|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,เสื้อผ้า,เครื่องประดับ,มณฑลกวางสี,จีน,ภาคเหนือของไทย |
Author |
มงคล จันทร์บำรุง |
Title |
เย้าไทย เย้ากวางสี เสื้อผ้าและเครื่องประดับ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
95 |
Year |
2534 |
Source |
หน่วยปฏิบัติการวิจัยทางภาษาศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
เย้าเป็นชนชาติที่มีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของประเทศจีน ต่อมาได้อพยพเข้าสู่มณฑลกวางตุ้ง ฮูหนาน กุ้ยโจว กวางสีและยูนนาน เย้าบางส่วนเริ่มอพยพเข้าสู่ประเทศเวียดนามราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 จากนั้นอพยพเข้าสู่ประเทศลาว พม่าและประเทศไทย การอพยพเข้าสู่ประเทศไทยได้ทยอยเข้ามาเป็นกลุ่ม ทั้งหมด 4 กลุ่มคือ กลุ่มเชียงราย น่าน กลุ่มดอยอ่างข่าง กลุ่มเชียงรายตอนบน และกลุ่มผู้อพยพ เย้าในประเทศไทยมีภาษาพูดแบบเดียวกันแต่มีการแต่งกายที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอยู่ 2 แบบ แบบแรกโพกศีรษะโต นิยมใช้สีแดงปักลายเสื้อผ้ามากกว่าสีอื่น แบบที่สองโพกศีรษะแหลม และนิยมใช้สีเขียวปักลายมากกว่าสีแดง
เครื่องแต่งกายตามประเพณีของเย้าทุกกลุ่มมีรูปแบบและวิธีการตัดเย็บด้วยผ้าสีดำเหมือนกันทุกชิ้น มีแตกต่างกันบ้างก็เพียงส่วนที่นำมาประดับเสื้อสตรี เช่น สีและขนาดไหมพรมติดรอบคอเสื้อ ในชีวิตประจำวัน สตรีเย้ายังคงแต่งกายตามประเพณี คือ มีผ้าโพกศีรษะ เสื้อ กางเกง และผ้าคาดเอว บุรุษแม้วไม่นิยมแต่งกายตามประเพณี แต่จะสวมเสื้อตามประเพณีเฉพาะในเทศกาลและพิธีกรรมของเผ่า มีเพียงส่วนน้อยที่สวมกางเกงตามประเพณี เด็กเย้ามีเพียงหมวกเท่านั้นที่เป็นเครื่องแต่งกายตามประเพณีในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ หมอผีเย้าแต่งกายด้วยชุดหมอผีเหมือนกันทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มเชียงราย น่าน ที่ใช้ผ้าสีแดงเพิ่มขึ้น ในการเลี้ยงผีฟ้า ผีท้องถิ่นและเลี้ยงผีใหญ่ เสื้อผ้าสตรีเย้าทุกชิ้นมีลายปัก การปักของเย้ามี 4 วิธีคือ การปักลายเส้น การปักลายขัด การปักลายสอง และการปักลายไขว้ การปักลายทุกแบบ เย้าจะวางให้ด้านหลังของลายปักอยู่บนมือ แล้วจึงสอดเข้มจากด้านหลังลายปักไปยังข้างหน้า การปักลายขัดและการปักลายสองมีลักษณะเป็นลายเดี่ยวที่มีรูปแบบความสมบูรณ์อยู่ในตัว โดยทั่วไปนิยมใช้เพียงสีเดียวต่อการปักหนึ่งลาย
ส่วนการปักลายไขว้ส่วนมากเป็นลายผสมที่ประกอบด้วยลายเล็กๆ หลายลายและใช้หลายสีรวมกัน เย้านิยมใช้ด้ายจำนวนสิบเส้นถักเข้าด้วยกันเป็นเส้นทึบติดตามแนวชายผ้า ผ้าโพกศีรษะของสตรีเย้าทุกกลุ่มใช้ลายเส้นและลายเดี่ยว ลายที่ใช้ปักส่วนใหญ่เหมือนกันทุกกลุ่ม ผ้าคาดเอวสตรีปักลายคล้ายผ้าโพกศีรษะ แต่ผ้าคาดเอวมีลายปักเพิ่มขึ้น 1 3 แถว ส่วนลายปักที่สาบเสื้อนั้นคล้ายกันทุกกลุ่ม มีเพียงลายปักที่กางเกงสตรีเท่านั้นที่แตกต่างกันมาก สำหรับลายปักเครื่องแต่งกายหมอผีและหมวกเด็กเหมือนกันทุกหมู่บ้าน เสื้อของบุรุษ เดิมไม่นิยมปักลาย ปัจจุบันมีการปักลายตามใจชอบ แต่ไม่มีแบบแผนแน่นอน ในช่วงก่อนสองทศวรรษที่ผ่านมา สีที่เช้านิยมนำมาปักลายส่วนใหญ่ใช้สีแดง เหลือง ขาว น้ำเงิน และใช้สีดำปักเฉพาะช่วงปลายกางเกง นอกจากนี้เย้ายังใช้ผ้าปักลายมาตัดเย็บเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เย้านิยมใช้เครื่องประดับเงิน เย้าอพยพนิยมใช้เหรียญเงินและลูกตุ้มเงินติดเป็นเครื่องประดับบนผ้าคลุมหลัง
ส่วนเย้าในมณฑลกวางสีที่ทำการศึกษามี 4 กลุ่มคือ กลุ่มพ่านเย้า กลุ่มซานสื่อเย้า กลุ่มเอ้าเย้า และกลุ่มหลานเตียน สตรีเย้าส่วนใหญ่แต่งกายตามประเพณี มีเครื่องแต่งกายที่ประกอบด้วยผ้าคลุมศีรษะ เสื้อ ผ้าคาดเอว และกางเกง แต่เรียกชื่อเครื่องแต่งกายแต่ละชิ้นต่างกัน เสื้อผ้าแต่ละชิ้นมีรูปแบบและลักษณะการปักลายที่ต่างกัน กลุ่มพ่านเย้าทุกหมู่บ้านมีชื่อเรียกเครื่องแต่งกายเหมือนกันทุกชิ้น เสื้อผ้าสตรีมีลายปักที่คล้ายกัน นิยมใช้ผ้าคาดเอวจำนวนสามชิ้นเท่ากัน แต่ผ้าโพกศีรษะใช้จำนวนไม่เท่ากัน
เมื่อเปรียบเทียบเย้าไทยกับกลุ่มพ่ายเย้ากวางสี พบว่า การแต่งกายของเย้าไทยมีลักษณะคล้ายกับเย้าหมู่บ้านกานไหวย อำเภอไป่ยเซอมากที่สุด มีการโพกศีรษะคล้ายกัน เสื้อสตรีมีการตัดเย็บและติดไหมพรมแดงเหมือนกัน
จากข้อเปรียบเทียบลักษณะการแต่งกายและการปักลายของเย้าไทยและเย้ากวางสี สรุปได้ว่า เย้าทั้งสองกลุ่มต่างก็เป็นเย้ากลุ่มเดียวกัน เคยอยู่บริเวณเดียวกันมาก่อน การอพยพแต่ละครั้งทำให้ลักษณะของเครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เนื่องจากขาดวัตถุดิบ สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น แต่อย่างไรก็ตามเย้าทุกหมู่บ้านในประเทศไทยและในมณฑลกวางสี ต่างก็ปักลายเส้นสามเส้นเรียงติดกันเช่นกัน นอกจากนี้หมอผีพ่ายเย้าทุกหมู่บ้านยังแต่งกายคล้ายกันอีกด้วย ทั้งนี้เพราะย้ามีความเชื่อในเรื่องบางอย่างเช่นกัน และยังมีความภาคภูมิใจในความเป็นมาของชนชาติเย้าที่ว่า เย้าสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิของจีน และเคยได้รับสิทธิพิเศษจากจักรพรรดิจีน (หน้า 92 - 95) |
|
Focus |
ศึกษาและเปรียบเทียบลักษณะการแต่งกาย ลายปัก และเครื่องประดับของเย้าในประเทศไทยและเย้าในมณฑลกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน |
|
Ethnic Group in the Focus |
เย้า ในมณฑลกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน ในภาษาจีนกลาง เย้าถูกเรียกว่า เหยาจู๋ แต่ในสมัยต่างๆ เย้าถูกเรียกไม่เหมือนกัน เช่น สมัย 2,500 ปีมาแล้ว ถูกเรียกว่า จิงหมาน สมัยราชวงศ์ฉิน ฮั่นมีชื่อเรียกว่า ม่อ หมาน ในราชวงส์เหนือ ใต้มีชื่อเรียกว่า ม่อ เหยา แปลว่า ไม่อยู่ในอำนาจของผู้ใด ส่วนชื่อเรียก เหยา มาใช้กันในราชวงศ์ ซ่ง (หน้า 1) เหยา ชุนอัน แบ่งเย้าเป็น 4 กลุ่ม 1.เปี้ยน 2.ปูนุ 3.ฉาซัน 4.มิงตี
พวกเปี้ยน เรียกตัวเองว่า ฮิวเมี่ยน แปลว่า คน เป็นพวกที่มีประชากรมากที่สุด และอพยพเป็นระยะทางไกล จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (หน้า 1)
ศึกษาเย้าในประเทศไทย กรณีศึกษาบ้านห้วยแม่ซ้าย บ้านห้วยขุนบง จังหวัดเชียงราย บ้านปางค่า จังหวัดพะเยา บ้านกิ่วต่ำ จังหวัดลำปาง บ้านป่ากลาง จังหวัดน่าน
และเย้าในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีศึกษาหมู่บ้านฉินอัน หมู่บ้านหน่าเต๋ย จังหวัดกุ้ยหลิน หมู่บ้านชือปาจยา หมู่บ้านเฟิ่นจ้าน หมู่บ้านกานไหวย จังหวัดลิ่วโจว (หน้า 8- 10) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
เย้าทุกกลุ่มที่กล่าวถึงพูดภาษาสำเนียงเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าไม่มีกลุ่มย่อยทางภาษา (หน้า 7) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
เย้า เป็นชนชาติที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองในประเทศจีน ราวสองพันปีก่อน ต่อมาได้อพยพเข้าสู่มณฑลกวางตุ้ง ฮูหนาน กุ้ยโจว กวางสีและยูนนาน เย้าบางส่วนเริ่มอพยพเข้าสู่ประเทศเวียดนามราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 จากนั้นอพยพเข้าสู่ประเทศลาว พม่าและประเทศไทย สาเหตุที่ทำให้เย้าอพยพมี 3 ประการ คือ 1)เย้าเป็นชนที่ทำไร่เลื่อนลอย จึงต้องอพยพอยู่เสมอ 2)เย้าถูกกดขี่ข่มเหงทางชนชั้นและชนชาติปกครอง 3)เกิดจากภัยธรรมชาติและโรคภัยไข้เจ็บ
การอพยพเข้าสู่ประเทศไทยของเย้าได้ทยอยอพยพเข้ามาเป็นกลุ่ม ทั้งหมด 4 กลุ่มคือ กลุ่มเชียงราย น่าน กลุ่มดอยอ่างขาง กลุ่มเชียงรายตอนบน และกลุ่มผู้อพยพ
กลุ่มเชียงราย น่าน เชื่อว่าเป็นเย้ากลุ่มแรกที่เข้าสู่ประเทศไทยเมื่อราวร้อยกว่าปีที่แล้ว จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส พบว่าเมื่อ15 รุ่นที่ผ่านมาเย้ากลุ่มนี้อยู่ในมณฑลกวางสี ประเทศจีน อพยพเข้าสู่ไทยเมื่อ 4 5รุ่นที่ผ่านมา
กลุ่มดอยอ่างขาง จากคำบอกเล่าของนายจั่นควน แซ่เติ๋น พบว่า นายเย่าเฟย แซ่เติ๋น ได้นำเย้ากลุ่มหนึ่งอพยพเข้าสู่ประเทศไทยทางอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จากนั้นอพยพไปตั้งถิ่นฐานบริเวณดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีพื้นที่ทำกินอุดมสมบูรณ์และต้องการขายฝิ่นให้ชาวอังกฤษในประเทศพม่า
กลุ่มเชียงรายตอนบน อพยพเข้าสู่ประเทศไทยราว 80 ปีที่ผ่านมา โดยนายว่างเซ็ง แซ่จ๋าว ได้นำเย้าประมาณ 60 ครัวเรือน มาตั้งถิ่นฐานบริเวณบ้านน้ำคำและห้วยกว้าง เขตอำเภอเชียงแสน และบริเวณดอยหลวง เขตอำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 นายเล่าหลู่ แซ่พ่าน ได้นำเย้า 160 หลังคาเรือน มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านเล่าสิบ บ้านผาเดื่อ และบ้านเล่าซีก๋วย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เย้ากลุ่มเชียงรายตอนบนส่วนใหญ่เป็นเย้าแซ่ลี แซ่จ๋าว
ส่วนเย้ากลุ่มผู้อพยพ เป็นเย้ากลุ่มสุดท้ายที่หนีภัยสงครามจากเมืองสิงห์ แขวงน้ำทา ประเทศลาว เข้าสู่ประเทศไทยภายหลังสงครามในประเทศเวียดนามและประเทศลาวยุติลง มีประมาณ 80 ครัวเรือน ตั้งถิ่นฐานที่บ้านห้วยขุนบง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เย้ากลุ่มนี้เดิมมีถิ่นฐานในมณฑลกวางตุ้ง จากนั้นย้ายเข้าสู่มณฑลกวางสี มณฑล ยูนนาน และเข้าสู่ประเทศลาวก่อนอพยพเข้าสู่ประเทศไทย (หน้า 1 - 6)
เย้าหมู่บ้านห้วยแม่ซ้าย ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายอพยพมาจากดอยยาวและห้วยชมพู เย้าบ้านห้วยขุนบง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย กลุ่มแรกเป็นเย้ากลุ่มเชียงราย น่าน กลุ่มหลัง หนีภัยสงครามจากประเทศลาวเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อ พ.ศ. 2519 หมู่บ้านปางค่า อำเภอปง จังหวัดพะเยา ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2510 เย้าในหมู่บ้าน อพยพหนีลงมาจากดอยภูลังกาอันเนื่องมาจากการสู้รบและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ หมู่บ้านกิ่วต่ำ อำเภองาว จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2522 โดยเย้ากลุ่มแรกเป็นเย้ากลุ่มเชียงรายตอนบทที่ย้ายลงมาจากบ้านบ่อสี่เหลี่ยม หมู่บ้านป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางราชการได้ย้ายเย้าจากบ้านห้วยสะนาว อำเภอทุ่งช้าง และบ้านขุนน้ำงอบ อำเภอปัว จังหวัดน่านซึ่งเป็นเขตแทรกซึมของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (หน้า 8 -9 ) |
|
Demography |
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยชาวเขาพบว่า มีหมู่บ้านเย้าทั้งหมด 181 หมู่บ้าน 4,823 หลังคาเรือน รวม 35,652 คน (หน้า 7)
เย้าหมู่บ้านห้วยแม่ซ้าย ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายมีจำนวน 57 หลังคาเรือน 67 ครอบครัว รวม 320 คน
เย้าบ้านห้วยขุนบง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย กลุ่มแรกมีจำนวน 110 หลังคาเรือน
กลุ่มหลังมี 80 ครัวเรือน หมู่บ้านปางค่า อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีประชากร 40 หลังคาเรือน รวม 363 คน
หมู่บ้านกิ่วต่ำ อำเภองาว จังหวัดเชียงราย มี 39 หลังคาเรือน 67 ครอบครัว รวม 372 คน
หมู่บ้านป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน มีประชากร 167 หลังคาเรือน รวม 613 คน
ส่วนประชากรของหมู่บ้านเย้ากรณีศึกษาในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน กลุ่มพ่านเย้า หมู่บ้านฉินอัน จังหวัดกุ้ยหลิน มีประชากร 157 ครอบครัว 660 คน
หมู่บ้านหน่าเต๋ย จังหวัดกุ้ยหลิน มีประชากร 70 ครอบครัว 385 คน
หมู่บ้านชือปาจยา จังหวัดลิ่วโจว มีประชากร 42 ครอบครัว 197 คน
หมู่บ้านเฟิ่นจ้าน จังหวัดลิ่วโจว มีประชากร 30 ครอบครัว 150 คน
กลุ่มซานสื่อเย้า หมู่บ้านกู่เจี้ยน จังหวัดลิ่วโจว มีประชากร 30 ครอบครัว 145 คน
กลุ่มหลานเตียนเย้า บ้านหน่าซิ่น อำเภอไป่ยเซอ มีประชากร 40 ครอบครัว 231 คน
กลุ่มเอ้าเย้า หมู่บ้านเหวิ่นเชิน (เหิงชวน) จังหวัดลิ่วโจว มีประชากร 24 ครอบครัว 103 คน (หน้า 8 -9,10 ) |
|
Economy |
เย้าหมู่บ้านห้วยแม่ซ้าย ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง และ หมู่บ้านกิ่วต่ำ อำเภองาว จังหวัดเชียงราย ปลูกข้าวไร่และทำนาดำเพื่อบริโภคเป็นหลัก
โดยมีพืชเศรษฐกิจสำคัญคือ ขิง ข้าวโพด ถั่ว และกาแฟ
เย้าบ้านห้วยขุนบง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีอาชีพหลักปลูกข้าวไร่ และข้าวโพด
หมู่บ้านปางค่า อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีอาชีพปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และฝ้าย
ส่วนหมู่บ้านป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ชาวบ้าน มีอาชีพตีเงินเป็นอาชีพหลัก (หน้า 8 -9 ) |
|
Belief System |
เย้าไทยในหมู่บ้านกรณีศึกษา เกือบทั้งหมดนับถือผี ผีที่เย้านับถือ มี 4 กลุ่มคือ ผีบรรพบุรุษ ผีท้องถิ่น ผีฟ้า และผีใหญ่ มีเย้าจำนวนน้อยที่นับถือคริสต์ศาสนา (หน้า 8 9,21) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
สตรีเย้า ใส่เสื้อสีดำที่มีปุยไหมพรมสีแดงติดที่รอบคอเสื้อลงถึงเอว รวบผมไว้ใต้ผ้าโพกศีรษะสีดำที่มีลายปักพองาม นุ่งกางเกงสีดำที่มีการปักลายอย่างวิจิตร มัดเอวด้วยผ้าคาดเอวปักลาย เสื้อเย้าปักลายและสีสันสวยงาม สะดุดตา เครื่องแต่งกายดังกล่าวของสตรีเย้าทุกหมู่บ้านมีทั้งหมด 5 ชิ้นเท่ากัน ได้แก่
1)ผ้าโพกศีรษะชั้นใน ใช้เพื่อรวบผมให้เป็นระเบียบ โดยมากไม่มีลายปัก
2)ผ้าโพกศีรษะชั้นนอก ทำด้วยผ้าทอมือย้อมสีดำทั้งผืนปักลายที่ปลายทั้งสองด้าน เย้าแต่ละหมู่บ้านจะโพกต่างกันอยู่บ้าง ดังเช่น การโพกศีรษะโดยการพับผ้าด้านกว้างครึ่งผืนจากนั้นพับอีกครึ่งหนึ่ง นำปลายข้างหนึ่งแนบไว้เหนือหูแล้วพันรอบศีรษะ โดยนำส่วนปลายผ้าที่มีลายปักอีกด้านหนึ่งเสียบข้างหูด้านใน การโพกดังกล่าวเรียกว่า ก้อง เป้ว ผาน
3)เสื้อของสตรีเย้า ส่วนที่เป็นตัวเสื้อเป็นผ้าทอมือสีดำ ยาวจากไหล่ถึงข้อเท้า ที่กลางหลังมีรอยต่อของผ้า ส่วนหน้าของเสื้อผ่าอกตลอดแนว คอเสื้อ ใช้ผ้าสี ขาว แดง หรือน้ำเงิน กว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณครึ่งหนึ่งของรอบคอเพื่อป้องกันเหงื่อ สาบเสื้อ ใช้ผ้าสีดำปักลาย มีการใช้เส้นไหมสีแดงเย็บติดกับตัวเสื้อระหว่างตัวเสื้อกับสาบเสื้อ ปลายแขนเสื้อ ติดแถบผ้าชิ้นเล็ก สีขาว แดง น้ำเงินและสีดำสลับกันเป็นชั้นอย่างน้อย 3 ชั้นและสูงสุด 11 ชั้น 4) ผ้าคาดเอว ใช้ผ้าทอมือย้อมสีดำ กว้างยาวเท่าผ้าโพกศีรษะ โดยแต่ละหมู่บ้านจะมีลายปักแตกต่างกันไป
5)กางเกง
การตัดเย็บจะใช้ผ้า 5 ชิ้นประกอบเข้ากัน ได้แก่ ผ้าปักลาย 2 ผืน ผ้าต่อขากางเกง 2 ผืน และผ้าแถบทำเอว เครื่องแต่งกายบุรุษ โดยประเพณี มีเพียง 2 ชิ้น ได้แก่ เสื้อและกางเกง เสื้อบุรุษสีดำปักลายบนตัวเสื้อ
ส่วนกางเกงนิยมแต่งกายทันสมัยแบบคนไทยพื้นเมือง ผู้สูงอายุนุ่งกางเกงจีนทรงกระบอกสีดำ เครื่องแต่งกายเด็ก ทั้งชายและหญิงนิยมแต่งกายแบบเด็กพื้นราบ แต่มีการสวมหมวกตามประเพณีที่ทำด้วยผ้าพื้นสีดำตกแต่งด้วยไหมสีแดงและผ้าหลากสี (หน้า 12,16 - 20)
การเลี้ยงผีของเย้าจะสวมเสื้อแบบประเพณีหรือแบบไทยพื้นราบโดยต้องสวมหมวกหมอผีและเสื้อหมอผี ซึ่งในการเลี้ยงผีแต่ละกลุ่มจะแต่งตัวต่างกันไป เช่น ในพิธีเลี้ยงผีฟ้า หมอผีต้องสวมหมวกลักษณะทรงกลมเย็บด้วยผ้าสีดำ ส่วนเสื้อหมอผี แบบผ่าอก ไม่มีแขนและปกเสื้อ นิยมเย็บด้วยผ้าที่มีลวดลายสีสันสีแดง (หน้า 21 --22)
ลายปักผ้าเย้ามีความหลายหลายโดยแต่ละหมู่บ้านจะมีลวดลายที่แตกต่างกัน สีสำหรับปักลายผ้าของเย้าในอดีตนิยมใช้เพียง 5 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีเขียว และสีขาว ในส่วนของเครื่องประดับเย้านิยมใช้เครื่องประดับเงิน(หน้า 35-36,40,47)
เย้าในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบด้วยเย้ากลุ่มย่อยหลายกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมีเครื่องแต่งกายตามประเพณีที่แตกต่างกัน อาทิ กลุ่มพ่านเย้า ชุดหมอผีมีลักษณะเหมือนกับเย้าในประเทศไทย สตรีที่อายุ 40 ปีขึ้นไปยังนิยมนำเครื่องแต่งกายตามประเพณีบางชิ้นมาใช้ เช่น ผ้าโพกศีรษะหรือผ้าคาดเอว พ่านเย้าส่วนใหญ่แต่งกายแบบประเพณีเฉพาะในเทศกาลสำคัญ การแต่งกายของสตรี บุรุษ เด็กและหมอผี จะมีความเหมือนและความแตกต่างกันบ้างในแต่ละท้องถิ่น เช่น สตรีเย้าหมู่บ้านฉินอัน โพกศีรษะโดยใช้ผ้าคลุมผมไว้ก่อน จากนั้นจึงใช้ผ้าปักลายแถบเล็กๆประดับพู่สีแดงโพกทับ เรียกว่า เป้ว หบุ ก้อง แป้ง
ส่วนเย้าในเขตอำเภอไป่ยเซอ นิยมโพกผ้าแบบ หบุ ก้อง ผา ซึ่งเป็นการโพกศีรษะที่คล้ายกันกับเย้าในประเทศไทย คือใช้ผ้าสีดำปักลายเช่นกัน แต่จะต่างกันบ้างที่ขนาดผ้าและลายปัก
พ่านเย้าเขตอำเภอลี่ผู่ลี่ ใช้ผ้าคาดเอวสีอะไรก็ได้ ขนาดยาวประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 16 เซนติเมตร เย้าในเขตอำเภอจินซิ่ว นิยมใช้ผ้าขาว ยาวประมาณ 2 3 เมตร กว้าง 15 40 เซนติเมตร ปลายทั้งสองด้านปักลายพองาม
ส่วนเย้าในเขตอำเภอไป่ยเซอ นิยมใช้ผ้าสีดำ ยาวประมาณ 180 เซนติเมตร กว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ไม่ปักลาย ผ้าคาดเอวชั้นนอก พ่านเย้ากรณีศึกษาทุกหมู่บ้าน ยกเว้นหมู่บ้านในเขตอำเภอไป่ยเซอ ใช้ผ้าทอมือสีดำและสีเหลือง เรียกว่า ชะ ดิบ หรือ ชะ ดิบ ตอน เย้าทุกหมู่บ้านนุ่งกางเกงจีนขายาวสีดำขากว้าง ทับกางเกงขายาวสีน้ำเงินหรือสีเขียวที่ยาวกว่าเล็กน้อย
เย้าเขตอำเภอจินซิ่ว ใช้ผ้าแถบสีดำพับรอบเหนือข้อเท้าถึงหัวเข่า จากนั้นจึงใช้ผ้าแถบเล็กสีดำมัดให้แน่น ส่วนเย้าเขตอำเภอไป่ยเซอ ใช้ผ้าพันแข้งสีดำรูปสามเหลี่ยม ด้านบนปักลาย ส่วนฐานสามเหลี่ยมมีผ้าแถบเย็บติดไว้ทั้งสองด้าน ผ้าโพกศีรษะของบุรุษเย้าเขตอำเภอลี่ผู ยาวประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ปลายทั้งสองด้านปักลาย ส่วนผ้าโพกศีรษะของบุรุษเย้าเขตอำเภอไป่ยเซอ ใช้ผ้าโพกศีรษะอย่างน้อย 3 ผืน ผืนนอกสุดเป็นผ้าโพกสีดำยาวประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 35 เซนติเมตรปลายทั้งสองปักลาย เช่นเดียวกับผ้าโพกศีรษะของสตรีพ่านเย้าเขตอำเภอไป่ยเซอ บุรุษเย้านิยมนุ่งกางเกงจีน ขายาวทรงกระบอกสีดำหรือสีน้ำเงินแก่ การแต่งกายของหมอผีกลุ่มพ่านเย้าในมณฑลกวางสี ส่วนใหญ่แต่งกายคล้ายกันและมีลักษณะเช่นเดียวกับชุดหมอผีของเย้าในประเทศไทย เด็กกลุ่มพ่านเย้าส่วนใหญ่แต่งกายเช่นเดียวกันกับเด็กชาวจีนทั่วไป มีเพียงหมวก (มัว) เพียงอย่างเดียวที่เป็นเครื่องแต่งกายตามประเพณี เป็นต้น (หน้า 51- 61) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
หนุ่มเย้าบ้านห้วยแม่ซ้ายบางคนได้แต่งงานกับสาวเย้ากลุ่มเชียงรายตอนบน และนำภรรยาของตนเข้ามาในหมู่บ้าน (หน้า 8)
เย้าหาซื้อผ้าทอมือสีขาวจากหมู่บ้านไทลื้อในเขตอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา บางท้องถิ่นมีจีนฮ่อเป็นพ่อค้าคนกลางนำผ้าเข้ามาจำหน่ายในหมู่บ้าน (หน้า 12) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีตเย้าในหมู่บ้านต่างๆของไทยมีลายปักจำนวนไม่มากเท่าปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นเพราะความต่างกันตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละท้องถิ่น (หน้า 35 - 36)
ปัจจุบันเย้าในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนนิยมแต่งกายตามสมัยนิยมเช่นเดียวกับชนชาวจีนทั่วไป (หน้า 51)
กลุ่มพ่านเย้าทุกหมู่บ้านกรณีศึกษาในอดีตเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในท้องที่เดียวกันเคยมีเครื่องแต่งกายที่เหมือนกัน แต่เมื่อมีการอพยพโยกย้าย ลักษณะของเครื่องแต่งกายบางอย่างจึงมีความแตกต่างกัน (หน้า 87 )
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการแต่งกาย ได้แก่ วัตถุดิบ ตลาดภายนอก การส่งเสริมวัฒนธรรมชาวเขา การส่งเสริมงานหัตถกรรมชาวเขา การท่องเที่ยวในหมู่บ้านชาวเขา และการเปลี่ยนแปลงตามสมัยนิยม ส่วนปัจจัยที่ทำให้เย้าสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้คือ เรื่องความเชื่อ และความภูมิใจในหมู่เผ่าพันธุ์ของตน (หน้า 88 91) |
|
Map/Illustration |
- แผนที่แสดงเส้นทางอพยพของชนชาติเย้าเข้าสู่ประเทศไทย (หน้า 86)
- การโพกศีรษะแบบหัวโต (ก้อง เป้ว ผาน) บ้านห้วยขุนบง (ไม่ระบุเลขหน้า)
- การโพกศีรษะแบบหัวแหลม (ก้อง เป้ว ผิง) บ้านห้วยขุนบง
- ฝีเข็มการปักลายขัด (โฉ่ง เกียม) ด้านหน้า
- ฝีเข็มการปักลายขัด (โฉ่ง เกียม) ด้านหลัง
- ฝีเข็มการปักลายสอง (โฉ่ง ทิว) ด้านหน้า
- ฝีเข็มการปักลายสอง (โฉ่ง ทิว) ด้านหลัง
- ฝีเข็มการปักไขว้ (โฉ่ง ดับ ยัด) ด้านหน้า
- ฝีเข็มการปักไขว้ (โฉ่ง ดับ ยัด) ด้านหลัง
- ผ้าโพกศีรษะ บ้านห้วยขุนบง
- ผ้าคาดเอว บ้านป่ากลาง
- กางเกงสตรี บ้านป่ากลาง
- กางเกงสตรี บ้านห้วยขุนบง
- หมวกเด็กผู้ชาย บ้านป่ากลาง
- หมวกเด็กผู้หญิง บ้านป่ากลาง
- ผ้าคลุมหลัง บ้านห้วยขุนบง
- เครื่องแต่งกายตามประเพณีบุรุษเย้า
- พ่านเย้า บ้านฉิน อัน
- พ่านเย้า บ้านฉิน อัน
- พ่านเย้า บ้านซือปาจยา
- พ่านเย้า บ้านกานไหวย
- ผ้าโพกศีรษะ บ้านกานไหวย
- เปรียบเทียบชุดหมอผีไทย (ขวามือ) กับชุดหมอผีพ่านเย้ากวางสี (ซ้ายมือ)
- เอ้าเย้า
- หลาน เตียน เย้า |
|
|