สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลีซอ,กรรมการหมู่บ้าน,การพัฒนา,เชียงราย,เชียงใหม่
Author ประเสริฐ ชัยพิกุสิต
Title คณะกรรมการหมู่บ้านกับการพัฒนา ศึกษาเฉพาะกรณีชาวเขาเผ่ามูเซอ
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 52 Year 2537
Source สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
Abstract

โครงสร้างคณะกรรมการหมู่บ้านมีลักษณะเฉพาะของตนเอง หมู่บ้านกรณีศึกษาแต่ละหมู่บ้านมีคณะกรรมการประจำหมู่บ้าน 7 – 10 คน แต่ละหมู่บ้านไม่มีคณะที่ปรึกษาและไม่ได้จัดฝ่ายกิจกรรมต่างๆ อย่างเป็นทางการ หมู่บ้านที่มีประธานและคณะกรรมการหมู่บ้านที่ถูกต้องตามกฎหมายมีเพียงหมู่บ้านห้วยส้าน ด้านความรู้ความเข้าใจของคณะกรรมการหมู่บ้านเกี่ยวกับเรื่องบทบาทและสิทธิหน้าที่ของตนเองยังมีไม่มาก จึงทำให้กรรมการแต่ละคนต้องรอรับคำสั่งจากประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน ด้านการกระจายอำนาจของประธานกรรมการหมู่บ้านยังอยู่ในขอบเขต คณะกรรมการหมู่บ้านมีหน้าที่เพียงปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำของประธานฯ ในด้านผลงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน ชาวบ้านยังไม่ประทับใจหรือพอใจเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องด้วยบางครั้งกรรมการประจำหมู่บ้านไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับชาวบ้าน บางคนพูดเก่งแต่ปฏิบัติไม่ได้ ความคิดริเริ่มมีน้อย บางคนก็คิดว่าผลประโยชน์ของตนเองและญาติพี่น้องต้องมาก่อน การเปลี่ยนแปลงกรรมการหมู่บ้าน ทำได้ยาก ถ้าไม่ไม่ย้าย ลาออก ตาย หรือเจ็บป่วย ก็ยังคงเป็นกรรมการต่อไป เพราะหากไล่ออกจะทำให้ผู้นั้นเสียหน้า ทำให้เกิดความขัดแย้งสร้างความไม่พอใจและความแตกแยก คณะกรรมการหมู่บ้านกรณีศึกษาทั้ง 4 หมู่บ้านยังคงเป็นองค์กรที่ไม่เข้มแข็ง ไม่มีการประชุมซึ่งอย่างน้อยต้องทำ 2 เดือนต่อครั้ง จะประชุมก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญ องค์กรขาดการกระตุ้นหรือส่งเสริมจากชาวบ้านด้วยกันเองและจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมที่ดำเนินงานโดยคณะกรรมการหมู่บ้านจึงเป็นลักษณะการแก้ไขปัญหามากกว่าการป้องกันหรือการพัฒนาที่มีกลไกการวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม ส่วนด้านศักยภาพของคณะกรรมการหมู่บ้านสามารถรองรับและดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้านได้ ในการประสานงานของประธานคณะกรรมการหมู่บ้านทั้ง 4 หมู่บ้านอาจสรุปในภาพรวมได้ว่า มีความรับผิดชอบและมีความรอบคอบ ใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง ดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้านตรงกับความต้องการและความเดือดร้อนของชาวบ้าน แม้ว่าบางหมู่บ้านจะมีผลงานน้อยหรือล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ สุจริต ค่อยเป็นค่อยไป และดำเนินการเท่าที่สามารถกระทำได้ (หน้า 49 - 50)

Focus

คณะกรรมการหมู่บ้านกับการพัฒนาหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ

Theoretical Issues

ศึกษาข้อมูลเบื้องตนจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทำการสัมภาษณ์และสังเกตการณ์เพื่อเก็บข้อมูล จากนั้นรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเขียนรายงานการวิจัย (หน้า 3)

Ethnic Group in the Focus

ลีซอ กรณีศึกษาหมู่บ้านห้วยส้าน หมู่บ้านสามกุลา จังหวัดเชียงราย หมู่บ้านเล่าวู และหมู่บ้านต้นลุง (ปางไม้แดง) จังหวัดเชียงใหม่(หน้า 22)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ตั้งแต่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2536 รวม 10 เดือน (หน้า 3)

History of the Group and Community

หมู่บ้านห้วยส้าน ตั้งหมู่บ้านมานานกว่า 30 ปี หมู่บ้านสามกุลา ตั้งมาประมาณ 38 ปีเศษ หมู่บ้านเล่าวู ตั้งขึ้นมาประมาณ 50 ปีเศษ ส่วนหมู่บ้านต้นลุง (ปางไม้แดง) ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 ในระยะแรกของการตั้งหมู่บ้านมีเพียง 4 หลังคาเรือน เป็นลีซอที่ย้ายมาจากบ้านกลาง ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 2 ครัวเรือน และย้ายมาจากอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 ครัวเรือน โดยได้ซื้อที่ดินอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านจากคนเมืองประมาณ 10 ไร่เศษในราคา 4,000 บาท (หน้า 22,25,29,33)

Settlement Pattern

การก่อสร้างบ้านเรือนของหมู่บ้านสามกุลา ไม่เป็นแถวเป็นแนว (หน้า 26)

Demography

พ.ศ. 2536 หมู่บ้านห้วยส้าน มี 82 ครัวเรือน มีประชากร 567 คน ปี พ.ศ.2525 มี 49 หลังคาเรือน ประชากร 266 คน การเพิ่มจำนวนหลังคาเรือนและจำนวนประชากรเกิดจากการย้ายถิ่นจากหมู่บ้านอื่นและการแต่งงาน(หน้า 22) หมู่บ้านสามกุลา มี 33 ครัวเรือน มีประชากร 196 คน (หน้า 26) หมู่บ้านเล่าวู ปัจจุบันมี 53 ครัวเรือน มีประชากรราว 300 คน (หน้า 29) ในระยะเริ่มแรกของการตั้งหมู่บ้านต้นลุง (ปางไม้แดง) มีประชากรเพียง 4 ครัวเรือน จากนั้น มีญาติพี่น้องและผู้รู้จักคุ้นเคย อพยพเข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เมือง มีสถานีอนามัยและโรงพยาบาลที่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ประชากรของหมู่บ้าน ปี พ.ศ. 2527 มี 60 ครัวเรือน มีประชากร 334 คน ปัจจุบัน พ.ศ. 2536 มี 99 ครัวเรือน มีประชากร 594 คน จำแนกเป็นลีซอ 82 ครัวเรือน 517 คน อีก้อ 17 ครัวเรือน 77 คน

Economy

ประชากรหมู่บ้านห้วยส้าน ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกข้าวสำหรับบริโภคในครัวเรือน ปลูกกระหล่ำปลีและมะเขือเทศสำหรับขาย เลี้ยงหมูและไก่สำหรับใช้ในพิธีกรรมและใช้บริโภคในครัวเรือน การทำงานนอกหมู่บ้านมีผู้หญิง 6 คนและผู้ชาย 1 คนทำงานที่โรงงานทอผ้า จังหวัดนครปฐม (หน้า 23) ประชากรหมู่บ้านสามกุลา ในอดีตปลูกฝิ่นและปลูกข้าว ปัจจุบันเลิกปลูกฝิ่นโดยปลูกพืชผักและไม้ผลยืนต้นทดแทน ส่วนข้าวยังคงปลูกเป็นส่วนมาก มีการปลูกข้าวโพดสำหรับเลี้ยงสัตว์และปลูกขิงเพื่อขาย (หน้า 27) ประชากรหมู่บ้านสามกุลา ในอดีตปลูกข้าวและปลูกฝิ่นเป็นพืชหลัก ปัจจุบันเลิกปลูกฝิ่นแล้ว แต่ยังคงปลูกข้าวสำหรับบริโภคในครัวเรือน มีการปลูกข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆและพืชผักบางชนิด ชาวบ้านส่วนใหญ่เลี้ยงวัวกันมาก บางครอบครัวเลี้ยง 3 – 5 ตัว บ้างก็มีมากกว่า 10 ตัว (หน้า 30)

Social Organization

ประชากรหมู่บ้านห้วยส้าน สัญชาติไทยทุกครัวเรือน (หน้า 23) ประชากรหมู่บ้านสามกุลา มีเพียง 6 หลังคาเรือนที่ได้รับสัญชาติไทย ส่วนครัวเรือนที่เหลือร่วม 40 กว่าครัวเรือนจะทยอยได้รับสัญชาติไทย (หน้า 30)

Political Organization

คณะกรรมการหมู่บ้านห้วยส้านมี 7 คน ตั้งขึ้นโดยหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของอำเภอ การทำงานของคณะกรรมการฯ ผู้ใหญ่บ้านจะมอบหมายให้รับผิดชอบดำเนินงานเป็นเรื่องๆและเป็นครั้งคราว หากมีเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้าน คณะกรรมการฯจะประชุมเพื่อหาข้อตกลงและจัดให้มีการประชุมชาวบ้าน บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้านแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย หากมีเรื่องที่จะต้องดำเนินการ ประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน ((ใหญ่บ้าน) อาจดำเนินการเอง (หน้า 24 - 25) คณะกรรมการหมู่บ้านสามกุลา มีจำนวน 10 คนได้รับการเลือกตั้งจากชาวบ้าน ไม่มีเกณฑ์กำหนดว่าสามารถดำรงตำแหน่งได้คราวละกี่ปี กรรมการหมู่บ้านทั้งสิบคนเป็นคนหนุ่ม ไม่มีผู้หญิงเป็นกรรมการหมู่บ้าน ประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดยมีผู้อาวุโสของหมู่บ้านจำนวน 6 – 8 คนเป็นที่ปรึกษาแก่กรรมการหมู่บ้าน ทุกๆ เดือนประธานคณะกรรมการหมู่บ้านจะต้องเดินทางไปประชุมที่อำเภอ หากมีเรื่องสำคัญหรือเร่งด่วนจะมีการเรียกประชุมชาวบ้านหรือกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้านสามกุลาหลายคนไม่ทราบว่ามีการแบ่งสายงานรับผิดชอบออกเป็นฝ่าย การสื่อสารในหมู่บ้านเป็นการบอกเล่าให้ทราบต่อกันในรูปแบบปากต่อปาก ไม่มีหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและไม่มีโทรทัศน์ใช้(หน้า 27 - 29 ) หมู่บ้านเล่าวูมีการเลือกตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านเมื่อต้นปี พ.ศ. 2536 มีคณะกรรมการหมู่บ้านจำนวน 8 คน ได้รับการเลือกตั้งจากชาวบ้าน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาหารือในการดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้านและแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ดำรงตำแหน่งมา 5 – 6 ปี ทุกๆเดือนประธานคณะกรรมการหมู่บ้านจะต้องเดินทางไปประชุมที่อำเภอ คณะกรรมการหมู่บ้านยังไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และไม่ได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบออกเป็นฝ่ายๆ กรรมการแต่ละคนจึงได้รับการมอบหมายงานเป็นครั้งคราวตามประธานคณะกรรมการหมู่บ้านจะสั่งการ ในด้านการพัฒนาหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้านได้ดำเนินการเรื่องประปาหมู่บ้าน การรักษาความสะอาดของหมู่บ้าน การติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการด้านการศึกษา สาธารณสุข การปกครองและป่าไม้ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ปีใหม่ สร้างศาลา และเลี้ยงผี (หน้า 31 - 32 ) หมู่บ้านต้นลุง(ปางไม้แดง) มีการเลือกตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาของศูนย์พัฒนาชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 มีคณะกรรมการหมู่บ้านจำนวน 7 คน ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากอำเภอ มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินงานในฐานะตัวแทนของชาวบ้าน คณะกรรมการหมู่บ้านไม่ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบออกเป็นฝ่าย แต่แบ่งเป็นกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม มีหัวหน้ากลุ่มเป็นตัวแทนสมาชิกกลุ่ม และมีอีก 1 คน เป็นกรรมการรับผิดชอบเรื่องเกี่ยวกับเงินทุนและการดำเนินงานของ CCF. ประธานและกรรมการหมู่บ้านรับผิดชอบทุกด้าน แต่กรรมการแต่ละคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจำนวน 5 กลุ่ม จะรับผิดชอบเฉพาะครัวเรือนที่อยู่ในกลุ่มของตน โดยแต่ละกลุ่มมีสมาชิกประมาณ 15 – 20 หลังคาเรือน ผลงานบางอย่างของคณะกรรมการหมู่บ้านต้นลุง (ปางไม้แดง) เช่น การสร้างหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน กองทุน CCF. (ดำเนินการเพื่อให้พ่อแม่ของนักเรียนระดับประถมศึกษาได้กู้ยืมเงินไปลงทุนเย็บปักลายผ้า) กองทุนพัฒนาของ Unicef (เพื่อให้ชาวบ้านสร้างส้วมในครัวเรือน ปรับปรุงบ้านให้ถูกสุขลักษณะ) นอกจากนี้มีการสร้างประปาหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2527 และตั้งธนาคารข้าวเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาร่วมกับชาวบ้าน เป็นต้น (หน้า 35 – 38 )

Belief System

ประชากรหมู่บ้านสามกุลามีความเชื่อเรื่องการนับถือผี (หน้า 26) ประชากรหมู่บ้านสามกุลา นับถือศาสนาคริสต์นิกายแบบทิสต์ 12 หลังคาเรือน (หน้า 29)

Education and Socialization

หมู่บ้านห้วยส้านมีโรงเรียนสังกัดตำรวจภูธรชายแดน 1 แห่ง เปิดสอนระดับชั้น ป.1 – ป.6 มีนักเรียนจำนวน 101 คน นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง มีเด็กจำนวน 39 คน ผู้ดูแลเด็ก 1 คน หมู่บ้านสามกุลามีโรงเรียนสอนเด็กเล็ก 1 แห่ง มีนักเรียน 20 กว่าคน (หน้า24, 27) หมู่บ้านเล่าวู มีโรงเรียนสังกัดการประถมศึกษาแห่งชาติหนึ่งแห่ง มีนักเรียนประมาณ 20 คน มีครู 1 คน เปิดสอนตั้งแต่ ป.1 – ป.4 ภายในหมู่บ้านมีผู้เรียนจบ ป.4 – ป.6 ประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่จบจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว จบ ม. 3 มี 4 คน และกำลังศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีบ้านห้วยแก้ว 1 คน (หน้า 30) หมู่บ้านต้นลุง(ปางไม้แดง) มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง มีเด็กเล็กประมาณ 30 คน ผู้ดูแลเด็ก 1 คน อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้มีโรงเรียนบ้านช้าง ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน 2 กิโลเมตร เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป.1 – ม.3 (หน้า 35)

Health and Medicine

หมู่บ้านห้วยส้านมีระบบน้ำประปาหมู่บ้านและมีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี (หน้า 25) หมู่บ้านสามกุลามีหมอเมือง 1 คน หมอผี 5 คน ภายในหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาเป็นระบบประปาภูเขา มีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี ชาวบ้านยังไม่มีส้วมใช้ (หน้า 27) หมู่บ้านเล่าวูมีหมอเมือง 1 คน หมอผี 5 คน ภายในหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มีประปาหมู่บ้านเป็นระบบประปาภูเขา ฤดูแล้งน้ำไม่พอใช้ มีส้วมใช้เพียง 2 ครัวเรือน (หน้า 30) หมู่บ้านต้นลุง(ปางไม้แดง) มีสถานีอนามัยตำบลบ้านช้าง ตั้งอยู่ทางแยกก่อนถึงหมู่บ้าน 800 เมตร ภายในหมู่บ้านมีไฟฟ้าใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 แต่ยังมีลีซอประมาณ 10 ครัวเรือนและอีก้อ 17 ครัวเรือน ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า เนื่องจากมีฐานะทางเศรษฐกิจยากจนมาก ประปาหมู่บ้านเป็นระบบประปาภูเขา มี 3 แห่ง มีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี ครัวเรือนกว่าครึ่งของหมู่บ้านใช้ส้วมซึมและมีแนวโน้มว่าจะใช้มากยิ่งขึ้น (หน้า 35)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกายและการสร้างบ้านเรือนของชาวบ้านหมู่บ้านสามกุลายังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของลีซอ (หน้า 26) ลักษณะเรือนภายในหมู่บ้านสามกุลา เรือนอยู่คร่อมกับดิน พื้นเรือนเป็นดิน เสาใช้ไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อน ฝาเรือนทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้กระดาน มุงหลังคาด้วยหญ้าคา

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

หมู่บ้านห้วยส้าน มีมูเซอแดงอาศัยอยู่ 1 หลังคาเรือน (หน้า 23) หมู่บ้านสามกุลามีคนเมือง (คนไทย) 1 คน อายุประมาณ 60 ปีเศษย้ายมาจากอำเภอพร้าว (หน้า 26) ปี พ.ศ. 2534 บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้เข้ามาส่งเสริมชาวบ้านให้ปลูกข้าว บาร์เล่ย์ โดยได้สนับสนุนพันธุ์ข้าว และจัดตั้งกองทุนปุ๋ยและยาให้ผู้ปลูกข้าวชนิดดังกล่าวได้กู้ยืมเป็นเงินทุนค่าใช้จ่าย โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทจะรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือก (หน้า 30) ชาวบ้านหมู่บ้านสามกุลามีปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลายครั้ง ในปี พ.ศ. 2535 ลีซอในหมู่บ้านหลายคนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาแผ้วถางบุกรุกทำลายป่า (หน้า 30)

Social Cultural and Identity Change

หมู่บ้านที่ในอดีตเคยปลูกฝิ่น ปัจจุบันไม่มีการปลูกฝิ่นโดยหันมาปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เช่น ไม้ผล พืชไร่ เป็นต้น (หน้า 27,30)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

ไม่มีข้อมูล

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 00 543
TAG ลีซอ, กรรมการหมู่บ้าน, การพัฒนา, เชียงราย, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง