|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลเวือะ,ลัวะ,เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่,ความสัมพันธ์,สังคม,การเมือง,เศรษฐกิจ ล้านนา/ เชียงใหม่,แม่ฮ่องสอน |
Author |
กฤษณา เจริญวงศ์ |
Title |
ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชนลัวะกับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
47 |
Year |
2542 |
Source |
ศูนย์วิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพายัพ |
Abstract |
รายงานการวิจัยชิ้นนี้ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชนลัวะกับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มชนต่างๆ ในดินแดนล้านนา เพื่อเข้าใจบทบาทและความสำคัญของลัวะในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อดินแดนล้านนาจากหลักฐานเอกสารตำนานและคำบอกเล่าของกลุ่มชนลัวะที่สืบเชื้อสายในหมู่บ้านเขต อ.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ และอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน งานศึกษาทำให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างลัวะกับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ บทบาทของลัวะที่มีต่อสังคมล้านนาในอดีตทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยลัวะในฐานะไพร่เมืองต้องปฏิบัติต่อชนชั้นปกครองในการยอมรับอำนาจของบ้านเมืองเช่นเดียวกับไพร่ทั่วๆ ไป เช่น การส่งส่วยมายังส่วนกลาง ความสัมพันธ์ ระหว่างลัวะกับผู้ปกครองมีลักษณะการประนีประนอมกันมากกว่าที่จะใช้อำนาจของผู้ปกครองต่อผู้ใต้ปกครอง แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองยอมรับความสำคัญของชุมชนเดิมที่เคยอยู่อาศัยมาก่อนเช่นลัวะ ลัวะได้รับอำนาจปกครองตัวเองในชุมชนในรูปแบบสิทธิบัตรหรือที่ลัวะเรียกว่า หลาบเงิน ที่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่มอบให้โดยให้สิทธิในการปกครองตนเองและได้รับข้อยกเว้นไม่ต้องเกณฑ์แรงงาน ลัวะมีบทบาทด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ผลิตสินค้าทางการเกษตร ลัวะเป็นผู้นำสินค้าจากป่าเข้ามาขายในตัวเมือง เป็นตัวจักรเพิ่มพูนรายได้ให้อาณาจักรล้านนา |
|
Focus |
เพื่อทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชนลัวะกับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มชนต่างๆ ในดินแดนล้านนา เพื่อเข้าใจบทบาทและความสำคัญของลัวะในด้านการเมืองเศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อดินแดนล้านนา จากหลักฐานเอกสารตำนานและคำบอกเล่าของกลุ่มชนลัวะที่สืบเชื้อสายในหมู่บ้านเขตอ.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ และอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน (หน้าบทคัดย่อ , ฌ) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ศึกษากลุ่มชนลัวะทั้งจากเอกสารตำนานและคำบอกเล่าของกลุ่มชนลัวะที่สืบเชื้อสายในหมู่บ้านเขต อ.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ และอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน (หน้าบทคัดย่อ , ฌ) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ลัวะมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในตอนกลางของแหลมอินโดจีนเช่นเดียวกับมอญและเขมร โดยเฉพาะที่เมืองละว้าปุระ (เมืองลพบุรีในปัจจุบัน) ต่อมาอพยพไปทางเหนือจนตั้งถิ่นฐานตามริมฝั่งแม่น้ำคงรัฐไทยใหญ่ของพม่า ส่วนพวกที่อพยพมาทีหลังตั้งถิ่นฐานกระจายตามลุ่มน้ำปิงในประเทศไทย เรียกว่า ว้าเขิด (หมายถึงพวกที่ตกค้างอยู่เบื้องหลัง) ส่วนคนไทยเรียกว่า ลัวะ (หน้า 1) |
|
Economy |
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างลัวะและคนพื้นเมืองมีมานานแล้ว โดยลัวะทำไร่ทำนาอยู่บนเทือกเขาและค้าขายกับชาวไตพื้นราบ บทบาทของลัวะถือเป็นผู้ผลิตของผลผลิตจากไร่นอกเหนือจากคนเมือง พืชที่ปลูกมักเป็นพืชที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ฝ้าย พริก เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ถือเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมือง มีอำนาจในการเกณฑ์แรงงานเพื่อใช้ในยามสงครามและในยามสงบ ส่วนชาวลัวะนั้นมีหลักฐานจารึกในหลาบเงินว่าได้รับสิทธิข้อยกเว้นในทุกแห่งที่มีกลุ่มชนชาวลัวะอยู่ แต่ต้องส่งส่วยให้กับเจ้าเมืองซึ่งเป็นผลผลิตจากไร่นาแทน บทบาทของลัวะในระบบเศรษฐกิจล้านนาจึงเป็นฐานะของผู้ผลิตและผู้ทำหน้าที่ส่งส่วยให้แก่รัฐ ซึ่งทำให้ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานเหมือนไพร่เมืองทั่วๆ ไป (หน้า 27 40) |
|
Social Organization |
การจัดแบ่งหน้าที่ทางสังคมของลัวะมีกลุ่มผู้ปกครองเรียกว่า สะมาง กลุ่มประกอบพิธีกรรมเรียกว่า ล่าม และกลุ่มสามัญชน ปัจจุบันบทบาทของ สะมาง เป็นทั้งผู้ปกครองชุมชนและมีบทบาทด้านพิธีกรรมด้วย ลัวะเกือบทุกหมู่บ้านมักแบ่งคนออกเป็นสองพวกคือ ชาวลัวะธรรมดาทั่วๆไป บางครั้งเรียกว่าพวกไพร่น้อย และพวกลัวะเชื้อขุนที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนหลวงวิลังคะ ซึ่งเป็นอดีตชนชั้นปกครองสมัยก่อน ในอดีตคนที่มีเชื้อสายขุนจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำงานแบกหาม แต่ปัจจุบันทุกคนต้องทำเหมือนกันหมด (หน้า 9 13) |
|
Political Organization |
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่กับชุมชนชาวลัวะในด้านการเมืองถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้น ทั้งการที่พระยามังรายพยายามก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ด้วยการให้อ้ายฟ้าซึ่งเป็นคนลัวะเป็นไส้ศึกก่อนโจมตีอาณาจักรหริภุญชัยจนสำเร็จและผนวกรวมอาณาจักรได้ และตอบแทนอ้ายฟ้าให้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัยต่อไป การที่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่เป็นพันธมิตรที่ดีกับลัวะเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจของผู้ครองนครที่มีต่อลัวะ ขณะที่อีกมุมหนึ่งลัวะก็ยอมรับในอำนาจของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน (หน้า 12 17) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ยอมรับการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าชาวลัวะผ่านทางสายโลหิตหรือ สะมาง ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีอำนาจในชุมชนชาวลัวะ ขณะที่ สะมาง ต้องตอบแทนผลประโยชน์ของบ้านเมืองด้วยการส่งส่วยจำพวกทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นไปให้ผู้ปกครอง เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ใช้การออกสิทธิบัตรหรืออาชญาบัตร (หลาบเงิน) ให้ลัวะรับไว้และปฏิบัติตาม อีกนัยหนึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าเมืองอื่นรวมไปถึงขุนนางมาบังคับหรือเกณฑ์ลัวะให้ไปเป็นแรงงานได้ ลัวะถือว่าจารึกหลาบเงินเป็นสิ่งที่ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะเสมือนเป็นความคุ้มครองจากเจ้าผู้ครองนครไม่ให้ลัวะถูกรังแกจากขุนนางข้าราชการ จารึกหลาบเงินจะถูกเก็บไว้มิดชิดโดยใส่หม้อและฝังดินไว้ แม้ในช่วงที่เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ากว่า 200 ปี (พ.ศ.2101 2317) และเป็นการสิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์มังราย หลังจากพระยากาวิละขับไล่พม่าออกไปจากอาณาจักรล้านนาและสถาปนาราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน สมัยนี้เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ยังมอบจารึกหลาบเงินเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชาวลัวะได้รับสิทธิเกี่ยวกับที่ดินทำกิน ยอมรับสิทธิและอำนาจของลัวะเหนือกะเหรี่ยง (หน้า 18 26) |
|
Belief System |
ลัวะมีความเชื่อโดยการนับถือผี เพราะในอดีตบ้านเมืองลัวะถูกข้าศึกรุกรานต้องอพยพหนีภัยสงครามขึ้นไปอยู่บนภูเขา ลัวะเชื่อว่าถ้าไม่มีผีคุ้มครองคงไม่มีกลุ่มชนลัวะจนกระทั่งทุกวันนี้ รวมไปถึงการอ้อนวอนผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพาะปลูกพืชให้ได้ผล (หน้า 10 11) ลัวะยอมรับความเชื่อตามพุทธศาสนาแบบล้านนาผสมรวมกับความเชื่อเรื่องผีแบบดั้งเดิม และเป็นการเสริมอำนาจการปกครองของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ตลอดสมัยราชวงศ์มังราย เช่น ในเวลาที่กษัตริย์มังรายต้องเป็นผู้นำประกอบพิธีกรรมเซ่นสังเวยผีบ้านผีเมืองเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอันตรายกับบ้านเมือง และประเพณีดังกล่าวก็ปฏิบัติสืบทอดจนมาถึงทุกวันนี้ (หน้า 17) ลัวะมีคำกล่าวในหมู่ชาวบ้านว่า พ่อแม่ตาย บ่เสียดายเท่าละฮีต หมายถึงการนับถือผีในหมู่ชาวลัวะที่ยังมีอยู่ทุกวันนี้ การเลี้ยงผีประจำหมู่บ้านถือว่าเป็นงานใหญ่ที่จัดทุกปี เพื่อช่วยอ้อนวอนอย่าให้มีความเจ็บป่วยเกิดขึ้นกับคนในหมู่บ้าน อำนวยความอุดมสมบูรณ์ให้กับผลผลิตในท้องไร่ท้องนา เป็นต้น (หน้า 41 43) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
หากมีการเจ็บป่วยในครอบครัวลัวะ จะมีการถามหมอผีประจำหมู่บ้าน และมีการเลี้ยงผีด้วยไก่หรือหมู หากมีการเจ็บป่วยมากผิดปกติในหมู่บ้านต้องจัดพิธีเลี้ยงผีประจำหมู่บ้าน ในแต่ละปีแต่ละครอบครัวของลัวะต้องเลี้ยงผีเป็นจำนวนถึง 20 30 ครั้งต่อปี เหตุจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว (หน้า 41) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ความสัมพันธ์ระหว่างลัวะกับไต นอกจากการที่ลัวะเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ในอาณาจักรล้านนา ซึ่งสมาชิกของสังคมต้องทำหน้าที่เป็นไพร่เมืองแล้ว ในด้านวัฒนธรรมการผสานความเชื่อระหว่างพุทธศาสนากับความเชื่อเรื่องผีเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลัวะและไตมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เช่น ตำนานที่กล่าวถึงความช่วยเหลือของลัวะที่มีต่อไตซึ่งถูกผีไล่มาจากเมืองเชษฐบุรี หรือการให้ไตตัดผมเหมือนลัวะเพื่อไม่ให้ผีจำไตได้ เป็นต้น ความสำคัญของลัวะทำให้ผู้ปกครองไตต้องยอมรับจารีตวัฒนธรรมของลัวะ รวมไปถึงความเชื่อและการบวงสรวงผีปู่แสะย่าแสะของลัวะที่ไตยอมรับและกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของอาณาจักรล้านนาจนถึงปัจจุบัน แสดงถึงบทบาทความสำคัญของลัวะต่อการตั้งรัฐไต เพราะกษัตริย์จะร่วมมือกับขุนนางและประชาชนทำพิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะในเดือน 9 ของทุกปี นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจูงหมา ซึ่งในอดีตการขึ้นครองอำนาจของกษัตริย์ล้านนาจะมี ลัวะจูงหมาพาแจ้ก นำหน้ากษัตริย์เข้าเมือง กระทั่งปัจจุบันในหมู่บ้านชาวลัวะ หากมีการแต่งงานระหว่างผู้ถือผีเดียวกันต้องแก้เคล็ดด้วยการให้ฝ่ายหญิงจูงหมาดำเดินรอบบ้าน 3 รอบ ฝ่ายชายเดินตาม หลังจากนั้นจะฆ่าหมาแล้วเอาเลือดใส่รางข้าวหมูให้คู่บ่าวสาวส่องดูเงาตัวเอง ประเพณีของลัวะที่ได้รับการยอมรับแสดงถึงความสำคัญของกลุ่มชนลัวะต่อการสร้างอาณาจักรล้านนา เป็นการยอมรับลัวะในฐานะผู้อยู่ในพื้นที่มาก่อน (หน้า 1 9) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
งานวิจัยชิ้นนี้มีภาพประกอบที่ทำให้เข้าใจงานวิจัยได้ดียิ่งขึ้น เช่น ภาพพิธีกรรมเลี้ยงผีประจำหมู่บ้าน (หน้า 9) ภาพ สะมาง หรือผู้ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมและควายที่จะใช้เซ่นสังเวยผีประจำหมู่บ้านลัวะ (หน้า 41) เป็นต้น |
|
|