่นลูกข่าง และโยนลูกช่วง ชายหนุ่มหญิงสาวร้องเพลงรักโต้ตอบกัน มีการเลี้ยงสุรา อาหารแก่ผู้ไปเยี่ยมทำบุญทานเสื้อผ้าให้ผู้ล่วงลับ โดยเอากิ่งไม้ปักเป็นราวแล้วเอาเสื้อผ้าแขวนไว้ (หน้า 14-15)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกาย  แม้วทั้งสามเผ่า มีภาษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเป็นอยู่ที่คล้ายกันมาก  โดยแต่ละเผ่ามีความต่างกันด้านการแต่งกายสีดำเป็นสีที่ใช้เป็นเครื่องแต่งกายของทั้งหญิงและชายมากกว่าสีขาวและดอกลวดลาย

เสื้อของผู้ชายตัดเย็บรัดตัว แขนยาวถึงข้อมือ พวกแม้วลายไม่ติดแถบผ้าสีขาวที่ปลายแขนเสื้อ  แต่แม้วขาวบางคนติดแถบสีขาว 2-3 นิ้ว  ปลายแขนเสื้อ ตัวเสื้อของแม้วดำยาวลงมาจากต้นคอถึงร่องกลางหน้าอก เปิดให้เห็นท้อง ชาวอาวุโสไม่เปิดหน้าท้อง แต่เว้นชายพกกางเกงขนาดสองนิ้วไว้ ส่วนชายแม้วลายไม่เปิดเสื้อให้เห็นท้องอย่างแม้วดำและแม้วขาว  เสื้อของผู้ชายแม้วผ่าอกข้างจากต้นคอมาทางเอวซ้ายมากกว่าเอวขวา  นุ่งกางเกงจีนยาวถึงข้อเท้า มีเป้ากว้าง ตัดหลวมๆ แม้วหนุ่มชอบคาดเอวด้วยผ้าแดงผืนใหญ่หรือดอกลวดลาย  และนิยมสวมหมวกกลมรูปร่างคล้ายกาบมะพร้าว ทำด้วยผ้าสีดำ มีภู่แดงอยู่บนยอดหมวก สวมกำไลคอหรือห่วงคอทำด้วยโลหะเงิน    สำหรับหญิงแม้ว จะเกล้าผมสูง ถอนไรผมบริเวณหน้าผากและข้างหู สวมหมวกรูปทรงกระสอบอย่างเดียวกับผู้ชาย แต่ใช้ผ้าสีดำ  ดอกลวดลาย หรือริ้ว ตั้งตรงขึ้นไปหลายสี  สวมเสื้อแขนยาวถึงข้อมือ  ข้างหลังมีปกผ้าสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 1 คืบปิด ใส่กำไลแขนซ้อนกันหลายวง เสื้อยาว ไม่เปิดท้องอวดพุงอย่างผู้ชาย ผ่าอกกลางแล้วทับซ้อนไขว้กันเล็กน้อยโดยมีเข็มกลัดที่หน้าอก  สำหรับกระโปรงของหญิงแม้ว ทอด้วยผ้าป่านชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ปาง” จับจีบโดยรอบ    ดอกลวดลายที่เห็นบนกระโปรง ผ้าปิดใต้เอวหรือหมวกผ้าทรงกระสอบนั้น ส่วนใหญ่ใช้ย้อมสีเป็นดอกลวดลาย มีเพียงส่วนน้อยที่ปักลาย
 (หน้า 12-13)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ผู้เขียนได้วิพากษ์ปัญหาการอพยพชาวเขาเผ่าแม้ง โดยเห็นว่า ปัญหาการอพยพของชาวเขาที่รุกล้ำในเขตพื้นที่ป่าและการเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์เสนอให้มีการแก้ไขโดยเร่งให้สัญชาติไทยแก่ชาวเขาเผ่าแม้วเพื่อสร้างความเสมอภาคและสร้างความเป็นความพลเมืองไทยให้มีที่อยู่อยู่อาศัยเพื่อจะได้มีความรักและหวงแหนในที่อยู่ไม่เร่ร่อนอพยพ เมื่อชาวเขาได้รับสิทธิพื้นฐานเป็นพลเมืองไทยแล้ว มีถิ่นที่อยู่ถาวร ได้รับการศึกษาในโรงเรียน ก็จะลดปัญหาการอพยพรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน การแทรกแซงจากคอมมิวนิสต์ได้

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

ไม่มี

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 02 ต.ค. 2567
TAG ม้ง, การเมืองการปกครอง, ความมั่นคง, อุทัยธานี, นครสวรรค์, กำแพงเพชร, ภาคกลาง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง