สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไต (ฉาน),การทำให้เป็นพม่า,การไหว้ผี,ศาสนาพุทธ,พม่า
Author Michio Takatani
Title An Anthropological Analysis of Burmanization of the Shan
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ไทใหญ่ ไต คนไต, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 16 Year 2541
Source Inter – Ethnic Relations in the Making of Mainland southeast Asia.Vol.1, Compiled by Hayashi, Yukio, pp. 115 – 130, Center for Southeast Asian Studies Kyoto University.
Abstract

บทความนี้เป็นความพยายามใช้มุมมองทางมานุษยวิทยาศึกษาคนไตในพม่าที่ถูกเรียกว่า “ฉาน” (Shan) เดิมคำว่า “ฉาน” เป็นชื่อที่คนพม่าใช้เรียกคนที่พูดภาษาไตในพม่า ตลอดจนได้รับอิทธิพลทางการเมืองและวัฒนธรรมจากพม่า โดยความเกี่ยวเนื่องกันทางประวัติศาสตร์ ผู้เขียนเน้นการศึกษาที่กระบวนการทำให้เป็นพม่า (Burmanization) ผ่านแง่มุมด้านศาสนาในสองประเด็น คือ การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการไหว้ผีของคนไต (ฉาน) และการรวมนิกายทางพุทธศาสนาเข้าด้วยกันเป็นศาสนาของรัฐ (State Sangha) รากเหง้าของการไหว้ผีของคนไตกำลังถูกทำให้เป็นพม่ายิ่งขึ้นโดยผ่านการบูชา Ko Myo Shin ซึ่งเป็นผีที่ได้รับความเคารพจากคนพม่าอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐบาลได้รวมนิกายย่อย (sects) ต่าง ๆ ในพุทธศาสนาเถรวาทที่มีอยู่ในพม่าเข้าด้วยกัน ให้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ 9 นิกาย นิกาย Zawti ซึ่งเป็นนิกายเก่าแก่ของคนไตถูกรวมเข้าเป็นศาสนาของรัฐ โดยถูกรวมเข้ากับนิกาย Thudhamma gaing ซึ่งเป็นนิกาย 1 ใน 9 นิกายนั้น ส่วนนิกายท้องถิ่นอื่น ๆ นอกจากนี้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือไม่ก็สูญหายไป

Focus

การศึกษาการทำให้เป็นคนพม่า ผ่านการเปลี่ยนแปลงการไหว้ผีของไต (ฉาน) และการรวมนิกายต่าง ๆ ทางพุทธศาสนา ที่ทั้งคนพม่าและคนไต (ฉาน) ในพม่านับถือ

Theoretical Issues

ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

ศึกษากลุ่มชาติพันธุ์เรียกตัวเองว่า “ไต” และถูกเรียกโดยพม่าว่า “ฉาน” (Shan) ฉานเป็นไตที่อาศัยอยู่ในพม่า คำว่า “ฉาน” เริ่มแรกเป็นชื่อที่คนพม่าใช้เรียกคนที่พูดภาษาไตในพม่า และได้รับอิทธิพลทางการเมืองและทางวัฒนธรรมภายใต้การปกครองของพม่า ปัจจุบัน คนไต (ฉาน) อาศัยอยู่ในรัฐฉาน (Shan State) รัฐคะฉิ่น (Kachin State) และ Sgaing Division (หน้า 115) หลังได้รับอิสรภาพ พม่าปกครองแบบอำนาจสู่ศูนย์กลาง คนไต (ฉาน) ในพม่ากลายเป็นชนกลุ่มน้อย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในรัฐฉานมีแนวโน้มที่จะถูกเรียกเหมารวมว่าเป็น “ฉาน” (Shan) ดังนั้น คำว่า “ฉาน” (Shan) จึงเป็นทั้งเครื่องหมายของต้นกำเนิดทางชาติพันธุ์ (ethnic origin) และเป็นตัวชี้วัดทางสังคม (social indicator) ในแง่ของการเมือง นี่เป็นขั้นตอนของการทำให้เป็น “ฉาน” (Shanization) ภายใต้การทำให้เป็นพม่า (Burmanization) ซึ่งตรงข้ามกับการทำให้เป็นพม่าในยุคอาณานิคมที่ให้การยอมรับระบบ Sawbwas ระบบ Sawbwas ได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1959 จิตสำนึกทางชาติพันธุ์ (ethnic self – consciousness) ของตัวเองในจักรวาลทางวัฒนธรรมระดับจุลภาค (cultural micro – cosmos) ของไต (ฉาน) ถูกทำให้ไม่มั่นคง เพราะว่าพวกเขาไม่เพียงต้องสูญเสียผู้นำไปเท่านั้น แต่ยังสูญเสียแกนหลักทางศาสนาและทางสัญลักษณ์ไป (หน้า 125)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่มีข้อมูล

History of the Group and Community

“Ko Shan Pyi” หมายถึง รัฐทั้ง 9 ของไต (ฉาน) (nine Shan States) เป็นคำที่มีความสำคัญสำหรับการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างไต (ฉาน) และพม่า ทั้งสองฝ่ายมีบันทึกของเมืองในตำนานทั้ง 9 หรือคือ “Mong” ของไต (ฉาน) เจ้าผู้ปกครองคนไต (ฉาน) ในภาษาพม่าเรียกว่า “Sawbwa” ซึ่งมาจากคำว่า “Sao Hpa” ในภาษาไต (ฉาน) มีความหมายว่า “เจ้าแห่งฟ้า” (Lord of Sky) บันทึกบางฉบับระบุว่า “Mogaung” (Mong Kawng) เป็นศูนย์กลางทางการเมืองในหมู่รัฐทั้ง 9 ของไต (ฉาน) (Ko Shan Pyi) ซึ่งก่อตั้งโดยวีรบุรุษในตำนาน ผู้ซึ่งมาจาก Mong Mao โดยเชื่อกันว่า Mong Mao เป็นถิ่นที่อยู่ดั้งเดิมที่สุดของไต (ฉาน) ในพม่า แต่ปัจจุบัน Mogaung อยู่ในรัฐคะฉิ่น ไม่ได้อยู่ในรัฐฉาน Mogaung อาจเป็นเพียงศูนย์กลางของไต (ฉาน) แต่ในจินตนาการเท่านั้น ผีอารักษ์ (guardian-spirit) ของ Mogaung เป็นวีรบุรุษไต (ฉาน) ซึ่งมีตำนานเหมือนกับตำนานของ Ko Myo Shin และสำหรับในรัฐคะฉิ่น (Kachin State) วีรบุรุษไต (ฉาน) กับ Ko Myo Shin บางครั้งก็ถูกการจำแนกว่าเป็นสิ่งเดียวกัน (หน้า 115-116)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ปัจจุบัน คนไต (ฉาน) อาศัยอยู่ในรัฐฉาน (Shan State), รัฐคะฉิ่น (Kachin State) และ Sagaing Division จากการสำรวจของรัฐบาลพม่าในปี ค.ศ.1983 ประชากรไต (ฉาน) มีจำนวน 2.89 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 8.9 ของประชากรทั้งหมด (หน้า 115)

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ไต (ฉาน) ในพม่านับถือพุทธศาสนาเถรวาท นิกาย (sect) Zawti จากประวัติทางศาสนาของนิกาย Zawti ผู้ก่อตั้งนิกาย Zawti คือ Zawti Sayadaw เขาเป็นลูกชายคนหนึ่งของ Maingmaw (Mong Mao) Sawbwa เกิดในปี ค.ศ.1554 เมื่ออายุได้ 15 ปี ไปบวชเณร(?) (novicehood) ใน Sagaing ได้รับฉายาว่า Shin Wara Zawti และเมื่ออายุได้ 20 ปีก็บวชเป็นพระ ในปี ค.ศ.1610 Ashin Zawti ย้ายไปที่รัฐฉาน หลังจากที่ได้เทศนาสั่งสอนชาวบ้าน Zawti Sayadaw ก็มรณภาพในปี ค.ศ.1644 ที่ Umin ใน Sagaing Division Sayadaw ของนิกาย Zawti คนปัจจุบันคือ Ashin Pinnya Thara เป็นผู้นำองค์ที่ 21 Sayadaw จำนวนมากของนิกาย Zawti มีกฎไม่ประจำอยู่ที่วัด จะธุดงค์ไปเรื่อย ๆ ปัจจุบัน พระในนิกาย Zawti ส่วนใหญ่เป็นคนไต (ฉาน) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมือง Kyukme ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน จำแนกตนเอง โดยเรียกว่า “Tai Zawti” หรือ “Zawti Shan” ชาวบ้านที่นับถือนิกาย Zawti เหล่านี้จะมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดกว่านิกายอื่น ๆ และจะให้ทานมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ลักษณะที่สำคัญที่สุดของการปฏิบัติทางศาสนา คือพวกเขาปฏิเสธการไหว้ผีที่เหมือนกับผีอารักษ์ (guardian spirit) ของหมู่บ้าน พวกเขาไม่เคยสร้างศาลสำหรับเสาหลักบ้าน (heart of village) ในอีกด้านหนึ่ง คนไต (ฉาน) โดยทั่วไปจะโต้แย้งว่า พวกเขาไม่ได้ไหว้ผี เพียงแต่เอาใจผี ซึ่งแตกต่างจากการไหว้ผีของคนพม่า โดยปกติเมื่อคนไต (ฉาน) ตั้งหมู่บ้าน มักจะสร้างศาลสำหรับเสาหลักบ้าน และนิมนต์พระมาสวดมนต์เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีที่เป็นสาเหตุของความเดือดร้อนที่ศาลนี้ปีละครั้ง นอกจากนี้จะสร้างอีกศาลหนึ่งสำหรับผีอารักษ์ของหมู่บ้าน ในกรณีที่มีการบวชเณร(?) (novicehood) คนพม่าส่วนใหญ่และคนไต (ฉาน) บางคนจะมีประเพณีนำผู้ที่จะบวชไปแสดงตัวที่ศาลผีอารักษ์ของหมู่บ้าน แม้ว่าจะไม่ได้มีการแสดงคารวะผีก็ตาม แต่สำหรับ Tai Zawti เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนี้ (หน้า 122-124)

Education and Socialization

ตำนานเรื่องที่ 1 : ตำนานอธิบายที่มาของ Ko Myo Shin Ko Myo Shin เป็นผู้สืบทายาทของอาณาจักร Pandaung ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำอิระวดี Ko Myo Shin และ U Min Kyew พี่เขยซึ่งเป็นคนขี้เมาและชอบทะเลาะวิวาท ยกทัพไปตีรัฐฉาน ระหว่างทางกลับได้ช่วยชีวิต Khun Chou และ Khun Tha สองเจ้าชายฉาน กษัตริย์ Pandaung จึงสั่งให้ Ko Myo Shin และ Palei Yin น้องสาว เลี้ยงเจ้าชายทั้งสองให้และตำหนิ U Min Kyew ว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้ U Min Kyew รู้สึกอับอาย อิจฉา และขุ่นแค้นกษัตริย์และ Ko Myo Shin วันหนึ่งเจ้าชายฉานทั้งสองไปออกรบ U Min Kyew จึงฆ่ากษัตริย์และพระราชินีเสีย ส่วน Ko Myo Shin และ Palei Yin หนีไปได้ เมื่อเจ้าชายฉานทั้งสองเดินทางกลับ U Min Kyew สั่งให้ทั้งสองไปฆ่า Ko Myo Shin แต่ทั้งสองฆ่าพ่อบุญธรรมไม่ได้ Ko Myo Shin จึงตัดศีรษะตัวเองตายกลายเป็นผีนัท เมื่อเจ้าชายทั้งสองนำศีรษะ Ko Myo Shin กลับมา ก็ถูก U Min Kyew ฆ่าตาย เจ้าชายฉานทั้งสองจึงกลายเป็นผีนัทที่มีความเคียดแค้น (asein nats) และได้ฆ่า U Min Kyew ตาย Ko Myo Shin เอาชีวิต Palei Yin และลูกสาวไปด้วย พวกเขากลายเป็นผีนัทด้วย Ko Myo Shin กลายเป็นผีอารักษ์แห่งประตูทั้ง 9 และได้รับการบูชาในฐานะผีอารักษ์แห่ง Myos ทั้ง 9 (Nine Myos Guardian Spirit) (หน้า 116-117) ตำนานเรื่องที่ 2 : ตำนานเกี่ยวกับการสร้างศาล Komyo Shin Aungzwa Magyi (Komyo Shin Aungzwa Magyi ปกป้องคุ้มครองเมือง Maukkadaw สถิตอยู่ในศาลขนาดใหญ่ อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำชินวิน ปัจจุบันคือ Sagaing Division) ค.ศ.692 Nara-padi Sithu หนึ่งใน 55 ผู้ปกครองของ Paukkan สั่งประหารชีวิตข้ารับใช้เก่าแก่ชื่อ Maung Aungzwa ทันทีที่ตาย Maung Aungzwa ก็กลายเป็นผีนัท ไปปรากฏกายต่อหน้าพระเจ้า Nara-padi Sithu บอกว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำผิด พระเจ้า Nara-padi Sithu จึงสั่งให้ Sawbwas ทั้ง 9 แห่ง Kambawza Shan State นำคนไปสร้างศาลให้ Maung Aungzwa และให้ทำพิธีบูชาทุกปี ค.ศ.1751 Talaings แห่งเมือง Yamanya บุกไปทำลายเมือง Ratanapura ถูก Maung Aung Zaya of Shwebo โจมตีพ่ายแพ้ไป และในปี ค.ศ.1756 (1118 B.E.) กองทัพบุกไปถึง Siam โดยมี Sawbwas ทั้ง 9 แห่ง Kambawza Shan State ร่วมอยู่ในกองทัพ และมีผู้เห็น Komyo Shin Aungzwa Magyi ร่วมทัพไปด้วย นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวบัญชาการรบ จนประสบชัยชนะในที่สุด เมื่อสงครามสิ้นสุดลง มีศาลจำนวนมากสร้างขึ้นสำหรับ Komyo Shin Aungzwa Magyi และหนึ่งในศาลเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นโดยชาวเมือง Maukkadaw (หน้า 117-118) ตำนานเรื่องที่ 3 : ตำนานเกี่ยวกับ Sao Sam Long Hpa (หรือเจ้าสามฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ / Sao = Lord, Sam = three, Long = great, Hpa = sky) ตามการวิเคราะห์จดหมายเหตุของไต อาณาจักร Mao อยู่ภายใต้การนำของ Sao Hso Hkan Hpa และน้องชายที่ชื่อ Sao Sam Long Hpa ครอบครองพื้นที่กว้างขวางที่สุดซึ่งรวมไปถึงไทย ลาว ยูนนาน อัสสัม Manipur รัฐคะฉิ่น พื้นที่กะเหรี่ยง และอารากันที่อยู่ทางภาคเหนือ เชื่อกันว่าอาณาจักร Mao เป็นถิ่นฐานดั้งเดิมที่สุดของคนไต (ฉาน) ในพม่า ซึ่งอยู่บริเวณลุ่มน้ำ Shweli ในบทความกล่าวถึงตอนจบของตำนานที่เกี่ยวกับ Sao Sam Long Hpa ดังนี้ หลังจาก Sao Sam Long Hpa รบชนะ Mong Wehsali Long อย่างง่ายดายด้วยวิธีการทูต ขุนศึกสองคนของพระองค์เกิดความริษยาอย่างมาก จึงส่งข้อความไปถึงกษัตริย์ Mao ว่า Sao Sam Long Hpa มีชัยชนะเหนือ Wehsali โดยปราศจากการต่อสู้ โดยมีข้อตกลงลับกันว่า จะถอด Sao Hso Hkan Hpa ออกจากบัลลังก์ เมื่อกษัตริย์ Mao ได้ข่าวว่าน้องชายจะแย่งบัลลังก์ของตน จึงส่งอาหารใส่พิษไปให้ Sao Sam Long Hpa กิน Sao Sam Long Hpa ไม่ได้สงสัย เมื่อกินอาหารพิษเข้าไปก็ถึงแก่ความตาย กลายเป็นผีอารักษ์ของ Mong Kawng (Mogaung) และเป็นที่เคารพบูชาของคนไต (ฉาน) และผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น (หน้า 118-119) ข้อเท็จจริง และ ข้อสรุปจากตำนาน เรื่องที่ 1 : ตำนานของ Ko Myo Shin เล่ากันกว้างขวางในพม่า และเรื่องราวแตกต่างจากเรื่องของผีนัทที่มีชื่อเสียงของพม่า Ko Myo Shin ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผีอารักษ์ของรัฐฉาน แต่คนพม่าส่วนใหญ่และคนไต (ฉาน) บางคนเชื่อว่า Ko Myo Shin เป็นเจ้าที่ (land – superintendent) หรือเจ้าฟ้าไต (ฉาน) (Shan Sawbwa) ที่มาจากโลกแห่งวิญญาณในรัฐฉาน (หน้า 117) เรื่องที่ 2 : ตำนานของ Komyo Shin Augzwa Magyi บันทึกในสมัยอาณานิคม บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์พม่ากับ Ko Myo Shin ซึ่งวาดภาพออกมาให้เห็นว่าไม่ได้เป็นศัตรูทางการเมืองกัน และ Ko Myo Shin เป็นผีอารักษ์ที่กษัตริย์พม่าศรัทธา ฉะนั้นโครงเรื่องนี้จึงเหมือนกับตำนานของผีนัทที่มีชื่อเสียงของพม่า เรื่องที่ 3 : ศาลผี (นัท) ของ Sao Sam Long Hpa มีรูปเคารพของ Ko Myo Shin และ Palei Yin Sao Sam Long Hpa และ Ko Myo Shin จัดอยู่ในประเภทเดียวกับเจ้าฟ้าไต (ฉาน) ที่ตายไปแล้ว (ex – Sawbwa) หรือบ้างก็เชื่อว่าเป็นเหมือนกับผีอารักษ์ของคนไต (ฉาน) ในรัฐคะฉิ่น ตำนานของ Ko Myo Shin และตำนานของ Sao Sam Long Hpa มีเนื้อหาบางอย่างเหมือนกัน คือมีจุดเริ่มต้นจากครอบครัวกษัตริย์ ตายเพราะความริษยาของฝ่ายตรงข้าม และถูกนับเนื่องให้เป็นผีอารักษ์และผีเจ้าที่ของไต (ฉาน) อย่างไรก็ตาม ประเด็นความสัมพันธ์ของ Ko Myo Shin กับกษัตริย์พม่ามีความแตกต่างกัน ตำนาน Ko Myo Shin เรื่องที่ 1 เป็นที่นิยมแพร่หลายที่สุด ไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างKo Myo Shin กับกษัตริย์พม่า ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ให้ความบันเทิงมากกว่าเป็นการบอกเล่าต้นกำเนิดของ Ko Myo Shin และช่วงเวลาที่ปรากฏขึ้นของตำนานก็ใหม่กว่าเรื่องอื่น ๆ เรื่องของ Ko Myo Shin บันทึกในยุคอาณานิคม เกี่ยวข้องกับงานเขียนของ Sagaing Division ที่บอกว่า Ko Myo Shin คือ ผีอารักษ์สำหรับกษัตริย์พม่า แต่ในทางตรงข้าม Sao Sam Long Hpa ของเมือง Mogaung เป็นวีรบุรุษดั้งเดิมของคนไต (ฉาน) ในตำนานแห่งชัยชนะของไต (ฉาน) ยุคอดีตกาล (หน้า 118-119)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

การทำให้เป็นพม่า (Burmanization) ที่เกี่ยวกับการไหว้ผีของคนไต : การไหว้ผี Ko Myo Shin (ผีหลวงแห่ง Myos ทั้ง 9 – Lord of Nine Myos) Ko Myo Shin เป็นผี (นัท – nat) ที่บูชาในพม่า และยอมรับกันว่าเป็นผีไต (Shan nat) แต่ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มผีนัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (popular spirits) ทั้ง 37 ตนของพม่า แต่มีรูปเคารพของ Ko Myo Shin ในศาลผีนัท ผีนัทต่าง ๆ ของพม่าจะมีที่มาที่แตกต่างกัน ผีนัทที่เป็นที่รู้จักกันในพม่าจะมีชื่อของตัวเอง มีรูปลักษณ์ ตำนาน ศาลบูชา และพิธีกรรมประจำปีของตนเอง แต่ผีดั้งเดิมของไต (ฉาน) โดยทั่วไปจะไม่มีชื่อและรูปลักษณ์ ในหมู่บ้านไต (ฉาน) ปกติจะมีสถานที่ไหว้ผีอยู่สามแห่ง คือ ที่วัด ที่ศาลผีอารักษ์ (guardian-spirit / loe sao mong) และศาลเสาหลักบ้าน (Shrine with heart of village / jein sao waan) เสาหลักบ้านนี้ไม่พบในหมู่บ้านพม่า ในปัจจุบัน หากถามว่า ผีอารักษ์ คือใคร ชาวบ้านในรัฐฉานจะบอกว่า ชื่อของผีอารักษ์คือ “Ko Myo Shin” แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ชื่อดั้งเดิมในภาษาไต (ฉาน) คือชื่ออะไร คำตอบมักเป็นว่า “sao kao mong” ซึ่งเป็นคำแปลแบบตรง ๆ จากคำว่า Ko Myo Shin การค้นหาเหตุผลว่า ทำไม และ ใคร คือ Ko Myo Shin เมื่อสืบเสาะจากตำนาน (ดูรายละเอียดของตำนานที่หัวข้อ Folklore) และเมื่อวิเคราะห์ความเป็นมาของ Ko Myo Shin แล้ว จะได้ข้อเท็จจริงดังนี้ (หน้า 115-117) 1) Ko Myo Shin ถูกจำแนกว่าเป็นผีไต (ฉาน) แต่ต้นกำเนิดไม่ใช่ผีของไต (ฉาน) 2) Ko Myo Shin เป็นผีที่ตายแบบผิดธรรมชาติ (asein nat) 3) Ko Myo Shin เป็นเจ้าที่ (Land – Superintendent) ที่มาจากโลกของวิญญาณ ซึ่งมีจำนวน 9 เป็นหลัก 4) บุคคลสำคัญทุกคนในตำนานจะตายในที่สุด และกลายเป็นผีนัท ในทางตรงข้าม ในตำนานของผีนัทที่มีชื่อเสียง (popular nats) ของพม่า จะเป็นเรื่องของกษัตริย์พม่าอัญเชิญผีนัทที่ตายอย่างผิดธรรมชาติให้เป็นผีอารักษ์ปกปักษ์รักษาเมือง และทำพิธีบูชาผีอารักษ์ดังกล่าว 5) ความสัมพันธ์ระหว่าง Ko Myo Shin กับกษัตริย์พม่าไม่ชัดเจน ซึ่งจะต่างจากตำนานของผีนัทที่มีชื่อเสียง (popular nat) อื่น ๆ Ko Myo Shin ไม่ได้รับการอัญเชิญให้เป็นผีอารักษ์ของรัฐฉาน แต่คนพม่าส่วนใหญ่และคนไต (ฉาน) ส่วนหนึ่งเชื่อว่า Ko Myo Shin เป็นเจ้าที่ (Land superintendent) หรือเป็นเจ้าฟ้าไต (ฉาน) (Shan Sawbwa) มาจากโลกแห่งวิญญาณในรัฐฉาน โดยข้อเท็จจริงแล้วศาล Ko Myo Shin ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากไม่เป็นที่รู้จักกันใน Sagaing Division มาจนกระทั่งศาล Ko Myo Shin ถูกสร้างขึ้นในเมือง Kambawza ในยุคที่พม่าเป็นอาณานิคม (หน้า 117) Ko Myo Shin เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการทำให้เป็นพม่าที่เกี่ยวกับการไหว้ผีของคนไต เมื่อไม่นานมานี้ ปรากฏรูปเคารพของ Ko Myo Shin ที่ศาลผีอารักษ์ ซึ่งไม่เคยมีรูปเคารพใด ๆ มาก่อน และศาล Ko Myo Shin ส่วนใหญ่ในรัฐฉาน เป็นศาลที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยได้รับการดูแลจากครอบครัวคนพม่าในช่วงสามชั่วอายุคนมานี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเห็นเด่นชัดหลังพม่าได้รับอิสรภาพแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นพร้อม ๆ ไปกับความเกี่ยวพันกับคนพม่า รวมทั้งการเข้าร่วมทำสงครามในกองทัพพม่าภายใต้ผู้นำพม่าในแผ่นดินพม่า จึงเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำให้เป็นพม่า และการอธิบายว่า Ko Myo Shin เป็นผีของไต (ฉาน) ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำให้เป็นพม่าในโลกของจิตวิญญาณ ไม่เพียงเรื่องของรูปลักษณ์ของ Ko Myo Shin เท่านั้น แต่ในเรื่องของการรับรู้ที่เกี่ยวกับการจำแนก Ko Myo Shin ให้อยู่ในฐานะผีอารักษ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ก็ถูกนำเข้ามาในรัฐฉานอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่ซึ่งโดยต้นกำเนิดแล้วไม่มีรูปเคารพของผีอารักษ์ประจำเมือง หรือหมู่บ้าน (หน้า 124) การทำให้เป็นพม่าโดยการรวมนิกายทางพุทธศาสนา : ในปี ค.ศ.1980 คณะสงฆ์ทุกนิกาย (gaing) ประมาณ 1,200 รูปได้มาชุมนุมกันที่ Kaba Aye ในร่างกุ้ง โดยได้เพิ่มคำขวัญของการชุมนุมว่า การทำให้บริสุทธิ์ การทำให้อยู่ชั่วนิรันดร และการพัฒนาพุทธศาสนา โดยได้ลงมติ ดังนี้ ก) หลักการพื้นฐานของการห้ามมีนิกายใหม่ในพุทธศาสนา ข) กฎการรักษาวินัยและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างนิกายต่าง ๆ ค) การลงทะเบียนและการทำบัตรประจำตัวของพระภิกษุ ยกเว้นพระภิกษุที่บวชเพียงชั่วคราว หรือเณร(?) (novicehood) นิกายที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการมี 9 นิกาย โดยมีรัฐบาลเป็นประธานทุกนิกาย ดังนี้ 1) Thudhamma gaing 2) Shwegyin gaing 3) Naha Dwara Nikaya gaing 4) Dhammanu Dhamma Mula Dwara Nikaya gaing 5) Anuak Hkyaung Kwara Nikaya gaing 6) Welwin Nikaya gaing 7) Hgetwin gaing 8) Ganawimot Kudo gaing 9) Maha yin gaing มีคำถามถึงนิกาย (sect) ทางศาสนาพุทธของไต (ฉาน) มีรายงานบอกว่า ในเต้อหง ยูนนาน มีนิกายทางพุทธศาสนาอยู่ 4 นิกาย (sects) คือ Poi Tsaung, Yon, Tole และ Tso Ti สำหรับในพม่า ปัจจุบันแม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่นิกาย Zawti จะเหมือนกับนิกาย Tso Ti ในเต้อหง และยังมีกิจกรรมและการนับถือกันอยู่ในหมู่คนไต (ฉาน) ปัจจุบัน มีศูนย์กลางอยู่ที่ Mohnyin ในรัฐคะฉิ่น (Kachin State) (หน้า 120–122) นิกาย Zawti ถูกรวมเข้ากับศาสนาของรัฐ (State Sangha) ในนิกาย Thudhamma ในปี ค.ศ.1984 การทำให้เป็นพม่าต่อไต (ฉาน) พุทธประสบความสำเร็จโดยการวางแผนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่ายังมีคนไต (ฉาน) ที่นับถือศาสนาพุทธแบบดั้งเดิมของไต (ฉาน) หลงเหลืออยู่ในรัฐฉาน รัฐคะฉิ่น และในที่อื่น ๆ อีก แม้จะยังไม่มีบันทึกหรือเอกสารที่ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ก็ตาม (หน้า 124)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

แผนที่รัฐฉาน หน้า 127

Text Analyst บุญสม ชีรวณิชย์กุล Date of Report 02 ต.ค. 2567
TAG ไต (ฉาน), การทำให้เป็นพม่า, การไหว้ผี, ศาสนาพุทธ, พม่า, Translator Chalermchai Chaichompoo
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง