|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เมี่ยน,เศรษฐกิจ,สังคม,การเมือง,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้,รัฐวอชิงตัน,สหรัฐอเมริกา |
Author |
ขนิษฐา คันธะวิชัย |
Title |
การปรับตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีผู้อพยพชาวเมี่ยน (เย้า) ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
78 |
Year |
2544 |
Source |
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร |
Abstract |
งานเขียนกล่าวถึงการปรับตัวทางสังคมเศรษฐกิจวัฒนธรรมของผู้หญิงเมี่ยน(เย้า)ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่เดิมเมี่ยนกลุ่มนี้ได้อพยพเนื่องจากปัญหาทางการเมืองช่วงหลังการทำสงครามที่นำโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริการ่วมกับชนกลุ่มน้อย หลายกลุ่ม รวมทั้งเมี่ยนได้ร่วมกันต่อสู้กับกองกำลังคอมมิวนิสต์ในประเทศลาวและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อแลกกับความช่วยเหลือต่างๆ จากสหรัฐอเมริกาภายหลังสงครามยุติ ซึ่งภายหลังที่กองกำลังคอมมิวนิสต์สามารถยึดครองประเทศลาวได้สำเร็จ เมี่ยนหวั่นเกรงอันตรายที่อาจได้รับจากคอมมิวนิสต์จึงอพยพเข้ามาอยู่ในค่ายอพยพในประเทศไทยก่อนที่จะถูกส่งตัวไปประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากการศึกษาพบว่าเมี่ยนที่เกิดในสหรัฐอเมริกาสามารถเข้ากับวัฒนธรรมอเมริกันได้ดีแต่ขาดความรู้และความเข้าใจในวัฒนธรรมและพูดภาษาเมี่ยนแทบไม่ได้ (กรณีศึกษาหญิงเมี่ยนอายุ 20ปี) และกลุ่มที่เกิดและโตในประเทศลาวสามารถปรับตัวได้ในระดับปานกลางระหว่างวัฒนธรรมเมี่ยนปนกับวัฒนธรรมอเมริกัน(หญิงเมี่ยนอายุ 47ปี) ส่วนกลุ่มที่มีอายุมาก (หญิงเมี่ยนอายุ 73 ปี) ปรับตัวไม่ค่อยได้เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งและยังใช้ชีวิตแบบวัฒนธรรมเมี่ยนมาก กว่ากลุ่มหญิงเมี่ยนที่อายุน้อยกว่าหรือเกิดในสหรัฐอเมริกา |
|
Focus |
ศึกษาเพื่อทราบถึงรูปแบบและระดับการปรับตัวทางด้านบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีเมี่ยน ว่ามีกี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบเป็นอย่างไรและเพื่อทราบผล กระทบที่เกิดจากการปรับตัวของสตรี ทางด้านบทบาทที่เปลี่ยนไปว่าเกิดผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสังคมเมี่ยนในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
เมี่ยน(เย้า) ถือกำเนิดในจีน และได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนเป็นจำนวนมากคนไทยเรียก เมี่ยน ว่า เย้า (หน้า1) จีนเรียกเมี่ยน 2 ชื่อคือ หมานหมายถึงคนป่าเถื่อนและหยาว หมายถึง เกณฑ์แรงงาน ส่วยแรงงาน หรือชาวเมืองประเทศราช (จากคำอธิบายของ จิตร ภูมิศักดิ์,หน้า 12) ทุกวันนี้เมี่ยนได้สร้างที่อยู่อาศัยในหลายพื้นที่เช่น จีนตอนใต้ มีประชากรกว่าล้านคน นอกจากนี้ยังอพยพไปอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ลาว ไทย (หน้า 1) และทางตอนเหนือของพม่า เมี่ยนเป็นกลุ่มที่พูดภาษาจีน-ธิเบต แขนงแม้ว-เย้า เย้าแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่มตามลักษณะอาชีพ เครื่องแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ตลอดจนความเชื่อ อาทิเช่น แพนเย้า คือกลุ่มที่ทำอาชีพสลักไม้ ฮุงเย้าคือกลุ่มที่พันหัวด้วยผ้าสีแดง นานติงเย้า คือ กลุ่มที่แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงิน สำหรับเมี่ยน(เย้า) ที่อยู่ในไทยกับลาวเป็นกลุ่ม ฮุงเย้า (ฮุงเมี่ยน-lu Mien)ซึ่งเป็นกลุ่มที่พันหัวด้วยผ้าสีแดง (หน้า 10) เมี่ยนในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยกลุ่มหลักๆ คือ 1 ) กลุ่มเมี่ยนเหนือ คือกลุ่มเมี่ยนที่เคยอยู่ลาวตอนเหนือ การแต่งกายจะสวมกางเกงสีเขียวหรือสีน้ำเงิน พันหัวแบบไขว้ (ก้อง เป้ว ผาน-ดูรายละเอียดหน้า 14) โดยมากจะมาอยู่ที่ศูนย์อพยพในพื้นที่จังหวัดเชียงราย (หน้า 36) 2 ) กลุ่มเมี่ยนใต้ คือ กลุ่มที่อพยพมาจากภาตใต้ของลาว การแต่งตัวชอบสวมกางเกงลายสีแดง พันหัวแบบไม่ไขว้(ก้อง เป้ว พิง-ดูข้อมูลหน้า 14) ส่วนมากจะมาอยู่ที่ศูนย์อพยพในจังหวัดน่าน 3 ) เมี่ยนที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ (หน้า 36) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
เมี่ยน(เย้า) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พูดภาษาจีน-ธิเบต แขนงแม้ว -เย้า เมี่ยนถ้าอยู่ประเทศใดก็ใช้ตัวอักษรของประเทศนั้นเขียนหนังสือ เช่นตัวหนังสือจีน ตัวอักษรโรมันที่มิชชันนารีประดิษฐ์ กลุ่มเมี่ยน ที่อยู่ในไทยและลาว นั้นได้รับอิทธิพลทางภาษาตระกูลไท-กะได (หน้า 10) การตั้งชื่อ เมี่ยนจะมีวิธีการตั้งชื่อให้ลูกเพื่อให้รู้ว่าเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ดังนี้ อันดับ ลูกชาย ลูกผู้หญิง ลูกคนที่ 1 เก้า เหมย,หมวง ลูกคนที่ 2 โหล,ไหน ไหน ลูกคนที 3 ซาน ฟาม ลูกคนที่ 4 สู เฝย ลูกคนที่ 5 อู มัน ลูกคนที่ 6 หลู่ ลาย ลูกคนที่ 7 หฉี่ เซี่ยด ลูกคนที่ 8 ป่า เป๊ด ลูกคนที่ 9 เจี้ยว จั๊ว ลูกคนที่ 10 เจียม เจียบ (ดูตัวอย่างได้ที่หน้า 23) สำหรับการตั้งชื่อยังมีความหมายอื่นๆ อีกได้แก่ ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนสุดท้ายก็จะตั้งชื่อลูกว่า หลิว (หน้า 23) เจี้ยว คือลูกที่ตอนอยู่ในท้องแม่ได้ประกอบพิธีข้ามสะพานหนีสิ่งอัปมงคล ตอนและกอย ตั้งเพื่อแก้เคล็ดให้ลูกคนต่อไปเกิดมาเป็นเพศตรงข้ามกับลูกคนสุดท้อง โหล่ คือลูกที่เกิดขณะเดินทางไปบ้านเจ้าบ่าว แถ่น คือลูกที่พ่อแม่รักดังแก้วตาดวงใจ (ลูกที่รักมากๆ ,หน้า 23) สำหรับชื่อผู้หญิงจะต่อด้วยชื่อพ่อ ตัวอย่างลูกผู้หญิงคนที่ 6ชื่อ ลาย พ่อชื่อ จ้อยฟุ ลูกก็จะชื่อว่า ลายฟุ หมายถึงลูกสาวคนที่ 6 ของนายจ้อยฟุ กรณีแม่มีลูกตอนที่ไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามี ให้ลูกใช้ชื่อแม่ ตัวอย่างตาชื่อ จ้อยฟุ ลูกคนโต(ไม่มีพ่อ) จะให้ลูกชื่อ เหมยลาย ไม่ให้ใช้ชื่อเหมยฟุเพราะเป็นชื่อป้า (หน้า 23) นอกจากนี้ชื่อยังบอกความเป็นญาติ หากลูกสาวแต่งงานก็ถือว่าเป็นญาติกับฝ่ายสามี ตัวอย่างกอยแต่งงานกับซานหวั่ง พ่อ แม่และญาติของกอยจะเรียกซานหวั่งว่ากอยอวย หมายถึง สามีของกอย (หน้า 23) ฝ่าย พ่อ แม่ น้องอาของซานหวั่งจะเรียกกอยว่าซานอยาม หมายถึง ภรรยาของซาน (หน้า 24) ทั้งนี้ผู้หญิงเมี่ยนจะมีชื่อเดียวแต่ผู้ชายเมี่ยนจะมีสามชื่อ ได้แก่ 1) ชื่อที่บอกสถานภาพเมื่อเกิด ตัวอย่างเช่น อูโจว หมายถึงลูกคนที่ห้าของโจว 2) หากผู้ชายแต่งงานหรือโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะมี ชื่อผู้ใหญ่ โดยพยางค์หน้าทั้งรุ่นจะเหมือนกันตัวอย่างเช่น อูโจว มีชื่อหน้าว่า เวิ่น สำหรับชื่อพยางค์หลังพ่อจะตั้งให้แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เช่น อูโจวอาจได้ชื่อผู้ใหญ่ว่า เวิ่นฝูหากเวิ่นฝูได้ลูกชาย ลูกชายจะมีชื่อว่า เก้าฝู หากมีลูกสาวก็จะมีชื่อว่า เหมยฝู ฯลฯ 3) ชื่อผีจะใช้เมื่อมีการทำพิธีกรรมเมื่อหมอผีจะเรียกชื่อก็จะเรียกชื่อผีแทนชื่อจริง (ดูที่หน้า 24) เมี่ยนในสหรัฐอเมริกา เมี่ยนที่เกิดหรือเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกา พูดภาษาเมี่ยนไม่ค่อยเก่ง เพราะว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยได้พูดภาษาเมี่ยนกับลูก นอกจากนี้เด็กยังมีความใกล้ชิดกับภาษาอังกฤษนับตั้งแต่ต้องพูดภาษาอังกฤษที่โรงเรียน อ่านหนังสือดูโทรทัศน์เป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นเด็กเมี่ยนจึงมีความรู้ความเข้าใจในภาษาเมี่ยนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น (หน้า 35)สำหรับการเรียนการสอนภาษาเมี่ยนนั้น เมี่ยนในสหรัฐได้นำตัวหนังสือภาษาโรมันมาใช้เขียนภาษาเมี่ยนแทนตัวอักษรจีนที่เคยใช้ สำหรับการใช้ตัวหนังสือโรมันเขียนภาษาเมี่ยนนั้น ในรัฐวอชิงตันส่วนใหญ่จะใช้ในโบถส์คริสต์ โดยเมี่ยนจะเขียนเนื้อเพลงลงแผ่นใสแล้วฉายบนกระดานเมื่อจะร้องเพลง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดภาษาเมี่ยนเพื่ออ่านเขียนผ่านเวปไซต์ในอินเตอร์เน็ทด้วย ฯลฯ (หน้า 36) |
|
Study Period (Data Collection) |
เมษายน 2544 -มีนาคม 2545 (หน้า 8) |
|
History of the Group and Community |
สาเหตุการอพยพไปสหรัฐอเมริกาของเมี่ยน สาเหตุที่เมี่ยนต้องไปอยู่สหรัฐอเมริกานั้นมาจากปัญหาทางการเมือง ซึ่งช่วงก่อน พ.ศ.2518 นั้น รัฐบาลสหรัฐได้นำชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ต่อสู้กับกองกำลังคอมมิวนิสต์(หน้า 31) ซึ่งเวลานั้นสหรัฐได้ให้สัญญาว่า จะให้ความช่วยเหลือหลังสงครามยุติ ต่อมาเมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์แห่งประเทศลาวได้ยึดครองประเทศ จึงดำเนินการปราบปรามชนกลุ่มน้อยที่เคยต่อต้านฝ่ายตน ดังนั้นชนกลุ่มน้อยที่เคยร่วมมือกับกองกำลังสหรัฐอเมริกาจึงหลบหนีมาอยู่ในศูนย์อพยพในประเทศไทย เช่นศูนย์อพยพในจังหวัดน่านที่อำเภอปัว แม่จริม และจังหวัดเชียงรายที่อำเภอเชียงของ (หน้า 32) ก่อนที่จะเดินเรื่องผ่านเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เพื่อขออพยพไปตั้งรกรากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา (หน้า 33) |
|
Settlement Pattern |
บ้านแบบดั้งเดิมของเมี่ยน ตัวบ้านสร้างยกพื้นจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร บันใดขึ้นมาบนชานมีจำนวนขั้น3-5 ขั้นหน้าบ้านเป็นชานขนาดเล็ก บ้านมุงด้วยสังกะสีหรือหญ้า กั้นฝาบ้านด้วยไม้จริง (บรรยายจากภาพหน้า 68) |
|
Demography |
เมี่ยนในไทย ในไทยมีเมี่ยน 48,357 คนโดยตั้งรกรากอยู่ในจังหวัดต่างๆ ดังนี้ จังหวัดกำแพงเพชร 4,059 คน จังหวัดเชียงราย 16,027 คน จังหวัดเชียงใหม่ 1,688 คน จังหวัดตาก 401 คน จังหวัดน่าน 12,304 คน เพชรบูรณ์ 83 คน ลำปาง 5,159 คน พะเยา 7,851 คน และจังหวัดสุโขทัย 785 คน (ข้อมูลปี 2540,หน้า 11) เมี่ยนในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนทั้งหมด 32,000 คน ส่วนใหญ่ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว สำหรับเมี่ยน ที่อยู่ในรัฐวอชิงตันมีประมาณ 2,000 คน ส่วนมากอยู่ที่เมืองซีแอตเทิลซึ่งคาดว่าน่าจะมีเมี่ยนไม่น้อยกว่า 1,500 คน (ข้อมูล ค.ศ.1997หน้า 35) |
|
Economy |
เศรษฐกิจของเมี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก พืชที่ปลูกได้แก่ ข้าว ฝิ่น ผักผลไม้เช่น ผักขม ผักกาด เป็นต้น (หน้า 28) และเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาไว้กินในครัวเรือนและเอาไว้ประกอบพิธีกรรม นอกจากนี้ยังหารายได้จากการทำเครื่องเงิน ในการทำงาน ผู้หญิงจะทำงานหลายอย่างเช่นฟันไร่ ขุดดิน ถางหญ้า ดูแลพืชที่ปลูกเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่วนผู้ชายจะมีหน้าที่ในการควบคุมการผลิต ตัดสินใจในการทำงาน นำผลผลิตไปขาย(หน้า 29) และเก็บเงินที่ได้จากการขายพืชผลต่างๆ (หน้า30) เศรษฐกิจเมี่ยนในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อเมี่ยนต้องย้ายที่อยู่มาใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา เมี่ยนต้องปรับเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ งานที่ผู้หญิงเมี่ยนทำส่วนใหญ่จะเป็นงานโรงงาน งานทำความสะอาด รับจ้าง และอื่นๆ สำหรับในกลุ่มวัยรุ่นจะทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน (หน้า 53) ผู้หญิงกับผู้ชาย มีความเท่าเทียมกันในการไปทำงานนอกบ้านและทำงานบ้านอื่นๆ (หน้า 54) |
|
Social Organization |
เมี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบครัว เป็นแบบครอบครัวขยายในตอนแรก เมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้นก็จะแยกออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยวในภายหลัง สำหรับการมีลูกนั้น เมี่ยนนิยมการมีลูกจำนวนมาก ดังนั้นจะเห็นเมี่ยนรับเด็กของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นหรือจากต่างหมู่บ้านมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมและให้ความรักความเอ็นดูเหมือนลูกในสายเลือดทุกประการ สำหรับผู้หญิงที่ยังโสดแต่มีลูกติด หากแต่งงานเจ้าบ่าวจะให้ค่าสินสอดมากกว่าเดิม เนื่องจากถือว่าเป็นการได้กำไรเพราะถือว่าการมีลูกเยอะๆ จะได้มีคนช่วยทำงานในไร่นามากขึ้นนั่นเอง(หน้า 22) การแต่งงาน ในอดีตหากหนุ่มสาวเมี่ยนอายุ 15-16 ปี ก็สามารถคบกับเพศตรงข้ามได้ตามความสมัครใจ กรณีที่รักกันผู้หญิงอาจจะนัดผู้ชายให้มานอนด้วยที่ห้องนอน โดยผู้ชายจะแอบไปหาผู้หญิงในตอนดึกตามที่ตกลงกันไว้ พอถึงรุ่งเช้าก็จะเดินออกทางประตูบ้านเพื่อให้พ่อแม่ของผู้หญิงได้ทราบเรื่อง แต่ถ้าต่อมาหญิงชายเกิดไม่ชอบนิสัยใจคอกันถ้าเลิกคบกันไปก็ไม่เป็นไรถึงแม้จะมีลูกด้วยกัน เนื่องจากเมี่ยนถือว่าการมีลูกโดยไม่ผ่านการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะถ้าผู้หญิงแต่งงานไปจะได้ค่าสินสอดมากขึ้นกว่าเดิม ตอนยังเป็นโสดผู้หญิงอาจมีแฟนได้หลายคนแต่จะเลือกผู้ชายที่รักมากที่สุดแต่งงาน ในภายหลังเมื่อแต่งงานไปแล้วต้องซื่อสัตย์และอยู่ในการดูแลของผัว (หน้า 20) สำหรับการจัดพิธีแต่งงานญาติทั้งสองฝ่ายจะนำวันเดือนปีเกิดไปดูฤกษ์การแต่งงานถ้าหากดวงชะตามีความเหมาะสมก็สามารถแต่งงานกันได้ แต่ถ้าดวงชะตาไม่เข้ากันก็จะห้ามแต่งงาน เมื่อตกลงจะแต่งงานผู้ชายจะให้ญาติผู้ใหญ่ไปสู่ขอ (หน้า 20) หากฝ่ายหญิงตกลง ทั้งสองฝ่ายก็จะตกลงเรื่องค่าสินสอดซึ่งในช่วงหมั้นหมายกันนี้หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัวไม่เหมาะสม อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ถอนหมั้น ถ้าฝ่ายชายทำตัวไม่ดีฝ่ายหญิงอาจถอนหมั้นและอาจยึดสินสอดทั้งหมด แต่ถ้าหากผู้หญิงทำตัวไม่เหมาะสมหรือถอนหมั้นโดยผู้ชายไม่ได้ทำความผิดใดๆ ฝ่ายหญิงจะต้องคืนสินสอดทั้งหมดและต้องเสียค่าปรับเป็นหนึ่งเท่าของสินสอด (หน้า 21) เมื่อกำหนดวันแต่งงาน ช่วงหนึ่งปีก่อนจะถึงวันแต่งงาน ฝ่ายหญิงจะปักเสื้อเพื่อใส่ในวันแต่งงาน และสำหรับแม่ของเจ้าบ่าว สำหรับพิธีแต่งงานมี 2 แบบคือ (หน้า 21) การแต่งงานแบบเล็ก จะประกอบพิธีที่บ้านเจ้าสาว ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานและเลี้ยงอาหารแขกหนึ่งมื้อ พร้อมกับประกอบพิธี ยกน้ำชา ขั้นตอนก็คือเพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งจะเป็นคนถือชามใส่ถ้วยชา และเพื่อนเจ้าสาวอีกคนจะถือขันใส่เงินที่แขกมาร่วมแสดงความยินดีมอบให้ สำหรับเจ้าสาวก็จะรินชาให้กับผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดี ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะแจกบุหรี่ให้แขกเหรื่อหลังจากที่ดื่มน้ำชาเรียบร้อยแล้ว โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะมีเพื่อนช่วยถือสิ่งของต่างๆ สำหรับการจัดแบบเล็กจะไม่มีการให้คำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว (หน้า 21) การแต่งงานแบบพิธีใหญ่ จะจัดที่บ้านเจ้าบ่าวเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ในวันแต่งเจ้าสาวจะแต่งกายด้วยชุดที่ประดับเครื่องเงินและคาดผ้าขาวที่หน้าอก แล้วแห่ขบวนไปที่บ้านเจ้าบ่าว ส่วนเจ้าบ่าวก็จะแต่งตัวโดยใช้ผ้าขาวคาดหน้าอกและพันหัวด้วยผ้าสีแดง(ปกติผู้ชายเมี่ยนจะไม่พันหัว) เจ้าสาวจะเข้าบ้านเจ้าบ่าวทางประตูหน้าหรือประตูผี ในการทำพิธีประธานพิธีจะถือเหล้า 2 จอก วางตรงหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว แล้วกล่าวอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความสุขในการครองชีวิตคู่ (หน้า 21) ต่อมาก็จะนำเหล้า 2 จอกนั้นผสมกันแล้วส่งให้เพื่อนเจ้าสาวส่งต่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อดื่มขอให้วิญญาณของบรรพบุรุษให้ความปกป้องดูแลคู่บ่าวสาวให้มีชีวิตเจริญก้าวหน้าต่อไป (หน้า 22) อย่างไรก็ดี ในสังคมของเมี่ยนไม่ค่อยมีการหย่าร้าง เพราะถือว่าการมีชู้นั้นเป็นเรื่องน่าขายหน้ามาก ถ้าภรรยามีชู้ หากถูกจับได้คนที่เป็นชู้จะถูกปรับเงินและผู้หญิงจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และไม่ได้ทรัพย์สินใดๆ (หน้า 22) เมี่ยนในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ครอบครัว ครอบครัวเมี่ยนในสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงกับผู้ชายต้องช่วยกันทำงานนอกบ้านเพราะหากไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่มีเงินเพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว สภาพความเป็นอยู่ได้เปลี่ยนไปหลายอย่างเพราะอยู่ที่นี่ไม่ต้องไปทำงานในไร่นาเหมือนเมื่ออยู่ในลาวหรือไทยเช่นในอดีต ผู้หญิงมีความสามารถในการปรับตัวได้รวดเร็วกว่าผู้ชาย เช่นมีความสามารถในการปักผ้า ดังนั้นจึงมีผู้หญิงไม่น้อยที่สมัครงานที่โรงงานเย็บผ้า นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่รับจ้างทำงานทำความสะอาดบ้าน (หน้า 37) การที่ผู้หญิงมีรายได้เป็นของตนเองจึงทำให้มีโอกาสควบคุมด้านการใช้จ่ายเงินของครอบครัว ฯลฯ(หน้า 39) การแต่งงาน การทำพิธีแต่งงานของเมี่ยนในรัฐวอชิงตัน ส่วนมากจะจัด 2 วัน ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันหยุด หนึ่งวันจะจัดงานด้วยพิธีเมี่ยนในตอนเช้าและจัดเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานและทำพิธียกน้ำชา โดยแขกที่มาร่วมงานจะอวยพรและมอบเงินให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว (หน้า 46 ,ภาพพิธียกน้ำชา หน้า 74) เจ้าสาวก็จะรินน้ำชาให้แขกที่มาร่วมงานส่วนเพื่อนเจ้าสาวก็จะถือกาน้ำพร้อมขันใส่เงิน ฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะแจกบุหรี่และเพื่อนเจ้าบ่าวก็จะเตรียมบุหรี่ไว้ให้เจ้าบ่าว ในวันนี้ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะแต่งชุดเมี่ยน (หน้า 74) อีกหนึ่งวันจะจัดพิธีแบบอเมริกันในงานเลี้ยง เจ้าบ่าวจะสวมสูทสากลส่วนเจ้าสาวจะสวมชุดเจ้าสาวสีขาว สำหรับการจัดงานแต่งงานนั้นมีหนุ่มสาวเมี่ยนหลายคู่ที่จัดงานแต่งเพียงหนึ่งวัน โดยจะทำพิธีแบบเมี่ยนแล้วจัดเลี้ยงในช่วงเย็น พิธีบนเวทีจะเชิญพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวมาอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวให้มีแต่ความสุขความเจริญ ต่อมาก็จะมีการขับเพลงอวยพรโดยผู้หลักผู้ใหญ่เมี่ยน หลังจากจบพิธียกน้ำชา ก็จะมีการเต้นรำ ฯลฯ (หน้า 47 ,ภาพงานแต่งงาน หน้า 74,75) |
|
Political Organization |
การปกครองของเมี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสังคมของเมี่ยนจะมีผู้นำในลักษณะต่างๆ ดังนี้ ระดับหมู่บ้านจะมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้นำซึ่งคนเหล่านี้มักได้รับการเลือกตั้งสืบต่อจากบรรพบุรุษที่เคยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน ผู้นำหมู่บ้านมีหน้าที่ ตัดสินและไกล่เกลี่ยความขัดแย้งหากคนในหมู่บ้านมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน และประสานงานในเรื่องต่างๆ (หน้า26) สำหรับผู้นำทางความเชื่อจะมีหมอผีเป็นผู้นำเพราะเป็นผู้มีความรู้ด้านเวทมนต์คาถาและพิธีกรรมและมีผู้อาวุโสเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการเนื่องจากในหมู่บ้านของเมี่ยน คนที่มีอายุน้อยกว่าจะมีความเชื่อถือและรับฟังความคิดเห็นของผู้อาวุโส (หน้า 26)ส่วนในระดับครอบครัวจะมีผู้ชายที่มีความอาวุโสเป็นผู้นำมีหน้าที่ดูแลคนในครอบครัวอบรมลูกหลานให้เป็นคนดี (หน้า 27) |
|
Belief System |
ศาสนาและความเชื่อของเมี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมี่ยนนับถือผีบรรพบุรุษฝ่ายพ่อ (หน้า 18) และนับถือศาสนาพุทธโดยได้นำความเชื่อทางศาสนามาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของตน (หน้า 19) เมี่ยนเชื่อว่าผีจะอยู่ทุกๆ ที่ เรื่องอัปมงคลทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะการกระทำของผี สำหรับการประกอบพิธีจะมีหมอผี (ซิบ เมี้ยน เมี่ยน )ด้านการประกอบพิธีกรรม และมี ก้านเฮย (เหมือนคนทรงของคนพื้นราบ) ทำหน้าที่ติดต่อวิญญาณของคนที่ล่วงลับไปแล้ว และมีหน้าที่ในงานศพ คือ เมื่อเผาศพเรียบร้อยแล้ว ก้านเฮย จะเป็นผู้เลือกทำเลฝังกระดูก เนื่องจากเมี่ยนเชื่อว่าถ้าเลือกทำเลที่เหมาะสมวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตจะสามารถคุ้มครองดูแลลูกหลานที่ยังอยู่ให้มีแต่ความสุขความเจริญ (หน้า 18) ส่วนความเชื่ออื่นๆได้แก่ ความเชื่อเรื่องขวัญ เมี่ยนเชื่อว่า ในร่างกายของคนมีทั้งหมด 11 ขวัญถ้าขวัญหนีออกจากร่างกายก็จะทำให้คนผู้นั้นเป็นไข้ไม่สบายต้องประกอบเรียกขวัญให้กลับมาเข้าร่างกายเหมือนเดิม ส่วนวัฒนธรรมที่ได้รับอทธิพลจากจีนได้แก่ การนับถือพระเจ้าและเทวดาเต๋าซึ่งในการจัดงานพิธีที่มีความสำคัญก็จะแขวนภาพเทพเจ้า (ผีใหญ่) ในการทำพิธี นอกจากนี้คนที่มีความรู้ภาษาจีนก็จะเขียนคำสรรเสริญวิญญาณบรรพบุรุษในพิธีเต๋า รวมทั้งคำอวยพรในกระดาษแดง ที่ใช้ในงานแต่งงาน ฯลฯ (หน้า 19) ศาสนาและความเชื่อของเมี่ยนในสหรัฐอเมริกา พิธีกรรมทางความเชื่อดั้งเดิมของเมี่ยนยังถือปฏิบัติกันอยู่เช่นกรณี คนในบ้านเป็นไข้ไม่สบายหลายครั้งติดต่อกัน เมี่ยนจะเชิญหมอผีมาประกอบพิธีกรรมโดยจะฆ่าหมูที่รับมาจากโรงฆ่าสัตว์มาทำพิธี หลังจากพิธีจบลงก็จะทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาร่วมพิธีฯลฯ (หน้า 40) |
|
Education and Socialization |
ความรู้ภาษาอังกฤษของเมี่ยนอพยพ เมี่ยนที่อพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้สามารถติดต่อกับคนอื่นได้ ซึ่งปัญหาเรื่องภาษานี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีหญิงเมี่ยนสูงวัยหลายคนหางานทำไม่ได้เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ (หน้า 53) |
|
Health and Medicine |
การตั้งครรภ์ขณะเป็นวัยรุ่นของเมี่ยน ผู้หญิงเมี่ยนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา มีบางคนที่มีลูกตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากว่าผู้ปกครองเห็นว่าการที่หญิงสาวมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นเรื่องปกติ เพราะค่านิยมเดิม ของเมี่ยนนั้นเมื่อยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงเมี่ยนถ้าอายุมากกว่า 15 ปี ก็แต่งงานได้ แต่ขณะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกานั้น สาเหตุหนึ่งมาจากเด็กวัยรุ่นมีอิสระที่จะไปทำงานหรือไปค้างที่บ้านเพื่อน ซึ่งผู้ปกครองไม่สามารถลงโทษได้ดังนั้นลูกหลานจึงไม่เกรงใจเท่าที่ควร ประกอบกับกฎหมายในสหรัฐที่คุ้มครองเด็กทำให้พ่อแม่ทำได้เพียงตักเตือนเท่านั้น (หน้า 44) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของเมี่ยน ผู้หญิง สวมเสื้อแขนยาวสีดำบริเวณปลายแขนเสื้อจะกุ๊นริมโดยพันลวดเงิน ตัวเสื้อจะผ่าทางด้านข้างจากเอวลงมาถึงบริเวณเหนือตาตุ่ม บริเวณเอวทั้งสองข้างจะประดับด้วยพู่สีแดง ส่วนที่คอเสื้อจะประดับด้วยไหมพรมสีแดง สวมกางเกงขายาวสีดำบริเวณหน้าขากางเกงจะประดับด้วยลายปักผ้า โพกหัวด้วยผ้าสีดำ สำหรับการพันผ้ามีดังนี้ ก่องเป่วพิง คือ พันแบบธรรมดา การพันผ้าลักษณนี้ะจะเป็นกลุ่มเมี่ยนที่มาจากทางภาคใต้ของลาว ส่วนใหญ่จะเป็นเมี่ยนที่อยู่ในจังหวัดน่าน (หน้า 14) ก่องเป่วผาน คือพันแบบไขว้เมี่ยนบอกว่าสวยและพันยากกว่าแบบธรรมดา เมื่อพันแล้วก็จะประดับด้วยเครื่องเงิน กลุ่มที่พันผ้าแบบไขว้นั้นเป็นกลุ่มที่มาจากภาคเหนือของลาว การพันผ้าแบบไขว้นั้นนิยมในกลุ่มเมี่ยนจังหวัดเชียงราย (หน้า 14) กรณีหญิงเมี่ยนพันหัวแบบ ก่องเป่วพิง หากแต่งงานกับหนุ่มที่มีแม่พันหัวแบบก่องเป่วผาน ผู้หญิงก็ต้องเปลี่ยนมาพันผ้าแบบ ก่องเป่วผาน เหมือนกับแม่สามี (หน้า 15) สำหรับเครื่องประดับหญิงเมี่ยนจะสวมเครื่องประดับที่ทำด้วยเงินเช่น ต่างหู กำไล สร้อย สร้อยเงินพันผ้าโพกหัว ห่วงคอและแหวน (หน้า 16) ผู้ชาย สวมเสื้อแขนยาวสีดำ ประดับด้วยลายปักแต่จะไม่ประดับด้วยพวงไหมพรม คอเสื้อจะป้ายไปทางซ้ายมือ สวมกางเกงสีดำล้วนเหมือนกางเกงเล พันผ้าที่เอว สำหรับการพันผ้าที่หัวผู้ชายจะพันเฉพาะในพิธีแต่งงานกับงานบวช (หน้า 15) |
|
Folklore |
นิทานการเกิดเมี่ยน (เย้า) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งชื่อ ผั่นหู (Pan Hu) ที่มีรูปร่างพิเศษคือมีขนสีเหลืองมีรูปร่างแบบครึ่งสุนัข ครึ่งมังกร ผั่นหูสามารถกำจัดศัตรูของจักรพรรดิจีนได้สำเร็จ (หน้า 11) แล้วตัดหัวศัตรูมาถวายกับจักรพรรดิ ดังนั้นจักรพรรดิจีนจึงปูนบำเหน็จความดีความชอบโดยยกสาวชาววังที่หน้าตาสะสวยให้เป็นภรรยาผั่นหู หลังจากแต่งงานไปแล้วภรรยาของผั่นหูได้ให้กำเนิดลูกชายหญิง 12 คน เป็นผู้ชาย 6 คนและลูกสาวอีก 6 คน ซึ่งลูกทั้ง 12 คนนี้ คือ บรรพบุรุษของเมี่ยนทั้ง 12 ตระกูล (หน้า 12) นิทานที่มาของเมี่ยน 12 ตระกูล นานมาแล้ว เวลานั้นมีเทวดาชื่อ เปี้ยนโกฮูง ได้สร้างโลกให้มีลักษณะแบบรูปร่างสี่เหลี่ยม ส่วนสวรรค์มีรูปร่าง 8 เหลี่ยมมี 33 ชั้น บนโลกที่มีจำนวน 48 ชั้นเทวดาได้สร้างแม่น้ำและไร่นาไว้เป็นจำนวนมาก สำหรับคนที่สร้างไว้บนโลก ผู้หญิงไว้ผมยาวแล้วเกล้ามวยผมเอาไว้ผมทาขี้ผึ้งแล้วพันหัวด้วยผ้าสีแดง ฝ่ายผู้ชายให้สวมหมวกและให้ทั้งชายหญิงแต่งงานมีครอบครัว สำหรับการสร้างโลกได้มีเทวดาองค์อื่นๆ มาสร้างสิ่งที่เป็นองค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้โลกสมบูรณ์ยิ่งขึ้นคือ เทวดาตั๊วฮูงได้สร้างไฟ เทวดาโต้ฮูงได้สร้างเงิน ส่วนเทวดาองค์อื่นได้สร้างช่างเพื่อสร้างบ้านที่พักอาศัย ในภายหลังได้มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเลี้ยวฟามเป็นผู้แต่งบทเพลงอันแสนไพเราะ นอกจากนี้ยังมีขงจื้อที่ได้ก่อตั้งโรงเรียนเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการเมืองการปกครองต่างๆ (หน้า 12) ภายหลังได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก คนได้ล้มตายจนหมดเหลือเพียงพี่น้องหญิงชายคู่หนึ่ง ที่รอดชีวิตมาได้เนื่องจากหลบเข้าไปอยู่ในลูกน้ำเต้าขนาดใหญ่แล้วล่องลอยไปอยู่บนสวรรค์ พอน้ำลดจึงกลับมาที่โลก เมื่อกลับมาก็ไม่เห็นใครเลยสักคน กระทั่งมาเจอเต่าตัวหนึ่ง เมื่อคุยด้วยเต่าก็บอกว่าคนบนโลกตายหมดแล้ว แต่พี่น้องทั้งสองไม่เชื่อจึงมีปากเสียงจนเกิดเรื่องทะเลาะกัน คนที่เป็นพี่ชายจึงใช้ไม้ตีเต่า จนกระดองเต่าแตกออกเป็น 12 ชิ้น แล้วจึงเดินไปหาคนอีกครั้งแต่ไม่เจอใครอีกเช่นเดิม ดังนั้นจึงเดินกลับมาที่เดิมบริเวณที่รังแกเต่าเคราะห์ร้ายตัวนั้น ระหว่างนั้นได้มีเทวดาแปลงกายเป็นชายชราเดินสวนทางมาพอดี แล้วแนะนำให้สองพี่น้องนั้นแต่งงานกันเพื่อจะได้มีลูกหลานสืบเชื้อสายเป็นประชากรอยู่บนโลกต่อไป เมื่อได้ฟังทั้งสองยังทำใจไม่ได้เพราะถือว่าเป็นสายเลือดเดียวกันไม่ควรแต่งงานกัน ภายหลังได้เกิดเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆ ตามมา อาทิเช่น เมื่อทั้งสองปลูกต้นไผ่คนละต้น ต้นไผ่ยังเอนลู่มาเกี่ยวกัน พอก่อไฟเพื่อหุงข้าวทำอาหารควันก็ล่องลอยไปรวมกันบนฟากฟ้า เมื่อเกิดเรื่องแปลกๆ บ่อยครั้งเข้า ทั้งสองคนจึงยินยอมแต่งงานกันใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยา (หน้า 13) จากนั้นอีกไม่นานคนที่เป็นภรรยาก็ท้องแล้วคลอดลูกเป็นลูกฟัก เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจึงมีเทพธิดาหนึ่งองค์ปรากฏให้เห็นแล้วผ่าลูกฟักแล้วแนะนำให้คนที่เป็นสามี โปรยเมล็ดฟักลงพื้นราบ แล้วโปรยเนื้อลูกฟักขึ้นบนดอย ในระหว่างโปรยนั้นทุกอย่างก็สลับสับเปลี่ยนกันปรากฏว่าเนื้อลูกฟักตกลงพื้นราบส่วนลูกฟักไปตกบนยอดดอย ไม่นานหลังจากนั้นเนื้อฟักที่โปรยไปตกพื้นราบได้กลายเป็นคนพื้นเมือง ส่วนเมล็ดที่ปลิวไปตกยอดดอยได้กลายเป็นคนดอยบรรพบุรุษของชาวเขา (หน้า 13) เมี่ยนได้ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ทำงานบนดอย เมื่อเพาะปลูกพืชไม่ได้ผลเพราะความแห้งแล้งก็จะเปลี่ยนไปอยู่ดอยใหม่ ทำอย่างนี้ไปเป็นประจำจนได้สร้างเมืองของตนขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่า นามกิง ซึ่งอยู่ติดทะเล ภายหลังได้เกิดความแห้งแล้งขนาดหนักทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมากดังนั้น เมี่ยน 12 ตระกูลจึงตัดสินใจขึ้นเรือเพื่อไปหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ ขณะเดินทางอยู่ในทะเลเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นจุดหมายปลายทาง และระหว่างนั้นมีเรือลำหนึ่งที่คนในเรือไม่ได้เคารพเชื่อถือผีสามดาวเรือจึงถูกคลื่นซัดหายไป ดังนั้นเรือลำอื่นจึงเกิดความเกรงกลัวจึงได้ขอให้ผีสามดาวให้ความคุ้มครองให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและถึงผืนแผ่นดินในเร็ววันหากไปถึงเมื่อไหร่ก็จะแก้บนด้วยหมู และแล้วเรือเหล่านั้นก็มาถึงฝั่งแผ่นดินที่มณฑลกวางตุ้งอย่างปลอดภัย เมี่ยนจึงทำพิธีแก้บนผีสามดาวตามที่เคยบนเอาไว้ เมื่อจบพิธีจึงกระจายกันไปอยู่บนดอยหลายแห่งซึ่งเชื่อกันว่าเมี่ยนทั้ง 12 ตระกูลคือบรรพบุรุษของเมี่ยนที่มีลูกหลานสืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ (หน้า 13) นิทานที่มาที่ผู้หญิงเมี่ยนพันผ้าที่หัว สาเหตุที่ผู้หญิงพันผ้านั้นเพราะว่าผู้หญิงมีความเฉลียวฉลาดกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้ชายจึงให้ผู้หญิงพันผ้าที่หัวเพื่อป้องกันไม่ให้สมองใหญ่มากกว่าเดิมจะได้ไม่ฉลาดมีความรู้ความสามารถมากกว่าตน (หน้า 15) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ปัญหาที่พบหลังอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกา ปัญหาหนึ่งที่พบคือการเลือกคู่ครอง เมี่ยนที่เป็นพ่อแม่ไม่ค่อยอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนเชื้อชาติอื่น หรือคนผิวขาว เพราะเกรงว่าถ้าแต่งงานแล้วลูกเขยจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมประเพณีของเมี่ยน หรือเหยียดหยามลูกสาวของตน ส่วนปัญหาอื่นก็คือเรื่องภาษาอังกฤษเพราะเมี่ยนที่เป็นพ่อแม่นั้น พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง (หน้า 43) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงสังคมวัฒนธรรมหลังอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกา ประเพณีที่เปลี่ยนแปลงคือประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก เพราะเมื่ออพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกานั้น เมี่ยนไม่ได้ทำอาชีพเกษตรกรรมเช่นเดิม และคนรุ่นลูกหลานก็ไม่ทราบขั้นตอนการประกอบพิธี นอกจากนี้ยังมีเมี่ยนส่วนหนึ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์จึงทำให้ไม่มีการปฏิบัติตามประเพณีเดิมที่บรรพบุรุษเคยปฏบิติต่อๆ กันมา ส่วนธรรมเนียมอื่นๆ ที่ยกเลิกไปคือการเข้าบ้านของผู้ชายกับผู้หญิง ซึ่งแต่ผู้ชายกับผู้หญิงจะเข้าบ้านคนละทางกัน พอย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา วัฒนธรรมนี้ก็ต้องเลิกทำเพราะบ้านหรืออพาทเมนท์มีประตูหนึ่งบาน ส่วนการแยกโต๊ะกินข้าวระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงนั้นหากอยู่ที่บ้านหญิงชายเมี่ยนมักจะนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่การแยกโต๊ะกินข้าวยังมีให้เห็นเมื่อมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์ (หน้า 35) |
|
Map/Illustration |
ตาราง ประชากรเมี่ยนในประเทศไทย (หน้า 11) แสดงชื่อลายปักเสื้อผ้าของเมี่ยน (หน้า 17) การตั้งชื่อของเมี่ยนตามลำดับการเกิด (หน้า 23) อายุของเด็กชายและเด็กหญิงเมี่ยนกับงานที่ได้รับมอบหมาย (หน้า 25) กิจกรรมทางเศรษฐกิจในรอบ 1 ปีของเมี่ยน (หน้า 28) อัตราการตั้งครรภ์ขณะเป็นวัยรุ่นของวัยรุ่นเชื้อชาติต่างๆ ในแคลิฟอร์เนียปี 1989-1998 (หน้า 45) เปรียบเทียบความคาดหวังทางสังคมระหว่างเด็กหญิงเมี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา (หน้า 50) แผนผัง สมาชิกในบ้านของสตรีอายุ 39 ปี (หน้า 41) ภาพ บ้านแบบดั้งเดิมของเมี่ยน ,สตรีเมี่ยนเป็นผู้เตรียมอาหาร (หน้า 68) เครือญาติสตรีเมี่ยนร่วมกันทำอาหารหลังประกอบพิธีกรรม,อาหารบางอย่างที่สตรีทำไม่เป็น ผู้ชายจะมาช่วยทำ (หน้า 69) ผู้หญิงจะต้องแยกโต๊ะมานั่งรับประทานอาหารต่างหาก (หน้า 70) ในประเทศอเมริกา เมี่ยนยังคงทำพิธีกรรมแบบเดิมอยู่,พิธีสู่ขวัญ (หน้า 71) ในประเทศสหรัฐอเมริกาสตรียังต้องทำอาหารสำหรับงานเลี้ยง , ในงานเลี้ยงที่จัดในบ้านผู้ชายนิยมนั่งร่วมกัน (หน้า 72) ผู้หญิงก็เช่นเดียวกับผู้ชายคือนิยมนั่งรวมกลุ่ม , งานฉลองคริสต์มาสของเมี่ยน (หน้า 73) พิธียกน้ำชาในงานแต่งงานของเมี่ยนที่อยู่ในรัฐวอชิงตัน (หน้า 74) การแต่งงานแบบอเมริกัน ,งานเลี้ยงของเมี่ยนในโอกาสครบรอบ 27 ปี ของการมาตั้งถิ่นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกา (หน้า 75) การแสดงบนเวทีของสตรีเมี่ยน,การแสดงแฟนซีในงานเลี้ยงของผู้หญิง (หน้า 76) ในงานเลี้ยงสตรีผู้แสดงเป็นหญิงล้วน ,การจับคู่เต้นรำ (หน้า 77) ลายผ้าจากกางเกงสตรีเมี่ยน (หน้า 78) |
|
|